Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุสานราตรี - บทนำ ติดต่อทีมงาน

บทนำ : ฤๅจักสิ้นในดาบเดียว


ยามนั้น ดาบซันโจวถูกเงื้อง่าค้างคาอยู่กลางอากาศ ปลายเรียวแหลมชี้ขึ้นสู่ดวงจันทร์บนฟากฟ้า คมดาบสีเงินอาบไล้แสงนวลเป็นประกายเย็นยะเยือก ดุจเคลือบคลุมด้วยรังสีสังหารอันแรงกล้า หากทว่านาสุโนะ เคย์ฮาระกลับลังเลที่จะออกแรงฟาดฟันมันเข้าใส่เป้าหมายตรงหน้า

“ท่านชนะ...”

นางปีศาจจ้องมองเขาด้วยดวงตาคู่งาม พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เจ็บปวด หลังจากถูกบ่วงมนตราของอาเบะโนะ เซย์เมย์สยบจนสิ้นฤทธิ์ ไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานขัดขืนอีกต่อไป เรือนกายอ้อนแอ้นบอบบางของนางค่อย ๆ ทรุดลงกองกับพื้นอย่างเชื่องช้า และจำต้องเปิดเผยร่างที่แท้จริงออกมาต่อหน้ามนุษย์เป็นครั้งแรก

“จงสังหารข้าซะ นาสุโนะ เคย์ฮาระ เพราะข้านี้มิได้หวั่นเกรงต่อความตายแม้สักน้อย เมื่อร่างของทามาโมะถูกทำลาย ดวงวิญญาณของข้าจักเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นเดิม ยังคงสามารถบำเพ็ญตบะต่อไปได้อย่างเป็นสุข แต่ดาบของท่านต่างหาก ที่จักเปรอะเปื้อนหยาดโลหิตของสตรีผู้บริสุทธิ์ จนมิอาจลบเลือนบาปกรรมครั้งนี้ออกจากชีวิตได้ตลอดกาล”

ซามูไรหนุ่มลดดาบลงเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หางจิ้งจอกทั้งเก้าซึ่งโผล่พ้นชายกิโมโนออกมา แลเห็นขนสีทองสุกปลั่งนุ่มฟูสะท้อนแสงจันทร์เป็นมันวาวละเลื่อม งดงามชวนให้ลุ่มหลงตะลึงลานจนเขาแทบลืมไปว่า นางคือ ‘ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง1’ อันเป็นเภทภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนักและท่านโชกุน2 ซึ่งตนมีหน้าที่ต้องถวายอารักขา ปกป้องคุ้มครองด้วยความจงรักภักดีเหนือชีวิต

“ในเมื่อเจ้าเป็นปีศาจ ไฉนจึงไม่อยู่ส่วนปีศาจ ล่วงล้ำเข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในแดนมนุษย์นี้เพื่ออะไร”

“ข้ามา มิใช่เพราะอยากมา” นางปีศาจตอบอย่างขมขื่น “ก็เหมือนกับท่านที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอยู่ร่ำไป มิอาจขัดขืนหลีกเลี่ยงได้นั่นเอง”

เคย์ฮาระกัดฟันเม้มริมฝีปากด้วยความลังเล นี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะสามารถกำจัดนางปีศาจร้ายออกไปจาก... จาก... นั่นสิ จากอะไรล่ะ

จากราชสำนักและท่านโชกุน ตามที่เขาพยายามหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเสมอ
หรือว่าจาก ‘หัวใจ’ ของตนเองกันแน่


เมื่อครู่ทามาโมะบอกว่า เขาเป็นฝ่ายชนะ แต่แท้ที่จริงแล้ว นางต่างหากเล่าที่เป็นฝ่ายกำชัยชนะเอาไว้ในอุ้งมือ ส่วนเขาพ่ายแพ้ให้แก่รูปโฉมโนมพรรณของนางหมดใจ

ที่สำคัญ คำว่า ‘ปีศาจ’ มิอาจลบเลือนรสสัมผัสนุ่มละมุนกรุ่นละไมด้วยไอเสน่หา ออกไปจากห้วงความทรงจำของซามูไรหนุ่มได้แม้แต่เศษเสี้ยว

“ร้ายกาจยิ่งนัก ทามาโมะ มาเอะ” เขาแค่นเสียงออกมาตามไรฟัน “...ที่สามารถทำให้ข้าทั้งรักทั้งชังเจ้าได้ในคราวเดียว”

“แต่ข้ากลับไม่เคยคิดชิงชังท่าน ไม่เคยเลยสักครั้ง...” นางปีศาจกล่าวเสียงเศร้า ผมยาวดำขลับแผ่กระจาย ตัดกับผิวกายขาวผ่องปานหิมะ ทรงความงามเลอเลิศจนแทบจะข่มพระจันทร์เต็มดวงบนฟากฟ้าให้หม่นแสงลงในบัดดล “แม้การเข่นฆ่าสังหารครานี้ จะสร้างบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ให้แก่ดวงวิญญาณของข้าก็ตามที”

มือที่กำดาบเงื้อง่าค้างอยู่เกร็งแน่นจนสั่นเทา ได้ยินเสียงห้าวรำพันขึ้นว่า

“ถึงอย่างไรข้าก็ต้องสังหารเจ้า มิเช่นนั้น... มิเช่นนั้น ข้าก็จะต้องลงมือสังหารตนเอง !”

“ข้าเข้าใจ” ทามาโมะเหลือบตาลงต่ำ ท่าทางปลงตก ยอมรับในชะตากรรม “และจะขอจดจำความรู้สึกที่มีต่อมนุษย์เช่นท่านเอาไว้ในใจตราบชั่วนิรันดร์”

สิ้นคำ หยาดน้ำตาอุ่นก็รินไหลอาบแก้มขาวเนียนเปล่งปลั่ง ถึงแม้นางจะได้ชื่อว่าเป็นปีศาจ หากแต่อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายนั้น ละเอียดลออลึกซึ้งจริงจังมิแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาสามัญคนหนึ่ง

“มีอะไรจะขอเป็นครั้งสุดท้ายไหม” เคย์ฮาระถามเสียงต่ำ

ทามาโมะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปียกชื้นสานสบกับดวงตาคมกล้า หลังจากปล่อยให้ความเงียบเกาะกุมบรรยากาศ ณ ขณะนั้นชั่วครู่ ริมฝีปากแดงระเรื่อดุจกลีบซากุระจึงเอื้อนเอ่ยตอบว่า

“ข้าต้องการให้ท่านจูบข้าอีกสักครั้ง จูบเหมือนเมื่อคืนนั้น... คืนที่แสงจันทร์สุกสกาวร่ายมนต์วิเศษ บันดาลให้ข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับท่านทั้งกายและใจ”

อาเบะโนะ เซย์เมย์ทอดถอนใจแผ่วยาว ก่อนจะหันหลังให้สองหนุ่มสาวทันที เมื่อเห็นนาสุโนะ เคย์ฮาระ สหายของเขาลดดาบลง แล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น พลางยื่นหน้าเข้าใกล้ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เพื่อมอบจุมพิตแก่นางโดยไม่อิดเอื้อน

องเมียวจิ3หนุ่มไม่แยแสว่าจุมพิตนั้นจะทำให้เคย์ฮาระเปลี่ยนใจหรือไม่ เพราะภารกิจของเขาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ส่วนการปลิดชีวิตทามาโมะ เป็นเรื่องที่เคย์ฮาระจะต้องตัดสินใจเอาเอง

“เซย์เมย์...”

“หือ ?” อาเบะโนะ เซย์เมย์หันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงสหายเรียกชื่อตน มิคาด ซามูไรหนุ่มโยนดาบซันโจวมาให้ เขาจึงยื่นมือรับไว้อย่างงุนงง

“นี่... นี่ท่านคงไม่...”

เคย์ฮาระไม่อธิบาย แต่ล้วงหยิบดาบสั้นวาคิซาชิ หรือดาบแห่งเกียรติยศออกมา จ่อปลายแหลมเข้าที่หน้าท้องด้านขวา ทามาโมะเห็นเช่นนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าเขาตั้งใจจะทำเซ็ปปุกุ4 เพื่อปลิดชีวิตตนเองในฐานะซามูไรผู้มิอาจปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จ นางจึงร้องออกมาคำหนึ่งด้วยความตกใจ พลันยื่นมือไปสกัดกั้นยับยั้งคมดาบไว้ ก่อนที่เขาจะออกแรงจ้วงแทงผ่านทะลุเนื้อหนังมังสาแห่งตน

“อย่า... ได้โปรด อย่าทำเช่นนี้” นางปีศาจวิงวอนทั้งน้ำตา ขณะที่คมดาบบาดฝ่ามือของนางจนโลหิตแดงฉานซ่านซึม “บอกแล้วไงว่าจงสังหารข้าซะ ข้ายินดีตายด้วยน้ำมือท่าน แต่จะไม่มีวันยอมให้ท่านต้องปลิดชีวิตตนเองเป็นอันขาด”

“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ ทามาโมะ”

“ไม่ !”

“ข้าจะแบกรับความตายนี้ไว้เอง ส่วนเจ้า จงกลับคืนสู่ถิ่นเดิม และอย่าได้ลงมายุ่งเกี่ยวกับแดนมนุษย์อีกต่อไป เข้าใจหรือไม่”

“ข้าสัญญาว่าจะกลับไป และจะไม่กลับมา แต่ถึงอย่างไรก็ยอมให้ท่านตายไม่ได้” นางยืนกรานอย่างดื้อรั้น พลางบีบกระชับอุ้งมือเข้ากับคมดาบแนบแน่นโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด จนโลหิตร่วงรินลงบนผืนปฐพีหยดแล้วหยดเล่า

อาเบโนะ เซย์เมย์มองดูภาพยื้อยุดฉุดกระชากดังกล่าวด้วยความสับสนและอ่อนอกอ่อนใจเหลือกำลัง ในที่สุดจึงหลับตาลง ลองนึกย้อนดูว่า ความผูกพันต้องห้ามระหว่างซามูไรหนุ่มกับนางจิ้งจอกสาวคู่นี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใดกันแน่

อา... ใช่แล้ว มันเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ภัยแล้งเมื่อปีกลาย ซึ่งหอบหิ้วเอาลมหนาวมาสู่แดนอาทิตย์อุทัยเร็วกว่าปกติ พัดพาเอากลีบดอกซากุระร่วงกราวปะปนกับละอองหิมะจนแทบไม่ออก

ซากุระ

หิมะ

โปรยปราย



...



เชิงอรรถ


1 ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง (九尾の狐 - Kyubi no kitsune) สุนัขจิ้งจอกที่อายุยืนยาวและมีพลังเวทสูงส่ง ขนกายเป็นสีทอง มีหางยาวเก้าหาง ปรากฏตัวอยู่ในนิทานปรัมปราของอินเดีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น

2 เซอิไตโชกุน (征夷大将軍  - Seiitaishogun) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า โชกุน เป็นตำแหน่งขุนนางผู้สำเร็จราชการของญี่ปุ่น เทียบได้กับอัครมหาเสนาบดี แต่ในยุคโชกุนเรืองอำนาจ ว่ากันว่ามีอิทธิพลด้านการเมืองการปกครองมากกว่าสมเด็จพระจักรพรรดิผู้เป็นประมุขของประเทศเสียอีก

3 องเมียวจิ (陰陽師 - Onmyoji) นักพรตผู้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ด้วยศาสตร์แห่งองเมียว (ยึดหลักหยินหยาง และสมดุลธาตุทั้งห้า) บางตำนานร่ำลือกันว่า องเมียวจิที่มีชื่อเสียงบางท่าน เป็นลูกครึ่งมนุษย์กับยักษ์ หรือไม่ก็มนุษย์กับสุนัขจิ้งจอก

4 เซ็ปปุกุ (切腹 - Seppuku) คือพิธีที่ซามูไรใช้ดาบสั้นคว้านท้องฆ่าตัวตาย โดยมีบุคคลใกล้ชิดใช้ดาบยาวช่วยตัดศีรษะเพื่อให้ตายสนิท คนไทยส่วนใหญ่อาจคุ้นหูกับคำว่า ‘ฮาราคิรี (腹切り - Harakiri)’ มากกว่า แต่ในญี่ปุ่นจะเรียก เซ็ปปุกุ เพราะคำว่า ฮาราคิรี ถือเป็นคำหยาบ และไม่ให้เกียรติผู้ตายเท่าที่ควร

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 15:20:19

จากคุณ : Friday Story
เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 14:53:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com