Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การสตาร์ทรถยนต์เกียร์ออโต้ ติดต่อทีมงาน

“ทำไมท้องฟ้าวันนี้ถึงสีหม่นจัง…”

ฉันเหม่อมองท้องฟ้าที่วันนี้สีฟ้าได้หายไปเหมือนกับใจของฉันเลย มีเพียงสีเทาๆหม่นๆมาแทนที่ ซึ่งตรงกับความรู้สึกในใจฉันตอนนี้จริงๆ บนความสูงของตึกสามสิบชั้นมันเป็นแบบนี้นี่เอง เมื่อก่อนแค่ความสูงระดับสะพานลอยฉันก็กลัวแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงไม่กลัวความสูงบนดาดฟ้าตึกนี้เลย มองไปรอบๆก็มีแต่ตึกต่างๆเต็มไปหมด แค่นี้เอง…กรุงเทพฯ

ฉันหยิบรูปถ่ายของเราขึ้นมาดูอีกครั้ง

“ไอแจ๊ค ไอเลว ไอคนไม่จริงใจ ไม่รักษาคำพูด”

“คอยดูเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่คิดถึงแกอีกแล้ว จะไม่คิดถึงแกอีกเลย”

ฉันฉีกรูปถ่ายทิ้งแล้วโปรยเศษของมันลงไปจากดาดฟ้า

จู่ๆ น้ำตาของฉันมันก็ซึมแล้วก็ล้นออกมาจากตา

“อกหัก มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”

แล้วฉันก็ตัดสินใจกระโดด…

ก็เคยดูหนังมาหลายเรื่อง วินาทีที่ตัวละครในหนังกระโดดจากตึกลอยอยู่กลางอากาศ ความคิดความรู้สึกเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตก็จะผุดขึ้นมาในหัวมากมาย ไม่รู้ว่าแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีทำไมอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ถึงได้พรั่งพรูออกมาได้มากมายขนาดนี้เหมือนกับร่างกายและจิตใจพยายามที่จะรีดเค้นทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับมันให้แสดงออกมาอีกครั้งก่อนที่จะแตกดับตลอดไป

ตุ๊บ!

…ลงจากขอบฐานรั้วกันตกของดาดฟ้ามาสู่ระดับพื้นดาดฟ้าอย่างปลอดภัย

ว่าแต่ไอคนเขียนบท มันรู้ได้ไงว่าคนกำลังจะตายเค้าจะรู้สึกอย่างนั้น ไอพวกเขียนบท เขียนนิยาย เนี่ยเคยตายมาแล้วหรือไง ทำไมฉันไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรพรั่งพรูออกมาบ้างล่ะ ถึงแม้ฉันจะแค่กระโดดจากขอบฐานรั้วกันตกของดาดฟ้ามาที่พื้นดาดฟ้าเป็นระยะแค่ 20-30 เซ็นติเมตรก็ตาม และแม้จะฉีกรูปไปแล้วแต่ในใจก็มีแต่ใบหน้าของไอแจ๊คผุดขึ้นมา ไม่มีความรู้สึกหรือเรื่องอื่นๆผุดขึ้นมาบ้างล่ะ

ขอให้ฉันคนเก่าและความทรงจำที่เกี่ยวกับเราทั้งหมดตายไปพร้อมรูปใบนั้นสักที ฉันได้แต่ภาวนาในใจพร้อมกับเดินกลับไปที่ลิฟต์

ติ๊ง!

               ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันเดินออกจากลิฟต์ที่นำฉันมาถึงชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นลานจอดรถ

แปลกเหมือนกันนะ วินาทีที่อยู่บนดาดฟ้าแต่ละวินาทีรู้สึกว่ายาวนานเหลือเกินหรือเพราะมันเต็มไปด้วยอารมณ์และเรื่องราวเก่าๆ ต่างกับวินาทีที่อยู่ในลิฟต์รู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง

ฉันเดินไปที่รถของฉัน กดสวิตซ์ที่รีโมทกุญแจรถเพื่อปลดล็อค ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย การกระทำทางร่างกายเป็นไปอย่างอัตโนมัติ แต่จิตใจยังคงคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ ยังจำวันแรกที่เขาสอนฉันขับรถได้ดี เหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

“ก่อนเข้าไปขับรถแตงต้องตรวจสอบรอบตัวรถก่อนว่ามีสิ่งกีดขวางอะไรอยู่รอบตัวรถหรือเปล่า โดยลองเดินดูรอบๆตัวรถเพราะถ้าเข้าไปนั่งในรถแล้ว มันจะมีจุดบอดที่มองไม่เห็นจากที่นั่งคนขับโดยเฉพาะพวกสิ่งของอย่างถังขยะ กระถางต้นไม้ กรวยจราจร และนอกจากนี้แตงก็ควรก้มไปดูใต้ท้องรถว่ามีแมว หมา นอนอยู่ใต้ท้องรถหรือเปล่า รวมถึงดูว่ามีคราบน้ำมันอยู่ที่พื้นใต้ท้องรถมั้ย”

           “แล้วถ้าพบคราบน้ำมันที่พื้นใต้ท้องรถ แล้วต้องทำไงคะ”

“ก็โทรเรียกพี่สิคะ หรือเรียกใครให้มาช่วยดูให้ก็ได้ เพราะต้องเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจเช็คหาอุปกรณ์ที่รั่วซึมหรือถ้าจะเช็คง่ายๆ แตงก็ลองดูที่กระปุกน้ำมันเบรค น้ำมันพวงมาลัย น้ำหล่อเย็น พวกนี้ดู เพราะน้ำมันที่รั่ว เราไม่รู้ว่ามาจากอุปกรณ์อะไร ถ้าเป็นน้ำมันเบรคละก็ อันตรายมากเลย ห้ามขับรถออกไป”

“ถ้าทุกอย่างปกติดีจึงค่อยเข้าไปนั่งเพื่อเตรียมขับ อย่าลืมรัดเข็มขัดให้เป็นนิสัยทันทีที่นั่งเพื่อเตรียมขับนะ แล้วก็ลองปรับที่นั่งให้สบายสำหรับแตงที่สุดด้วย”

“แหม กว่าจะขับรถออกไปได้เนี่ยขั้นตอนเยอะจริงๆ จะได้ฤกษ์ Start รถหรือยังคะเนี่ย”

“ใจเย็นๆจ้า เพราะก่อน Start เราต้องตรวจสอบเกียร์ก่อนว่าให้อยู่ที่ตำแหน่ง N หรือ P รวมถึงดึงเบรคมือขึ้นด้วยเพื่อป้องกันรถเคลื่อนที่ผิดทิศหรือเคลื่อนที่ทันทีหลังจาก Start”

“ตอนนี้ก็มาถึงขั้นตอน Start แล้วพร้อมรึยังจ๊ะ จะ Start แล้วนะ”

“พร้อมตั้งนานแล้วค่ะ พี่แจ๊ค”

“ที่จริงก็สามารถบิดกุญแจ Start รถได้ทันที แต่พี่อยากแนะนำให้แตงปิดสวิตซ์อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทุกอย่างก่อนจะดีกว่าเพราะจะเป็นการรวบรวมพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาเพื่อทำการ Start เครื่องอย่างเดียวจะทำให้ Start รถได้ง่ายกว่าและเป็นการถนอมแบตเตอรี่ จากนั้นเราก็บิดกุญแจ Start โดยบิดมาที่ตำแหน่ง On ก่อนแล้วค่อยมาที่ตำแหน่ง Start เป็นจังหวะ อย่าบิดรวดเดียวมาที่ Start เลยนะ ควรบิดให้เป็นจังหวะ”

“เมื่อ Start รถติดแล้ว ก็อย่าเพิ่งรีบขับออกไปทันที ควรตรวจสอบไฟบนหน้าปัดว่ามีหลอดไฟแจ้งเตือนอะไรที่ติดสว่างขึ้นมาหรือเปล่า อันเป็นการอุ่นเครื่องไปในตัวเพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นได้กระจายตัวทั่วถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ รวมถึงอย่าลืมปลดเบรคมือลงก่อนออกรถ”

“แล้วอุ่นเครื่องเนี่ย เราต้องอุ่นนานแค่ไหนคะ ไม่มีเวลาบอกเป็นช่วงเวลาที่แน่นอนหรือคะ”

“ก็คงประมาณสัก 20 วินาที ก็พอ โดยสามารถสังเกตจากเข็มชี้แสดงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นและความเร็วรอบเครื่องอยู่ในระดับปกติก็ได้จ๊ะ”

“พี่สาธิตให้ดูแล้ว แตงมาลองหัด Start ดู”

“วันหลัง ถ้าแตงขับๆ ไปแล้วรถเสียกลางทางจะมีใครมาสาธยาย อธิบาย และแก้ปัญหาให้มั้ยนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ พี่บอกไปแล้วโทรเรียกพี่ได้ทุกเวลาเลย ยิ่งถ้าแตงประสบอุบัติเหตุ พี่ก็จะดูแลทั้งรถและแตงแถมให้ด้วย”

“อ้าวนี่เห็นแตงเป็นตุ๊กตาแถมติดรถหรือไง”

“พี่พูดจริงนะ ไม่ใช่แค่รถที่พี่จะคอยดูแลให้ตลอดไป เจ้าของรถพี่ก็พร้อมจะดูแล…ตลอดไป”

“เอ่อ…คือ…”

“แตง พี่อยากจะบอกแตงมาตั้งนานแล้ว ว่าพี่รู้สึกยังไงกับแตง ความรู้สึกที่มีต่อแตงมันทำให้พี่ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวพี่เองในหลายๆอย่าง ไม่รู้ว่าแตงจะรู้สึกเหมือนกันไหม อย่างกับเราเคยเป็นคู่กันมาก่อน ถ้าวันนึงไม่มีแตงพี่คงอยู่ไม่ได้ พี่พร้อมจะดูแลแตงเสมอ ไม่ว่าแตงจะเป็นยังไงอยู่ที่ไหน พี่ก็จะตามไปดูแลทุกภพทุกชาติ พี่ขอสัญญา”

“คือ…คือแตงอยากบอกว่า เจ้าของรถคันนี้คือคุณพ่อแตง พี่คงต้องดูแลคุณพ่อแตงเพิ่มอีกคนด้วยนะคะ”

“อ้าว เหรอ ฮ่าๆๆๆ”

หลังจากวันนั้น เราก็เริ่มคบกัน พร้อมๆกับการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมถึงการถ่ายทอดความรู้เรื่องการดูแลรถ,การขับรถให้กับฉันไปด้วย แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ 3 วันก่อนนี่เอง ฉันมั่นใจว่าขับรถคล่องแล้วจึงขออาสาเป็นคนขับเอง อยากจะลองเป็นสารถีให้เขาได้นั่งชื่นชมความสามารถฉันบ้าง และในขณะที่ฉันกำลังเพิ่มความเร็วรถ จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซต์ขี่ออกมาจากซอยข้างๆปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด ฉันตัดสินใจหักรถหลบทันที แล้วรถก็ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างแรง หลังจากนั้น ฉันก็สูญเสียเขาไปตลอดกาล

มารู้สึกตัวอีกทีตอนนี้ฉันก็มาถึงวัดที่จัดงานศพแล้ว แต่ฉันก็ไม่กล้าเข้าไปจริงๆ ฉันได้แต่เสียใจอยู่เงียบๆคนเดียวตรงนี้ ได้แต่ยืนมองไอแจ๊คมันขับรถมาพร้อมกับผู้หญิงใหม่ของมัน ได้แต่มองดูมันพรอดรักกันอยู่หน้าลานจอดรถหน้าวัด

“แนน รอพี่อยู่ที่รถนะจ๊ะ แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวพี่เข้าไปร่วมงานแป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว”

“ทำไมล่ะคะ งานศพเพื่อนของพี่แจ๊ค ก็เหมือนเพื่อนของแนนนั่นแหละ แนนไม่อยากรออยู่ที่รถคนเดียว รู้สึกใจมันหวิวๆยังไงไม่รู้ค่ะแถวนี้”

“แป๊บเดียวจริงๆจ๊ะ เพื่อนพี่คนนี้ พี่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมาก เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่บริษัท รู้จักเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเอง แต่พี่จำใจต้องมาร่วมงานเพราะวันที่เขาประสบอุบัติเหตุพี่ขอติดรถเขาไปด้วยแต่พี่ไม่เป็นอะไรเลย จึงต้องมาร่วมงานแสดงน้ำใจหน่อย”

           “ฮือๆๆ ไอ้แจ๊ค ฉันตายแล้ว แกไม่เสียใจสักนิด ยังมีหน้าพาผู้หญิงของแกมางานฉันอีก ไหนบอกจะตามดูแลตลอดไป ดูแลทุกภพทุกชาติ ”

แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 22:58:27

จากคุณ : Shaolin boy
เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 22:57:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com