Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บรักฝากตะวัน ตอนที่ 10 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10805541/W10805541.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10809472/W10809472.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10816926/W10816926.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10822911/W10822911.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10835384/W10835384.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10845646/W10845646.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10862720/W10862720.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10872806/W10872806.html

 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10887636/W10887636.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10888051/W10888051.html

ตอนที่ 10 หนูทดลอง

          อาคเนย์ไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตกลงใจมาอยู่ไร่อิงฟ้า  คืนวันเลี้ยงต้อนรับ   นายหญิงแห่งไร่อิงฟ้าหยิบเมล็ดกาแฟหลากแบบมาเรียงอยู่ตรงหน้าแล้วให้เลือก  หญิงสาวผสมนั่นผสมนี่แล้วบดชงเป็นกาแฟให้ทดลองดื่ม   ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรดลใจ เขาถึงยอมเป็นหนูทดลองตั้ง 3 สูตรเข้มข้น ...แม้โดยปริมาณไม่มากนัก 

          ผลลัพธ์คือ ชายหนุ่มนอนไม่หลับไปจนถึงรุ่งเช้า  ตลอดทั้งคืนต้องเดินเล่นไปเกือบทั่ว แล้วมาหยุดเอาตอนรุ่งเช้าที่ฟ้าสว่าง  ก่อนจะซุกตัวไปนอนด้วยความอ่อนเพลีย 

          ถึงแม้ปกติมักทำอะไรง่วนอยู่จนรุ่งสางแล้วค่อยหลับอยู่แล้ว  แต่จะไม่เคยหลับสนิทได้ถึงเพียงนี้  เรื่องมาเกิดเอาตรงที่พอถึงเที่ยงวันแล้ว  ยังไม่มีใครสามารถปลุกให้เขาตื่นได้

          “เอาอย่างไรดี เรียกหมอดีไหมครับคุณริน 
     
    มีคนคุยกันในฝัน ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับอะไร?

          “คงไม่เป็นไรมังคะลุง  ยังหายใจปกติอยู่เลย ไม่ได้นอนนิ่งเสียเลยทีเดียวนะคะ”  เสียงที่ได้ยินคุ้นหูอย่างประหลาด

          “อาคเนย์ ...”
          นุ่มละมุน จนอยากขานตอบ หากไม่มีเสียงใดดังออกไปจากลำคอ

          “ตื่นได้แล้ว...ขืนไม่ตื่นฉันเดือดร้อนแน่!”

          มี ‘ข่มขู่’ สำทับในตอนท้าย นิ้วใครไม่ทราบมาอังตรงจมูกจนอยากเบือนหน้าหนี อะไรหนักๆ แตะที่อกด้านซ้าย กดเบาๆ คง...ไม่ใช่ฝันเสียแล้ว

          “คุณรินนี่นา ไม่น่าไปคะยั้นคะยอคุณอาร์คให้ดื่มกาแฟเลย ถ้าเกิดแพ้กาแฟแล้วเป็นเรื่องแน่”

          “มีใครที่ไหนกัน...แพ้กาแฟ?  รู้ๆ กันอยู่ว่าอาคเนย์ดื่มกาแฟได้” คนถูกตำหนิค้าน

          “แล้วรินก็ไม่ได้ให้เขากินเยอะ  แค่อึกสองอึกต่อสูตรเท่านั้น  รินสิยังดื่มมากกว่าเขายังไม่เป็นอะไรเลย”

          “แล้วอย่างไร?... อย่ามาโกหกป้าเลย ไม่ใช่อึกสองอึกแน่ ป้าเห็น... ทำเป็นพูดดีกล่อมคุณอาร์คให้ตายใจ ชงนั่นให้ ชงนี่ให้  แล้วนี่...ใครจะไปเหมือนคุณรินล่ะคะ?  คอแข็ง หัวแข็ง ใจแข็ง  นี่ถ้าคุณอาร์คเป็นอะไรไปล่ะแย่เลย”

          “อย่าพูดให้ใจเสียสิคะป้า รินไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เห็นตัวโต ท่าทางแน่ ไม่นึกว่าจะ...อย่างนี้” 

          คนที่เป็นเจ้ามือเมื่อคืนเสียงอ่อย  มือสองสามมือแตะต้องตามแขนตามคอ เขานอนนิ่งสักครู่เพื่อปรับสติ

         

          “ไม่เอาน่า...แม่แสง ไปเอาน้ำเย็นมาหน่อยเร็ว นี่คุณอาร์คขยับตัวแล้ว”    เสียงห้าวคอยปลอบไม่ให้คู่ชีวิตกังวลใจมากนัก

          ลุงเศกก็คงอยู่ด้วยสินะ ชายหนุ่มค่อยมีแรงลืมตาขึ้น  ขยับตัวมากกว่าเดิม

          “ตื่นแล้ว   

          เขาเห็นใบหน้านวลลอยอยู่ใกล้ๆ มือของมธรินยังแตะอยู่ตามคอตามไหล่ของเขา ท่าทางโล่งอกของ ‘น้าริน’ ดูน่าขันพิกล

          อาคเนย์ลุกขึ้นนั่งงงๆ  
         
“นี่...ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่าครับ

          “ใช่! คุณพลาดไปหลายอย่างเลย คุณนอนหลับไม่ยอมตื่น บอยมาเรียก...คุณก็ไม่ขานตอบ พวกฉันก็เลยมาดู เฮ้อ!...ใจหายหมด นึกว่าหัวใจวายเพราะกาแฟเสียแล้ว”

          แสงส่องเข้ามาถึงในห้องนอนจ้าอย่างนี้ เวลาคงล่วงเลยตอนเช้ามาเนิ่นนาน

          “ไม่เป็นอะไรนี่ครับ  แค่นอนไม่หลับ  เพิ่งมาหลับเอาตอนสว่างนี่เอง  อากาศคงจะดี  ทำให้นอนเพลิน”  

          ชายหนุ่มขยับตัว  รู้สึกผิดที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง

          “คุณอาร์คไม่เป็นไรแน่นะคะ    ป้าแสงยังมีแววกังวล   เอาผ้าเย็นๆ มาเช็ดให้

          “ผมไม่เป็นไรจริงๆ นะครับลุง ป้า”   เขายืนยัน   “ผมไม่เป็นไรจริงๆ น้าริน  อย่ากังวลเลย”  

          อาคเนย์ย้ำกับคนที่จ้องมองอย่างคาดคั้น

          “ปกติผมไม่มีปัญหากับกาแฟหรือคาเฟอีนนะครับ  ดื่มมากอาจจะมีนอนไม่หลับบ้าง  แต่ถ้าหลับจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนี่ไม่เคยสักที”

          “ท่าทางคุณอาร์คเหมือนทานยานอนหลับ เอ๊ะ! คุณริน!...ใส่อะไรลงไปในกาแฟอีกแน่ๆ” 

          เสียงของป้าแสงเริ่มคาดคั้น

          เจ้าของเรื่องทำเป็นเงียบไม่ได้ยินคำถาม เสไปทำอย่างอื่น เหมือนคนที่ทำอะไรผิดแล้วพยายามปิดบังเอาไว้

          ลุงเศกเลยเสียงเข้มบ้าง  “คุณริน...บอกป้าเค้าไปสิครับ”

          ทราบแล้ว  เห็นชัดว่า พี่เลี้ยงสองคนต้องผลัดกันเปลี่ยนบท เพื่อเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไร?

         

          “มันไม่ใช่ยานอนหลับ! แหม...รินแค่คิดว่ากาแฟอาจทำให้อาคเนย์นอนไม่หลับ เลย....ลอง...ใส่อะไรบางอย่างลงไปกะว่าจะให้หักล้างกัน  และมัน...ก็แค่สมุนไพร อยู่ระหว่าง...การทดลอง ไม่เป็นอันตรายหรอกค่ะ”

          คนสารภาพ หน้าตาไม่ค่อยสำนึกเท่าไหร่?

          นึกถึงกลิ่นบางกลิ่นที่ปนอยู่ในกาแฟแก้วสุดท้ายของเมื่อคืน ‘เพิ่มรสชาติ’  คนชงว่าไว้อย่างนั้นเมื่อได้รับคำวิจารณ์  

          “แหม...ใส่ไปจี๊ดเดียว”   มธรินทำมือจี๊ดอย่างว่า เมื่อเห็นพี่เลี้ยงอาวุโสทั้งสองตาขวาง

          “ประหลาดจัง...ไม่คิดว่ามันจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องกันอย่างนี้ คราวหน้าเราลองกันใหม่...เนอะ  

          หญิงสาวพยักพเยิดกับเขาซึ่งยังหน้าเหรอหรา รวมรวมความทรงจำ

          “จะลองใหม่หรือ คราวนี้สองเสียงดังพร้อมกัน 

          “ล้อเล่น...  แต่ถ้าเต็มใจ...ก็ไม่แน่”

          เจ้าของไร่อิงฟ้าลากเสียงยาว รู้จักเกรงเหมือนกัน หันมาสนใจกับหนูทดลองราวกับคดีความจบแล้ว

          “แล้วตอนนี้  คุณเป็นอย่างไรบ้าง มึนไหม 

          คนถามเหมือนนักวิจัยที่กำลังเก็บผลการทดลองมากกว่า เมื่อคืนแฟ้มหนาถูกนำมาให้เขียนคะแนนแต่ละหมวดที่แบ่งเป็นตาราง

          “ก็  โอเค..” ชายหนุ่มตอบงง...งง

          “เฮ้อ!...ถ้าอย่างนั้นคุณลองเดินให้ลุงเศกดูหน่อยแล้วกัน” 

          หล่อนบอกพลางลุกออกไปข้างนอกห้องนอน  ปล่อยให้ผู้ชายกับคนแก่ดูแลกัน

          “บอย! ไปเอากาแฟ...เอ๊ย!...” ตาสีเข้มปรายมาทางป้าแสงเล็กน้อย
        “...น้ำส้มมาให้นายอาร์คหน่อย บอกดาราคั้นมาสดๆ นะ” ไม่วาย...แหย่ 

          พอนายหญิงสั่ง เด็กชายบอยที่มายืนดูด้วยความเป็นห่วงก็รับคำวิ่งปรื้ดออกไปโดยเร็ว

 

          “เข้ามาได้อย่างไรครับนี่  อาคเนย์ถามลุงเศก

          “คุณอาร์คมีนัดกับบอยว่าจะออกไปเที่ยวแถวนี้นี่ครับ พอบอยไปบอกว่าเรียกเท่าไหร่คุณก็ไม่ขานตอบ พวกลุงก็เลยมาดู เรียกแล้วไม่ยอมตอบ เลยใช้กุญแจไขเข้ามา”

          “ผมเลยทำให้ลำบากกันไปหมด”

          เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน นัดกับเด็กเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ลำธารข้างหลังไร่ อวดว่าสวยนักหนา

          “ไม่หรอกค่ะ” ป้าแสงถือโอกาสจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง

          “...คนเดือดร้อนที่สุดน่าจะเป็นคนข้างนอกมากกว่า” 

          ลุงเศกหัวเราะหึหึ  ถ้าเป็นเมื่อครู่ก่อนที่เขาจะตื่น คงไม่มีใครหัวเราะออกเหมือนกัน

          “คราวหลังคุณอาร์คอย่าไปยอมมากนะคะ  ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องตามใจ  คุณรินแกเคยตัว  นอกจากคุณยายแล้วก็มีแต่คนตามใจ คิดว่าคนอื่นเค้าจะเหมือนๆ กันหมด  คุณปรัชคุณปริญนี่ถ้าเค้ายอมมาแต่ต้นก็ต้องยอมกันมาตลอด  คราวหลัง ถ้าให้ชิมอะไรก็ให้ถามก่อน”

          “แต่เมื่อคืน ผมเต็มใจทดลองดื่มกาแฟให้น้ารินนะครับ"

          อาคเนย์สารภาพตรงๆ คนใกล้ชิดเท่านั้นถึงจะทราบ ภายใต้ท่าทีเหมือนคอยระวังอยู่เสมอตลอดเวลา เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนใจอ่อน เชื่อคนง่ายต่างหาก  

          “ได้ยินไหมคะ?  ว่าเขาเต็มใจ รินไม่ได้บังคับสักหน่อย”

          เจ้าของสูตรกาแฟเมื่อคืนวานโผล่เข้ามาแวบหนึ่ง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง  ก่อนจะผลุบออกไปใหม่

          “ขอโทษนะครับ ลุง ป้า  ไม่คิดว่าจะทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว”  
          เขาบอกอย่างขอลุแก่โทษ อาย...ที่ทำให้มีเรื่องไม่หยุดหย่อน

          ทั้งสองคนไม่ได้ตอบ  หากมีเสียงแจ้วๆ ดังออกมาจากข้างนอก 

          “ไม่เป็นไรหรอก แค่ตื่นขึ้นมาก็ดีใจแย่แล้ว” 

          แสดงว่าคู่กรณีได้ยินตลอดว่าพูดอะไรกันข้างในห้อง  ทั้งหมดจึงหันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม 

          “เฮ้อ!...โล่งใจเป็นบ้า” 

          เสียงใสๆ สั้นๆ ดังเข้ามาอีก  แต่ก็บ่งบอกถึงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา  ‘น้าริน’ คงเป็นคนแบบนั้น

***********************

          เช้าวันจันทร์ อาคเนย์ต้องติดรถกระบะของลุงเศกเข้าไปในไร่พร้อมด้วยคนงานจำนวนหนึ่ง ช่วงเวลาแรกที่ไปถึงบริเวณเขตที่เรียกว่าไร่กาแฟจริงๆนั้น ชายหนุ่มยืนตะลึง เพราะในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ต้นกาแฟจะออกดอก เพิ่งเคยเห็นดอกกาแฟอาราบิก้าขาวโพลนไปรอบตัว กลิ่นหอมอ่อนโรยรินเข้าจมูก

 

          “กาแฟที่เราปลูกเป็นพันธ์อาราบิก้า เป็นสายพันธ์ที่พัฒนาแล้วระดับหนึ่ง แต่กำลังพยายามพัฒนาให้ได้ดีมากกว่านั้น   พื้นที่ของเราไม่ถึงกับสมบูรณ์ที่สุด เราถึงต้องปรับปรุงพันธ์พร้อมทั้งคิดค้นสายพันธ์ใหม่ใหม่ที่เหมาะสมกับดิน น้ำ อากาศ และสภาวะแวดล้อมอื่นๆ”

          ตามแนวร่องของต้นกาแฟที่โตเต็มที่ ลุงเศกโน้มช่อที่มีดอกสีขาวมาให้ดู  ชายหนุ่มรับมาดม ดอกกาแฟเป็นสีขาวบอบบางเหมือนมะลิมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามกิ่งเริ่มมีตุ่มเล็กๆออกมา อาคเนย์ต้องทบทวน
     
     ต้นไม้...ต้องออกดอกก่อน แล้วค่อยออกเป็นผล
          ต้นกาแฟส่วนที่ยังโตไม่มากถูกปลูกแซมด้วยต้นมะม่วง ส่วนที่อยู่ตามเนินเขามีต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่าครึ่งร้อยอยู่คอยฝังรากยึดหน้าดิน เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามดแดงจากต้นมะม่วงจะช่วยกำจัดหนอนของต้นกาแฟ  ไม่รวมกับการปลูกไม้ป่ามีค่าคอยบังแดดบังลม เป็นการผสมผสานประโยชน์โดยใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด มีอะไรมากมายที่ต้องเรียนรู้ด้วยประสบการณ์เท่านั้น

          “เราพยายามปรับปรุงมาตลอด คุณรินเธอทำของเธอเองตั้งแต่มาอยู่ใหม่ มีทั้งคัดพันธ์จากเมล็ดและจากเนื้อเยื่อทางวิทยาศาสตร์”

          “ที่ห้องทดลองด้านหลังนั่นหรือครับ 

          อาคเนย์หมายถึงตึกหลังเล็กชั้นเดียวที่อยู่ใกล้กับดงลำไยซึ่งแต่ละต้นสูงใหญ่จนต้องหาไม้มาค้ำกิ่ง  ชายหนุ่มเดินผ่านไปจนถึงโรงงานทำเมล็ดกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากสวนผักอยู่บ่อยๆ เป็นโรงงานขนาดใหญ่มาก และใช้พื้นที่สำหรับเครื่องจักรพอสมควร

          “ใช่ครับ...ห้องทดลองเพาะสายพันธ์ใหม่ๆ แล้วเราก็จะเอามาทดลองปลูกที่ โซน ซี นี่กำลังจะได้ช่วงเวลาที่จะลงต้นอ่อนอีกรอบ แล้วที่ปลูกไว้แต่แรกก็จะเก็บเกี่ยวได้ปีหน้า เราลงต้นพันธ์ใหม่ไล่กันไปทุกปี เพื่อดูว่าแบบไหนดีที่สุด”

          โซนซีที่พูดเป็นพื้นที่ไกลสุดของไร่  อยู่บนที่สูง มีอุณหภูมิกำลังเหมาะ 

          “ใครเป็นคนทำครับ

          “คุณรินนะสิครับ” 
         
“คุณรินเรียนมหาวิทยาลัยมาทางนี้โดยตรง ได้เจอกับคุณปู่ ท่านก็เป็นวิทยากรพิเศษ คุณพ่อของคุณรินเองก็เป็นนักวิจัยพืชผลทางการเกษตรของโครงการหลวงมาก่อน คุณรินนะ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยนะครับ” 

          ปลายเสียงนั้นทั้งชื่นชมทั้งภูมิใจในหญิงสาวที่ตนดูแลมาเนิ่นนาน

          “แล้วใครจะมาซื้อเมล็ดกาแฟครับ

          ถ้าเป็นป๋าพงษ์คงต้องบ่นรำคาญแน่ กับความช่างซัก ลุงเศกกลับใจเย็นและดุเหมือนจะพอใจที่จะอธิบายมากกว่า

          “กาแฟพันธ์นี้ปลูกยาก บ้านเรายังปลูกน้อย ในประเทศไทยนอกจากที่เชียงใหม่ เชียงรายแล้วก็มีที่นี่   พวกพันธ์ที่พัฒนาแล้วจะมีให้พ่อค้าคนกลางมารับ แล้วก็มีแยกผลผลิตจากพันธ์พิเศษต่างหาก เก็บเอาไว้ทำเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้เริ่มมีต่างประเทศมาติดต่อโดยตรง มีคนมาขอซื้อต้นกล้าไปปลูกเพิ่มขึ้น”

          ทราบแล้ว... กำลังสำคัญของไร่อิงฟ้าที่แท้จริงเป็นใคร ลุงเศกนี่เอง...พรสวรรค์ของผู้สูงวัยอยู่ที่เมื่อหยิบจับต้นไม้อะไรแล้วก็จะขึ้นงอกงามและวิธีการดูแลรักษาก็เป็นเรื่องเฉพาะอันเป็นภูมิปัญญาที่มีมาแต่บรรพบุรุษ

          “ถ้าเป็นไร่ส้มก็จะปลูกที่โซนเอ แยกคัดแล้วเอาไปส่งให้ตลาดของคุณธนัตถ์ ส่วนตัวอื่นๆ ก็มี เราก็เลือกที่เลี้ยงดูคล้ายๆ กัน แถวๆ บ้านก็เป็นลำไยละครับ ขายง่ายหน่อย เมื่อก่อนไร่แถวนี้ใช้สารเคมีทั้งนั้น เป็นปัญหามาก แต่ตอนนี้พวกชุมชนต่างๆ พากันวางแผนลดการใช้สารเคมี ตอนนี้ไร่คุณธนัตถ์นำร่องอยู่ ลดต้นทุนไปได้มาก ผักนี่คุณรินก็มาริเริ่มทีหลังตอนมาอยู่กับคุณปู่ใหม่ๆ ตรงด้านหน้าก็เป็นดอกไม้ แต่ยังทำไม่มาก กำลังส่งเสริมให้ชาวบ้านทำอยู่”

          เท่าที่เห็นรถขนส่งเวียนเข้าออกไร่ ทำให้พอเดาได้ว่า รายได้หมุนเวียนน่าจะมาจากทางไหน

          “งานไม่น้อยเลยนะครับ หนำซ้ำยังยากอีก น้ารินทำกับลุงเศกสองคนเองหรือครับ

          ดูหุ่นแบบนั้น ไม่น่าไหวเลย อดไม่ได้ที่วิจารณ์คุณรินที่รักยิ่งของลุงเศก เพราะพอตกปากรับคำว่าจะมาเป็นผู้ช่วยลุงเศก มธรินถือโอกาสไม่มาด้วย บอกว่าจะทำงานที่สำนักงานเสียง่ายๆ

          “คุณไปฝึกงานกับลุงเศกนะ ฉันจะตรวจตัวเลขนี่หน่อยก็แล้วกัน”  

          คนบอกพลิกแฟ้ม สังเกตว่ามีรอยยิ้มเกเรหน่อยๆ ซ่อนอยู่

          อาคเนย์ถึงต้องนั่งรถเข้ามาในเขตไร่อิงฟ้า ที่นี่แบ่งเป็นโซนและมีหัวหน้าคุม  ที่เหลือจะเป็นคนงานที่รับเงินรายวัน ที่เกือบๆ จะเป็นหน้าที่ประจำอยู่แล้ว  

          ตอนนี้ลุงเศกจึงกลายมาเป็นอาจารย์จริงๆ เสียที

          “ครับ เดิมผมอยู่กับคุณท่าน พอคุณพ่อของคุณรินแต่งงานไปอยู่วณวรกานต์ท่านก็เลยให้ผมไปอยู่ด้วย ไปได้กับแม่แสงที่บ้านนั่น ที่นี่เลยเหลือคุณท่านทำอยู่คนเดียว ถึงไม่มีคุณพ่อคุณแม่ของคุณริน ก็ยังให้ผมคอยดูแล ท่านเป็นนักพัฒนาครับ ถึงคุณพ่อของคุณรินจะเสียไปแล้วแต่ก็ยังทำกับคุณพ่อของคุณธนัตถ์ มายี่สิบกว่าปี  คุณรินก็...สงสารคุณปู่ ตอนที่มาอยู่ใหม่ๆ ท่านอายุมากแล้วไม่กร้าวแกร่งเหมือนเดิม มาเรียนรู้สู้กัน ปีแรกคุณปู่อยู่ก็ยังสบายหน่อย แต่สองปีหลังนี่...เหลือคุณรินคนเดียว  เหนื่อยครับแต่...ทนไม่ท้อให้ใครเห็น”

          คนที่หน้าตาสดใจมีแต่รอยยิ้ม ดูไม่ออกเลยว่ามีภาระหนักๆ อยู่ด้วย เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว เรื่องว่าหล่อนเป็นแต่คุณรินให้คนคอยเอาใจ ทำอะไรไม่เป็น

          “...งานทำไร่มันไม่ได้สำเร็จไปทุกเรื่องหรอกครับ 10%ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว ส่วนใหญ่ที่เจอมีแต่อุปสรรค อาศัยปะนั่นโป๊ะนี่เรื่อยๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ คนอยู่กับเราหลายปากท้อง อยู่กันมาเป็นสิบปีตั้งแต่รุ่นพ่อ”

          ร่างสูงใหญ่เดินตามพี่เลี้ยงของมธรินเข้าไปในแปลงต่างๆ บางจุดต้องเปลี่ยนเป็นขับรถ ตอนนี้มีหัวหน้าคนงานให้รู้จักหลายคน เรื่องต้นไม้ทำไร่ดูเป็นเรื่องจุกจิก  บางประเภทชอบโปร่ง บางประเภทต้องการดูแลเอาใจใส่มาก อาคเนย์มองลงไปตามแนวเส้นแบ่งโซนต่างๆ บางจุดมีสายน้ำเล็กและมีท่อน้ำวางเป็นจุด ที่สูงขนาดนี้จะเอาน้ำจากที่ไหนได้?

          “แล้วลำธารในนี้มาจากไหนครับ”  

          เขาชี้ไปยังลำน้ำที่เห็นเป็นแนวข้างหน้า ไม่ใหญ่นักแต่ไหลตามเส้นทางเข้าไปในไร่   ยิ่งช่วงนี้เป็นต้นฤดูฝนน้ำที่เต็มตลิ่ง ยังดูใสสะอาดดี 

          “จากไร่ข้างๆ ของเราครับ ชื่อไร่ปันนที เจ้าของเป็นฝรั่ง นายปีเตอร์กับแหม่ม ไร่นั่น...มีแหล่งน้ำค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียวแล้วก็อยู่สูงกว่าเราด้วย พอน้ำมาจากดอยก็จะแบ่งเป็นสองสายซ้ายขวาที่ไร่ปันนที ถือว่าเป็นแหล่งน้ำของพวกเราในไร่แถบนี้ น้ำมีเกือบตลอดปีครับ มีบ้างที่แล้งจัด ลำบากเหมือนกัน หลายปีมานี้ เราไม่มีปัญหาเรื่องขาดน้ำ เพราะไปทำฝายกั้นเอาไว้มีน้ำเก็บไว้ใช้ทั้งปี ส่วนที่ราบจะมีประปาหมู่บ้าน”

          นี่ถ้าเกิดไร่ปันนทีเกิดทำอะไรกับลำน้ำนี้ ไม่ยอมปล่อยน้ำให้ชาวบ้าน จะทำอย่างไร? ชายหนุ่มเก็บความสงสัยเอาไว้

          “ไร่พวกนี้เราจะดูหมดในวันเดียวหรือเปล่าครับ

          “ดูผ่านๆ ขับรถดูก็คงได้หรอกครับคุณอาร์ค แต่การทำงานไร่ต้องลงรายละเอียด ผสมผสานระหว่างวิชาการกับภูมิปัญญาและบางเรื่องเราต้องลงมือทำให้คนงานเห็นเป็นตัวอย่าง แล้วต้องคอยตรวจสอบ คนพื้นบ้าน อย่างไรก็มีเผอเรอบ้าง ผมกับคุณรินจะเวียนไปเป็นจุด บางทีก็แบ่งกัน ใส่ใจกันเป็นโซนๆ  ตอนเช้าบ้าง-เย็นบ้าง หัวหน้างานที่คุมโซนต่างๆ ก็จะผลัดมาคุยงานกัน คุณรินตั้งเป็นตารางการทำงานเอาไว้เป็นระบบ มีการลงหมุดเอาไว้เป็นจุดๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะมาเจอพร้อมๆ หน้ากันสักที” 

 

          แตกต่างเหลือเกินจากศาสตร์ของงานละครโทรทัศน์ที่ถนัด ยอมรับว่ายังไม่คุ้นเคยศัพท์หรือขั้นตอนต่างๆ ของการทำไร่ เป็นความรู้ใหม่ที่ไม่น่าเบื่อเมื่อเรียนจากผู้มีประสบการณ์จริง

          “ทางฝั่งของคุณธนัตถ์ล่ะครับ” พอจะเกร็งกับความช่างซักถามของตัวเองเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ทราบอะไรเลย คงคาใจ

          “ไร่ของคุณธนัตถ์เป็นการค้าเต็มรูปแบบไปแล้วครับ ทุกอย่างเป็นระบบ มีมืออาชีพ มีที่ผู้จัดการมาดูแลให้ตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ก็มาช่วยบ้าง แต่ช่วงนี้มีงานการเมืองเยอะ คุณรินเลยไม่ค่อยอยากกวน ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็เรื่องตั้งสหกรณ์ อย่างเช่นไร่คุณธนัตถ์พยายามใช้สมุนไพรฆ่าแมลงก็ต้องอาศัยคนปลูกให้ ไร่ของเราก็ปลูกไม้สะเดาเอาเมล็ดมาทำยาฆ่าแมลงเหมือนกัน ส่วนคุณรินก็..ชอบเรื่องสมุนไพรกับพวกดอกไม้หอม”

          พอนึกออก...ยาหม่อง ยานวดสารพัดที่วางอยู่ในบ้าน เคยเป็นหนูทดลองมาแล้วด้วย และอาจต้องเป็นอีกในเร็วๆ นี้

          เขาค่อนข้างถูกคอกับลุงเศก ไม่ว่าผู้สูงวัยจะหยิบจับอะไร ชายหนุ่มจะช่วยเป็นลูกมือโดยไม่ถือว่าเป็นแค่งานชั่วคราว ซึ่งเป็นลักษณะปกติของ ไม่ได้มีการเสแสร้ง  หลายๆ เรื่องที่คุย มีทั้งเรื่องไร่ เรื่องส่วนตัวผลัดเปลี่ยนกัน  เขาก็เล่าเรื่องของเขา  ลุงเศกก็เล่าเรื่องนั่นเรื่องนี่บ้าง ถ้ารู้สึกสนิทใจ...อาคเนย์จะกลายเป็นคนชอบคุยไปโดยปริยาย และคนที่นี่ไม่มีฟอร์มที่ต้องรักษา พูดจาแม้ระมัดระวังแต่ก็มีความตรงไปตรงมาอยู่มาก 

          “หน้านายเหมือนฝรั่ง แต่พูดไทยชั๊ด...ชัด

          พอเริ่มคุ้น ชักมีคนมาเริ่มคุย ว่ากันตรงๆ

          “พ่อเป็นฝรั่ง แต่ตอนนี้ก็พูดไทยกันเกือบทั้งบ้าน ถ้าเจอฝรั่งจริงๆ ยังไม่รู้จะพูดรู้เรื่องหรือเปล่าเลย”

          เขาบอกอารมณ์ดี  กับคนกล้าๆหน่อย

          “นายก็พูด ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่งสิ หรือจะพูดมะม่วงก็ได้”

          คนในวงข้าวหัวเราะกันอย่างเบิกบานกับมุกง่ายๆ ของเพื่อนๆ

          ชายหนุ่มนั่งล้อมวงรับประทานอาหารที่ป้าแสงจัดใส่ปิ่นโตมาให้กับพวกคนงานทุกคน ตอนแรกต่างคนต่างเกร็ง เกี่ยงกันว่าเขาเป็นดารา แต่พอสักพักก็เป็นปกติ ที่เป็นเช่นนั้นอาจเพราะเคราเขียวที่รกครึ้มกลมกลืนกับงานไร่ด้วยก็ได้แรกๆ คนงานสาวๆ มีเก้อเขินอยู่บ้าง มีฝากส่งกับข้าวที่ตัวเองเตรียมมาให้ลองชิมอย่างเหนียมๆ พวกหนุ่มๆ เพื่อนคนงาน เห็นเข้าพากันแซวล้อให้ได้อายได้โกรธ หากก็เริ่มคุ้นเคยกันไปเรื่อยๆ ไม่รวมกับการเปิดเพลงจากวิทยุเครื่องเล็ก พร้อมกับพากันร้องตามกันไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

 

          กว่าจะกลับมาก็เย็นเวลาพอๆ กับที่เคยเห็นคนอื่นกลับมาทุกวัน  คนงานส่วนหนึ่งติดรถกลับมาด้วยอันเป็นเรื่องปกติ

          “คุณอาร์คจะเข้าไปที่เรือนใหญ่ก่อนไหมครับ? คุณรินรอทานข้าวอยู่ เมื่อกี้โทรศัพท์มาบอกให้ชวนคุณไปด้วย”  
       
รอยยิ้มเห็นฟันขาวรับคำบอกกล่าว วันนี้ใจดีอีกแล้วแฮะ! จะปฏิเสธก็กะไรอยู่ หรือว่า...ต้องการเหยื่อ? อีกแล้ว

          “ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปอาบน้ำก่อนดีกว่า สกปรกมอมแมมไปหมดแล้ว” อาคเนย์ขออนุญาตเลี่ยงไปทำธุระส่วนตัว คืนนี้...คงไม่ได้เขียนบทละครอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แน่ 

 *******************

          ไม่นานร่างสูงใหญ่ค่อยจรดฝีเท้าขึ้นบันได ผ่านชานเรือนด้านหน้า ในสภาพที่สะอาดสะอ้านกว่าเดิม ยกเว้นทรงผมกับเครา อย่างที่เรียกว่า ‘ไม่ห่วงหล่อ’ เอาเสียเลย

          “เป็นอย่างไรคะ? งานวันแรก”  

          ป้าแสงเดินมาทัก ในขณะที่เจ้าของไร่ปรายตามาดูนิดหนึ่ง หล่อนนั่งไขว่ห้างดูเอกสารตารางตัวเลขที่ลุงเศกรับมาจากหัวหน้าคนงานแต่ละคน

          “ก็...ดีครับ...” 
        คนตอบเขินนิดหน่อย เพราะเป็นวันแรกที่ออกไปเป็นคนงานในไร่เต็มตัว 

          “คุณริน จัดโต๊ะได้เลยไหมคะ? คุณอาร์คมาแล้ว”

          “ค่ะ...” มธรินมองหน้าของเขาอีกครั้ง สายตามีรอยครุ่นคิด ก่อนจะลุกขึ้นไปที่โต๊ะอาหาร

          ที่โต๊ะ.. หญิงสาววางรายงานไว้ข้างๆ ตาสีเข้มยังจ้องมองอาคเนย์เป๋งอย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อน

          ประหลาดจนคนเป็นแขกอดก้มลงมองตัวเองไม่ได้

          “ผมมีอะไรผิดปกติหรือครับน้าริน

          “เปล่า!... เพียงแต่รู้สึกแปลกตา...ถ้าดูเผินๆ อาจจะไม่มีใครทราบก็ได้ว่าคุณคือนายอาคเนย์ พระเอกละครชื่อดัง เหมือนโจรมากกว่า” 
     
ปลายประโยคถูกเน้นอย่างจงใจ

          “รุงรังไปหมดเลย” หล่อนทำเสียงไม่ชอบใจนัก ท่าทางน้าของปริญคงเป็นคนหัวโบราณ

          อาคเนย์ลูบคางสากของตัวเองเบาๆ ยอมรับ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ มีงานแสดง หนวดเคราพวกนี้ต้องถูกโกนออกหมด แต่มาอยู่ที่ไร่อย่างนี้ ไม่ต้องทำอะไรรักษาภาพพจน์ บางวันจึงตั้งใจปล่อยทิ้งไว้แบบนี้

          “อือม์... เคราของผมมันขึ้นเร็วอย่างนี้แหละ แต่ผมว่ามันก็ดีนะ เข้ากับบรรยากาศออก”

          “ตามใจ...” หล่อนยักไหล่ ไม่เซ้าซี้ต่อ หันไปหาลุงเศกที่มาร่วมโต๊ะด้วย

 

          “ลุงเศกคะ ดอกส้มที่โซนดี เริ่มออกดอกแล้ว ช่วยให้โจ๊กเก็บดอกส้มให้รินหน่อยนะ  ให้เก็บตอนเช้าแล้วเอามาส่งก่อน แปดโมง”      

          “ครับ ผมจะบอกโจ๊กให้จัดการให้”

          ลุงเศกรับคำไม่ซักถามเพิ่มเติม อย่างคนทราบตารางงานเป็นอย่างดี

          “ทำไมต้องรีบเก็บก่อน ไม่รอให้เป็นผลหรือครับ

          คนที่สงสัยคือคนใหม่ ที่นั่งฟังอยู่ต่างหาก ดอกส้มน่าจะรอให้เป็นส้มสิ ไปเด็ดดอกออกเสียหมด จะทำอย่างไร?

          “นี่เป็นดอกส้มพันธุ์พิเศษ ปลูกไว้ไม่เยอะหรอก เราบังคับมันให้มีต้นที่เล็ก และทำหน้าที่ออกดอกอย่างเดียว ฉัน คุณปู่ คุณพ่อ มีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่าง ไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ เหมือนใคร เราปลูกส้มเลี้ยงตัวเองบ้าง แต่ก็พยายามปลูกส้มสายพันธ์พิเศษบ้างเพื่อเอาไว้ทำอย่างอื่น รู้จักไหม? เนโรลี neroli น้ำมันดอกส้ม?”

          “อะไรครับที่มันจะแปลกไปกว่าคนอื่น 

          หากเป็นเรื่องละครหรือเรื่องที่เรียนมาคงแลกเปลี่ยนกับหล่อนได้  แต่ถ้าเป็นเรื่องทำไร่คงต้องให้มธรินและลุงเศกเป็นครู และเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อะไรที่ไม่เข้าใจหรืออยากทราบ อาคเนย์ต้องถาม!

          “เอาผลิตผลของดอกส้มมาทำหัวน้ำหอม พวกผลไม้มีราคาไม่แน่นอน บางปีราคาดี บางปีราคาร่วง เราต้องหาทางสร้างสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ถ้าเอาเปลือกส้มมาทำ ราคาจะถูกมาก ถ้าเป็นดอกส้มจะเป็นอีกแบบ ตอนนี้ประเทศของเรานำเข้า”

          พูดถึงเรื่องงานก็ยิ่งจริงจัง ไม่ล้าสมัยหรอก น้ารินของนายปริญ

          “แล้วสำเร็จแล้วหรือยังครับ

          “เกือบๆ ถ้าเอาเงินมาลง ซื้อเครื่องโหมเข้าไปก็สำเร็จเลย เพราะสูตรที่ฝรั่งทำมีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กำลังคิดให้ต้นทุนถูกกว่านี้ มันเลยใช้เวลาหน่อย ของอย่างนี้มันไม่สำเร็จง่ายๆ บางคนใช้เวลาเป็นสิบ ยี่สิบปี ฉันเองก็เพิ่งเริ่ม”  

          “แล้วอยู่ได้หรือครับ ผมหมายถึงรายได้ จะคุ้มกับที่ลงทุนไป”

          คนตอบยังไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่ายต่อคำถาม

          “อือม์ พูดยาก... ไม่เสมอไป บางปีเราก็โชคร้าย แต่บางปีเราก็โชคดี คนที่ทำไร่แถวนี้ยังไม่มีใครขาดทุนจริงๆ สักที ยกเว้นเสียแต่ว่าหมดใจที่จะทำเสียก่อน”

          “แล้วน้าริน...จะมีวันหมดใจไหม

          หญิงสาวหัวเราะราวกับสิ่งที่ถามเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา

          “ไม่รู้สิ ยังไม่เคยคิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่? ทราบแต่ว่าตอนนี้มีอะไรในนี้...  ที่ต้องทำอีกมากมาย”

          หล่อนตาเป็นประกาย ชี้ที่ขมับตัวเอง ท่าทางมั่นใจ อาคเนย์เองก็อยากเห็นความสำเร็จของหล่อนก่อนที่จะกลับไปกรุงเทพฯเหมือนกัน แต่...คงไม่ทัน 

********************

          โชคดีที่หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ไม่มีรายการหนูทดลอง วันรุ่งขึ้น  ชายหนุ่มจึงมีโอกาสเดินจากเรือนเล็กไปหาป้าแสงที่เรือนใหญ่ ด้วยใบหน้าที่เกลี้ยงเกลากว่าเดิม ดูแตกต่างเป็นคนละคน ระหว่างอาคเนย์หนุ่มหล่อแห่งวงการมายาวันนี้ กับนายอาร์คของไร่อิงฟ้าเมื่อวาน

          “ป้าครับ...แถวนี้มีร้านตัดผมบ้างไหมครับ 

          ขายาวก้าวขึ้นมาบนระเบียงอย่างรวดเร็ว เพราะทราบว่าเจ้าของไร่อิงฟ้า คงออกไปแล้วแต่เช้ากับคนอื่นๆ

          “มีค่ะ แต่ต้องขับรถออกไปนะคะ เอ๊ะ! ดูสิ ... ทำอะไรคะนั่น? โกนหนวดโกนเคราเสียเกลี้ยงเชียว”

          ใบหน้ากระจ่างแบบลูกครึ่งยิ้มกว้าง จนเห็นฟันขาว ลูบคางตัวเองเขินๆ เมื่อถูกทักอย่างนี้ ใครล่ะ? เป็นสาเหตุ สายตานั่นบอกว่าไม่ชอบใจ เขาเหมือนโจร!

          “...ดูมันรกๆ ก็เลยไถมันเสียบ้าง” ตาสีน้ำตาลอมเทาหลบวูบวาบ

          สายตาของป้าแสงอ่อนลง แล้วหัวเราะด้วยความเอ็นดู เมื่อนึกได้ถึงเรื่องเมื่อวานตอนเย็น

          “พุทโธ่!...ไปฟังอะไรกับคุณริน เธอแกล้งพูดไปอย่างนั้น คอยดูสิ...ถ้าเห็นคุณอาร์คหน้าตาเกลี้ยงเกลาแบบนี้ เป็นได้ชอบใจใหญ่...”

          ผู้สูงวัยกว่าโบกไม้โบกมือ ชัดเจนเลยว่าท่าทางเข้มงวด เจ้าระเบียบเมื่อคืนนี้ ...ไม่ใช่ของจริง!

          “...โดนแกล้งอีกแล้วหรือครับ

          “ถ้าจะอย่างนั้นล่ะค่ะ”

          เพิ่งมาทราบทีหลังเพิ่มเติม มีใครคนหนึ่ง...หัวเราะงอหงาย เมื่อทราบว่าเขาทำอย่างที่แกล้งทักไปอย่างนั้น เล่นหลอกกันแบบเนียนๆ อีกแล้ว ‘น้าริน’

          “เฮ้อ!...ไหนๆ ก็ไหนแล้วครับ ตัดผมเสียบ้างก็ดี” 
       
ชายหนุ่มลูบท้ายทอย ปลงที่ถูกหลอกซ้ำซาก ทั้งๆ ที่ทราบแก่ใจว่ามธรินอำเก่งก็ยังหลวมตัวเชื่อจนได้ หน้าตาเรียบเฉยจริงจังขนาดนั้น น่าจะไปแสดงละคร แล้วต่อไป...ต้องโดนรับน้องอีกกี่ยกนี่?

          “ถ้าคุณอาร์คไม่รังเกียจ ป้าตัดให้ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องออกไปไกล เสียดายตังส์  ป้าเคยเรียนมา คุณรินนี่ตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาว  ถ้าไม่ต้องออกงานที่ไหนก็ฝีมือป้าทั้งนั้นแหละคะ เครื่องมือเรามีครบ”

          “...ได้ครับ ดีเหมือนกัน ผมแค่จะให้ผมมันสั้นหน่อยเท่านั้น ไม่ต้องเอาดีอะไรมาก”

          มธรินเป็นคนที่โชคดีมาก ที่คนใกล้ตัวทั้งหมด มีความสามารถดูแลได้เกือบทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องไปอาศัยใครอื่นจากที่ไหน

****************

          เพียงไม่นาน อาคเนย์ก็นั่งสบายตรงชานบ้านให้แม่บ้านคนสำคัญจัดแจงตัดผมให้ โดยมีเด็กสาวดาราเป็นลูกมือ พอสนิทกัน  เจ้าหล่อนก็เหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไปที่เริ่มชินกับรูปลักษณ์ภายนอก เด็กสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่นั่งนิ่งๆ ให้ผู้อาวุโสตกแต่งผมให้

          “คุณอาร์คทำผมแบบไหน? ...แต่งตัวอย่างไรก็ดูดีอยู่แล้วค่ะ” 

          ป้าแสงเป็นคนที่ชมเขาเสมอ กรรไกรในมือเล็มปลายผมให้คล่องแคล่วราวกับมืออาชีพ หนำซ้ำยังช่วยกันหนวดเคราให้เพิ่มเติม

          “ไม่จริงหรอกเจ้า ป้าแสง นายอาร์คนะ...ชอบซกมก นะเจ้า”

          ภาษาเหนือที่พูดเริ่มคุ้นหู จนสามารถตอบโต้ได้หลายคำ เจ้าหล่อนเริ่มพูดเล่นกับเขาสนิทสนมขึ้น รู้จักเย้าแหย่ไม่เอาแต่เขินอายอย่างแต่ก่อน และคงได้รับการอบรมมาดี ไม่เคยมายุ่งเกินงาม

          “แปลว่าอะไรแม่ดารา เอามาจากไหน?” 
     
    ป้าแสงขมวดคิ้วเมื่อเด็กสาวเอาแต่ยิ้ม สั่นหน้า

          “บอกบ่ได้เจ้าหากนั่น...เป็นคำตอบที่ดี และชัดเจนที่สุด!

          “มีอยู่คนเดียวที่ชอบสอนอะไรแผลงๆ ให้เด็กๆ”  
     
    ผู้สูงวัยถอนหายใจระอา 
     
          “อย่าถือเลยนะคะ อยู่ที่นี่คงเหงา ไม่มีใครกล้าต่อล้อต่อเถียงนัก พอคุณอาร์คมาเหมือนได้เพื่อนใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อ เดี๋ยวเธอก็เลิกรา สนุกอยู่อย่างนี้ตลอดไม่ได้หรอกค่ะ”

          คนเป็นเพื่อนใหม่ ถอนหายใจแบบปลงตก...ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม? เหมือนต้องมนต์...เผลอยอมทำตามทุกครั้ง

          “ตอนเด็กๆ คงจะซนมากเลยนะครับ” เช่นกัน...สำหรับพวกเขา ...หมายถึงคนคนเดียวกัน

          “ซนเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปแหละค่ะ คุณปรัชคุณปริญนะ ยังไม่เคยตามทัน”

          “ตอนเด็กๆ ใครๆ ก็ว่าผมร้ายเหมือนกัน”

          “ที่บ้านเลี้ยงคุณอาร์คแบบไหนล่ะคะ? ขอโทษนะคะที่ถาม ป้าเห็นว่าเราสนิทกันแล้ว”
          คนถาม ถามอย่างระมัดระวัง อย่างน้อยคงมีคนเตือนเรื่องความชอบเก็บตัวเป็นนายปริศนา

          “ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่บ้านของผมเลี้ยงแบบครึ่งๆ ผมอยู่แบบไทยมากกว่า แต่ก็ให้ความคิดและอิสระเต็มที่ พ่อกับแม่ของคนไม่เคยก้าวก่ายเลยนะครับ ผมทราบว่าท่านเป็นห่วงแต่ท่านใช้วิธีเตือนแล้วก็รอให้เราคิดเอง บางอย่างก็คิดได้เร็ว บางอย่างก็คิดได้ช้า ท่านคอยดูอยู่ห่างๆ เพราะข้อตกลงคือเวลาล้มหรือผิดพลาด ต้องไม่โทษใคร”

          “...ดีนะคะ   เป็นอิสระดี ทำอะไร ไม่ต้องปิดบังใคร”

          แม้จะมีข้อปิดบังอยู่บ้างแต่ไม่คิดว่ามธรินจะอยู่ในกรอบเสมอไป คนอย่างหล่อน...จะมีใครกักขังใจและกักขังกายได้

          ถึงอย่างไรต้องถือได้ว่าพื้นฐานการเลี้ยงดูมธรินและของอาคเนย์ดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หล่อนอยู่ในครอบครัวหัวเก่าที่ดูแลโดยคุณยายผู้ทรงอิทธิพล ในขณะที่เขาอยู่ในครอบครัวครึ่งไทยครึ่งฝรั่งที่ปล่อยให้ดูแลและตัดสินใจด้วยตัวเอง หนำซ้ำท้ายๆ ยังเรียกว่าอิสระทั้งหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นเสียด้วยซ้ำ

          เถอะ....เพื่อป้องกันไม่ให้โลกส่วนตัวถูกรบกวนมากนัก  หรือเพราะไม่อยากให้เจ้าของไร่อิงฟ้ารู้สึกว่าชนะที่หลอกอำกันได้ง่ายๆ อาคเนย์เลี่ยงไม่ไปกล้ำกรายเรือนใหญ่เสียสองสามวันเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ถูกแกล้งอีก 

          อีกอย่าง.. ยังไม่อยากเห็นแววตาระยิบระยับยามเมื่อพอใจที่ได้แกล้งคนสำเร็จ...         
          เสียฟอร์มชะมัด
!

 

 

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 00:36:42

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 00:34:15

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 00:28:01

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 00:24:34

จากคุณ : รุ้งปลายฟ้า
เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:23:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com