Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 21 ติดต่อทีมงาน

บรรพที่ 21

‘ศิตาภา  เรียกผมสิ...ผมรู้คุณต้องการผม...ศิตาภา  พูดสิว่า..คุณต้องการผม
เพียงแต่คุณปริปากเท่านั้น..’
เสียงเพรียกแสนเสน่หารัญจวนนั้นแว่วมาตามธารแห่งหัวใจ
หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่คิดถึงเขาเท่านั้น


“ภามิน...คุณอยู่ที่ไหน ฉันต้องการคุณ” หล่อนตอบรับไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่สองตายังหลับพริ้มอยู่  
ริมฝีปากแดงยิ้มละมัยกับความต้องการอันแสนหวานในใจ


เหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายทำให้หล่อนรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง   ศิตาภาจินตนาการไปว่า
หากเจ้าหญิงออโรร่าผู้นิทราไปถึงร้อยปี  แล้วมีเหตุให้เธอฟื้นขึ้นมาเธอจะเหน็บเหนื่อยเพียงใด
กับการนอนนิ่งๆ มายาวนาน  ร่างกายคงอ่อนล้าคล้ายกับนอนจนเพลีย  และต้องการนอนหลับ
อีกครั้งเหมือนที่หล่อนกำลังรู้สึกอยู่ยามนี้


หญิงสาวมั่นใจว่าน้ำชาที่ดื่มอยู่ทุกวันมียากล่อมประสาทแฝงเร้นมาด้วย  จึงทำให้หล่อน
ไม่เป็นตัวของตัวเองนัก อีกทั้งความจำยังสับสนพล่าเลือน ‘ต้องระวังตัว’ ศิตาภาบอกตนเอง
เช่นนั้น หากแต่ในความจริงแล้วหล่อนตัวคนเดียวและยังเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะทำสิ่งใด
เป็นชิ้นเป็นอันได้ เมื่อญาตาปัณฑารีย์อนุญาตให้หล่อนเข้าไปพักผ่อน หญิงสาวก็ล็อคห้อง
แล้วยังยกเก้าอี้มาขวางอีกชั้น ก่อนจะหลับใหลไปในเวลาไม่นานนัก


“ศิตาภา...ได้ยินผมไหม?”


ในห้วงภวังค์นั้นหาได้มีสิ่งใดอยู่ ทุกอย่างมืดมิดราวกับจะรายล้อมไปด้วยความอนธกาล  
แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสียงที่ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้  ความมืด
รอบข้างก็มลายหายไป  สีสันต่างๆ ค่อยๆ ประกอบกันเข้ามา แล้วเมื่อหล่อนหมุนร่าง
อีกครั้งเพื่อเงี่ยหูฟังถึงที่ทิศที่มาของเสียง หญิงสาวก็พบว่าสถานที่ที่หล่อนยืนอยู่
คือห้องนอนในวิหารเทพีนีรานั่นเอง  


หากแต่หล่อนไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเช่นเมื่อครู่  สาวงามพบว่าตนเองยืนอยู่กลางห้อง
หล่อนหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงวิ่งถลาไปที่ระเบียง  ณ ที่นั้นสายลมอู้พัดขึ้นมา
จากด้านล่าง  เมื่อลงไปมันเป็นเหวดำมืดมองหาที่สิ้นสุดไม่ได้  ศิตาภารู้สึกกลัว
สายลมรอบข้างกรรโชกแรงจนหล่อนหนาวเหน็บต้องยกสองแขนขึ้นกอดก่ายตนเอง


“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ   ทำไมทะเลสาบสิละวาหายไป ภูเขาก็ด้วย ต้นไม้ก็ไม่มี” หล่อนหนาว
สะท้านยิ่งนัก เมื่อพบว่าวิหารตั้งอยู่โดดเดี่ยวในความมืด ไม่ต่างกับปากเหวทางเข้านรก


“นั่นเพราะคุณกลัว..มันเป็นภาพในใจของคุณศิตาภา”


“ภามิน...คุณใช่ไหม? คุณอยู่ไหนน่ะ? ฉันอยู่ตรงนี้”  หล่อนแหงนหน้าขึ้นไปเบื้องบน
ท้องฟ้ายามนี้ก็มืดมิดไม่ต่างกับหุบเหวข้างล่าง ดุจดังผ้าสีดำสนิทที่ยาวต่อกันเป็นผืนเดียว
ห่อหุ้มวิหารแห่งนี้อยู่


“ศิตาภา...เรียกผมสิ  เรียกหาผม” เสียงทุ้มนั้นยังวนเวียนอยู่ แต่จับความไม่ได้ว่ามาจากทิศใด
กันแน่  บางครั้งก็ฟังดูใกล้แค่เอื้อม แต่บางครั้งก็คล้ายแว่วมาตามสายลมจากที่ไกลแสนไกล


“ภามิน! ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่ตรงนี้” หล่อนตะโกนฝ่าสายลมออกไป  เสียงเล็กนั้นสะท้อนก้อง
ไปทั่วหุบเขา จนน่าหวั่นใจว่าเสียงของหล่อนจะไปถึงเขาได้ไหม?


“ตั้งจิตให้มั่น...คิดถึงผม...บอกตัวเองว่าคุณต้องการผม แล้วเรียกหาผม...เรียกชื่อผมด้วยชีวิต
จิตใจทั้งหมดของคุณ  ผมถึงจะไปหาคุณได้” เสียงของชายคนรักตอบกลับมา แต่หล่อน
กระวนกระวายเหลือเกิน ทำอย่างไรเขาถึงจะมาหาหล่อนได้ วิหารแห่งนี้ไม่มีทางขึ้น
ไม่มีทางลง แม้กระทั่งหล่อนเองยังหนีออกไปไม่ได้


“นีรา...ได้โปรด  พาเขามาพบลูกที  บุตรชายของท่านลูกอยากพบเขาเหลือเกิน”


ศิตาภาประสานมือทั้งสองเข้าหากัน  แล้วอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากนางพรายนีรา  
ก่อนจะค่อยๆ วางมือลงบนขอบระเบียง  แล้วเพ่งมองไปเบื้องหน้า หล่อนยังคงมองไม่เห็นสิ่งใด
เช่นเดิม  หากแต่กำลังใจนั้นกล้าแข็งขึ้นมา หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง
ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกออกไป


“ภามิน ชลันธีร์  ฉันต้องการคุณณณณ...ณ  มาหาฉัน...มาที่นี่ ฉันอยู่ตรงนี้  ภามิน!”


สิ้นเสียงเพรียกหาที่หล่อนตะโกนจนกึกก้องด้วยเสียงทั้งหมดที่มีด้วยสุดจิตสุดใจ   แสงสีเงิน
เรืองรองก็ปรากฏขึ้นในความมืดมิดเบื้องบน  ศิตาภาก้าวถอยหลังไปเองโดยอัตโนมัติ  
เมื่อแลเห็นบางสิ่งจากในแสงนั้นกำลังพุ่งตรงลงมาอย่างรวดเร็ว  ร่างของปักษายักษ์ถลาลม
ร่อนลงมา เหยียดขาหน้าเกาะขอบระเบียง  หญิงสาวเบิกตาค้างเมื่อเห็นวิหคแสนงามนั้น
ค่อยๆ กลายร่างเป็นชายหนุ่ม  ชายที่หล่อนพร่ำเพรียกเรียกหา


“ภามิน!” ศิตาภาลดมือที่ปิดปากอยู่ลง แล้วส่งเสียงเรียกเขาอย่างแสนรักใคร่ ก่อนจะโผเข้าไป
กอดร่างสูงโปร่งนั้น


“คุณมา...คุณมาจริงๆ ด้วย” หล่อนไม่รู้ตัวว่าความเข้มแข็งสลายไปตอนไหน หยาดน้ำอุ่นๆ
ก็ไหลอาบสองแก้ม แล้วจึงละล่ำละลักออกมา


“ฉันกลัวภามิน..ฉันกลัว  ญาตานั่นวางยาฉัน”


“ใจเย็นๆ ศิตา...ไม่เป็นนะ ไม่เป็นไรแล้ว ผมอยู่ตรงนี้” ภามินช้อนดวงหน้าแสนเศร้านั้น
ขึ้นมอง พลางใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากนวลแก้มของหล่อน


“ไม่ต้องกลัว” เขาพูดเบาๆ แล้วประทับจุมพิตลงบนเปลือกตาหล่อนช้าๆ


“อย่าร้องไห้”

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 01:53:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com