Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ห์ลายโบตั๋น >>> บทที่ ๒ ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10877060/W10877060.html

.................................................................


ทันที่ทีเซียงซือโหมวกลับมาถึงจวนตระกูลเซียง เขาก็เดินไปยังห้องทำงานของตน โดยมีซ่งเสวี่ยน...พ่อบ้านประจำตระกูลเซียง เดินมาสมทบเพื่อรายงานข่าวสารต่างๆ ตามหน้าที่

“นายท่านออกเดินทางไปเมืองหางโจวตั้งแต่ตอนบ่าย เพราะมีรายงานด่วนเข้ามาว่า เขื่อนกั้นน้ำที่นั้นมีรอยรั่ว”

คนฟังพยักหน้ารับรู้ เดินไปเปิดลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ในผนังออก

“ท่านแม่ทัพเว่ยเหยียนฟงกลับจากไหวอี้มาถึงอู่ซื่อเมื่อเช้านี้ โดยนำท่านหญิงเฟยฉางเอ๋อกลับมาด้วย” คนเล่าเสียงเบาลง “มีเสียงซุบซิบกันในหมู่สาวใช้ที่จวนตระกูลเว่ยว่า กลับมาครั้งนี้ท่านหญิงมีนิสัยเปลี่ยนไปจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกับในอดีต”

เซียงซือโหมวชะงักเล็กน้อย หันกลับมองพ่อบ้านและลูกน้องคนสนิทที่เป็นลูกชายของแม่นม “เหยียนฟงยังรับฉางเอ๋อกลับเข้าจวนอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่าที่เหยียนฟงพาฉางเอ๋อไปไหวอี้ครั้งนี้ ก็เพื่อจะพานางคืนตระกูลเฟ่ยเสียอีก”

“ท่านแม่ทัพใจคอกว้างขวาง เรื่องที่ท่านหญิงหนีออกจากจวนไปเมื่อปีก่อน ท่านคงจะให้อภัยแล้ว”

คนฟังส่ายหน้า “ถึงเหยียนฟงจะเป็นคนใจกว้างเพียงใด แต่กลับเป็นคนเคร่งประเพณีอย่างมาก หากเมื่อปีก่อนฉางเอ๋อหนีตามชายชู้ไปจริง ก็ไม่น่าที่เขาจะรับนางกลับเข้าตระกูลอีก ต้องมีสาเหตุอื่นอีกแน่”

“หรือจะเกี่ยวกับผ้าแพรลงนามการก่อกบฏที่ท่านกำลังหาอยู่”

“อาจจะใช่และไม่ใช่ ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าผ้าแพรผืนนั้นหายไปได้อย่างไร ถึงจะคาดว่านางเป็นคนขโมยไป แต่ก็ยังไม่แน่ชัด เอาเถอะ... แล้วเรื่องนี้ข้าจะลองสืบกับทางเหยียนฟงอีกครั้ง” เซียงซือโหมวเอ่ยตัดบท ขณะที่ดึงภาพม้วนหนึ่งออกมาจากช่องลับ เดินไปคลี่แผ่บนโต๊ะ

“นอกจากเรื่องท่านแม่ทัพเว่ยแล้ว สายของเรายังรายงานมาว่า มีจดหมายจากตระกูลอี้ส่งมาถึงตระกูลจางแจ้งข่าวว่า จางเหวินอี้จะเดินทางจากซูโหยวมาถึงอู่ซื่อในเช้าวันพรุ่งนี้”

“ซ่งเสวี่ยน เจ้าไขตะเกียงให้สูงกว่านี้หน่อย” เขาสั่งคล้ายไม่ได้ยินคำรายงานนั้น สายตาสำรวจภาพตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ทำให้ซ่งเสวี่ยนไขตะเกียงให้สว่างมากขึ้น

“รูปของจางเหวินอี้ที่ท่านเคยให้สายลับของเราที่ซูโหยววาดส่งมาให้นี่ มีอะไรหรือขอรับ”

“เจ้าคิดว่า ภาพนี้จะเหมือนจางเหวินอี้ตัวจริงแค่ไหน”

ซ่งเสวี่ยนมีสีหน้างุนงงเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังคงตอบตามที่คิด เพราะเคยชินเสียแล้วกับคำถามแปลกๆ ที่ไม่มีที่มาที่ไปของคนตรงหน้า

“เห็นว่าภาพนี้สายของเราจ้างช่างเขียนฝีมือดีที่สุดของซูโหยวเขียนให้ ดังนั้นมันน่าจะมีส่วนคล้ายคลึงกับจางเหวินอี้ตัวจริงอยู่พอสมควร ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ส่งมาให้ท่านดู”

เซียงซือโหมวทรุดตัวลงนั่ง ยกภาพนั้นขึ้นมองอย่างพิจารณาเงียบๆ ก่อนจะวางภาพลงบนโต๊ะอีกครั้ง “พรุ่งนี้เจ้าส่งพิราบไปแจ้งสายที่ซูโหยวให้หาภาพเหมือนของจางเพ่ยหลินมาให้ข้าอีกหนึ่งรูป”

“จางเพ่ยหลิน...” คนรับคำทวนชื่อเป้าหมาย ทบทวนความจำเพียงชั่วครู่ก็นึกออก

“จางเพ่ยหลินน้องสาวร่วมมารดาของจางเหวินอี้ที่เดินทางจากตระกูลจางไปอยู่ที่ซูโหยวพร้อมกันใช่ไหมขอรับ ท่านจะต้องการรูปของนางไปทำไมกันขอรับ ข้าได้ข่าวมาว่า นางเป็นสตรีที่อาภัพเรื่องรูปโฉม แถมสุขภาพยังอ่อนแอ ดังนั้นจึงค่อนข้างเก็บตัวอยู่แต่ในห้องหอเกือบตลอดเวลา ยามที่ออกมานอกจวนก็จะนั่งอยู่แต่ในเกี้ยวที่ปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้า ซ้ำยังมีข่าวลือว่า ตอนนางอายุสิบสี่ปี มีคุณชายท่านหนึ่งเคยลอบเข้าไปในจวนเจ้าเมืองซูโหยวเพื่อดูหน้านาง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ออกมาสาบานว่า ถึงนางจะมีสมบัติมากมายจนใครได้แต่งงานด้วยสามารถมีกินมีใช้สบายไปทั้งชีวิต เขาก็จะไม่ยกขบวนแม่สื่อไปสู่ขอนางแน่นอน” คนเล่าส่ายศีรษะ น้ำเสียงที่พูดต่อแฝงแววสมเพชเวทนาคนที่ถูกกล่าวถึงเล็กน้อย

“จะว่าไปแล้ว แม่นางจางเพ่ยหลินเป็นถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลจาง และเป็นหลานสาวที่อี้ซานผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นำตระกูลอี้คนปัจจุบันรักใคร่ทะนุถนอมยิ่งนัก ดังนั้นเป็นที่คาดกันได้ว่า สินเดิมที่จะติดตัวนางไปยามแต่งงานออกเรือนคงมากมายจนทำให้แม้แต่ตระกูลขอทานยังกลายเป็นเศรษฐีได้ภายในพริบตา แต่กลับมีคนถึงขนาดสาบานว่า แม้นางจะร่ำรวยเพียงใดก็จะไม่ขอแต่งงานด้วย อย่างนั้นก็แสดงว่านางคงจะอัปลักษณ์ไม่ธรรมดาทีเดียว”

มุมปากคนฟังกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อย้อนคิดถึงเด็กสาวที่ตนเคยรู้จักในอดีต

“หน้าตาของเพ่ยหลินคงไม่น่าเกลียดน่ากลัวถึงเพียงนั้นหรอกมั้ง แต่ก่อนนางก็เพียงแค่อ้วนกลมเท่านั้น“

“ข้าไม่รู้ความจริงหรอกขอรับ ที่ข้าเล่าเป็นเพียงข่าวลือที่ได้ยินมาเท่านั้น”

สายตาเซียงซือโหมวมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง “แล้วเจ้าคิดว่า มันแปลกไหม หากมีบุรุษปลอมเป็นสตรีไปเดินอยู่ที่หย่านซือ”

คิ้วของพ่อบ้านตระกูลเซียงขมวดเข้าหากัน แววตายังคงงุนงง “ย่านหย่านซือเป็นแหล่งเริงรมย์ บุรุษปลอมเป็นสตรีไปหย่านซื่อจะมีประโยชน์อันใด ถ้ามีบุรุษทำเช่นนั้นจริง ข้าคิดว่าธุระที่คนๆ นั้นไปทำ ย่อมไม่ใช่เพียงแค่การไปเที่ยวหาความสำราญแน่นอน”

“นั่นสิน่ะ...”

ซ่งเสวี่ยนมองสีหน้าครุ่นคิดของนายหนุ่ม แล้วเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “นายน้อยไปเจอใครทำเช่นนั้นหรือขอรับ”

นิ้วชี้ของคนที่นั่งเคาะลงบนภาพ

“อย่าบอกน่ะขอรับว่าคนที่ทำเช่นนั้น...” คนสนิทเบิกตากว้าง จ้องภาพชายหนุ่มรูปร่างโปร่งบางในชุดสีขาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เมื่อคิดถึงความเก่งกาจสามารถซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขานกันในวงการค้าว่า ตั้งแต่จางเหวินอี้เข้ามาคุมบังเหียนการค้าของตระกูลอี้แทนอี้ซานผู้เฒ่า สมบัติของตระกูลอี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มาก... จนกระทั่งหากตระกูลอี้ไม่กล้ารับว่าตัวเองร่ำรวยที่สุดในเมืองซูโหยว ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านแห่งการค้าที่มั่งคั่ง ก็คงไม่มีคหบดีตระกูลใดกล้าน้อมรับคำว่าร่ำรวยลำดับหนึ่งแน่นอน

แต่... เมื่อมีเสียงชื่นชมก็ย่อมมีเสียงว่าร้ายตามมาเป็นธรรมดา เพราะเขาได้ยินมาว่าจางเหวินอี้เป็นคนที่ทำการค้าด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ไร้ความปราณีต่อศัตรูการค้าอย่างยิ่ง แม้กระทั่งมีพ่อค้าจากนอกด่านกระทำเรื่องที่ผิดใจเขาเพียงเล็กน้อย จางเหวินอี้ถึงขนาดมีคำสั่งให้ทำลายการค้าทั้งหมดของพ่อค้าคนนั้นในต้าโมวทันที

“ใช่...คนในรูปนี้” เซียงซือโหมวตอบ เมื่อเห็นคนสนิทยังยืนอึ้ง สายตาสับสน คิ้วขมวดมากขึ้น

“แต่บุรุษต่อให้พยายามแต่งกายเท่าไร ก็คงไม่สามารถเหมือนกับสตรีได้แน่นอน คนที่ฉลาดอย่างจางเหวินอี้จะกระทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์เช่นนั้นหรือขอรับ”

“นั่นแหละที่ทำให้ข้าสงสัย” เขาทิ้งตัวพิงพนักพิง “และที่สำคัญเหวินอี้ที่ข้าพบ หากบอกว่าปลอมตัวเป็นสตรี เขาก็เหมือนสตรีมากจนข้าไม่สามารถแยกออกว่าเป็นบุรุษ หากข้าไม่เคยเห็นภาพๆ นี้มาก่อน ข้าต้องไม่ฉุกใจสงสัยแน่นอน”

คนสนิทมองภาพนั้นชั่วครู่ ก่อนมีท่าทางเข้าใจในความนัยของนายหนุ่ม

“เพราะอย่างนี้นี่เอง ท่านถึงสงสัยว่า คนที่เจออาจจะเป็นแม่นางเพ่ยหลินก็ได้” ซ่งเสวี่ยนนิ่งไปชั่วอึดใจ แววตาฉายแววดูแคลนคนในรูปขึ้นมาทันควัน “หรือ... จางเหวินอี้จะใช้น้องสาวของตัวเองมาทำงานเสี่ยงอันตรายเพื่อแผนการใหญ่ของตน หากเป็นเช่นนั้นเขาก็ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมดั่งข่าวลือจริงๆ”

เซียงซือโหมวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ สีหน้ายังคงครุ่นคิด ขณะที่มือม้วนภาพแผ่นนั้นแล้วลุกขึ้น เก็บมันกลับในช่องลับ

“ใช่แล้ว” ซ่งเสวี่ยนร้องออกมาเสียงดัง “ข้าเกือบลืมรายงานท่านอีกเรื่องหนึ่ง สายของเรายืนยันมาแล้วว่า เรืออินทรีขาวของตระกูลอี้จะเข้ามาเทียบท่าที่อู่ซื่อแห่งนี้ในวันพรุ่งนี้ และเห็นว่าระหว่างทางได้แวะจอดที่ท่าเรือเมืองเผยเป็นเวลาหนึ่งคืน”

มือที่กำลังปิดลิ้นชักชะงัก หันกลับมามอง “แวะเมืองเผยที่ตระกูลเฉิงปักหลักอยู่อย่างนั้นหรือ แล้วพรุ่งนี้จางเหวินอี้และเรืออินทรีขาวก็มาถึงอู่ซื่อเกือบพร้อมๆ กันอีก ช่างบังเอิญเหลือเกิน”

“ขอรับ ข้าก็คิดเช่นกันว่า มันบังเอิญจนเกินไปจริงๆ”

“ถ้าเช่นนั้น...” ดวงตาเรียวสีดำสนิทเป็นประกายเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ริมฝีปากขยับยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง “สมัยก่อนเหวินอี้ก็นับว่าเป็นสหายสนิทของข้าคนหนึ่ง ในเมื่อเขากลับมาอู่ซื่อเช่นนี้ ข้าก็ควรไปทักทายเขาหน่อยสิน่ะ จึงจะเรียกว่าสหายที่ดีได้”

ซ่งเสวี่ยนขยับตัวเดินตามร่างสูงโปร่งออกจากห้องทำงาน ขณะที่ในใจเริ่มนึกสงสารเหยื่อรายล่าสุดที่ถูกนายหนุ่มสนใจจับตามองขึ้นมาทันที


............... (มีต่อค่ะ) ...............................

จากคุณ : w_panda
เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 54 22:16:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com