Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มือถือเครื่องใหม่…กับยายของผม ติดต่อทีมงาน

“ และ….ผู้ชนะเลิศในการแข่งขัน Tekken tournament ประจำปีนี้ก็คือ……   ”
เสียงพิธีกรดังกระหึ่มไปทั่วฮอลอันโอ่โถงของอิมแพคอารีน่า   คลอด้วยเสียงดนตรีบรรเลงเร้าอารมณ์  ที่พลอยจะนำหัวใจผมเต้นระส่ำจนแทบไม่เป็นจังหวะ….
แสงไฟแฟลซ จากกล้องแวบวาบเข้านัยน์ตาผมจนต้องกระพริบตาถี่ๆ  จากเวทีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ มองลงไป ก็จะเห็นฝูงมหาชนเบื้องหน้าอันล้นหลามราวกับขนมาทั้งกรุงเทพ  … ทว่าในตอนนี้ทุกคนต่างเงียบกริบ   ทุกสายตาต่างจ้องมองมาบนเวทีอย่างลุ้นระทึก
เสียงเพลงหยุดลง…..   พร้อมกับเสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง
“  ………. และ  แชมเปี้ยนคนล่าสุดของเราก็คือ….  ”   ถึงตรงนี้ผมแทบจะหยุดหายใจ
“ …เจ้าต้อมมมมม!!!!!  ”      
ผมสะดุ้งเฮือก  …นี่ผมฟังไม่ผิดใช่มั้ย  นั่นมันชื่อผมนี่  ………...เอ แต่ทำไมมันมี ’เจ้า’ด้วยหว่า??
แล้วผมก็รู้ในวินาทีถัดมา…
“ ตื่นได้แล้วว!!    เอ็งจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ!! ”  
……..
‘ ชัดเลย…..ยายผมเอง ’
ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจอย่างเซ็งๆ   เห็นยายแกยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าประตูห้อง    เหลือบขึ้นไปหน่อยก็เห็นนาฬิกา บอกเวลา  หกโมงสิบนาที
“ โห  ยาย   อะไรเนี่ย  เพิ่งจะหกโมง ”  ผมเกาหัวอย่างหงุดหงิด   “ นี่มันวันเสาร์นะยาย    ตื่นสายหน่อยคงไม่เป็นไรม๊างง ”
“ วันนี้วันพระ   เอ็งก็น่าจะตื่นเช้าๆหน่อยจะได้ทันใส่บาตร  ”   ครับ… แล้วแกต้อนรับเช้าวันใหม่ของผมด้วยการบ่น  
“ ….โตแล้ว  ต้องหัดทำบุญทำทานมั่ง  รู้มั้ย ”
“ ฮะ  ยายย ”  ผมตอบรับอย่างเสียไม่ได้  เพราะรู้ว่าถึงเถียงไปก็คงไม่มีประโยชน์   เผลอๆอาจโดนจัดเต็มชุดใหญ่เข้าให้อีก
“งั้นรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วตามลงมานะต้อม”   ยายว่า  ก่อนจะเดินกลับลงไปข้างล่าง

นี่ก็ปาเข้าไปจะสองเดือนแล้วครับ ที่ผมต้องอยู่กับยายเพียงลำพังสองคน    …เนี่องจากแม่ผมเค้าต้องย้ายไปช่วยงานที่ออฟฟิศสาขาฮ่องกงประมาณ 5 เดือน   จริงๆก็แอบวิตกหน่อยๆครับเพราะผมกับยายมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด    โดยจะมีแม่เป็นคนกลางคอยช่วยประสานให้   แต่ตอนนี้  พอไม่มีแม่แล้ว …คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น  

ผมกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอนซักสองสามตลบก่อนจะลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย  ตายังจะลืมไม่ค่อยขึ้นเลย   แต่ก็ต้องไปอาบน้ำ แปรงฟันและแต่งตัว     จริงๆก็อยากนอนต่ออีกซักงีบ  แต่ด้วยสัญชาติญาณสัตว์โลก มันเตือนผมว่า ‘ไม่ดีม๊างง??’ - -“  
ผมเดินตามยายไปหน้าบ้าน    ยืนรออยู่ประมาณ 10 นาที  พระก็มา   เราใส่บาตรกันเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าบ้าน   โดยผมเดินถือถาดและโถข้าวไปวางตรงซิงค์ล้างจาน  ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงๆกลับขึ้นไป
…แต่ดูท่าจะไม่ทันซะแล้วแฮะ…. ^ ^”
“ นี่เจ้าต้อม….เมื่อคืนทำอะไรดึกดื่นห๊ะ ไม่หลับไม่นอน ”   ยายเริ่มเปิดประเด็น  “ตอนสองยาม   ยายลุกมาเข้าห้องน้ำ  ยังได้ยินเสียงตึ๊งๆอยู่เลย”
“ โห่  ยาย  จริงๆต้อมจะนอนตั้งนานแล้ว     แต่เพื่อนต้อมอะดิ  มันลากไปคุยในเอ็ม  ”   ผมตอบ  
“ แล้ว  ไอ้เอ็มเอิมอะไรของเอ็ง   นี่มันเป็นยังไงวะ ยายไม่รู้จัก”
‘ แย่ล่ะสิ  ดันเผลอใช้ศัพท์เทคนิคไปซะได้ ’  ผมนึกในใจ  

จำได้ว่าคราวที่แล้วยายเคยถามผมเรื่องอีเมล  …เริ่มจากการที่แกต่อว่าผมว่าทำไมไปเรียกเค้าว่า  ‘อี’   ผมก็พยายามอธิบายแกไปอยู่นานสองนาน   ใช้เวลาประมาณเดือนเศษๆกว่าจะอธิบาย(พร้อมยกตัวอย่างประกอบ)ให้แกเข้าใจว่ามันเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิค ซึ่งก็ทำให้ผมภาคภูมิใจมาก …….และในคืนถัดมาแกก็ตอกย้ำความภาคภูมิใจของผมด้วยคำถามที่ว่า  

‘…แล้วไอ้บุรุษไปรษณีย์นี่เค้าทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ ’
…
…..ตึงงง…….
(นึกภาพตัวการ์ตูน  ที่ล้มลงไปขาชี้ฟ้า)
…
“ เอ้อ  มันก็เป็นโปรแกรมเอาไว้คุยกันในเน็ตอะยาย  ”  ผมพยายามอธิบายให้มันลัดสั้นที่สุด
…. เฮือก…  แต่ผมเจือกเผลอใช้ศัพท์เทคนิคอย่าง  ‘โปรแกรม’  กับ ‘เน็ต’  ไปด้วยอะดิ  - -“
(ไม่งั้นจะให้ผมอธิบายยังไงอะ  …..’ มันเป็นคำสั่งปฏิบัติการสมองกลที่เอาไว้สื่อสารกันในเครือข่ายโยงใยเสมือนจริง’  อย่างงั้นเรอะ……  ยายแกคงจะเขวี้ยงกบาลผมด้วยฟันปลอมอะดิไม่ว่า    )
“ เออๆ    ช่างเหอะ ….ยังไงคราวหลังก็อย่านอนให้มันดึกมากละกัน”
 ผมโล่งอกอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน   หันไปทำมือเยส   ก่อนจะหันกลับมาตอบยาย  “ ฮะยาย ”
“ เออ  แล้วนี่เอ็งล้างจานรึยังเจ้าต้อม ”  ยายเหมือนจะนึกขึ้นได้
“ เดี๋ยวลงมาล้าง ยาย   ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ ”  ผมตอบทันควัน  
ว่าแล้วผมก็วิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างสบายใจ  ไปเปิดเอ็มทิ้งเอาไว้  แล้วแวบไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย   วันนี้วันพระ  ไม่อยากพูดโกหกให้ผิดศีล    เสร็จแล้วผมก็กลับไปนั่งดูเอ็ม   ปรากฏว่ายังไม่มีใครออนเลยแฮะ สงสัยยังไม่ตื่นกัน   เลยเปลี่ยนไปเช็คเฟซบุค     โอ้ว   เพื่อนมาเม้นรูปแพลงกิ้งผมตรึมครับตรึม  
ผมนั่งอัพรูปไปซักพัก ก็ได้ยินเสียงยายตะโกนมาจากข้างล่าง      
“ เจ้าต้อม  ทำอะไรอยู่  ….ลงมากินข้าวได้แล้ว!! ”
“ แป๊บนึงยาย ” ผมตะโกนตอบไป
“ เร็วเข้า  เจ้าต้อม     เดี๋ยวแกงจืดเย็นหมด!! ”
“ ฮะ  ฮะ  ไปแล้วยาย ”  ผมรีบลงรูปให้เสร็จ   แล้วรีบวิ่งแจ้นลงข้างล่าง  ไปยังโต๊ะกินข้าว
เห็นยายกำลังนั่งมาคุอยู่ที่โต๊ะ   จนผมสัมผัสได้ถึง’ออร่าสังหาร’(  หรือรังสีอำมหิต ..หรือพลังกดดันวิญญาณ อะไรก็ตามแต่ ) แผ่ซ่านมาวูบหนึ่ง
“ไหนบอกไปเข้าห้องน้ำไง  ทำไมนานแท้ ”
“….เอ้อ    ต้อมก็แวะไปลงรูปในคอมนิดหน่อยอะยาย  ”  ผมยิ้มแหยๆ  ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง
“ เอ็งนี่น๊า   ชอบเถลไถลอยุ่เรื่อย ” ยายบ่นขณะกำลังตักข้าวจากหม้อใส่จานผม (ผมยกมือไหว้ขอบคุณ  แล้วรับมา)  “จานชามก็วางทิ้งไว้อย่างนั้นอะนะ  ล้างก็ไม่ล้าง ”
“ อู้หู ยาย   วันนี้มีแกงจืดเห็ดหูหนูด้วย  ของโปรดเลย ”  ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง  หลังจากเห็นท่าไม่ค่อยดี
“เออ   เจ้าต้อม   วานไปหยิบไข่ตุ๋นในซึ้งให้หน่อยสิ  ”
“ครับผม”    ผมรีบตอบฉะฉานแล้วเดินไปที่ซึ้ง  พอเปิดฝาออกมา  ควันพวยพุ่งออกมาเต็มหน้า  จนปัดแทบไม่ทัน
ผมเปิดลิ้นชัก หยิบผ้าออกมารองมือแล้วค่อยๆจับชามออกมาจากซึ้ง  แล้วเอามาวางไว้ที่โต๊ะ
“ ยายนี่ก็น๊า ”  ผมว่าขณะกลับมานั่งที่เก่า   “ แม่เค้าซื้อไมโครเวฟมาให้ก็ไม่ยอมใช้ มันจะได้สะดวกๆหน่อย ”
“ ก็ข้าชอบของข้าแบบนี้นี่หว่า ”  ยายตอบขณะตักผัดผักใส่จานแก  “ แล้วไอ้ไมโครเวฟอะไรนั่นมันก็ใช้ยากจะตาย…ตู๊ด <เซ็นเซ่อร์>  ปุ่มเปิ่มอะไรไม่รู้เยอะแยะ ”
“ …ก็สอนแล้วไม่จำเองนี่นา ”  ผมบ่นพึมพำ ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก  
“ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง…ตึ่ง ตึ๊ง ตึง ….”  เสียงอินโทร  เพลงเปิดของ bleach  ดังขึ้นมาจากมือถือในกระเป๋ากางเกงผม
ผมเลยหยิบขึ้นมากดรับ
“ ฮัลโหล  เออว่าไงวะป๋อม  ”  ผมพูดกับเสียงในสาย   “ อ๋อๆ … เออ  ยังไม่ได้ทำเลยว่ะ   เปล่า  …มันยังไม่ส่งอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ …       เออ   แล้วไอ้หนังสือที่เราฝากซื้อ  ตกลงได้มั้ยวะ…………………..     ”  ผมคุยไปได้ซักพัก(ประมาณนาทีเศษๆ)  ก็เผอิญเหลือบไปสบตาจ๊ะเอ๋กับยายเข้าให้  ผมเลยยิ้มแหยๆ  แล้วพูดขัดไปว่า
“ เฮ้ยๆ  ไอ้ป๋อม  งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวโทรกลับ   คือเรากินข้าวกับยายอยู่ว่ะ ”    
ผมวางโทรศัพท์ไอ้ป๋อมเสร็จแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“ นี่เจ้าต้อม  ”     ได้ยินเสียงยายพูดขึ้น  ( ……กะแล้วเชียวว!!!)
“ มันมีธุระเร่งด่วนอะไรนักหนาเนี่ย ห๊ะ   ถึงต้องคุยโทรศัพท์ตอนกินข้าวเนี่ย “  
“ หูยยย …  ยาย   ก็มัน…..เอ้อ …มัน  ”   ผมนึกข้ออ้างไม่ค่อยออก  
“ …พอดีการบ้านมันต้องรีบส่งอะยาย ”
“  แล้วมันต้องรีบจนถึงขนาดต้องคุยคอนกินข้าวเลยเหรอ ”
ผมหัวเราะแหะๆ  “ … มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ”
“ แล้วอีกอย่างนะ  บ้านเจ้าป๋อมนี่มันก็อยู่ถัดไปสองหลังเองไม่ใช่เหรอ  ทำไมต้องโทรศัพท์คุยกันด้วย  ” ยายแถมให้อีกกระทง
“ โอ๊ยยย   เดี๋ยวนี้เค้าก็โทรคุยกันทั้งนั้นแหละยาย   จะต้องมาเดินกันทำไมให้เมื่อยตุ้ม ”
ผมเห็นยายส่ายหน้าเบาๆ
“ เอ็งนี่มันเหมือนแม่เอ็งไม่มีผิดเลยว่ะ   เจ้าต้อม  ”
….แล้วเราก็ก้มหน้าก้มตากินกันต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันต่อ       ผมกินเสร็จก่อนยาย   เลยรีบลุกไปล้างจานให้เสร็จ   แล้วรีบบึ่งไปยังห้องรับแขกเพื่อโจ้เกมส์ play 3 อันเป็นภารกิจสำคัญของเสาร์อาทิตย์ที่ขาดไม่ได้    
นั่งเล่นไปได้ชั่วโมงนิดๆ  ก็ได้ยินเสียงยายเรียกมาจากหลังบ้าน
“ ต้อมเอ้ย….มานี่หน่อย ”
“ เดี๋ยวแป๊บนึงยาย”  
ผมกำลังทำการรบติดพัน   จึงไม่อาจปลีกตัวไปได้แม้แต่นาทีเดียว
….ซักพักแกก็เรียกขึ้นมาอีก
“ เจ้าต้อม   มานี่  ยายจะวานไปซื้อกะทิให้ยายหน่อย     ”
“ แป๊บนึงยาย ”
“ ก็เห็นแป๊บๆ  มาหลายแป๊บแล้วนะเจ้าต้อม”
“หูวว  ยาย กะลังสู้บอสอยู่   มันสต๊อปไม่ได้จริงๆ ”
“ เออๆ  งั้นไม่ต้องมาแล้วเว้ย ”  ท่าทางยายชักจะเริ่มมีน้ำโห
“เดี๋ยวข้าไปเองก็ได้”
“  ฮะ ….ยาย   เดี๋ยวไปแล้ว ………..เอ้าๆๆ  เฮ้ย….อะไรเนื่ย  ตายเลย ” ผมบ่นอุบ  หลังจากโดนบอสอัดคอมโบต่อเนื่องจน game over  
 “ โห่  เพราะยายคนเดียวเลยเนี่ย  ต้อมเลยแพ้เลย   ดูดิ๊ ”  ผมบ่นมาตลอดทางขณะเดินมาหายาย
เห็นแกกำลังนั่งโขลกน้ำพริกอยู่บนเสื่อผืนโปรด  
“ อะไรของเอ็งวะไอ้ต้อม ”  ยายบ่น  “แพ้ก็เล่นใหม่ได้นี่หว่า ”    
แล้วยายก็ยื่นแบ๊ง  50 มาให้    
.” เอ้านี่   ไปร้านเฮียซ้งซื้อกะทิกระป๋องให้ยายหน่อย   ”
“  โห่  ยาย    ยังจะมานั่งตำน้ำพริกอยู่อีก     เครื่องปั่นมีก็ไม่ใช้เนอะ  ”  ผมว่า
“ ไอ้นี่…ไม่รู้อะไร ”  ยายว่า “ ปั่นเอา มันสู้ตำเองโขลกเองไม่ได้หรอกโว้ย ”
“ ตำเอาเอง  แล้วมันเมื่อยมั้ยยาย ” ผมเถียง
“ มันจะเมื่อยมันจะขบอะไร  มันก็เรื่องของข้า  ….เอ็งไม่ได้มาเมื่อยกับข้าซักหน่อยนี่หว่า? ” ยายตอบกลับ
“ เออๆ  ตามใจยายละกัน   …ผมไปและ ”   ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกจากบ้านไปยังร้านเฮียซ้ง  เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย  
ร้านเฮียซ้งนี่เป็นร้านของชำกิตติมศักดิ์ประจำครอบครัวผม   มีอะไรก็ไปซื้อเอาได้ที่นี่   นอกจากร้านจะอยู่ใกล้บ้านแล้ว  เจ้าของร้าน เฮียซ้งเอง แกก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของแม่ผม   เรียกว่าคบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ไปถึงร้านก็เห็นแกกำลังจัดของอยู่หน้าร้าน
“ เฮีย  หวัดดี ”  ผมยกมือไหว้แก   “  ยายให้มาซื้อกะทิกระป๋องนึง ”  
“ เออๆ  หวัดดีเจ้าต้อม ”  หันมายิ้มให้ผม  มือกำลังง่วนอยู่กับการจัดลูกอมใส่ขวดโหล
“ เดี๋ยวแป๊บนึงนะ ”   ว่าแล้วแกก็เดินหายเข้าไปในร้าน เพื่อไปหยิบกระทิมาให้ผมอย่างคล่องแคล่ว    ร้านแกก็ใหญ่ ของก็เยอะ ผมล่ะนึกไม่ออกจริงๆว่าแกจำตำแหน่งและราคาข้าวของทุกชิ้นได้ยังไงหมด  
“ เอ้านี่ ”  แกกลับออกมายื่นกระทิกระป๋องให้  “ไม่ใส่ถุงนะ  …ลดโลกร้อน”  แกพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี
“ ครับเฮีย ”  ผมว่าพลางยื่นแบ๊ง 50 ให้แก
“ เออ   แล้วยายเป็นไงมั่งล่ะ ”  แกถามขณะกำลังไปค้นตังค์ทอนในกระป๋องให้
“ โอ๊ยย  ไม่ต้องห่วง … แข็งแรง   ”  ผมว่า  “ มีแรงบ่นทุกวัน ”  
แกหัวเราะร่วน  ก่อนจะยื่นตังค์ทอนให้ผม
“ เอ้อ  แสดงว่าแข็งแรงจริงเว้ย ”
“  ตะกี๊ยังนั่งตำน้ำพริกป๊อกๆอยู่เล้ย เฮีย …  บอกให้ใช้เครื่องปั่นก็ไม่เอา ”  ผมฟ้อง
“ ยายแกนี่นะดื๊อดื้อ   เครื่องใช้อุปกรณ์ไฮเทคอะไรเนี่ย แกใช้ไม่เป็นซักอย่าง”
“ช่างแกเหอะ ต้อม” เฮียซ้งว่า “ ยอมๆแกหน่อย  แกแก่แล้ว ”
ผมพยักหน้า แล้วก็เดินกลับบ้านไป
….
“ เอ้า ยาย ” ผมยื่นกะทิกระป๋องให้ยาย  “ ว่าแต่  ยายจะเอาไปทำอะไรเหรอ ”
“ ยายจะเอาไปทำแกงเขียวหวาน  ”  ยายว่า ขณะกำลังง่วนกับการตำน้ำพริกป๊อกๆไปด้วย   “ จะเอาไว้ใส่บาตรวันเกิดพรุ่งนี้ ”
….แล้วก็ไปนั่งเล่นเกมส์ต่อซักหน่อย  เดี๋ยวสายๆค่อยออกไป  วันนี้นัดกับเพื่อนว่าจะไปดูทรานส์ฟอร์เมอร์กัน

พอถึงสิบโมงผมก็เลิกเล่นเกมส์แล้วไปเปลี่ยนชุด(จริงๆก็แค่เปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวแหละ)เพื่อไปดูหนัง     ก่อนจะออกจากบ้านก็เดินไปบอกยายก่อน
“ ยาย  ..ต้อมไปดูหนังนะ  เดี๋ยวบ่ายๆกลับ ”
“ เออ  อย่ากลับเย็นละกัน ”  ยายว่า ขณะกำลังนั่งเด็ดผักใส่กาละมังใบเล็ก
“ แล้วไม่กินข้าวไปก่อนรึ ”
“ไม่อะยาย  เดี๋ยวไปกินข้างนอก ”  ผมว่า  (แอบแปลกใจเล็กน้อยที่ยายไม่บ่นซักนิด)
“ อ้อ  แล้วอย่าลืมถอดสายคอมพิวเตอร์ด้วยล่ะ  ….เห็นวันก่อนลืมถอด  จะโทรหาก็ไม่ติด  ”
ยายแกหมายถึงสายโมเด็มอะครับ   โมเด็มผมมันเป็นแบบมีสาย  เวลาผมต่อเน็ตต้องถอดเปลี่ยนตลอด   เนื่องจากยายแกเปลี่ยนไม่เป็น
(ผมล่ะแอบภูมิใจนิดๆที่อย่างน้อยๆยายผม เค้าก็ใช้โทรศัพท์บ้านเป็นนะเอ้อ)
……
ผมไปถึงเมเจอร์ตอน 11 โมง ตามเวลานัด    …แต่ได้ดูจริงๆรอบเที่ยงครึ่ง   กว่าหนังจะจบก็สองโมงกว่าๆ  ไอ้โจ้เพื่อนผมมันชวนไปร้องเกะต่อ  แต่ผมขี้เกียจ เสียเวลา  กลับไปโจ้ DotA มันส์กว่าเยอะ    ผมเลยแยกกับพวกมัน เพื่อกลับบ้าน   แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้าง  ก็เหลือบไปเห็นป้ายลดกระหน่ำมือถือตกรุ่นชนิดที่ว่าถูกโคตรๆ   ก็เลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย        
จริงๆผมก็ไม่ได้กะจะซื้อหรอกครับ แค่เข้ามาดูเล่นๆ    แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า  เอ๊ะ  พรุ่งนี้วันเกิดยายแล้วนี่หว่า ซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดให้ยายซักเครื่องก็คงจะดีนะ   ยายจะได้ไม่บ่นผมเวลาโทรหาไม่ได้  เวลาที่ผมลืมเปลี่ยนสายโมเด็ม   ว่าแล้วผมก็ดูเงินในกระเป๋าตังค์    มีอยู่ห้าร้อยกว่าบาท   …..แอบเสียดายนิดๆเพราะจริงๆแล้ว ผมจะเก็บเอาไว้ซื้อการ์ตูนเรื่องโปรดให้ครบเซ็ต   แต่คิดไปคิดมาแล้วก็ เอาวะ!!   ซื้อให้ยายซักหน่อย   อยู่กับแกมาตั้งหลายปีไม่เคยซื้ออะไรให้แกเลย  มีแต่ให้ร่วมกันกับแม่
ว่าแล้วผมก็ซื้อมือถือ (เลือกอันที่ปุ่มใหญ่ๆ  ยายจะได้เห็นชัดๆ) พร้อมซื้อซิมใส่  แล้วเมมเบอร์ผมไว้ให้ จะได้โทรหาสะดวกๆ
แล้วก็กลับบ้านไปเล่นเกมส์ต่อสบายใจ

แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 06:28:32

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 18:05:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com