Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 24 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10873715/W10873715.html

บทที่ 24

ผู้กองพันยศสามารถลุกมานั่งกินข้าวล้อมวงหน้าชานได้แล้ว เขาฟื้นตัวได้เร็วดี ดวงตาฉายความกระตือรือร้นต่อการออกไปไล่ล่านักโทษแหกคุก

เขาสนทนากับนายขิงด้วยเสียงทุ้มหนักแน่นขึ้น รอยยิ้มกว้างบอกถึงความแข็งแรง เสียงหัวเราะดังๆ ก็ยืนยันว่าเขาทุเลาจนเกือบจะหายเป็นปกติ ซึ่งก็น่าจะภายในวันสองวันนี้ล่ะ

"คุณสามแสนไปไหนเสียละครับ"

ภภีมแขวนตะเกียงไว้ข้างเสา ได้ยินผู้กองหนุ่มถามถึงคนดี ใจก็เต้นแรงปนเดือดๆ

ตลกตัวเองเสียจริงๆ ปากก็ขับไล่สามแสนให้กลับบ้าน ไปรอชายที่ดีและคู่ควรกว่า แล้วผู้กองพันยศก็ดูว่าจะมีคุณสมบัติที่ว่าเสียด้วย แต่ทุกครั้งที่อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงอ่อนนุ่มเอ่ยชื่อคนดี เขาเป็นต้องคึกคักอยากต่อยปากอยู่เรื่อยเลย

ร่างสูงในเสื้อกล้ามสีขุ่นกับกางเกงชาวเลเนื้อหยาบสีคล้ายกัน มาหย่อนนั่งข้าง พยักหน้าขอบใจใบพลูที่ตักข้าวมาให้ สายตาเริ่มส่ายหาแม่จอมซน ดูเหมือนว่าเธอจะหายหน้าไปจริงๆ

"สามแสนไปไหน" เขาทำทีถามลอยๆ เหมือนไม่สนใจ

"ไปเดินเล่นครับ" นายขิงตอบ แล้วบ่น "บอกว่าไปเดี๋ยวเดียว นี่ก็มืดแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีก"

"ไม่กลับมาได้ก็ดี ขอให้หลงทางกลับไม่ถูก โดนไก่ป่าจิก กวางขวิด"

สามหนุ่มเลี้ยวตาไปเขม็งมองสาวปากร้ายอย่างพร้อมเพรียง ไก่ป่าจิกคงไม่เป็นไร แต่ถ้ากวางขวิดนี่ ออกจะงานใหญ่ไปหน่อย

คนอื่นจะรู้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ภภีมรู้ดีว่าแม่จอมซนแพ้ทางนักหนากับบรรดากวางเขางามทั้งหลาย พอได้ยินใบพลูพาดพิงอย่างนั้น ใจคอก็เริ่มรวนล่ะ กลัวเหมือนกันว่าสามแสนจะเผลอไผลไล่ตามกวางจนหลงทางอีก

"กวางป่าไหนหรือ ที่มันดุจนขวิดคนได้น่ะ พูดส่งเดช"

นายขิงตำหนิ แล้วค่อยอาสาไปตาม ภภีมทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาเห็นอยู่ว่า ผู้กองพันยศกระวนกระวายจัง ใจจริงคงอยากตามนายขิงไปด้วย แต่สังขารมันไม่อำนวย

"เรื่องมาก เจ้าปัญหา ใบพลูเบื่อแม่นี่จริงๆ ตั้งแต่โผล่มา ก่อแต่เรื่องไม่ได้หยุด อาดุไม่น่าตามใจยอมให้อยู่ที่นี่อีกเลย น่าจะไล่ๆ ให้กลับบ้านกลับเมืองไปเสียที"

สาวสวยอย่างใบพลูบ่นกระฟัดกระเฟียด ความหมายในประโยคก็คือไม่ชอบสามแสนนั่นล่ะ แต่ความหมายแฝงก็คือ 'หึงหวง'

หล่อนไม่อยากให้นายขิงออกไปตาม ระแวงว่าขากลับระหว่างทางมันมืด หากหนุ่มขิงเกิดอารมณ์เปลี่ยว อยากจูบสามแสนขึ้นมา แล้วหล่อนจะทำยังไง หล่อนไม่ยอมหรอกนะ จูบของนายขิงต้องไม่เป็นของคนอื่นนอกจากหล่อน

สาวชาวดงคิดง่ายๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ซับซ้อนหลายชั้น หึงหวงก็ยอมรับ ระแวงก็ยอมรับ รักหรือไม่รักก็โผงผางจากใจไปเลย ไม่ต้องกลบเกลื่อนลีลาจัดมาดเยอะ ให้ดูไปฟังไปแล้วก็ตีความหมายไป

นิสัยของหล่อนเหมือนกับนายขิงนั่นล่ะ หากหนุ่มป่าสาวดงคู่นี้ มีอันลงเอยกันได้ เดาว่าความรักน่าจะหวานชื่นบานฉ่ำจนชาวบ้านอิจฉาตาร้อนแน่ๆ

ก็เหลือแต่ความรักขมๆ ของภภีมกับสามแสน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอทางออกสวยๆ ความฝันของสามแสนจะเป็นจริงได้หรือเปล่า เธอจะสร้างวิมานรักไว้พักพิงความรักหวานชื่น ณ ปลายดงไหนสักแห่งได้สำเร็จไหมหนอ



ทั้งหมดนั้นคือเหตุการณ์ที่รอลุ้นกันว่า จะอุบัติหรือไม่ในอนาคต แต่ ณ เวลานี้ดีกว่า ความมืดทั่วบริเวณ มันไม่ปรากฏร่างของสามแสนให้นายขิงเห็น

เขาตะโกนเรียกดังๆ หลายครั้ง เธอก็ไม่ขาน ไฟฉายส่องไปทางพงไผ่ เห็นชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กัน มันแกว่งตามลมเบาๆ เขาผ่านมันไปหยุดมองท้องทุ่งโล่งที่ย้อมสีดำน่ากลัว แล้วบ่น

"ไปเดินแถวไหนนะสามแสน นี่มันมืดแล้วนา"

หนุ่มหล่อลองเลียบราวป่าโปร่งไปจนถึงลำธาร ส่องไฟฉายไม่จริงจัง เพราะเชื่อว่าสามแสนไม่น่าจะมาไกลถึงที่นี่ ถ้าเป็นกลางวันก็พอไหว แต่ตอนเธอลงจากกระท่อม มันก็โพล้เพล้แล้ว ถ้ามาถึงที่นี่จริง ย้อนกลับกระท่อมอีกที เธอคงมองไม่เห็นทางเดินหรอก

'เอ๊ะ นั่นอะไร' ใจร้องถามอย่างผิดสังเกต สองเท้าก็รีบปรี่ไปประชิดกิ่งไผ่ที่ยื่นโค้งออกจากกอแน่น ไฟฉายส่องเจาะจงเฉพาะเศษผ้าที่มันพลิ้วตามลม ใจหายวาบเมื่อจำได้ว่า มันเป็นผ้าชิ้นเดียวกับเสื้อที่สามแสนสวมในวันนี้

"สามแสน"

นายขิงตะโกน ใจคอไม่ดีจริงๆ สองเท้าย่ำกรวดหนักๆ แต่แล้วดูเหมือนว่าเขาต้องชะงัก แล้วรีบส่องไฟฉาย ก้มดูบนพื้น เขาเหยียบรองเท้าข้างหนึ่งของสามแสนเข้าแล้ว

"แย่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับสามแสน แล้วทำไมมาเดินเล่นไกลถึงที่นี่ได้ บ้าจริงๆ "

หนุ่มหล่อเพื่อนรักไม่คิดมากอีกแล้ว เขาคว้าหลักฐานสองอย่างวิ่งกลับกระท่อมโดยเร็ว ในใจก็หวาดเสียวไปด้วย หากเกิดเรื่องร้ายแรงกับเพื่อนสาว เขาคงรู้สึกผิดมาก เพราะถ้าเขาห้ามจริงจัง สามแสนก็ต้องฟังอยู่แล้ว แต่ตอนนั้น เขาแค่ท้วงพอเป็นพิธี เพราะใจก็อยากอยู่สองต่อสองกับใบพลู



ภภีมดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งสวบสาบ จึงลดมือลง เพ่งตาฝ่าแสงตะเกียง จนเห็นนายขิงวิ่งหน้าตื่น ฉวยอะไรติดมือมาด้วยก็ไม่ทราบ

"ไปถึงไหนล่ะ" เขาถามเรื่อยๆ ตาส่ายหาคนดี

"ผมเจอนี่แถวลำธารครับ อาดุ" นายขิงวางหลักฐานสองอย่างลง "คิดว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีกับสามแสนแล้ว"

ใบพลูหน้าตื่นตาโต หล่อนรู้สึกเหมือนมีลมร้อนผ่านหน้าไปหอบหนึ่งเร็วมาก กว่าจะรู้สึกตัว หนุ่มใหญ่สุดที่รักก็กระโดดผลุงวิ่งหายเข้าไปในความมืดแล้ว

นายขิงตะโกนเรียกก็ไม่ฟัง ผู้กองพันยศก็พลอยตื่นตัวว้าวุ่น เขาแค่ลุกมานั่งกินข้าวได้ แต่จะให้โลดโผนเหมือนปกติยังไม่ถนัด จึงออกจะเจ็บใจอยู่ ที่ช่วยเหลืออะไรมากไม่ได้

"นี่มันอะไรกันน่ะ" ใบพลูกรีดร้องโมโห "บ้ากันไปหมดแล้ว แค่นังนั่นมันหายหัวไปแค่นั่นแหละ ทำเหมือนลำธารแห้งทั้งสาย วิ่งแจ้นกันไปไม่บอกไม่กล่าว เห็นสาวสวยอย่างใบพลูอยู่ในสายตาบ้างไหมนี่"

"คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เขาสองคนคงเป็นห่วงคุณสามแสน" ผู้กองพันยศปลอบโยนเสียงอ่อน

"ห่วงมันทำไม" สาวดงแสนแก่นแว้ดไม่เกรงใจ "มันจะไปตายที่ไหนก็ช่างมันสิ มันน่ะเป็นศัตรูกับใบพลู ถ้ามันมีอันเป็นไปเสียได้ ใบพลูจะดีใจมากเลย"

"ศัตรู" ผู้กองเลิกคิ้ว นึกไม่ถึงกับคำคำนี้จริงๆ

"ใช่ มันเป็นศัตรูหัวใจของใบพลู มันคิดจะแย่งอาดุของใบพลู มันเข้ามาในป่าก็เพื่อตามหาอาดุ แล้วจะพาอาดุกลับออกไปจากป่า ใบพลูไม่ยอมหรอก อาดุเป็นของใบพลู เขาต้องเป็นของใบพลูเท่านั้น หน้าไหนก็อย่ามาแย่ง"

"เข้าใจผิดไปหรือเปล่า คุณสามแสนเธอมาตามหาพี่ชาย ไม่ใช่.. "

"พี่ชายอะไร ผู้กองอย่ามาทำเป็นออกรับไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ถ้าไม่รู้ ใบพลูจะบอกให้รู้ นังนั่นน่ะ มันรักอาดุของใบพลู มันคิดจะแย่งอาดุไปกกเองตลอดเวลา รู้ไว้เสียด้วย"

"เอ้อ.. "

"เกลียดจริงๆ แล้วดูซิ วิ่งหายต๋อมไปกันหมดทั้งคนหนุ่มคนแก่ ทิ้งสาวสวยอย่างใบพลูไว้ที่นี่ได้ยังไง ไม่มีใครห่วงใบพลูเลยหรือ ถ้าผู้กองปล้ำใบพลูขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบวะ"

'โอ้โฮ คิดไปได้' ผู้กองชาวกรุงห่อปาก สีหน้าแววตาฉายความละเหี่ยเพลียใจจัง อย่างเขาน่ะหรือ จะปลุกปล้ำสาวปากจัดแก่นกะโหลกคนนี้ ไม่ไหวกระมัง ไม่ใช่สังขารไม่ให้ แต่ใจไม่เอาเลยต่างหาก

เขาพยุงตัวเองไปหยุดยืนมองความมืดผืนใหญ่ สายตาของคนเมืองอย่างเขาก็เหมือนกับสามแสนนั่นล่ะ ไม่ค่อยคุ้นกับความมืดที่มืดตื๋อของป่า

ก็ไม่ใช่ว่าประโยคเกรี้ยวกราดของใบพลูไม่มีประโยชน์ไปเสียหมด อย่างน้อย บางประโยคก็ทำให้เขาได้ทราบอะไรดีๆ อย่างเช่นว่า สามแสนไม่ได้เข้าป่ามาตามหาพี่ชาย แต่เธอเข้ามาตามหาคนรัก เหลือเชื่อจัง ที่เธอรักหนุ่มใหญ่คนนั้น ท่าทางภายนอกก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดูดีตรงไหนเลย



ชั่วอึดใจหนึ่ง สองหนุ่มต่างวัยก็ย้อนกลับมา สีหน้าดูไม่ดีทั้งคู่ ภภีมเหวี่ยงตัวขึ้นมาบนชานสบายๆ แต่นายขิงกลับยืนหอบแฮกๆ เขาเหนื่อยมาก มันเป็นครั้งแรกที่วิ่งตื๋อแบบประชันฝีเท้ากับหนุ่มใหญ่

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่า นายดุแข็งแรงมากเลย นอกจากวิ่งไม่หยุดแล้ว ปากก็ตะโกนเสียงแหบเสียงแห้ง มีอยู่จังหวะหนึ่ง ท่าทางเหมือนจะเหนื่อยมาก เจ้าตัวทิ้งลมหายใจพรูหนัก คู้ลงเท้าเข่า แววตาว้าวุ่นห่วงหา จนเขาเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้

"จะไปไหนอีก" ใบพลูปรี่ไปขวางหนุ่มใหญ่หน้าดุ เขาเพิ่งจะกลับมา ไม่ทันไรก็คว้าย่าม ทำท่าจะไปอีกแล้ว

"หลีกไปใบพลู" เขาตบไหล่ไม่เกรงใจ ทำท่าจะกระโดดผลุงลงข้างล่าง แต่สาวสวยอย่างใบพลูก็คว้าแขนลากพรืด "ใบพลู ปล่อยเดี๋ยวนี้" เขาหันขวับไปตวาดเลย

"ไม่ปล่อย จะไปไหนอีก เพิ่งจะกลับมาไม่ใช่หรือ อาดุปล่อยนังนั่นไปเถอะจ้ะ มันอยากไปไหนก็ให้มันไป ไม่มีใครใช้มันไปเดินทะเล่อทะล่าเป็นเหยื่อโจรสักหน่อย มันอยากไปของมันเอง"

"อาบอกว่าปล่อย"

"ไม่ปล่อย ใบพลูไม่ยอมให้อาดุไปไหนทั้งนั้น ใบพลูอยากให้มันหลงป่าตายๆ ไปเสียเลย ไม่ดีหรือ"

"ไม่ดี ปล่อย"

ใบพลูเบะปากคับแค้น อยากร้องไห้เมื่อโดนเขาตีไหล่เผียะ แขนใหญ่ก็สลัดหลุดไปแล้ว เขากระชับย่ามแนบไหล่ แล้วทำท่าจะกระโจนลงข้างล่าง หล่อนไม่ให้ไปหรอก หวานใจของหล่อนก็ต้องอยู่กับหล่อนสิ เรื่องอะไรต้องแล่นออกไปตามหาแม่ตัวแสบด้วย

"เอ๊ะ เด็กคนนี้นี่ ถอยไป"

"ไม่ถอย" ใบพลูยื้อแขนสุดฤทธิ์ "อาดุจะไปตามหามันทำไม มันดีแต่ก่อเรื่อง ตั้งแต่มันมาถึงที่นี่ มันก็ดีแต่ทำเรื่องให้อาดุปวดหัวหนักใจ สะพานก็ไม่ได้ซ่อม ต้องหนีกลับดงโจรกะทันหัน"

"ปล่อยอา"

"ไม่ปล่อย ทำไมอาดุต้องไปห่วงใยมันด้วย มันอยากไปก็ให้ไปสิ ใบพลูไม่ให้อาดุไปตามมันหรอก อาดุเป็นของใบพลูนะ ใบพลูบอกอาดุตั้งนานแล้ว ใบพลูรักอาดุ จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งอาดุไปจากใบพลูทั้งนั้นล่ะ"

"หยุดเพ้อเจ้อเสียที"

"ไม่เพ้อเจ้อ ใบพลูพูดเรื่องจริง ใบพลูรักอาดุ ใบพลูไม่ยอมให้อาดุไปตามนังนั่น"

"แต่ฉันรักสามแสน แล้วถ้าสามแสนมีอันเป็นไปในสองหรือสามนาทีนี้ ฉันจะถือว่าเป็นเพราะเธอ แล้วฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไว้ เข้าใจไหม หลีกไป"

เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ มันก็ไม่น่าตระหนกได้เท่ากับเสียงตวาดก้องเกรี้ยวกราดของภภีมในยามร้อนรุ่ม เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าประกาศอะไรออกมาบ้าง เขารู้แค่ว่าใบพลูกำลังทำให้การออกตามหาคนดีล่าช้าลงทุกขณะ และทุกขณะนั้น เขาก็ระลึกเสมอว่า มันคืออันตรายทุกก้าวของสามแสนสุดที่รัก

ดังนั้น หากจะมีใครมาตำหนิว่าเขาเป็นผู้ใหญ่หยาบคาย ที่จับใบพลูเหวี่ยงไปล้มทับกองสำรับจนกระเด็นระเนระนาดก็ช่างเถอะ

เขาไม่มีเวลาประนีประนอมกับพยศไร้สาระของสาวแก่น แม้โสตจะสดับได้ว่าหล่อนร้องไห้ ตะโกนกรี๊ดๆ ห้ามไม่ให้เขาไป แต่สองเท้าคู่นี้จะไม่หยุดจนกว่าจะได้เจอสามแสนเสียก่อน



นายขิงรีบรวบตัวหวานใจมากอดไว้ในอ้อมแขน สงสารว่าหล่อนกระโดดตามลงมา ตั้งท่าจะโผวิ่ง หล่อนร้องไห้ได้น่าสงสารจับใจทีเดียว คงจะผิดหวังมากที่ได้ฟังสุดที่รักประกาศรักหญิงอื่นอย่างฉะฉาน

เขาเองก็ตกใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินหนุ่มใหญ่หน้าดุโพล่งอย่างเหลืออดออกมาอย่างนั้น เจ้าตัวคงอัดอั้นอยู่นานแล้วกระมัง การหายตัวไปของสามแสน มันบีบคั้นให้หัวใจดวงนั้นหวาดกลัว และในภาวะเร่งรีบ ใบพลูก็ดึงดันขัดขวางเอาแต่ใจ เป็นใครก็สติแตกได้ทั้งนั้น

"พอเถอะใบพลู อย่าดันทุรังอีกเลยนะ" เขาปลอบโยน ช่วยซับน้ำตาให้ลวกๆ ด้วยมืออุ่น กอดร่างสั่นไว้แน่น

"ทำไมอาดุทำร้ายจิตใจใบพลูอย่างนี้ เขาไม่เชื่อว่าใบพลูรักเขาจริงๆ หรือ เขาเห็นนังนั่นดีกว่าใบพลูได้ยังไง"

"ใบพลู" หนุ่มหล่อเวทนาคนพูดปนสะอื้นเสียจริงๆ "เชื่อพี่เถอะนะ ใบพลูจะไม่รักพี่ก็ได้ พี่ไม่ว่าหรอก แต่ขอให้เลิกรักอาดุได้แล้ว เขาไม่รักใบพลู เมื่อกี้นี้ใบพลูก็ได้ยินแล้วนี่ เขารักสามแสน"

"มันไม่จริงหรอก" ใบพลูร้องไห้สะอึกสะอื้นในอกอบอุ่น

"มันจริงใบพลู อย่าหลอกตัวเองเลยนะ ไม่ใช่อาดุรักสามแสนฝ่ายเดียวด้วย สามแสนก็รักอาดุมาก ใบพลูก็เห็นก็รู้ สามแสนบุกป่าฝ่าดงมาถึงที่นี่ ก็เพื่อมาตามหาหัวใจของเธอ เจอแล้วเธอก็จะพากลับบ้าน"

"ใบพลูไม่ให้"

"ใบพลู" คนดียังสะอื้นดื้อๆ "อาดุไม่ใช่ของใบพลูนะ ใบพลูไม่มีสิทธิ์หน่วงเหนี่ยวทั้งตัวทั้งหัวใจเขาให้อยู่กับใบพลู"

"แต่ใบพลูรักอาดุ ใบพลูจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีอาดุ"

"แล้วเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า พี่ขิงคนนี้จะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีใบพลู"

"พี่ขิง" สาวแก่นหน้ามอมแมมยอมผละจากอก ส่งตาช้ำมาจ้อง ไม่แน่ใจว่าซาบซึ้งหรือตัดพ้อ

"เชื่อพี่เถอะนะ เขาสองคนรักกัน" หนุ่มหล่อเกลี้ยกล่อมเสียงนุ่ม ประคองวงหน้าเศร้าอย่างอ่อนโยน "พรากคนที่เขารักกันออกจากกัน มันบาปนา เราเองก็จะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตด้วย"

"แต่ว่า.. "

"ใบพลูมีคนอื่นมารอให้รักตั้งเยอะแยะนี่ ทำไมจะต้องลดตัวลงไปเป็นมือที่สามของอาดุกับสามแสนด้วยเล่า จริงไหม พี่ขิงคนนี้ก็รักใบพลูหมดใจ ใบพลูก็รู้มาตลอดเวลาไม่ใช่หรือ"

"แต่ใบพลูเสียใจ ใบพลูเจ็บ"

"เสียใจตอนนี้ เจ็บตอนนี้ ก็ดีกว่าถลำลึกกว่านี้ไม่ใช่หรือ สาวสวยอย่างใบพลูของพี่ขิงเก่งจะตาย เสียใจเท่านี้ เจ็บเท่านี้ คนเก่งผ่านมันไปได้สบายๆ อยู่แล้วล่ะ อีกไม่กี่วัน ก็คงฉีกแข้งฉีกขาเตะชาวบ้านได้เหมือนเดิมแล้ว"

สาวสวยอย่างใบพลูต้องก้มหน้าลง หมุนตัวหันหลังให้นายขิงเสียงหวาน หล่อนผิดหวังและเจ็บที่หัวใจ มันไม่เคยเจ็บเท่านี้มาก่อนเลย วินาทีที่ได้ยินอาดุในดวงใจประกาศว่ารักสามแสน หล่อนหน้ามืดไปวูบหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

ทำไมเขารักสาวชาวกรุงคนนั้นนะ ไม่เห็นจะมีอะไรดีเท่ากับสาวสวยอย่างใบพลูสักอย่างเลย ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ มือบางนิ้วห่างอย่างนั้น ซักผ้าก็คงไม่สะอาด รีดผ้าก็คงไม่เรียบ มองมุมไหนก็ไม่มีแววกุลสตรีสักนิด แต่สาวสวยอย่างใบพลูนี่สิ กุลสตรีแท้ๆ เลยนะ

"กลับขึ้นกระท่อมเถอะนะ น้ำค้างลงแรงแล้วล่ะ อย่ารออาดุเลย ถ้าเขาตามหาสามแสนไม่เจอ เขาไม่กลับมาหรอก ไม่ว่าจะคืนนี้หรือคืนไหนก็เถอะ"

"ใบพลูเกลียดสามแสน"

นายขิงอมยิ้มเอ็นดูกับเสียงพึมพำ มือเล็กก็ป้ายน้ำตาไปด้วย ท่าทางกึ่งแค้นกึ่งเสียใจอยู่ มันไม่จริงหรอก ใบพลูของเขาไม่ใช่สาวจิตใจเลวร้ายอย่างนั้น

หล่อนตั้งป้อมกับสามแสน เพราะฝ่ายโน้นประกาศตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงปลายดงว่า 'จะพาพี่ชายกลับบ้าน' เขามั่นใจทีเดียวว่า หากพี่ชายของสามแสนไม่ใช่หนุ่มใหญ่หน้าดุละก็ ใบพลูต้องทุ่มตัวช่วยเหลืออย่างสุดฤทธิ์ เพราะนั่นล่ะ คือนิสัยจริงๆ ของหล่อน

ผู้กองพันยศถอนใจยาว เขานั่งกลัดกลุ้มเงียบๆ ตรงมุมหนึ่ง มองนายขิงประคองสาวชาวดงปากร้ายกลับขึ้นมา หล่อนนั่งเซื่องซึม ไม่ช่วยหนุ่มหล่อเก็บสำรับ น้ำตาก็ไหลพราก ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่า ยังทำใจยอมรับกับความผิดหวังมหันต์ไม่ได้

เขาก็เหมือนกัน รู้สึกผิดหวังนิดๆ นานทีจะมีสาวมาให้พึงใจในแวบแรกที่เห็น ตั้งใจว่าจะเกี้ยวมาเป็นคู่ควงเสียหน่อย อะไรได้ เธอกลับมอบหัวใจให้หนุ่มใหญ่ชาวดงตัวดำไปเสียแล้ว

มิหนำซ้ำ เมื่อครู่นี้เอง พ่อหนุ่มใหญ่ก็ประกาศกร้าวโดยไม่ก้มดูวัยเสียบ้างเลยว่า รักสาวใสวัยคราวลูก เต็มเสียงเสียด้วย กระท่อมแทบร้าวทีเดียว

'เฮ้อ เซ็งจริงๆ เว้ย' ผู้กองบ่นในใจ ก่อนจะเงยหน้ามองดาวระยิบระยับประปรายบนท้องฟ้า แล้วถอนใจพรวด มืดตื๋อทุกทิศเสียขนาดนี้ สาวชาวกรุงจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้

หนุ่มใหญ่ชาวดงตัวดำจะตามหาเธอเจอหรือเปล่า อยากไปช่วยตามหาด้วย อ้อ ไม่ใช่สิ อยากไปตามหาแข่งกัน ดูซิว่าใครจะเจอก่อน

เรื่องชิงใจแย่งจิตก็แบบนี้ล่ะ มันไม่มีอะไรแน่นอน เส้นทางรักทุกเส้นส่วนใหญ่ ก็มักจะยาวไกลเสมอ ตราบใดที่ยังไปไม่ถึงปลายทาง มันก็ยังฟันธงไม่ได้นี่ว่า 'ใครจะเป็นฝ่ายชนะ และได้ครองใจดวงที่ตัวเองปรารถนา'



หนทางข้างหน้ามันไม่ได้มืดเพราะรัตติกาลกางปีก ภภีมตระหนักรู้ว่าหัวใจเขาต่างหากที่มืดลงทุกขณะ เขาเสียใจมากจริงๆ ไม่นึกเลยว่าวาจาเชือดเฉือนเสแสร้ง เจตนาเพียงเพื่อจะกระตุ้นให้คนดีโกรธจัดแล้วผลุนผลันหนีหน้ากลับบ้านกลับเมือง จะกลายเป็นลางร้าย

น้ำตาเขายังไหลอยู่เลย ตอนสะดุดรากไม้ หน้าผากเบียดกับหินก้อนหนึ่ง เกิดแผลครูดยาวประมาณสักสองนิ้วได้กระมัง เลือดออกด้วย ไฟฉายหลุดมือกระเด็นไปนอนกลิ้งสองสามทีบนพงหญ้า

เขาสบถหยาบคาย หัวเสียจนอยากจะเผาป่าเสียให้วอด ทุกครั้งที่เห็นสามแสนสะดุดล้มวุ่นวาย เขาก็ได้แต่ยืนมองแล้วตำหนิว่า 'ซุ่มซ่าม' ตอนนี้ เขานั่งเจ็บใจที่ตัวเองก็เจ็บเข่าเจ็บขา ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับคนดีไม่มีผิด

หลังมือร้อนป้ายน้ำตาทิ้ง ยืดแขนยาวๆ ไปหยิบไฟฉายมาส่องส่งเดช ดึกป่านนี้แล้ว คนดีจะซัดเซไปแถวไหน หากล่วงเข้าดงโจรฟากโน้นอีก ไอ้พวกนั้น ต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่

"ทำไมทำอย่างนี้สามแสน ตบหน้าพี่เสียยังดีกว่า หรืออยากด่าอะไรก็ด่ามา พี่จะยืนฟังดีๆ ยอมให้ตบให้ด่าโดยไม่ตอบโต้ด้วย ทำไมต้องเตลิดให้หัวใจพี่มันกลัวมากอย่างนี้เล่าสามแสน"

เขาคร่ำครวญคับแค้น น้ำตาเพิ่งจะป้ายทิ้ง มันก็ไหลลงมาอีกแล้ว ร่างสูงลุกมายืนมองทุกทิศที่มืดเหมือนกันหมด แล้วเลี้ยวขวับไปตามเส้นทางที่ตั้งของกระท่อมนายขมิ้นทอง หากจะเข้าดงโจรฟากโน้น ต้องตั้งหลักที่นั่นก่อนล่ะ สุ่มสี่สุ่มห้ากล้าหาญไปคนเดียว อาจตายก่อนได้เจอสามแสน

"เจอเรื่องร้ายอะไรก็ทำใจเย็นถ่วงเวลาไว้ก่อนนะสามแสน รอพี่ก่อน อย่าบุ่มบ่ามหุนหัน พี่รู้ว่าสามแสนเก่ง แต่คนเก่งต้องรู้จักประมาณตน รู้ไหม"

ภภีมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเลียนแบบสามแสนคนดี เขาพึมพำออกเสียงเพื่อหันเหความหวาดกลัวในใจ สองเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง โดนหนาวเกี่ยวเอาบ้างก็ไม่แยแส

กิ่งไม้ที่ยื่นออกมา แต่เขาไม่ทันเห็น ไม่ทันระวัง มันก็ฟาดหน้าฟาดคิ้วเอาบ้าง แต่ความเจ็บทั้งปวงที่เกิดแล้วเกิดอีก ก็ยับยั้งฝีเท้าคู่นี้ให้ผ่อนจังหวะรีบเร่งลงไม่ได้เลย

ทุกคราที่มองขึ้นฟ้า เห็นดาวเดือนลอยตามกระชั้นชิด หัวใจก็ยิ่งแห้งผากลง ได้แต่ภาวนาขอให้สามแสนคนดี หลงวนเวียนอยู่ปลายดงละแวกนี้เถอะ เขาจะไม่กลัวเลย แต่ถ้าหลุดเข้าดงโจรฟากโน้น เขาไม่อยากจะคิด

"ชุจ๋า ได้ยินฉันไหม ฉันกลัวมาก ปกป้องสามแสนให้ฉันหน่อยนะ ฉันรู้ว่าฉันผิด ที่ปันใจไปรักสามแสน ฉันตายเมื่อไหร่ จะไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าชุเอง ชุไม่ยกโทษให้ ฉันก็จะไม่ตำหนิ แต่ตอนนี้ ดูแลเด็กคนนี้ให้ฉันหน่อย นะชุนะ"

เขาคร่ำครวญถึงชุลียาสุดที่รัก น้ำตาไหลก็ช่างมัน หักห้ามไม่ได้หรอก เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของสามแสนใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าคนดีเป็นอะไรไป คงไม่มีป่าผืนไหนจะโอบอุ้มชีวิตของภภีมปากเสียคนนี้ไว้ได้อีกแล้ว

ผู้ชายธรรมดาคนนี้ จะอดทนสูญเสียสุดที่รักถึงสองคนสองครั้งได้ยังไง ไม่ไหวหรอก ถ้าสามแสนตาย คราวนี้เขาขอตายด้วยเลยก็แล้วกัน



นายขมิ้นทองสะดุ้งโหยงอยู่ในห้อง ลูกน้องที่เดินตรวจตรารอบกระท่อมใหญ่ กรูมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ปืนยาวกระชับมั่นคง จ่อเล็งไปยังคนบุกรุกยามวิกาล ที่โผล่พรวดพราดมาแหกปากตะโกนเรียกไม่เกรงใจ

"ฉันเอง" ภภีมบอก แล้วปัดปืนกระบอกหนึ่ง ที่บังเอิญแหย่มาเกือบเข้าหน้า "ไปปลุกนายขมิ้นซิ"

"ไม่ต้องเว้ย แหกปากลั่นป่าขนาดนั้น แกยังนึกว่าฉันหลับฝันหวานได้อีกหรือ เฮ้ย ไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายไปประจำที่ มีเรื่องแล้วจะตะโกนบอกเอง"

หัวหน้าใหญ่พยักพเยิดไล่ลูกน้อง ตัวเองก็สะบัดผ้าขาวม้าพาดบ่า ลอยหน้าใส่ไอ้หนุ่มหน้าดุ ชี้ไปยังแคร่ เหมือนสั่งให้ไปนั่ง

"มีอะไร ตำรวจยกพวกมาหรือ" เขาถามเนือยๆ อ้าปากหาวยาวๆ

"จะมาขอแรงลูกน้องสักสี่ห้าคนไปตามหาสามแสนหน่อย ฉันกลัวว่าเด็กมันจะหลงเข้าไปในดงโจรฟากโน้น"

"ตามหา" นายขมิ้นทองเลิกคิ้ว มองหน้าคนมาหยิบยืมลูกน้องด้วยวาจาง่ายๆ เสียงก็ต่ำอยู่ในลำคอ

"ไม่นานหรอก อย่างมากก็คืนนี้ กับพรุ่งนี้ ถ้าไม่เจอในดงโจรฟากโน้น ฉันจะให้พวกมันกลับมาก่อน"

"แล้วแกล่ะ"

"ฉันต้องตามหาสามแสนให้พบ ถ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป ฉัน.. "

"โอ๊ย มันจะเป็นอะไรได้วะ คงเดินสำรวจดงอยู่แถวใกล้ๆ นี่แหละ แกอย่าทำตื่นตูมนักเลย เดี๋ยวให้ไอ้พวกนี้มันไปช่วยหาอีกแรง แกอยู่นี่แหละ"

"ไม่"

นายขมิ้นทองหัวเราะเบาๆ เดาใจพ่อหนุ่มขวางโลกคนนี้ไม่ค่อยถูกเอาเสียเลย เมื่อไม่นานมานี้เอง ยังมาบ่นรำคาญว่าแม่สาวชาวกรุงช่างตื๊อ ไล่ให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ตอนนี้ แม่ตัวดีหายหัวไปแล้ว ก็มาทำท่าจะเป็นจะตายให้ดูอีก แล้วจะให้เขาแปลความหมายว่ายังไงดี 'อยากให้กลับ' หรือ 'อยากให้อยู่'

"พวกแกมานี่ ไปตามหาแม่หนูสามแสนให้ไอ้ดุมันหน่อย ตามให้เจอนะเว้ย ถ้าไม่เจอ ไอ้ดุมันต้องอกแตกแน่ แกเห็นเหมือนที่ฉันเห็นใช่ไหม ท่าทางไอ้ดุตอนนี้เหมือนผัวคลั่งเพราะเมียหายเว้ย"

"ไอ้ขมิ้น" ภภีมยกขาเพรียว ตั้งใจเตะเลย แต่อีกฝ่ายยกข้อศอกสกัด ปากก็ส่งเสียง 'จุ๊ๆ ' เหมือนจะปรามกึ่งขำ "พูดจาให้ดีๆ สามแสนเป็นผู้หญิงดีนะเว้ย เด็กมันจะเสียหาย ฉันรักเหมือนน้องเหมือนนุ่ง"

"เอาน่า ล้อเล่นให้หายเครียด แกจะเครียดหน้าเบี้ยวไปทำไมวะ ไปเว้ย รีบไป" ตอนท้ายก็รีบเร่งลูกน้อง แต่ก็ไม่ลืมตะปบข้อมือใหญ่ "แกอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไป เผื่อน้องนุ่งของแกหลงมาถึงกระท่อมของฉัน แกจะได้ช่วยปลอบขวัญ อ้าว เฮ้ย ไอ้ดุ บ๊ะ ไอ้นี่ น้องนุ่งอะไรวะ ห่วงจัง"

หัวหน้าโจรกลับใจหัวเราะขำๆ สายตาชื่นชมก็ไล่ตามหลังไอ้หนุ่มที่ปลิววืดเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ห้ามไปเถอะ หนุ่มคลั่งรักที่ไหนๆ ก็ตกอยู่ในอาการเดียวกันแบบนี้ทั้งนั้น ก่อกำแพงขวางยังรั้งไม่อยู่เลย

"โธ่เอ๊ย ไอ้ดุ แล้วแค่นจะมาปากอย่างใจอย่าง ลองว่าไม่รักหมดทรวง มีหรือแกจะเต้นผีเข้าขนาดนี้ อายุก็ตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเป็นโคถึกขวิดหาความรัก"

หน้ากระท่อมเหลือเพียงเจ้าของนั่งถอนใจเฮือกๆ พร้อมกับระบายประโยคหมั่นไส้ออกมาดังๆ กลั้วกับหัวเราะขำๆ ลูกน้องที่เดินตรวจตราใกล้ๆ เหลียวมามอง ลูกพี่ก็โบกมือเหมือนจะบอกว่า 'ไม่มีอะไรเว้ย ขำโคถึกอายุสี่สิบเฉยๆ '

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 08:18:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com