ต่อ ^ ^ ^
โอรสน้อยแห่งโรมสุรีย์วิ่งเล่นริมชายหาดอย่างสนุกสนาน ยามคลื่นซัดกระทบฝั่งร่างเล็กมักจะวิ่งเลียบไปฟองคลื่นสีขาว ก้มเก็บเปลือกหอยเล็กๆ และปูลมที่มาเกยหาดเล่น โดยมีข้อแม้จากจอมนารีว่าห้ามไปไกลเกินกว่าสายตานาง
ทั้งสามรอธีรวงศ์อยู่ริมชายหาดนั้นมาสองวันแล้ว หากยังไม่มีวี่แววว่าชายหนุ่มจะกลับมา แม้จะเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอต่อไป มีแต่กรวินท์ที่ไม่ทุกข์ร้อนเพราะยังไม่เข้าใจถึงภาระหน้าที่อันหนักหนาสาหัส
เนตรสีนิลเหม่อมองเด็กน้อยที่สดใสร่าเริง รอยยิ้มอันบริสุทธิ์นั้นทำให้จอมนารีนึกอิจฉานิดๆ ขึ้นในใจ ทั้งนางและกรวินท์ต่างก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้าย สูญเสียผู้ให้กำเนิดและพลัดพรากจากบ้านเมืองมาเช่นเดียวกัน แต่นางกลับไม่สามารถมีรอยยิ้มที่สดใสอย่างกรวินท์ได้อีกแล้ว รอยยิ้มที่เกิดจากดวงใจอันบริสุทธิ์
แก้วเกศินีนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนโขดหินใกล้ๆ ราชินีเหมันต์ พลางสอดส่องไปรอบๆ บริเวณ นางแจ้งข่าวแก่องค์คีรีจักรไปนับแต่วันแรกที่ธีรวงศ์จากไปแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาถึง อสุรีสาวเกรงว่าธีรวงศ์จะกลับมาเสียก่อนแล้วทุกอย่างจะไม่ทันการ
เจ้าเป็นอะไรไปอีกล่ะ? จอมนารีหันมาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายกระวนกระวายอยู่นานแล้ว
ก็...ข้าเป็นห่วงพี่ธีรวงศ์นี่ เจ้าไม่ห่วงหรือไง
จอมนารีหันกลับไปเฝ้าดูกรวินท์ต่อโดยไม่ตอบอะไร แก้วเกศินีเองก็ไม่คิดจะรอฟัง ลุกขึ้นตั้งใจจะไปส่งข่าวเร่งทางฝ่ายอสุรา
ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทกึกก้องราวฟ้าคำรณก็ดังขึ้นทั้งที่แดดยังแผดจ้า แผ่นดินสะเทือนจนทั้งสามซวนเซ เด็กน้อยล้มกลิ้งบนกองทรายเหลียวมองรอบข้างอย่างตกใจ จอมนารีรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างระแวดระวัง กรี๊ดดดด!! ยักษ์!! แก้วเกศินีแสร้งกรีดร้องและวิ่งไปยึดจอมนารีเป็นที่พึ่ง เมื่อเห็นอธิศและบริวารยักษ์อีกสองตนย่อกายมหึมาให้เล็กลงเฉกเช่นมนุษย์เดินตรงเข้ามา
แก้ว เจ้าพากรวินท์หลบไปก่อน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นให้พากรวินท์หนีไปให้ไกลเลย! จอมนารีสั่ง ดวงเนตรสีนิลเป็นประกายมุ่งมั่นเตรียมพร้อมที่จะต่อกรกับเหล่าอสุรา
ระวังนะพระเจ้าค่ะ! กรวินท์ร้องเตือนขณะถูกแก้วเกศินีดึงไปหลบอยู่หลังผาหินที่ห่างไกล
จอมนารีหันมาเผชิญหน้ากับอสุราทั้งสาม อธิศยิ้มเยาะเมื่อเห็นหญิงสาวสะคราญโฉมเพียงผู้เดียวคิดจะต่อกรกับอสุราถึงสามตนด้วยกัน
จับนาง!
ทหารยักษ์ทั้งสองย่างสามขุมเข้ามาตามคำสั่ง จอมนารีวาดมือไปทางท้องสมุทรดึงสายน้ำขึ้นมาสร้างแท่งน้ำแข็งแล้วสะบัดไปทางยักษ์ทั้งสองตนอย่างรวดเร็ว
ผลึกน้ำแข็งแหลมกระทบกระบองของยักษ์ทั้งสองตนที่ยกขึ้นกำบังไว้ได้ทันท่วงที แท่งน้ำแข็งแตกละเอียดไม่คงทน เนื่องจากอากาศริมทะเลที่ร้อนชื้น
ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของยักษายิ่งโกรธเกรี้ยวที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว แต่หญิงสาวก็ไม่ย่อท้อยังเพียรสร้างผลึกน้ำแข็งให้มากยิ่งขึ้นพร้อมซัดใส่ศัตรูไม่ยั้ง พวกทหารยักษ์ได้แต่ตั้งรับปัดแท่งน้ำแข็งวุ่นวาย น้ำแข็งบางแท่งพุ่งเฉียดร่างหนาของพวกมันให้ได้ลิ้มรสเลือดกันประปราย
อธิศอดทนรอไม่ไหวที่ทหารของตนสู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวไม่ได้จนเขาต้องออกโรงจัดการเอง ตุ้มเหล็กหนักเหวี่ยงซัดแท่งน้ำแข็งแตกกระเด็นกลับไปยังร่างบางซึ่งไร้การตั้งรับ สะเก็ดน้ำแข็งบาดผิวขาวนวลเป็นรอยเลือดหยาดซึม
จอมนารีร่ายเวทย์เรียกน้ำทะเลขึ้นมาแช่แข็งสองขาของอธิศที่กำลังพุ่งเข้ามาประชิดตัวนางให้ตรึงอยู่กับที่ แต่เพียงแค่อสุราหนุ่มฟาดตุ้มเหล็กตัดสะบั้นสายน้ำที่กำลังแช่แข็งขาเขาให้แตกกระจาย แรงกระทบรุนแรงผลักให้ร่างบางกระเด็นไปกระแทกโขดหิน น้ำทะเลทั้งแข็งและเหลวสาดกระเซ็น
ร่างบางเจ็บแปลบไปหมดทั้งกายเพราะสายเวทย์ที่ถูกผลักกลับมา ความคิดคำนึงในขณะที่กำลังอับจนหนทางคือใครคนหนึ่งที่อยากให้อยู่ใกล้ๆ
ธีรวงศ์! :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ...สัญญานะ...ว่าเจ้าต้องกลับมา...
เสียงหนึ่งแว่วเข้ามาในจิตใต้สำนึก หากสติที่ยังมัวเมาทำให้ยังรับรู้ได้ไม่เต็มที่ เสียงหวานของนางเงือกน้ำที่รายล้อมทำให้ธีรวงศ์ต้องพยายามตั้งสติขับไล่ความเคลิบเคลิ้ม
เสียงที่แว่วอยู่ในจิตสำนึกดังขึ้นอีกครั้ง
...สัญญานะ...ว่าเจ้าต้องกลับมา...
ธีรวงศ์
...เราสัญญา...
เสมือนเป็นคำมั่นต่อดวงเนตรสีนิลที่ทอประกายดุจแสงแห่งอัญมณีพร้อมกับรอยยิ้มงดงามยามต้องแสงแรกของทิวา
จอมนารี!!
ความคิดที่ว่างเปล่าถูกเติมเต็มเมื่อระลึกได้ถึงเจ้าของเสียงที่แว่วอยู่ในจิตสำนึก ระลึกได้ถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ต้องกระทำพลันกลับคืนมาอีกครั้ง
ตามหาอัญมณีไพฑูรย์!!
ธีรวงศ์พยายามรวบรวมสติยื้อร่างของตนมิให้โอนอ่อนตามนางมัสยาไป เสียงหวานเสนาะโสตดุจดุริยศิลป์ชั้นเลิศมิอาจทำให้เขาลุ่มหลงมัวเมาได้อีกต่อไป ท่วงทำนองที่พวกนางเคยร้องเล่นเป็นกุญแจไขช่องทางอันเป็นปริศนาแห่งหนทางสู่บาดาล
...บาดาลมิได้ไกล ละมิใกล้หทัยตน...
ธีรวงศ์สะบัดตัวออกจากพวกนาง แล้วรีบกลับไปยังอุทยานใต้น้ำหน้าคูหาทันที เสียงมัสยาคร่ำครวญตามหลังมาอย่างไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ หากธีรวงศ์ปิดโสตประสาทที่จะรับฟัง จิตตั้งมั่นเพียงเส้นทางที่จะมุ่งสู่บาดาลเท่านั้นพร้อมตั้งจิตอธิฐาน
เมื่อท่านกำลังรอคอยเราอยู่ ก็ขอจงเปิดทางให้เราไปสู่ภพภูมิของท่านด้วยเถิด
พลันคูหาหนึ่งตรงหน้าก็ส่องประกายราวเกล็ดแก้วระยิบระยับเหลือบแสงสีเขียวมรกต เสียงระฆังแก้วกระทบกันกังวานราวเรียกร้องให้ชายหนุ่มมุ่งตรงไปยังคูหานั้นทันทีโดยไม่เหลือบแลกลับไปมองนางมัสยาเหล่านั้นอีกเลย
เพียงแค่ก้าวผ่านปากทางนั้นมาก็เสมือนว่าทั้งร่างถูกอาบด้วยสายน้ำเย็นจัดวูบหนึ่ง แต่กลับไม่รู้สึกถึงความทรมานกายแม้แต่น้อย ลำนำมัสยาหายไปราวตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง ร่างโปร่งสบายไม่เปียกปอนประหนึ่งเดินอยู่บนหาด จากแสงมรกตเรืองรองที่เห็นเบื้องนอก เมื่อย่างก้าวเข้ามาภายใน ทุกอย่างเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้
คูหาถ้ำที่ทอดยาวไม่มีสิ้นสุดเป็นอุโมงค์กว้าง หินมรกตส่องประกายเขียวเข้ม ทรายที่เหยียบยืนขาวละเอียด แม้แต่หินงอกหินย้อยยังเป็นมรกตที่ตกผลึกเป็นประกาย
บุรุษหนึ่งยืนอยู่กลางอุโมงค์นั้น รูปร่างกำยำองอาจ ผิวคร้ามอาภรณ์เป็นสีเขียวแก่คล้ายสีสาหร่ายมีกรองคอและกำไลกรเงินประดับยศศักดิ์ค้อมกายให้เขาอย่างนอบน้อม รังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากกายของอีกฝ่ายทำให้ธีรวงศ์รับรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้คือเผ่าพันธุ์นาคา!
ที่นี่คือบาดาลหรือ?
มิใช่ นี่คือมหาตล
ธีรวงศ์นึกลำดับดินแดนต่างๆ ที่สลับซับซ้อนก่อนจะถึงบาดาล ช่างยากเย็นผิดกับในนิมิตนัก
ข้าจะนำท่านไปยังบาดาล องค์ภัทรศัยนาคราชทรงรอท่านอยู่ นาคาหนุ่มตอบอย่างเคารพนบนอบ
องค์ภัทรศัยนาคราช?
เมื่อท่านได้พบองค์ภัทรศัย พระองค์จะทรงตอบคำถามของท่านเอง นาคาตนนั้นตอบอย่างเข้าใจในความสงสัยของชายหนุ่ม ก่อนจะเดินนำไปตามอุโมงค์มรกต ลักษณะของร่างกำยำที่นำหน้าก้าวเดินรวดเร็วทว่าลื่นไหลประดุจเลื้อย!
ผนังอุโมงค์เคลื่อนผ่านรวดเร็วจนมองเห็นทิวทัศน์รอบด้านไม่ชัดเจน ทั้งที่เขาคิดว่าก้าวเดินไปอย่างปกติที่สุด จนกระทั่งทางข้างหน้าปรากฏแสงร่วงรุ้งเลื่อมพรายดุจแสงสายทิพยา นาคาตนนั้นจึงหยุดลง
เชิญท่านเข้าไปเถิด องค์ภัทรศัยกำลังรอท่านอยู่
แล้วท่านล่ะ?
เขตแดนของนาคเทวะ นาคบริวารไม่ควรผ่านหากมิมีเหตุจำเป็น กริยาของผู้เอ่ยแสดงถึงศักดิ์ที่มิอาจล้วงล้ำเขตแดนที่แตกต่างกันด้วยระดับของสภาวะทิพย์
ธีรวงศ์ตัดสินใจก้าวผ่านแสงเลื่อมรุ้งตรงหน้าเข้าไป เพียงพริบตาอุโมงค์มรกตก็หายวับกลายเป็นโถงแก้วกว้างใหญ่แสงร่วงรุ้งกระจายเป็นคลื่นงดงาม อณูทิพยะภายในนี้ละเอียดอ่อนยิ่งกว่ามหาตลที่ผ่านมาหลายเท่านัก
เสาสูงใหญ่เป็นผลึกทั้งต้นบนฐานศิลาแก้วสีขาวสลักตั้งอยู่ ณ กลางโถง แสงจากเสาผลึกสะท้อนกับเพดานที่ใสกระจ่างเป็นแสงร่วงรุ้งเลื่อมพรายไปทั่วคูหากว้าง เบื้องบนเหนือเพดานแก้วคือภาคพื้นมหาสมุทรอันงดงามตระการตา มัจฉาปลาดาวนานาพันธุ์แหวกว่ายสายน้ำสีครามเหมือนอุทยานใต้น้ำของเหล่ามัสยาที่เขาเพิ่งผ่านมา หากมองจากตรงนี้งดงามกว่ามากมายนัก
หน้าฐานศิลาแก้วใสสูงใหญ่ ภาพเทวบุรุษสง่างามประทับยืนหันเบื้องปฤษฎางค์ให้เขาเฉกเช่นในนิมิต ธีรวงศ์เพ่งมองด้วยความตื่นเต้นรออีกฝ่ายหันกลับมาเป็นนาคราชสีทองสง่าเศียรทั้งเจ็ดแผ่ขยายชะโงกง้ำ!
ทว่าวรกายสง่างามที่หันมามิได้แปรเปลี่ยนเช่นในนิมิต แต่ยังคงเป็นบุรุษรูปงามเลิศล้ำทรงอำนาจด้วยพลังแห่งเทวนาคา ทรงพัสตราภรณ์เป็นภูษาพาดอังสะและสนับเพลาถักทอด้วยเส้นใยทิพย์ละเอียด เครื่องทรงเป็นทองคำและมุกสีดำเลอค่าประมาณมิได้
นัยน์เนตรคมกล้าสว่างเป็นน้ำทองราวอัญมณีไพฑูรย์ เกศาดำขลับแกมประกายทองสะบัดไหวราวกับมีสายลมพัดผ่าน ฉวีพรรณเหลืองนวลยิ่งเปล่งปลั่งเพราะทิพยรัศมีสีทองเรืองรองที่ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงนิศาเทวี ละอองรัศมีที่คล้ายคลึงกันทว่าเทพธิดาองค์นั้นจะมีพลังที่อ่อนละมุนกว่า
สุรเสียงทุ้มกังวานหากเปี่ยมด้วยอำนาจเอ่ยทักทาย
ในที่สุดท่านก็มาถึงจนได้ พระอังคาร! :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
ร่างของจอมนารีที่ทรุดลงไปต่อหน้าต่อตาทำให้เด็กน้อยซึ่งหลบอยู่หลังโขดหินวิ่งถลาออกมาหาด้วยความเป็นห่วงตามประสาเด็ก
พี่จอมนารี!!
กรวินท์อย่าเข้าไป! แก้วเกศินีร้องเตือนด้วยกริยาที่ไม่ค่อยตรงกับน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยนัก
เนื่องจากนางแสร้งปล่อยให้กรวินท์วิ่งออกไปเอง และตนก็วิ่งตามโอรสน้อยไปทำทีว่าห้ามปราม หากกำลังส่งสัญญาณให้ทหารยักษ์รีบจัดการ
พี่จอมนารี! พี่จอมนารีช่วยด้วย!
จอมนารี!
ยักษ์สองตนรีบปรี่เข้ามาจับทั้งกรวินท์และแก้วเกศินีเอาไว้อย่างง่ายดายตามแผนของราชธิดาแห่งหิรัญญะนครา!
กรวินท์!...แก้ว... จอมนารีครางด้วยความเหนื่อยล้า พยายามลุกขึ้นหวังจะไปช่วยทั้งสองแต่กลับถูกอธิศขวางเอาไว้ ร่างบางรวบรวมพลังที่เหลือเพียงน้อยนิดร่ายเวทย์สร้างฝนน้ำแข็งซัดใส่อสุราหนุ่มให้พอยับยั้งไว้ก่อน
อธิศตวัดตุ้มเหล็กปัดแท่งน้ำแข็งแตกกระจาย แต่เข็มน้ำแข็งแหลมบางเล่มก็ยังสามารถรอดพ้นการป้องกันฝากรอยแผลเล็กๆ น้อยๆ ให้อสุราหนุ่มเจ็บใจก่อนจะขว้างตุ้มเหล็กใส่หญิงสาวด้วยแรงโทสะ กระแทกฝนเข็มนับพันให้แหลกละเอียด ตุ้มเหล็กปะทะเข้ากับร่างบางที่ไม่อาจตั้งรับได้ทัน
พลังจากอสุราและอาวุธหนาหนักรุนแรงจนแทบกระอักเกินกว่ามนุษย์จะทานทนไหว ร่างบางราวกับจะป่นเป็นผุยผง ศีรษะมึนงง แต่ก็ยังเห็นศัตรูที่ย่างสามขุมเข้ามาดุจเงาของปิศาจร้าย
อย่านะ! อย่าทำอะไรพี่จอมนารี
อย่า!!! กรวินท์กรีดก้องดิ้นพราดหวังจะให้หลุดจากการจับกุมของยักษ์ร้าย แต่ด้วยกำลังเพียงน้อยนิดจึงไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ
สติที่เหลืออยู่เพียงเลือนรางสั่งให้จอมนารียกแขนขึ้นปกป้องตนเองตามสัญชาตญาณเมื่ออธิศกำลังจะยื่นหัตถ์แข็งแกร่งลงมา เกิดแสงสีขาวดุจรัศมีอัญมณีเจิดจ้าแล้วการรับรู้ทุกอย่างของหญิงสาวก็ดับวูบไป!
แสงสว่างที่พร่าพรายบาดตาพุ่งวาบขึ้นมาจากร่างของจอมนารีจนอธิศกระเด็นออกไปเพราะถูกกระแทกด้วยพลังมหาศาล จนเมื่อแสงสว่างนั้นเบาบางลง ร่างงดงามตรงหน้าก็อันตธานหายไปเสียแล้ว ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน เสียงกรวินท์ยังคงเรียกร้องหาจอมนารีไม่หยุด
อธิศกวาดสายตามองหาหญิงสาวไปทั่วบริเวณหากก็ปราศจากร่องรอย ราวกับนางละลายหายไปในอากาศธาตุ อสุราหนุ่มได้แต่คำรามอยู่ในลำคอด้วยความเจ็บใจที่ไม่อาจจัดการกับหญิงสาวเพียงคนเดียวได้! :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ท่านคือ...องค์ภัทรศัยนาคราช?
ธีรวงศ์ถามอย่างไม่แน่ใจนัก หากจะว่าไปก็หมือนจะคลับคล้ายคลับคลาเลือนราง แต่มิใช่ในรูปลักษณ์นี้
พักตราที่งามราวเทพบุตรบนชั้นฟ้ายิ้มรับแทนคำตอบ เนตรสีทองล้ำลึกดุจอัญมณีเลอค่า...อัญมณีไพฑูรย์เปล่งประกายออกมาจากดวงเนตรงดงามคู่นั้น!
ท่าน...คือผู้ครอบครองอัญมณีไพฑูรย์ใช่มั้ย?
ใช่! เราคือผู้ครอบครองอัญมณีไพฑูรย์แห่งพระเกตุที่ท่านตามหา!
ไม่เคยมีผู้ครอบครองอัญมณีคนใดที่จะเปิดเผยตัวตนได้มากเท่านี้มาก่อน ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของอัญมณีในกายตนเอง แต่กับเทวนาคาตรงหน้าคงจะรับรู้ได้ด้วยพลังอำนาจและพงศ์พันธุ์ที่เหนือมนุษย์
ภัทรศัยนาคราช...นาคเทวะ!
นาคากึ่งเทวะอันอยู่เหนือเผ่าพันธุ์นาคาทั้งมวล มีสภาวะเป็นทิพยะดุจเดียวกับเทพยดาทั้งหลายบนสวรรค์ชั้นฟ้า น่าแปลกที่เขาเพียงแค่นึกทบทวนก็เข้าใจการดำรงอยู่ของพงศ์พันธุ์นั้นอย่างง่ายดายราวกับเคยคุ้นกับเรื่องราวเหล่านี้มานาน
แต่นอกเหนือจากความคุ้นเคยของเผ่าพันธุ์เทวนาคา นาคเทวะองค์นี้ก็ทำให้อดีตอันไกลโพ้นที่เขาลืมเลือนไปแล้วถูกกระตุ้นขึ้นมา
คงเป็นบุพกรรมระหว่างเราและท่านทำให้เราต้องเป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ที่ท่านต้องกระทำ ภัทรศัยนาคราชเอ่ยในสิ่งที่ชายหนุ่มพยายามนึกทบทวน...แต่ก็นึกไม่ออก!
ธีรวงศ์ยอมรับตามตรงว่าเขาระลึกไม่ได้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องใด รู้เพียงแต่ว่าคงเป็นความเกี่ยวเนื่องนับแต่โบราณกาลระหว่างตนและเทวนาคาองค์นี้
แต่เรื่องนั้นยังไม่สำคัญเท่าการเปิดผนึกอัญมณีที่เขาต้องการ
แล้วเรื่องอัญมณีไพฑูรย์ของท่านล่ะ?
รอยแย้มสรวลปรากฏลึกบนเรียวโอษฐ์อย่างท้าทาย...อดีตเทพแห่งสงคราม!
ท่านคิดว่าเราจะยื่นอัญมณีให้ท่านง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
แล้ว...ท่านมีเงื่อนไขอะไร? ธีรวงศ์ถามนิ่งๆ เพราะไม่ว่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเขาก็พร้อมที่จะเผชิญ
ไม่มีเงื่อนไข แต่เราลองมาประลองกันตามความประสงค์แต่กาลก่อนของท่านสักนิดดีหรือไม่ พระอังคาร
ประลอง?...เราน่ะหรือ ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าเคยไปท้าประลองอะไรไว้ แต่ใช่ว่าเขาจะเกรงกลัว ความฮึกเหิมของเทพแห่งสงครามถูกกระตุ้นเมื่อได้รับคำท้าทาย
ลองดูก็ได้ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าการประลองกับเทวนาคาจะสนุกแค่ไหน
เทวนาคาแย้มโอษฐ์ชื่นชมในความกล้าหาญของเทพแห่งสงครามที่มิได้ลดน้อยลงจากอดีต ร่างเทวบุรุษสง่างามกลับกลายเป็นพญานาคราชลำตัวมหึมา เกล็ดสุวรรณเลื่อมประกายแวววาวงดงามหาใดเปรียบ เศียรประดุจเปลวเพลิงพวยพุ่งเป็นลายกนกดุจมงกุฎกษัตริย์อลังการ ดวงเนตรสีไพฑูรย์เรืองรองมองมุ่งมายังธีรวงศ์!
ชายหนุ่มผงะไปอย่างตั้งตัวไม่ทันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนาคราชที่คล้ายกับภาพเขียนประติมากรรมที่เขามองผ่านอย่างไม่ได้สนใจนักหากที่ปรากฏตรงหน้าจะยิ่งใหญ่และทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าปูนปั้นเหล่านั้นเหลือคณา เศียรที่มิได้แผ่ขยายเป็นเจ็ดเศียรเช่นในฝันยังชะโงกลงมาอย่างท้าทาย ก่อนจะเคลื่อนปราดหมุนวนขึ้นไปตามเสาผลึกที่สูงขึ้นไปจนยอดเสียดสายพื้นน้ำ
ธีรวงศ์ดึงดาบคีรีรัตนะออกจากฝักเตรียมพร้อม และเพียงแค่นึกถึงพลังเวทย์วาโยที่เคยใช้ ร่างของตนก็แทบจะลอยลิ่วตามเทวนาคราชขึ้นไปอย่างง่ายดาย รอบด้านนอกเหนือเพดานแก้วโอบล้อมด้วยกระแสสินธุ์ที่ไหลระเรื่อยราวกับเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายน้ำและฝูงมัจฉามากมาย
ภัทรศัยในรูปกายนาคราชพ่นสายน้ำเย็นยะเยือกใส่มนุษย์หนุ่มซึ่งยกดาบคีรีรัตนะขึ้นต้านเพื่อลดแรงกระแทกของสายน้ำที่พุ่งเข้ามา แต่กระนั้นปริมาณน้ำมหาศาลก็ทำให้ยากจะต้านไหว ชายหนุ่มหนุ่มปลีกตัวออกห่างสร้างพายุหมุนขึ้นรอบกายแล้วเคลื่อนเข้าต่อกรกับภัทรศัยนาคราชอีกครั้ง
ธีรวงศ์ไม่รู้ว่าเทวนาคาองค์นี้ต้องการจะทดสอบเขาถึงขนาดไหน แต่ในเมื่อลงมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ลงลึกยิ่งกว่าบาดาลเขาก็พร้อม!
สายน้ำที่พวยพุ่งเข้าใส่ธีรวงศ์ถูกพายุพัดกระเซ็นแผ่เป็นวงกว้าง แสงที่เรืองรองจากเสาผลึกสะท้อนละอองน้ำเป็นวงรัศมีเป็นม่านรุ้งกั้นกลางระหว่างธีรวงศ์และเทวนาคาที่ต่างพุ่งตัวขึ้นสู่ยอดเสาซึ่งทอดสูงแทงเสียดท้องน้ำขึ้นไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด
ปลายขนดหางยาวใหญ่ตวัดปัดดาบคีรีรัตนะให้หลุดจากมือธีรวงศ์ร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง พลางวาดลำตัวยาวโอบรัดร่างชายหนุ่มเอาไว้ทำให้ไม่อาจขยับตามลงไปคว้าอาวุธคืนมาได้ เศียรมหึมาชะโงกเข้ามาราวกับจะกลืนกินเข้าไป
ธีรวงศ์จ้องตอบนัยน์เนตรเหลืองทองสุกสว่างที่กลอกกลิ้งอยู่ตรงหน้าราวกับจะสื่อคำถามย้ำชัดว่าแน่ใจหรือที่จะยอมแลกแม้กระทั่งชีวิต แม้ละไอพิษร้อนผ่าวจะแผ่ออกมาจากลำตัวของเทวนาคาชายหนุ่มก็ไม่เกรงกลัว
พลันประกายแสงทองเจิดจรัสก็เปล่งออกมาจากกายของทั้งสอง เทวนาคาคลายขนดหางปลดปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ เศียรที่ทั้งงดงามและน่าหวั่นเกรงผงกขึ้น เสียงคำรามกึกก้องทรงอำนาจ ก่อนจะคายไพฑูรย์มณีออกมาจากโอษฐ์ที่อ้ากว้าง
แสงทิพยาโดยรอบโถงแก้วปั่นป่วนเพราะพลังมณีไพฑูรย์เปลี่ยนให้ทั้งโถงกว้างมลังเมลืองอร่ามด้วยแสงทองทาผลึกอัญมณีสีทองลอยคว้างลงสู่หัตถ์ของธีรวงศ์ที่เอื้อมมารอรับด้วยความปรีดา ดวงมณีในหัตถ์งดงามแพ้ไม่ดวงเนตรที่กลอกกลิ้งทั้งสองดวงบนเศียรนาคราช
พลังจากอัญมณีแผ่ขยายไปถึงเทวนาคาเกล็ดสุวรรณที่เพิ่งต่อกรกับเขา เศียรที่โยกสะบัดขยายออกดุจพังพานเพิ่มเป็นเจ็ดเศียรงดงามยิ่งกว่าประติมากรรม เขี้ยวแก้วพิศุทธิ์ระยิบระยับในโอษฐ์ทุกโอษฐ์อ้ากว้างแผดเสียงคำรามกึกก้องดังสะเทือนเลื่อนลั่นโถงแก้วบาดาล!
โปรดติดตามตอนต่อไป......................................................
จากคุณ |
:
บทเพลงปีศาจ
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 54 10:08:17
|
|
|
|