Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แก้วนพเก้า บทที่ 68 ไพฑูรย์ เทวนาคา [แนวจักรๆวงศ์ๆ] ติดต่อทีมงาน

แก้วนพเก้า ตอนที่ 1-9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10094105/W10094105.html

แก้วนพเก้า ตอนที่ 10-67
http://www.dida.co.th/index.php?option=com_smf&Itemid=26&topic=444.0

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แก้วนพเก้า บทที่ 68 ไพฑูรย์ เทวนาคา



ดึงดูดของสายน้ำที่หมุนเชี่ยวเป็นเกลียวดั่งงูใหญ่ร้อยรัดฉุดดึงร่างทั้งร่างให้จมลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว จากที่พยายามตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอด ธีรวงศ์ค่อยหยุดนิ่งไม่ยี่หระต่อความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เนตรคมหลับพริ้ม ขนงที่เคยขมวดมุ่นผ่อนคลายลง ปล่อยกายให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับกระแสสินธุ์ ในช่วงเวลาสุดท้ายของลมหายใจที่กำลังจะหมดลง...

เมื่อนั้นแรงผูกรัดของสายนทีก็เหมือนจะราแรงลง แทนที่ด้วยความรู้สึกนุ่มละมุนของธาราที่ละเอียดอ่อนเบาบาง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งสรรพางค์ ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขากำลังลืมตาอยู่หรือไม่ หากภาพเทพธิดาโฉมงามพิลาศลักษณาที่เลือนรางต่อหน้าคล้ายอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

หรือนี่คือความรู้สึกหลังความตาย!

ดวงเนตรระยับทอประกายสีน้ำทะเลภายใต้ขนงโก่งดุจคันศร นาสิกเรียวได้รูปกอรปด้วยรอยแย้มสรวลสะคราญที่คุ้นเคยอย่างประหลาด...คลับคล้ายว่าเคยประสบเมื่อนานแสนนานมาแล้ว...

หัตถ์เรียวดุจลำเทียนยื่นมาแตะที่ฝ่ามือของเขา กระแสพลังละมุนแผ่ซ่านผ่านสัมผัสนั้นไหลเวียนอาบทุกส่วนประสาท รอบกายดุจมีละอองยะยิบพร่างพราย

ฉับพลันภาพดวงพักตร์พิลาศและรอยแย้มยิ้มดุจเดียวกันนี้ก็ซ้อนขึ้นมาอีกภาพ เพียงแต่ต่างเวลาและวาระ...ต่างที่ตัวเขาเองนั้นก็เหมือนจะอยู่ในสภาวะเดียวกันกำลังส่งยิ้มตอบกลับไปให้นางเหมือนเช่นครานี้

ในห้วงนทีที่มีสภาวะกึ่งฝัน หากสติของเขากลับชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ ทิพยพัสตราสีฟ้าครามละเลื่อมพรรณรายพลิ้วไหวกลืนไปกับสายน้ำ สุรเสียงกังวานดุจระฆังแก้วเปล่งออกมาจากเรียวโอษฐ์สีชมพูฉ่ำ

“แล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง พระเชษฐา...”

พระเชษฐา...เขาน่ะหรือ?

แล้วนางเป็นใคร!

ภาพเทวนารีตรงหน้าละลายหาย ธีรวงศ์รู้สึกว่าภายในกายเขาเหมือนมีเส้นใยนุ่มละมุนแผ่ซ่านคล้ายกับคราที่นิศาเทวีถ่ายทอดพลังทิพยะให้ หากครั้งนี้กระแสพลังนั้นกลมกลืนกับร่างกายราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ

ภาพที่เห็น ณ ที่นี้คือใต้ห้วงมหาสมุทรอันล้ำลึกพิสดาร มืดมัวเห็นเพียงพื้นน้ำสีครามจนมิอาจคาดคะเนได้ว่าผิวน้ำเบื้องบนนั้นอยู่ไกลเพียงใด

สายธารเย็นฉ่ำใต้ห้วงมหานทีทำให้รู้ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่...แต่...แปลกที่ไม่รู้สึกถึงแรงดันน้ำหนาแน่นอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีความอึดอัดใดๆ เหลืออยู่เลย ไม่รู้สึกว่าต้องหายใจด้วยซ้ำ!

แต่เขามั่นใจว่าตนเองยังไม่ตาย!

ทิวทัศน์ใต้ชลธารที่ยืนอยู่เป็นหุบเหวใต้มหาสมุทร ยอดผาสูงใหญ่ที่แหงนเงยขึ้นไปยังสูงแค่เพียงก้นมหาสมุทร ก้อนหินสีดำขมุกขมัวใต้เหวลึกระเกะระกะสลับกับแนวปะการังน้อยใหญ่รูปทรงแปลกประหลาด สาหร่ายและพืชน้ำขึ้นอยู่หนาทึบ

ท่วงทำนองแห่งท้องทะเลแว่วมากับสายน้ำกระทบโสตประสาทของธีรวงศ์แผ่วเบายากจะจับสำเนียง เสียงหวานสูงต่ำดังในนิมิต ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปตามเสียงเพรียกของลำนำใต้ธาราอันน่าพิศวง

ผ่านหมู่หินน้อยใหญ่และพืชน้ำที่โอนเอนตามกระแสน้ำ หินโค้งบางช่วงเกิดจากการแข็งตัวของธาตุภูเขาไฟใต้น้ำที่พวยพุ่งออกมา ปลาบางชนิดพรางตัวกลมกลืนไปกับพื้นหินว่ายซอกซอนแล้วก็เลยผ่านธีรวงศ์ไปอย่างไม่สนใจ ซากเรืออัปปางกลางทะเลเก่าผุพังราวกับจมอยู่มานานนับร้อยปีจนเพรียงและปะการังเกาะครึ้ม ทรัพย์สมบัติมีค่ากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นสมุทร

ลำนำแห่งท้องทะเลเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เสียงหวานสอดคล้องประสาน บ้างขับขานโต้ตอบกัน แถวถิ่นใต้น้ำบริเวณนี้เย็นระรื่นมากกว่าเหวลึกที่ผ่านมา ปะการังและกัลปังหารูปร่างงดงามกว่า ดอกไม้ทะเลหลากสีสันมากขึ้น พลิ้วไหวเริงระบำไปตามท่วงทำนองแห่งสายธารา

ธีรวงศ์แหวกม่านพืชน้ำสีเขียวอมม่วงที่บดบังแสงสีละเลื่อมพรายออก ภาพที่ปรากฏคืออุทยานใต้น้ำน่ารื่นรมย์โสมนัสด้วยเหล่านารีรูปร่างอรชรดั่งนางอัปสร เปลือยอุระสล้างเต่งตั่งดั่งดวงปทุมา ประดับด้วยสายสร้อยไข่มุกระย้าพาดพัน ทว่าท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปคือหางยาวปลายแผ่บานเป็นครีบบางๆ เกล็ดสีเงินเหลือบเขียวครามคล้ายมัจฉา

นางเงือก!

หญิงสาวครึ่งคนครึ่งปลาในตำนานเล่าขานของนักเดินเรือที่เดินทางผ่านคีรีรัตน์นคร เสียงเพลงปริศนาที่หวนละห้อยกลางท้องทะเลลึก!

แต่ละนางต่างกำลังอยู่ในอารมณ์สุนทรีราวกับไม่สำเหนียกถึงผู้ที่ล่วงล้ำเข้ามา บ้างนั่งสางเส้นผมยาวสยายให้แก่กันตามโขดหิน เส้นผมของพวกนางเป็นไหมเงินเช่นเกล็ดหาง ผิวพรรณแวววาวคล้ายทาด้วยละอองกากเพชรระยิบระยับยามขยับกาย บางนางกำลังเริงระบำพลิ้วไหวลอยล่องพลางขับขานท่วงทำนองอันพิเราะห์น่าพิศวง เสียงแว่วหวานของมวลมัสยาประโลมจิตให้ใหลหลงเคลิบเคลิ้มถ้าหากตั้งสติไม่มั่นพอ

บริเวณอุทยานมัสยามีไม้น้ำและปะการังลักษณะแปลกตาหลากหลายสีสัน เปลือกหอยน้อยใหญ่วางเรียงรายบนกองทรายขาวละเอียด เส้นไข่มุกเม็ดงามหายากล้วนมีค่า ฟองน้ำผุดพราย โขดศิลาสูงดุจภูผาตั้งตระหง่านล้อมรอบอาณาบริเวณ มีคูหาถ้ำลอดลึกลงไปอีกมากมาย

คูหาแต่ละช่องล้วนสว่างเรืองด้วยแสงสีเพริศพรายที่ลอดออกมาแตกต่างกัน ทำให้อุทยานแห่งนี้สว่างเรืองรองสะท้อนกับสายน้ำเป็นแสงรุ้งร่วงพราว

ธีรวงศ์ยากจะตัดสินใจว่าเส้นทางใดคือหนทางสู่บาดาลกันแน่!

สัมผัสเย็นลื่นแตะลงบนอังสะจนชายหนุ่มสะดุ้งหันกลับไปมองที่มาของความเย็นเยียบนั้นอย่างตระหนก ดวงหน้าขาวซีดเรืองๆ เพราะอยู่แต่ใต้ท้องทะเลลึกยื่นมาใกล้จนต้องถอยหนี นางเงือกสาวแย้มกลีบปากบางใส สันจมูกเรียวเล็ก นัยน์ตาสีเทาภายใต้กรอบตาเรียวมีแสงวาบตรงจุดกึ่งกลางดั่งมีมนตร์เสน่ห์ ใบหูเป็นครีบหยักสีชมพูยื่นออกมาจากกลุ่มไหมเงินขึ้นมา


“โอ้เจ้ามนุษย์น้อย ธ จะคอย ฤ รอใคร...”



กลีบปากบางใสขยับเปล่งเสียงหวานเป็นลำนำคีตาไพเราะ ธีรวงศ์ตะลึงงันราวต้องมนตร์สะกดในน้ำเสียงนั้น

เมื่อนางหนึ่งว่ายมาเคียงใกล้ อีกหลายๆ นางก็เริ่มหันมาสนใจเขา ครีบหางสะบัดไหวว่ายเข้ามารุมล้อม
ด้วยความตื่นเต้นกับมนุษย์ที่หาญกล้าล่วงล้ำลงมาถึงที่แห่งนี้


“...มาจาก ณ ที่ใด ธ สิแจ้งฤดีกานต์”



อีกนางเอ่ยสำเนียงถาม มือขาวซีดเซียวผิวเป็นเงาวาววามปลายเล็บเจียนแหลมยื่นมาสัมผัสใบหน้าคมอย่างยั่วเย้า
กริยาตระหนกนั้นทำให้พวกนางสรวลสันต์กันอย่างขบขัน

“พวกเจ้าบอกเราได้มั้ยว่าจะไปพบนาคราชได้ยังไง” ธีรวงศ์ตัดสินใจถามออกไปก่อนที่เขาจะถูกแกล้งให้หลงมัวเมาด้วยท่วงทำนองคีตาของพวกนาง


“นาคาและนาคินทร์ มิละถิ่นชลาธาร...”



มัสยานางนั้นตอบแล้วแหวกว่ายลอยไป ในขณะที่อีกนางว่ายวนมากระซิบใกล้ๆ โสตให้ธีรวงศ์สับสน


“...คงอยู่ ณ บาดาล ทิพะยาละแดนไตร”



“แล้วเราจะไปบาดาลได้ยังไง” ชายหนุ่มพยายามถามต่อ ทบทวนทุกบทเพลงของพวกนาง คราวนี้เหล่ามัสยาสรวลร่าร่อนร่ายขึ้นไปเริงระบำพลางขับขานลำนำพิเราะห์เสมือนตักเตือนกันเองให้ธีรวงศ์งุนงง



“มัจฉาธุวาเอย   จะเฉลยวจีใด
บาดาลมิได้ไกล   ละมิใกล้หทัยตน...”

“...มัจฉาธุวาเจ้า   ฤ จะเข้าลุแห่งหน
ตัวเจ้าจะเวียนวน   ชระอื้อ ณ ทุกทาง...”



“พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่” ชายหนุ่มพยายามตั้งสติจับใจความสำคัญ ทว่าดวงตาอันทรงเสน่ห์ล้ำลึกและเสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยอยู่ข้างโสตชวนให้เคลิบเคลิ้ม ธีรวงศ์สะบัดศีรษะเรียกสติให้กลับคืนมา

“...จงฟังสดับมูล   จะวิทูรกระแจ้งจ่าง
ทุกสิ่งมิเลือนราง นวแดนชลาชล”


...ทุกสิ่งมิเลือนราง นวแดนชลาชล...

เสียงเพลงจากนางเงือกทำให้ชายหนุ่มเคลิ้มคล้อย ยิ่งได้ยินและได้ยลมากเท่าใดก็ยิ่งขับกล่อมให้เขาอยากจะจมลงสู่ห้วงความฝัน มือเรียวยาวขาวเผือดของพวกนางลูบไล้สัมผัสร่างที่ยืนนิ่งดังต้องมนตร์พร้อมจับจูงชายหนุ่มให้เดินตามพวกนางไป

“จงมาสิกับข้า มนุสา ธ โสภณ...”

“แต่เราต้อง...” มือเรียวเย็นละมุนแตะไล้ริมโอษฐ์ที่กำลังจะเอ่ยค้านจากสติสัมปชัญญะที่ยังหลงเหลือ พร้อมกับรอยแย้มหวานละไม ดวงตาสีเทาทอประกายชวนฝัน

“...ชื่นรสมโนมน อภิรมย์ บ เว้นวาย”

เสียงเสนาะแว่วหวานก้องกังวานอยู่ในโสต ภาระหน้าที่ที่ต้องกระทำถูกลืมเลือน สติล่องลอยไร้ซึ่งความกังวลใดๆ...ความรู้สึกว่างเปล่าขาวโพลน...สดับแต่บทเพลงที่ขับขานซ้ำไปซ้ำมา

...ชื่นรสมโนมน อภิรมย์ บ เว้นวาย...

เหล่ามัสยาสรวลร่าด้วยความพึงใจในมนุษย์หนุ่มรูปงามที่ตกอยู่ในวังวนแห่งคีตามนตร์ นางเงือกเหล่านั้นค่อยๆ พาธีรวงศ์ลัดเลาะปะการังน้อยใหญ่ออกห่างจากปากถ้ำตรงนั้นไกลออกไป...เรื่อยๆ...




:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

จากคุณ : บทเพลงปีศาจ
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 10:07:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com