Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใต้เงาพระจันทร์ บทที่ 9 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 9

       เสือดำกระโดดลงจากต้นไม้และวิ่งไปตามทางเดินโรยกรวดซึ่งมีอยู่รอบคฤหาสน์บาโทรี่ มันไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะมีใครบังเอิญมาพบมันหรือไม่ เพราะตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่กำลังสนุกสนานกับงานเต้นรำ และบางคนที่ยังอยู่ในวัยฮอร์โมนเพศทำงานก็หมกมุ่นกับภารกิจส่วนตัวเกินกว่าจะพยายามเพ่งมองในความมืด อย่างไรก็ตาม ความรอบคอบไม่เคยหายไปจากสัญชาติญาณของเจ้าเสือดำไม่ว่ามันจะอยู่ในร่างของสัตว์ป่าหรือมนุษย์ มันจึงหยุดและพุ่งเข้าหาสถานที่ที่มืดกว่าทันทีเมื่อมันได้ยินเสียงฝีเท้าหรือเสียงพูดคุยลอยแว่วมา


       ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินทอดน่องเคียงกันมาราวกับคู่รัก ทั้งสองหยอกล้อ กระซิบกระซาบและตระกองกอดกันผ่านเจ้าเสือดำที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพงไม้ มันหมอบนิ่งรอจนกระทั่งคนคู่นั้นลับตาไปจึงออกวิ่งอีกครั้ง แล้วหยุดฝีเท้าตรงบริเวณรูปปั้นเทพธิดาแห่งความงามของกรีกข้างแปลงดอกไฮเดรนเยีย จากนั้นเสือดำก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มที่ชื่อวาเลนในชั่วพริบตา เขากางแขนสองข้างโอบฐานรูปปั้นพร้อมกับคลำไปด้วย ไม่ช้าก็พบร่องลึกขนาดพอดีมือสองจุด เขากดมันลงพร้อมกันจนเกิดเสียงดังคลิกและใช้ไหล่ดัน รูปปั้นขยับเคลื่อนจากฐาน เปิดเผยช่องทางสู่ชั้นใต้ดิน หลังจากนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความเร็ว เพราะรูปปั้นจะขยับตัวปิดทันทีที่เขาปล่อยมือออกจากร่องลึก วาเลนโหนตัวลงไปในช่องและรีบเก็บมือให้อยู่ในระดับต่ำกว่าศีรษะ ปล่อยร่างร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทันทีที่เท้าของเขาแตะถึงพื้น รูปปั้นก็ขยับปิดทางเข้าเสียงดังกึง

       เมื่อเทียบกับตัวคฤหาสน์ด้านบนแล้ว ดูเหมือนว่าชั้นใต้ดินเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ดยุคบาโทรี่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามยุคสมัย ระบบทางเข้าออกยังเหมือนเดิม นั่นคือไม่สามารถใช้ทางเข้าเป็นทางออกได้ รวมไปถึงแสงสว่างซึ่งมีอย่างอัตคัดและกลิ่นเหม็นสารพัดแบบที่ตลบอบอวลไปทั่วทางเดินหลายสายที่คดเคี้ยวเหมือนรังมด นอกจากนั้นวาเลนได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังแว่วมาตามทางเดิน นั่นหมายความว่าปิศาจลูกสมุนของสองสามีภรรยาบาโทรี่ยังคงลากเหยื่อของพวกมันลงมาทรมานในสถานที่แห่งนี้เหมือนเช่นเคย ชายหนุ่มคำรามในลำคอพร้อมกับกลายร่างเป็นเสือดำอีกครั้งและออกวิ่งไปตามเสียงนั้น ไม่ช้า เขาก็พบฝูงปิศาจห้าตนกำลังรุมฉีกกินร่างของเด็กสาวคนหนึ่งอยู่


       เมื่อพิจารณาร่างโทรมเลือดและอวัยวะบางส่วนที่เนื้อหลุดร่องแร่งน่าสยดสยองแล้ว วาเลนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเวทนา – เด็กคนนี้ไม่มีทางรอดแน่นอน - จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงครวญครางแผ่วเบาของหล่อนและเห็นวิธีขยับสะโพกของปิศาจตนหนึ่งที่คร่อมอยู่เหนือร่างหล่อน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ตัวแข็งทื่อ


       พระเจ้า พวกมันไม่แค่กินเนื้อหล่อนเท่านั้น แต่ยังสังวาสกับหล่อนด้วย


       ทันใดนั้น ร่างเสือดำก็กลายเป็นชายหนุ่มและกลับเป็นเสือดำและกลับเป็นชายหนุ่มอีกครั้ง วาเลนซวนเซ ยกมือขึ้นอุดปากพร้อมกับกระโจนเข้าไปหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกำแพงกั้นขวางแนวสายตาของพวกปิศาจ เขาหน้ามืด พะอืดพะอมอยากอาเจียน แต่ตรงจุดนี้เสี่ยงให้ถูกพบได้ง่ายเกินไป เขาจึงทรุดตัวลงนั่ง ชันเข่าชิดหน้าอกและปิดหูของตนแน่นเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงครางที่แว่วมาเป็นระยะ


       “ไม่ พอซะที” วาเลนหลับตาแน่น ตัวสั่นอย่างรุนแรง “ได้โปรดหยุดเถอะ... แม่”


       แล้วเสียงครางก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องและเงียบหายไป เหลือเพียงเสียงเคี้ยวอาหารอย่างตะกรุมตะกรามของพวกปิศาจ วาเลนกลืนน้ำลายพลางเงี่ยหูฟัง เมื่อแน่ใจว่าหล่อนตายแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ


       ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก วาเลนกำลังมีความสุขกับความสำเร็จเล็กน้อยของตนเมื่อเขาพบจุดคุมขังพวกเด็กสาวแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบ้านพักซอมซ่อในป่าด้านหลังคฤหาสน์ มีเพียงปิศาจร่างใหญ่ราวกับยักษ์สองตนเฝ้าอยู่ด้านหน้าเพื่อไม่ให้คนภายนอกบุกรุกเข้าไปเท่านั้น พวกชั้นต่ำที่มีดีแต่รูปร่างน่ากลัว แค่เสือดำสะบัดกรงเล็บสองสามครั้งก็ปลิดลมหายใจของเจ้าปิศาจไร้สมองทั้งสองตนได้แล้ว หลังจากช่วยเหลือพวกเด็กสาวซึ่งมีประมาณยี่สิบคนให้หลบหนีได้สำเร็จ เขาก็กลับเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยร่างเสือเพื่อขึ้นไปสำรวจชั้นสาม แม้จะไม่พบจุดคุมขังเพิ่มเติม แต่เขาก็สามารถกลับลงมาได้โดยไม่ต้องสังหารปิศาจหรือผู้ใช้มนตร์ดำอีกสักรายเดียว


       วาเลนไม่เคยสังหารโดยไร้เหตุผล แต่ตอนนี้เขาต้องการฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน


       เขาจึงกระโจนเข้าหาปิศาจทั้งห้าพร้อมกับพุ่งแขนทั้งสองข้างไปด้านหน้า เจาะทะลวงกะโหลกของปิศาจสองตนที่นั่งหันหลังจนทะลุใบหน้าของพวกมัน จากนั้นเขาตวัดกรงเล็บฉีกคอหอยของปิศาจอีกสองตนทั้งที่ร่างของสองรายแรกยังห้อยคาอยู่บนแขน ส่วนปิศาจรายสุดท้าย – รายเดียวที่ได้เห็นผู้บุกรุก – ถูกกระชากศีรษะขาดจากลำตัวโดยที่ดวงตาของมันยังจ้องมองค้างอย่างแปลกใจ วาเลนโยนหัวปิศาจทิ้งและใช้เท้าเกี่ยวเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้นเพื่อเช็ดเลือดที่เปื้อนมือ เมื่อเสร็จก็โยนมันลงบนกองซากศพของปิศาจก่อนก้าวเดินไปตามทางคดเคี้ยว


       แต่ภาพอันทารุณระหว่างฝูงปิศาจกับเด็กสาวที่ยังติดตาทำให้เขาซวดเซไปพิงกำแพงด้านหนึ่ง วาเลนสะบัดศีรษะแรงๆ สองสามครั้งแล้วบีบนวดดั้งจมูกด้วยนิ้วเย็นชืดที่สั่นอย่างหนัก ริมฝีปากของเขาแห้งผากและความรู้สึกพะอืดพะอมกลับมา สุดท้ายเมื่อร่างกายทนแบกรับความอัดอั้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงโก่งคออาเจียนอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งกระเพาะไม่มีอะไรเหลือ


       แม้ใครหลายคนจะรู้ว่าวาเลนคือลูกกำพร้า แต่นั่นเป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเขาเป็นใคร ชนเผ่ากลายร่างชั้นต่ำสุดที่อาศัยอยู่ในดินแดนปิศาจมีหน้าที่รับใช้และให้ความบันเทิงแก่พวกระดับสูงกว่าทุกรูปแบบ ทั้งถูกทารุณกรรม เข่นฆ่ากันเอง ร้องเพลงเต้นรำ หรือแม้แต่บริการทางเพศ ซึ่งแม่ของเขา นางเสือดาวแสนสวย มีหน้าที่นั้น ทุกค่ำคืน วาเลนจะได้แต่ขดตัวอยู่ในลังไม้เก่าๆ ห่างจากที่นอนฟางแห้งของแม่เพียงแผ่นไม้กั้น ฟังเสียงของนางขณะให้บริการปิศาจหรือแม้แต่พวกเผ่ากลายร่างชั้นสูงกว่า นางเลี้ยงเขาอย่างทิ้งขว้าง ไม่เคยกอดปลอบโยนในตอนที่เขาถูกรุมทำร้ายจนขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ความเมตตาของนางมีเพียงเรื่องเดียวคือบอกว่าเขาตายแล้วเพื่อที่ร่างของเขาจะได้ถูกโยนลงหลุมขยะ หลุมสำหรับทิ้งซากศพของพวกไร้ประโยชน์ซึ่งอยู่สุดปลายทางเดินในคฤหาสน์บาโทรี่นี่เอง


       ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือบังเอิญ แต่เขาก็ออกมาจากขุมนรกแห่งนั้นได้เพราะแม่ และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันกลับไปที่นั่นอีกอย่างเด็ดขาด


วาเลนนิ่วหน้ากับความคิดหนึ่ง จะ อย่างนั้นหรือ

       เสียงกระซิบกระซาบที่ลอยแว่วมาตามทางเดินดึงความสนใจของวาเลน เขาหันมองพลางเช็ดคราบอาเจียนรอบปากด้วยหลังมือและเดินตามเสียงนั้น จนกระทั่งถึงทางแยกสองสายที่สุดปลายด้านหนึ่งเป็นประตูไม้ขนาดมหึมา ส่วนอีกด้านที่เหลือเป็นทางเดินทอดยาวต่อไปอีก เขาเห็นปิศาจสองตนยืนคุยกันอยู่หน้าประตูบานนั้นจึงโผเข้าหาความมืด ซ่อนตัวเงียบและฟัง

       “ข้าอยากเห็นหล่อน” ปิศาจตนหนึ่งพูดพลางลูบปากของตน “หรือให้ดีกว่านั้น ข้าอยากลิ้มรสหล่อน ได้ยินว่าหล่อนสวยมาก เลือดของหล่อนคงจะหวานน่าดู”

       “ฝันไปเถอะเจ้าโง่ หล่อนเป็นเครื่องบรรณาการ” ปิศาจอีกตนบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้คู่สนทนายิ้มเยาะ

       “แกต่างหากที่โง่ ถ้าหล่อนมีแค่เลือดผสมอันแปลกประหลาดแต่ไม่มีอำนาจอะไรเลย อีกไม่ช้าหล่อนก็จะเป็นของพวกเราอยู่ดี” แล้วมันก็หัวเราะ “แกลองคิดถึงชื่ออันน่ารังเกียจของหล่อนสิ ให้ตาย ขอท่านฟีนเดสเลย์ช่วยพวกเราด้วยเถอะ จะมีชื่อไหนน่าขยะแขยงมากไปกว่านี้อีก”

       หล่อน เลือดผสม และชื่อน่ารังเกียจสำหรับปิศาจ วาเลนตัวแข็งทื่อเมื่อคิดออก บัดซบเอ๊ย! เขาไม่ควรปล่อยคริสต์ไว้ตามลำพัง

       เสือหนุ่มกระโจนพรวดเดียวถึงตัวปิศาจทั้งสอง เขาตวัดกรงเล็บกระชากคอหอยของปิศาจตนหนึ่งก่อนผลักอีกตนล้มลง ใช้เข่าข้างหนึ่งทับหน้าอกของมันไว้และแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ “หล่อนที่พวกแกพูดถึงอยู่ที่ไหน”  

       “ใคร” มันตีหน้าซื่อถามกลับ วาเลนจึงจิกเล็บลงบนต้นแขนทั้งสองข้างของมันแล้วกระชากออก ปิศาจกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

       “เนื้อชิ้นต่อไปจะมาจากคอของแก” เขาคำรามพร้อมกับชูก้อนเนื้อที่หลุดติดมือมาให้มันเห็น “คริสต์อยู่ที่ไหน”

       “ชะ... ชั้นสาม หะ... ห้องของคุณเอลิซ่า”

       ดวงตาของวาเลนหรี่ลงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิดตัวเอง เขาผ่านห้องของเอลิซ่าตรงชั้นสามโดยไม่คิดแวะดูเพราะเคยสำรวจก่อนหน้าที่จะกลับไปพบคริสต์ในสวนแล้ว เห็นได้ชัดว่าความสะเพร่าทำให้เขาคลาดจากเธอ แต่ปิศาจที่กำลังรอความเมตตาของเขากลับคิดว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของมัน “ขะ... ข้าไม่ได้โกหกนะ หล่อนถูกขังอยู่ที่นั่นจริงๆ”

       “อ้อ” วาเลนยักไหล่แล้วตวัดกรงเล็บฉีกกระชากคอหอยของปิศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว มันทำเสียงขลุกขลักพร้อมกับดิ้นพราด ดวงตาเบิกถลน มือทั้งสองข้างกุมลำคอของตัวเอง เสือหนุ่มรอจนกระทั่งมันขาดใจตายจึงลุกขึ้นยืน แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะกลายร่างเป็นเสือดำเพื่อไปช่วยคริสต์ คำถามหนึ่งก็ดังขึ้น

       “ใครอยู่ตรงนั้นคะ” เสียงนั้นมาจากทางเดินที่ทอดลึกเข้าไป วาเลนเกร็งตัวเตรียมพร้อมจู่โจมหากคนถามปรากฏตัว แต่เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีก “ช่วยด้วยค่ะ พวกเราถูกขังอยู่ในนี้”

       หนึ่งในพวกเด็กสาวที่ถูกจับมา วาเลนเกือบระบายลมหายใจ แต่เพื่อความไม่ประมาทเขาจึงแหงนหน้าขึ้น สูดลมหายใจพิสูจน์กลิ่นของมนุษย์ที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ เมื่อมั่นใจแล้ว เขาก็กระแอมและตะโกนถาม “มีปิศาจอยู่ใกล้ๆ ไหม”

       “ไม่ค่ะ” หล่อนตอบกลับมา แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมเสียงแปลกจัง”

นี่แหละปัญหาใหญ่ คุกใต้ดินไม่เหมือนบ้านซอมซ่อหลังนั้น เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเด็กสาวได้ด้วยการซ่อนตัวตามพุ่มไม้หรือเสาสักต้น ที่สำคัญคือที่ตั้งของคุกนั้นมืดสนิท ดวงตาของเขาจะเรืองแสงเหมือนดวงตาของแมวในยามค่ำคืน คงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าเสียงกรีดร้องของพวกหล่อนทุกคนไม่ดึงเหล่าปิศาจและแม่มดทั่วทั้งคฤหาสน์ลงมา

       แต่ถ้าเขาอธิบายให้พวกหล่อนเข้าใจก่อน บางทีพวกหล่อนอาจจะเชื่อฟังเขา “ใช่ อาการป่วยของผมทำให้เสียงและดวงตาของผมผิดปกติ”

จากคุณ : g_maru
เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 17:54:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com