ตอนเช้าของวันถัดมา ทวีสินเดินคอตกออกมาจากห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา หลังจากสวดเขาชุดใหญ่ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งพวกนักข่าวและเพื่อนร่วมงานคนอื่นต่างก็หัวเราะเยาะค่อนแขวะ ซึ่งบางครั้งเขาก็รู้สึกทดท้อใจเหมือนกัน..เวลาทำดีไม่มีใครเคยเห็น แต่พอผิดพลาดขึ้นมากลับถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมจนไม่เหลือดี
เฮ้อ..ชีวิตตำรวจไทย และยังไม่ทันจะถึงโต๊ะทำงานดีนัก เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอยู่ในละแวกนี้หอบของขวัญกล่องใหญ่ตรงมาหา
ผู้กอง มีคนฝากของขวัญมาให้ครับ
ใครวะ
เด็กหนุ่มนำกล่องไปวางบนโต๊ะทำงานของเขาเสียเอง ก่อนหันมาตอบไม่รู้ครับ แต่เขาบอกว่าพอผู้กองเปิดดูก็จะรู้เองว่ามาจากใคร ทีแรกผมไม่กล้าถือมาหรอกกลัวเป็นระเบิดน่ะ แต่เห็นเขาเขย่าให้ดูแล้ว ผมถึงกล้าถือมาให้ครับ
อืม ขอบใจนะ
เมื่อคล้อยหลังเด็กหนุ่มไปแล้ว ลูกน้องของทวีสินสองคนก็ยื่นหน้ามาด้วยความสนใจกับเจ้าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบโต มาจากสาวๆรึเปล่า ลูกพี่
ไม่รู้ว้อย ทวีสินพูดยิ้มๆ ก่อนลงมือแกะกระดาษห่อของขวัญออกดูให้หายสงสัย ซึ่งห่อทับกล่องพลาสติกทึบแสงไว้ และนายตำรวจชั้นผู้น้อยทั้งสองคนต่างก็เข้ามาดูใกล้ๆ แต่เพียงครู่
เฮ้ย!
ทั้งสามต่างผงะถอยขนลุกเกลียวทันทีที่ฝากล่องพลาสติกถูกเปิดออกพร้อมกลิ่นเหม็นคละคลุ้งโชยมาจากหัวคนที่อยู่ภายใน..ทวีสินจับจ้องใบหน้ายับเยิน เกรอะกรังคราบเลือดนั้นด้วยอาการตะลึงลาน ก่อนอุทานออกมา
ไอ้อ๊อด!
เข่าถึงกับอ่อน ร่างกายซวนเซพิงผนังเพียงครู่ สติที่กระเจิดกระเจิงก็กลับเข้าที่พร้อมอารมณ์โกรธแค้นปะทุแน่น ระบายผ่านเส้นเสียงที่แผดลั่น หันเตะโต๊ะเตะเก้าอี้อย่างคลั่งแค้น จนบรรดาลูกน้องต้องเข้ามาช่วยห้าม
ลูกพี่ สงบสติหน่อย..ลูกพี่
ทวีสินมองกล่องใบนั้นอีกครั้ง กรามขบกันแน่น ดูจากสภาพที่เห็นก็รู้ว่าสายคนนี้ของเขาต้องทนเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนกว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหลุดออกจากร่าง กี่ครั้งกี่หนที่เขาต้องทนเห็นคนรู้จักล้มตายไปโดยที่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้กระทำได้ ได้แต่เก็บกดความเจ็บแค้นไว้ในใจ หลายครั้งหลายหนเช่นกันที่นึกอยากจะกระทำการแหกกฎปิดบัญชีแค้นด้วยเลือด แต่ถ้าขืนทำเช่นนั้น ชีวิตในเครื่องแบบของเขาคงมีอันต้องจบสิ้น และอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นในการผดุงความยุติธรรม รักษาความสงบเรียบร้อยก็คงสูญสลายในพริบตา
ไอ้อ๊อด..เอ็งจะต้องไม่ตายเปล่าแน่ กูสาบานจะต้องลากคอไอ้สองพ่อลูกนั่นเข้าคุกให้ได้!
อชิระแต่งตัวพร้อมจะออกไปทำงานแล้ว แต่วันนี้เขาโอ้เอ้นั่งพูดคุยอยู่กับมารดา โดยมีเมธิกาตามลงมานั่งอยู่ด้วย และขันอาสาจะอ่านหนังสือให้อารดาฟังแทนพยาบาลสาว แล้ววันนี้คุณไม่ออกไปฟิตเนสเรอะ อชิระเอ่ยถามเมธิกา เพราะหลังจากวันที่เขาบอกว่าอ้วน เธอก็จัดแจงพาตัวเองเข้าฟิตเนส และในแต่ละเช้าเขาต้องลุกขึ้นมาวิ่งออกกำลังกายเป็นเพื่อนตามคำร้องขอกึ่งคำสั่งของเธอ
ไปสิคะ อุตส่าห์เสียตังค์ค่าเมมเบอร์ไปตั้งเยอะ แต่จะไปช่วงเย็นๆหน่อยรอสองคนนั่นทำธุระเสร็จก่อน ซึ่งหมายถึงพิมพ์กมลและธนภัทร
อารดาหันมามองเมธิกาเพียงครู่ก็เอ่ยถาม ร่างกายลื้อยังไม่มีอะไรผิดปกติรึอาเมย์
หญิงสาวจึงตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่ค่ะ หนูแข็งแรงดีทุกอย่าง..ออกจะเริ่มอ้วนท้วนสมบูรณ์เกินไปด้วยซ้ำ แล้วก็ชำเลืองหางตามองอชิระที่นั่งอมยิ้ม
แต่คำตอบของเธอ ทำให้ใจคนฟังห่อเหี่ยว จนถึงขั้นทอดถอนใจ เฮ้อ ลื้อยังไม่แพ้ท้องอีกเรอะ
สองหนุ่มสาวต่างลอบสบสายตากันโดยอัตโนมัติ ก่อนที่อารดาจะหันไปพูดกับบุตรชาย ลื้อควรให้เวลาหนูเมย์มากกว่านี้นะอาเล่ย ไอ้งานที่บ่อน ที่โรงน้ำชาน่ะให้อาก้องไปดูแทนก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นที่ลื้อจะต้องออกไปทุกคืนเลย กว่าจะกลับก็ครึ่งค่อนคืน แล้วดูซิ จนป่านนี้เมียลื้อยังไม่ท้องเลย
นางค่อนขอดด้วยวาจาอ้อมค้อม แต่ความหมายไม่ได้ต่างกันเลยกับถ้อยคำเสียดสีว่า..ไร้น้ำยา
อชิระออกอาการนั่งแทบไม่ติดได้แต่ยิ้มเจื่อน และคิดว่าถึงเวลาที่เขาควรจะไปทำงานเสียที แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยลา ลูกน้องคนสนิทก็นำโทรศัพท์มือถือมาให้ เขาจึงถือโอกาสนี้ยื่นตัวไปหอมแก้มมารดาพร้อมลุกขึ้น อั๊วไปทำงานนะม่า แล้วก็หันไปยื่นมือรับโทรศัพท์จากลูกน้องหวังพูดไปเดินไป แต่อารดาทักท้วงขึ้นมา
แล้วเมียลื้อล่ะ
เมธิกาสะดุ้งโหยง อุ๊ย! ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณเล่ยเขาจะรีบไปทำงาน
แป๊บเดียวเอง ไม่เสียเวลาหรอก
และดูเหมือนน้ำเสียงที่เอ่ยนั้นออกจะติดงอนเล็กน้อย อชิระถอนใจเฮือกตัดสัญญาณโทรศัพท์ในมือ เดินมาหยุดข้างกายผู้เป็นภรรยาที่นั่งใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ และแทบกลั้นใจเมื่อเขาโน้มกายลงมาแนบริมฝีปากที่ผิวแก้มแผ่วเบา แต่เธอกลับรับรู้ถึงความร้อนผ่าวก่อตัวจากจุดเล็กๆที่สัมผัส ค่อยๆขยายเป็นวงกว้างลามเลียไปทั่วเนื้อตัว
ผมไปแล้วนะ..
และเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูก็ยิ่งทำให้หัวใจบีบรัดเต้นรัวจนมือไม้แทบสั่น ได้แต่แค่นยิ้มพยักหน้าหงึกหงัก ไม่กล้าจะสบสายตาเขาโดยตรง
..ค่ะ..
อชิระทอดสายตาอ้อยอิ่งมองคนที่ก้มหน้างุดเพียงครู่ก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนหันเดินจากไป พร้อมๆกับกลิ่นละมุนของแป้งหอมยังติดตรึงที่ปลายจมูก แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์กลับไปหาผู้ที่โทรฯมาเมื่อครู่
และได้รับการประชดประชันจากปลายสายทันที คุณนี่เรื่องเยอะจริงๆนะ กว่าจะรับสายของผมได้
คุณควรจะทำใจได้ตั้งนานแล้ว..แล้วคราวนี้คุณต้องการอะไรอีกล่ะ
ผมอยากให้คุณรีบๆหาหลักฐานมัดตัวไอ้สองพ่อลูกนั่นมาให้ผมเร็วๆ จะวิธีไหนก็ได้ผมสนับสนุนคุณเต็มที่
อชิระจับได้ถึงความเคียดแค้นแฝงมาตามเส้นเสียง ผมจะพยายาม
ขอบคุณ
ไม่เป็นไร เพราะเรามีผลประโยชน์ต่างตอบแทน และหวังว่าคุณก็จะไม่ลืม
รับรอง ผมไม่ลืมแน่ ทวีสินยืนยันหนักแน่นก่อนวางสาย ภาวนาให้อีกฝ่ายทำตามที่พูดได้สำเร็จโดยเร็ว
ศราพยักหน้ารับรู้กับลูกน้องที่เข้ามารายงานบางอย่าง ก่อนเขาจะเดินขึ้นชั้นสองของไนต์คลับตรงไปยังห้องทำงานของพี่ชายไปในตัว โดยผ่านบอดี้การ์ดทั้งสามเลื่อนเปิดประตูกระจกหนาแกะสลักลวดลายวิจิตรเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งกำลังนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ปลายนิ้วคีบมวนบุหรี่ขณะเปิดแฟ้มเอกสารอ่านไปพลาง
ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาอีกตัว ข่าวว่า ผู้กองทวีสินเพิ่งจะถูกตัดนิ้วไปอีกหนึ่งนะเฮีย
มิน่า เมื่อเช้าถึงได้โทรมาเร่งอั๊ว สงสัยจะแค้นฝังหุ่น อชิระพูดออกไปโดยที่สายตายังไม่ละจากเอกสาร
แค้นสิเฮีย ก็เล่นตัดหัวส่งมาเย้ยกันถึงสภ.เลย
คราวนี้ผู้เป็นพี่ชายละมือจากเอกสาร หันมามองเต็มตา ตัดหัวกันเลยเรอะ
ครับ
โหดไม่ใช่เล่น..ว่าแต่ ฝีมือคนพ่อรึคนลูกล่ะ
คาดว่า จะเป็นคนลูก
อชิระนิ่งเงียบ พลางนึกถึงความแตกต่างระหว่างเมธัสที่เปรียบเสมือนปิศาจร้ายในเงามืด ขณะที่เมธิกาดูขาวสะอาดสดใสราวเทพธิดาองค์น้อย และเริ่มเป็นห่วง เกรงว่าในสักวัน ความดำมืดจะเข้าคุกคามให้ความสว่างสดใสนั้นต้องด่างพร้อยหมองมัว..แล้วตัวเขาล่ะ จะทนเมินเฉยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเธอได้หรือ!
และด้านล่างของไนต์คลับ สาวงามผู้เป็นเบอร์หนึ่งเพิ่งก้าวผ่านประตูหน้าเข้ามาด้วยชุดเสื้อคลุมยาวกรอมเท้า ใบหน้าตบแต่งด้วยเครื่องสำอางหนา แต่ไม่อาจซุกซ่อนความโศกตรมที่เผยออกมาจากดวงตาได้
ผู้จัดการหนุ่มรีบก้าวยาวๆมาหาสีหน้าบึ้งตึง เพราะเมื่อถึงเวลาทำงานแล้วแต่เธอก็ยังไม่มา โทรศัพท์ไปตามก็ปิดเครื่อง รอจนคิดว่าคืนนี้เธอจะไม่มาทำงานเสียแล้ว แต่จู่ๆเธอก็โผล่มาแถมเข้าประตูหน้า ไม่ได้เข้าด้านหลังเฉกเช่นทุกคืน แล้วยังเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็ดูแปลกไปจากรสนิยมที่เห็นเป็นประจำ
ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ แขกถามหาเธอให้ควักเชียวนะ แล้วยังปิดมือถืออีก เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย
หญิงสาวไม่ตอบ แต่กลับถามเขาแทน เสี่ยมาแล้วใช่ไหม
อืม ทำไมล่ะ
ฉันจะไปหาเสี่ย แล้วก็เดินขึ้นบันไดหมายไปยังห้องทำงานของผู้เป็นนาย แม้ผู้จัดการหนุ่มจะตามมาเหนี่ยวรั้ง เพราะต้องความกระจ่างให้มากกว่านี้ แต่ก็ถูกเธอผลักเต็มแรงจนเซถอย ก่อนร่างอวบอิ่มจะหันไปซอยเท้าวิ่งขึ้นบันไดจนถึงชั้นบนแต่ก็ถูกสกัดกั้นจากหนึ่งในบอดี้การ์ด ขณะที่อีกสองคนยืนคุมเชิง
ขอฉันเข้าไปหาเสี่ยหน่อย
เสี่ยไม่ได้สั่ง จะเข้าไปทำไม
ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเสี่ยเดี๋ยวนี้ และขยับหมายจะผ่านร่างสูงใหญ่ไปให้ได้ แต่ก็ถูกคว้าตัวอย่างง่ายดาย หญิงสาวดิ้นรน ปลดปล่อยโทสะที่ทนเก็บกดไว้ทะลักทลายออกมาตามเส้นเสียงที่กรี๊ดลั่น
ปล่อยนะ ฉันจะพบเสี่ย..ปล่อย!
ชายหนุ่มรีบตะปบปิดปากแน่น เกรงว่าลูกค้าจะได้ยิน พร้อมเอียงใบหน้าหลบปลายเล็บที่กางใส่เป็นพัลวัน..ถ้าหากเป็นผู้ชายเขาคงทุบร่วงไปแล้ว จนเพื่อนอีกคนต้องเข้ามาช่วยจับและไม่อยากทำอะไรรุนแรง เพราะเห็นว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของไนต์คลับ ในขณะที่เพื่อนอีกคนกำลังเปิดประตูเข้าไปรายงานเจ้านาย แต่ศราเปิดประตูออกมาเสียก่อนจากเสียงกรีดร้องที่ลอดเข้าไปเมื่อครู่
มีเรื่องอะไรกัน ถามคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนเลื่อนสายตาไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่ช่วยกันจับร่างหญิงสาวไว้แน่น ขณะผู้จัดการหนุ่มที่วิ่งตามขึ้นมาได้แต่ทำหน้าเจื่อน
และทันทีที่หญิงสาวเห็นศรา ร่างที่ดิ้นรนสงบนิ่งแต่แปรเปลี่ยนเป็นสะอื้นจนตัวโยน วงแขนแข็งแกร่งที่รัดแน่นค่อยคลายออก แต่สายตายังจับจ้องอย่างระแวงระวัง
..เฮีย..ขอฉันเข้าไปพบเสี่ยหน่อยค่ะ..
ศรามองชั่วอึดใจก็ให้เธอเข้ามาในห้องเพียงลำพังและปิดประตูตามหลัง
อชิระมองหญิงสาวที่ยังไม่หยุดสะอื้นอย่างกังขา มีอะไร
หญิงสาวสูดสะอื้น พยายามเค้นเสียงออกไปอย่างยากเย็น ..ไอ้ผู้ชายคนเมื่อคืน..มันให้พวกลูกน้องรุมโทรมหนูให้มันดู..แล้วมันยัง.. เธอก้มหน้าสะอื้นไห้อีกครั้ง ภาพความเลวร้ายไม่ต่างอะไรกับขุมนรกกระจ่างชัดในความทรงจำจนไม่อยากเอ่ยออกมา สองมือสั่นเทาเลื่อนมาปลดเสื้อคลุมออกจากร่าง ตามด้วยเครสสีดำหลุดร่วงไปกองแทบเท้า เผยเรือนร่างกระจ่างอวบอิ่มเกือบเปลือยที่เคยเย้ายวน ทว่า บัดนี้เต็มไปด้วยริ้วรอยมลทิน
สองหนุ่มต่างวัยถึงกับนิ่งงัน ศราเดินเข้ามาใกล้มองรอยช้ำเลือดที่เกิดจากการขบกัดรุนแรง ประปรายด้วยรอยไหม้เป็นจุดตั้งแต่เหนือทรวงอกไล่ลงมาจนถึงเรียวขา
..!..
ชายหนุ่มกร่นด่าอย่างเจ็บแค้น ก่อนยื่นมือไปโอบกอดร่างตรงหน้าแน่นให้เธอได้ซุกซบสะอื้นไห้ ปลดปล่อยความเลวร้ายที่ได้เผชิญให้เขาช่วยปลอบโยน
อชิระขบกรามแน่น ข่มใจกับเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจที่มันพุ่งเข้ามาเชือดเฉือนใจเขาให้เจ็บแปลบกับการกระทำของเมธัสที่บังอาจมาย่ำยีคนของเขาถึงเพียงนี้ พลางคิดถึงบิดาอย่างเข่นเขี้ยว..จะต้องให้ทุ่มเทไปอีกเท่าไหร่ถึงจะพอแลกกับอิสรภาพของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทอดทิ้งเขากับมารดาไปอย่างไร้น้ำใจ!
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานไขกุญแจเปิดลิ้นชักหยิบสมุดเช็คมาเขียน ก่อนดึงออก และเรียกน้องชาย
ก้อง
เจ้าของชื่อจึงคลายวงแขนที่โอบกอดและหันมาทางพี่ชาย ก่อนจะเดินไปหยิบสิ่งที่พี่ชายยื่นมา หญิงสาวจึงก้มหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมดังเดิมด้วยอาการที่ยังไม่คลายสะอื้นดีนัก และศราก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมยื่นเช็คให้ ซึ่งเธอถึงกับอึ้งกับจำนวนตัวเลขเจ็ดหลัก
อชิระที่ยังนั่งหลังโต๊ะทำงานเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ ถ้ารักษาตัวหายดีแล้วอยากจะกลับมาทำงานอีกเมื่อไหร่ก็มา หรืออยากจะทำอย่างอื่นก็ตามใจ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้
หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณค่ะเสี่ยแล้วก็เลยมาไหว้ศรา ก่อนหันเดินออกจากห้อง
ศราหันกลับมาทางพี่ชายที่นั่งหน้าเครียด
พรุ่งนี้โทรไปหาไอ้เมธัส บอกว่าอั๊วอยากทำธุรกิจด้วย ให้ไปเจอกันที่บ่อน
คนฟังนิ่วหน้าเคร่งเครียดตาม แต่จำต้องรับคำ ครับ
.....................................................................................
จบตอนค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 54 09:45:56
|
|
|
|