Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว Sci-Fi ตอนที่ 5 ติดต่อทีมงาน

“นายพูดเรื่องอะไรของนาย”

หล่งรู้จักเพื่อนคนนี้ดี รอยยิ้มบนใบหน้านั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่เชื่อคำเตือนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว 'จะชักช้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะรู้ตัวเสียก่อน'

“...เอาล่ะ ไม่ว่าเธอจะบอกอะไรกับนาย พวกมันไม่จริง เป้าหมายที่แท้จริงของเธอคือการกำจัดนาย”

ท่าทีจริงจังของเพื่อนทำให้รอยยิ้มของเขาค่อยๆ สลายไป 'เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดอยู่' เขาไม่คิดสงสัยในเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทยาศาสตร์จะฆ่าคนได้หรือไม่ เพราะเขามั่นใจว่าเรื่องราวดำมืดที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้ ล้วนมีความจริงสอดแทรกอยู่ทั้งสิ้น

มีตัวอย่างให้พบเห็นได้มากมายในประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ค้นพบได้จากบันทึกลับของเหล่าประเทศมหาอำนาจในอดีต ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้งานนักฆ่าในเครื่องแบบที่คล้ายๆ กันนี้ในหลายกรณี ย้อนกลับไปจนถึงยุคสมัยโบราณ

เขายังเคยอ่านพบข้อความที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิง แต่มีความน่าเชื่อถือกล่าวไว้ว่า 'นักฆ่านับเป็นหนึ่งในอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติ เนื่องจากพวกเราเกิดมาพร้อมกับความขัดแย้ง และพวกเราเลวร้ายมากพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ'

แต่กรณีนี้ยังขาดสิ่งสำคัญไปอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเหตุจูงใจ

“ไม่มีเหตุผลที่ทางสำนักวิทย์จะต้องทำแบบนั้นกับฉัน”

“นายผิดแล้ว พวกเขาต้องมีเหตุผลแน่ เพียงแต่นายยังไม่รู้เท่านั้นเอง”

“...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เธอก็มีโอกาสลงมือได้ตั้งนานแล้ว”

“เหตุผลเดียวที่ทำให้เธอยังไม่ลงมือ คือเธอยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ”

คำพูดนี้คล้ายเป็นประกายไฟในความมืด 'พรุ่งนี้เธอมีนัดไปรับเพชรใช่ไหม' คำถามของเธอแวบขึ้นมาในหัวทันที ชิ้นส่วนปริศนาที่เขาเฝ้าครุ่นคิดมาตั้งแต่ต้นค่อยๆ เรียงตัวเข้าด้วยกัน เปิดเผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนบางส่วนของมันออกมา

'งานลึกลับที่พ่อรับผิดชอบอยู่ กับเงินรายได้จำนวนมากมายมหาศาล'

'การตายอย่างลึกลับของพ่อที่ทางสำนักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด'

'การส่งร่างกลับมาประกอบพิธีกับทางศาสนจักร ทั้งๆ ที่ทางสำนักวิทยาศาสตร์เองก็สามารถจัดการได้ อีกทั้งสำนักวิทยาศาสตร์ กับ ศาสนจักรแห่งศาสนาจักรวาล ก็เป็นเหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ไม่มีวันเข้ากันได้อย่างเด็ดขาด'

'ผู้หญิงลึกลับพร้อมพินัยกรรมปริศนาที่เขียนบนกระดาษซึ่งหายไปได้เอง'

และ 'ทริก เจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทยาศาสตร์ที่มาปรากฏกาย พร้อมกับภารกิจติดตามไปรับเพชรที่สร้างขึ้นจากเถ้ากระดูกของพ่อ แต่เพื่อนกลับบอกว่าเธอมาเพื่อฆ่าเขา'

สิ่งที่เชื่อมโยงทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันก็คือบิดาของเขา ที่ตอนนี้คงหลงเหลือเพียงเถ้ากระดูก และอยู่ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนให้กลายเป็นเพชร ซึ่งแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ดูเหมือนว่าทางสำนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงมีความต้องการที่จะนำมันกลับไปให้ได้ อีกทั้งต้องการให้มันเป็นความลับมากที่สุด ลับจนถึงกับต้องจัดการปิดปากใครก็ตามที่มารู้เรื่องนี้เข้า

ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดเป็นปัญหาขึ้นมาเลย หากทางสำนักวิทยาศาสตร์ได้เป็นผู้จัดการกับร่างของบิดาตั้งแต่ต้น ดังนั้นผู้ที่วางแผนส่งร่างของเขาให้กับทางศาสนจักร ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวบิดาของเขาเอง และหากพินัยกรรมฉบับนั้นเป็นของจริง บิดาก็ต้องการให้เขาจัดการสานต่อในส่วนที่เหลือให้

แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าความลับที่บิดาเก็บงำเอาไว้คือเรื่องใด และมีความสำคัญอย่างไร 'ถึงแม้สำนักวิทย์จะมีอำนาจล้นฟ้า แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนจักร ก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก พ่อเองก็คงรู้เรื่องนี้ดี'

และหากเรื่องที่เพื่อนบอกมาเป็นความจริง 'พรุ่งนี้ หากก้าวออกจากพื้นที่ของทางศาสนจักรเมื่อใด เธอก็คงลงมือจัดการกับฉัน และนำเพชรเม็ดนั้นจากไปในทันที' ถึงแม้จะยังมีเวลาเหลืออีกทั้งคืน แต่หากไม่รีบหลบหนีเสียแต่ในตอนนี้ ก็คงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

เพื่อนของเขาอาจเข้าใจผิด พวกเขาอาจเข้าใจผิดกันทั้งหมด แต่มันมีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง และเดิมพันนั้นก็สูงมากเสียด้วย คือชีวิตของตัวเขาเอง เขาคงต้องตัดสินใจเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน

“...นายมีแผนอะไรก็รีบว่ามา”

รอยยิ้มกวนๆ ที่ทำให้ดวงตาของหล่งกลายเป็นเพียงรอยขีดสองขีด โผล่มาให้เห็นอีกแล้ว เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มันมักจบลงอย่างไม่ค่อยสวยงามนัก

“ขั้นแรก นายต้องรีบเปิดห่อของขวัญที่ฉันส่งไปให้เสียก่อน”

เขาพึ่งนึกออกว่าเพื่อนได้ส่งโปรแกรมบางอย่างมาให้ทดลองใช้ วันนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว ทันใดนั้นเสียงเบาๆ ของทริกก็ดังผ่านประตูห้องน้ำเข้ามาให้ได้ยิน

“...เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไปตั้งนานแล้วนะ...”

เขาได้ยินเพียงเบาๆ แต่นั่นหมายความว่าคนที่อยู่ข้างนอกต้องตะโกนเสียงดังลั่น เขารีบลากนิ้วไปมาบนหน้าจอไอพีเพื่อทำการเปิดใช้งานโปรแกรมที่ต้องการนั้น

ภาพใบหน้าของตัวอะไรบางอย่างที่ถูกออกแบบไว้อย่างน่ารักโผล่ออกมาทักทายเขาบนหน้าจอ มันมีใบหน้าสีขาว อยู่ในหัวกลมสีฟ้า ดวงตาโต พร้อมจมูกเป็นวงกลมสีแดง กับปากที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง และหนวดบนแก้มข้างละสามเส้น แต่กลับไม่มีใบหู 'นี่มันตัวอะไรกัน' ที่สำคัญคือ มันจะช่วยเขาได้อย่างไร

#####

ไอรอนก้มหน้าก้มตาทำงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างขมักเขม้น หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน เธอก็แทบจะไม่ได้แตะต้องงานที่เคยรักพวกนี้อีกเลย แต่ตอนนี้เธอกำลังดื่มด่ำกับมัน และกลับไปสู่ความรู้สึกตื่นเต้นในวัยสาวอีกครั้ง ก่อนที่อาการปวดหลัง ไหล่ และอื่นๆ จะฉุดกระชากเธอกลับมาสู่ปัจจุบัน

เธอจำต้องหยุดมือเพื่อขยับร่างกายขับไล่ความเมื่อยล้าเหล่านั้น ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งในอดีตเธอเคยต้องแข่งกับเวลาจนถึงกับต้องกินยาเพื่อป้องกันความง่วง และนั่งทำงานอยู่แบบนี้ถึงสองวันเต็มๆ 'ฉันคงต้องยอมรับว่าตัวเองแก่แล้ว'

นอกจากตัวเธอเองแล้ว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ไว้ใจได้อีกสามคนกำลังช่วยกันทำงานนี้ ความจริงแล้วเธอควรจะทุ่มสรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดของสำนักงานลงไป แต่หากทำเช่นนั้นก็จะต้องมีคนรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือจัดการกับเรื่องทั้งหมดอย่างเงียบๆ ให้เหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การสร้างความน่าเชื่อถือนั้นจำเป็นต้องค่อยๆ สั่งสมขึ้นมา และหากต้องสูญเสียมันไปแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับคืนมาโดยง่าย กว่าที่สำนักวิทยาศาสตร์จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเธอจะไม่ยอมเป็นคนทำลายมันด้วยมือของตนเอง หรืออย่างน้อยเธอก็หวังไว้เช่นนั้น

“ท่านคะ”

เธอไม่ชอบใจในน้ำเสียงของทรีดที่ได้ยินเลย

“มีอะไร”

“...ดูเหมือนมันจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะท่าน”

มันเป็นข้อความที่เธอไม่อยากได้ยินจริงๆ แต่เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน และสิ่งเดียวที่เธอไม่เคยทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็คือการอยู่เฉยยอมรับความพ่ายแพ้ เธอคือไอรอน เธอคือหญิงเหล็ก

“รีบส่งข้อมูลเข้ามา แล้วดูกันว่าเราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง”

#####

ทริกบอกกับตัวเองว่ากำลังมีบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนจนกระทั่งเมื่อเขาหายเข้าไปในห้องน้ำ 'ไม่ จนกระทั่งเมื่อเด็กที่ชื่อหล่งนั่นติดต่อเข้ามา' แววตาของเขามีอะไรบางอย่าง เธอน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไปตั้งนานแล้วนะ”

เธอตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนก้าวเข้าไปที่ประตูซึ่งไม่ยอมเปิดออก ห้องน้ำชายจะไม่เปิดให้กับผู้หญิง เหมือนกับที่ห้องน้ำหญิงก็จะไม่เปิดให้ผู้ชายเช่นกัน เธอยกมือขึ้นทุบไปที่ประตูอย่างแรง

“ฉันจะเข้าไปแล้วนะ”

แน่นอนว่าประตูทุกบานต้องยอมเปิดให้กับเจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นประตูห้องน้ำก็ตามที เมื่อเธอขยับนิ้วไปมาบนไอพีอย่างรวดเร็ว ประตูก็เด้งเปิดออก

เธอรีบก้าวเข้าไปก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า เธอก้มมองดูช่องเปิดใต้ประตูห้องเล็กๆ ทั้งสี่ห้องที่เรียงติดกันอยู่ ประตูเปิดอยู่ทุกห้อง และไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลยแม้แต่คนเดียว 'เขาหายไปไหน'

เธอรีบยกไอพีของตนขึ้นดู และอย่างไม่น่าเชื่อ ตำแหน่งที่อยู่ของคีย์กำลังค่อยๆ เคลื่อนที่ห่างออกไปเรื่อยๆ 'เขาทำได้อย่างไร' เธอไม่ยอมเสียเวลาขบคิดให้มากความ รีบออกวิ่งติดตามไปทันที

เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง คีย์ก็กระโดดลงมา เขาไม่ได้หายไปไหน เขาแค่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านในสุด เขาทำตามที่เพื่อนบอกทุกอย่าง โดยเปิดประตูทิ้งเอาไว้ ก่อนใช้แขนขาทั้งสองข้างยันผนังห้องลอยตัวอยู่ด้านหลังบานประตู 'ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงกลง่ายๆ แบบนี้'

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก”

เสียงของเพื่อนดังมาราวกับจะอ่านใจของเขาออก

“เธอไม่ได้โง่ เพียงแต่เธอเชื่อสิ่งที่ไอพีบอกมากเกินไป ก็เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ”

หล่งตรวจดูตำแหน่งของเธอที่กำลังเคลื่อนที่ห่างจากห้องน้ำไปเรื่อยๆ อีกครั้ง 'เธอวิ่งเร็วมาก' ดูเหมือนเขาจะต้องปรับแก้ความเร็วของ เงา ให้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเธอจะตามมันทันในอีกไม่กี่นาที 'แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มากจนเกินไปด้วย' เพราะจะทำให้เธอรู้ตัวว่าโดนหลอก

'ฉันหลอกเจ้าหน้าที่พิเศษได้สำเร็จ' เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ โดยไม่ได้นึกถึงผลที่จะติดตามมาจากการกระทำของตัวเองในครั้งนี้เลย ซึ่งคงจะไม่ได้มีเพียงแค่โทษตามกฏหมายเท่านั้น

“รีบมาหาฉันที่ห้องเร็ว”

เขารีบหลบออกจากห้องน้ำ ก่อนเริ่มเดินอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังห้องของเพื่อน ซึ่งอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เธอวิ่งไปเมื่อครู่นี้

“นายทำได้ยังไง”

เขายังคงสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี

“ฉันแอบทำอะไรกับไอพีของเธอนิดหน่อย ตอนที่เราคุยกัน”

“...นายเจาะเข้าไปในระบบของสำนักวิทย์อย่างนั้นหรือ”

“เปล่า ไม่ถึงขนาดนั้น โดยพื้นฐานแล้วไอพีทั้งหมดก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เพียงแต่ระดับการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละบุคคลเท่านั้นที่แตกต่างกัน”

“เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือของพวกเราที่เป็นบุคคลทั่วไปนั้นเข้าได้แค่วงนอกสุด ส่วนครู และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ลึกลงไปอีกหน่อย เป็นชั้นๆ ไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่อยู่ข้างล่าง หรือวงในสุดที่คอยเฝ้าจับตาดูพวกเราทั้งหมดอีกที ก็คือสำนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง”

“นายไม่แปลกใจบ้างเลยหรือ ที่เธอตรงไปหานายถึงห้องทดลองได้น่ะ”

เขาเองก็นึกสงสัยในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“...ก็คงเหมือนกับที่นายหาฉันเจอใช่ไหม โดยเจาะผ่านเข้าไปในระดับข้อมูลของโรงเรียน”

“ใช่ เพียงแต่เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพราะเธอมีสิทธิที่จะใช้มันได้อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทย์สามารถเข้าถึงระบบทั้งหมดได้อยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า จูเลียตเองก็สามารถเจาะระบบของโรงเรียนได้เหมือนกันใช่ไหม”

เขานึกถึงตอนที่เธอโผล่มาที่ห้องทดลองได้เหมือนกับทริก พอได้ยินอย่างนั้น เพื่อนของเขาก็ทำหน้าเบ้ทันที

“ไม่ใช่แน่ เรื่องนั้นฉันรับรองได้ อย่างยายจูน่ะ แค่ใช้ไอพีได้ก็เรียกว่ามหัศจรรย์แล้ว”

เขาไม่รู้ว่าทำไมสองคนนี้ถึงไม่ถูกกันเอาเสียเลย จูเลียตเองก็เหมือนกัน หากได้ยินเขาพูดถึงเพื่อนคนนี้เมื่อไร ก็จะทำท่าทางคล้ายๆ กันนี้ทุกครั้ง

“แล้วนายหลอกคุณทริกได้อย่างไร”

หล่งนั่งยิ้ม และรู้สึกดีที่จะได้พูดถึงผลงานของตนเอง

“ฉันแอบใส่โปรแกรมเล็กๆ ที่เขียนขึ้นเองลงไป หลอกให้ไอพีของเธอมองเห็นตำแหน่งของนายวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ในอีกทิศทางหนึ่ง พอเธอไม่เห็นใครในห้องน้ำ และไอพีแสดงว่านายกำลังหลบไปอีกทาง เธอก็ไม่ทันได้คิดให้รอบคอบว่านายจะแอบหนีออกไปได้อย่างไรกัน”

“คนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ ใช้แต่ไอพีกันจนติดเป็นนิสัย คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันบอกนั้นคือความจริง จนลืมคิดไปว่าข้อมูลทุกอย่างก็เกิดขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์นั่นเอง และมันก็อาจจะผิดพลาด หรือหลอกลวงได้ด้วยเช่นเดียวกัน”

เขาไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเพื่อน ที่เอาแต่นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอทั้งวันทั้งคืน ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังใบหน้าของเจ้าตัวประหลาดหัวกลมสีฟ้า ที่ลอยเล่นไปมาอยู่บนหน้าจอไอพีของเขาในตอนนี้

“แล้วเจ้าตัวประหลาดที่นายส่งมาเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้”

เพื่อนของเขาฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนเริ่มอธิบาย

“มันเป็นโปรแกรมตัวล่าสุดที่ฉันทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไปเลยนะ หน้าตาของมันเหมือนกับฉันเลยใช่ไหม”

เขาจ้องดู และมันก็หลิ่วตาให้กับเขา นอกจากหัวกลมๆ ที่อาจดูมีส่วนคล้ายกันอยู่บ้างแล้ว ตาที่โต กับปากกว้างนั้น ช่างตรงกันข้ามกับเพื่อนของเขาอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว

“มันคือพระเอกของวันนี้เลยทีเดียวนะ ตอนนี้มันกำลังซ่อนไอพีของนายจากเครือข่าย เหมือนกับว่านายมีผ้าคลุมล่องหนอยู่ ไม่มีใครรู้ว่านายกำลังอยู่ที่ไหน แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่รู้เลย”

“...นายพูดจริงหรือ”

“ก็จริงน่ะสิ นายต้องพยายามเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับมัน และมันเองก็จะพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับตัวนายด้วยเหมือนกัน”

มาถึงตรงนี้เขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูดเท่าใดนัก ถ้ามันเป็นโปรแกรมเขาก็ต้องสั่งให้มันทำงานได้ไม่ใช่หรือ แล้วมันจะมาเรียนรู้อะไรจากเขากันแน่

“ฉันใกล้จะถึงห้องนายแล้ว...ทางคุณทริกล่ะ”

เพื่อนของเขาตรวจสอบตำแหน่งของเธออีกครั้ง ดูเหมือนเธอยังคงวุ่นวายกับการพยายามดักจับเงา โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยว่ากำลังโดนหลอก โชคดีที่เส้นทางในโรงเรียนนั้นมีความสลับซับซ้อน มีมุม และทางเลี้ยวอยู่ทุกที่ การไล่ตามครั้งนี้คงไม่จบลงโดยง่าย

“ไม่มีปัญหา เธอยังเดินเล่นอยู่เหมือนเดิม”

“พอถึงห้องนายแล้วจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ”

รอยยิ้มของเพื่อนค่อยๆ หุบลงช้าๆ

“...อย่าบอกนะ ว่านายเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”

“ก็ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าจะแยกนายกับผู้หญิงคนนั้นออกจากกันได้อย่างไรเท่านั้น แต่จะให้หลบหนีสำนักวิทย์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย...อย่างน้อยเราก็คงต้องหนีออกจากโรงเรียน แต่จะไปที่ไหนก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน”

สิ่งที่เพื่อนพูดออกมานั้นเป็นความจริง แต่เขาพอจะนึกออกแล้วว่าจะหนีไปยังสถานที่แห่งใดดี 'อย่างน้อยก็คงหลบจากสำนักวิทย์ได้ชั่วคราว แต่ถ้าจะไปที่นั่นก็จำเป็นต้องใช้รถ' ถ้าใช้ชื่อของเขาในการขอใช้รถ ทริกคงรู้ในทันที ถ้าเป็นชื่อของหล่งอาจจะดีกว่า ถ้าเธอยังไม่รู้ตัวว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนคิดแผนทั้งหมดขึ้นมา

“นายช่วยจองรถได้ไหม”

“ได้ แต่จะหนีไปที่ไหนกัน”

ชื่อของจุดหมายปลายทาง เรียกรอยยิ้มของเพื่อนให้กลับคืนมาอีกครั้ง

“โอ นายฉลาดจริงๆ ฉันไม่ทันได้นึกถึงเลย”

เพื่อนของเขารีบลงมือขอใช้รถอย่างรวดเร็ว คำขอได้รับการตอบรับในทันทีเช่นกัน และทันใดนั้นเองก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

หล่งหมุนเก้าอี้กลับไป และรับรู้ว่าเสียงที่ดังขึ้นนั้น คือเสียงของอะไรบางอย่างที่กระแทกใส่ประตูห้องของเขา

“...นายมาถึงห้องฉันแล้วใช่ไหม อย่าล้อเล่นกันเลย”

เขาถามอย่างมีความหวัง แต่คำตอบของเพื่อนทำเอาเขารู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว

“เปล่า ฉันยังไปไม่ถึงเลย”

เขาเหลือบมองหน้าจออีกครั้ง ไอพีของคนที่เขาเคยเข้าใจว่าเป็นทริกกำลังวิ่งไล่จับเงาอยู่เหมือนเดิม คำพูดของตัวเองที่พึ่งพูดออกไปเมื่อครู่ ดังก้องอยู่ในหัว 'คนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ ใช้แต่ไอพีกันจนติดเป็นนิสัย คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันบอกนั้นคือความจริง' ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน

เขาร้องตะโกนขึ้นสุดเสียง

“ฉันจองรถให้แล้ว นายรีบหนีไป เธออยู่ที่นี่”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขาที่คีย์ได้ยิน หลังจากนั้นก็มีเสียงดังเอะอะก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความเงียบงัน

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 08:02:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com