เสียงบานเลื่อนประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนจะมีร่างสูงของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมก้าวออกมาจากห้อง เชิ้ตขาวชื้นไปด้วยเหงื่อและคราบฝุ่นดิน หากร่องรอยความสกปรกเหล่านั้นกลับไม่สะดุดสายตาเท่ากับแขนข้างซ้ายที่ถูกประคองอยู่ในผ้าคล้องไหล่และร่องรอยความฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าที่ถึงเวลานี้จะยังดูอ่อนใสแบบเด็กหนุ่มแต่ก็มองเห็นเค้าความคมเข้มได้ในอีกไม่กี่ปีแน่ๆ นั้น รอยแตกที่หางคิ้วภายใต้ผ้าก๊อซกับรอยช้ำข้างมุมปากก็เรียกให้คนที่อยู่ภายใต้ชุดนักเรียนเฉกเช่นกันเพียงแต่อยู่ในชุดกระโปรงของนักเรียนหญิง และนั่งรออยู่หน้าห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินของโรงพยาบาลด้วยความกระวนกระวายใจ แทบจะพรวดพราดลุกตรงไปหาอีกฝ่ายทันที
ดิน.. บุษยะได้แต่เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว
หญิงสาวกุลีกุจอเข้าช่วยประคองผืนดินโดยพยุงแขนข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกของอีกฝ่าย พาเดินมายังเก้าอี้ที่นั่งที่ตัวเธอนั่งรอเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ทั้งที่จะว่าไป ร่างซึ่งสูงกว่าเด็กสาวเกือบยี่สิบเซนติเมตรก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่ขาจนเดินไม่ถนัดแต่อย่างไร
เธอพาเขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เก้าอี้ที่วางกระเป๋านักเรียนทั้งของตัวเธอเองและของเขา จากนั้นเธอถึงได้ทรุดลงนั่งเก้าอี้อีกตัวถัดมา เวลานี้คนไข้ค่อนข้างบางตา หน้าห้องที่ผืนดินเพิ่งเดินออกมา ไม่มีใครนอกจากเธอกับเขาแค่สองคน
ร้องไห้ทำไม หรือว่าเจ็บตรงไหน พวกมันฟาดถูกฝ้ายด้วยหรือเปล่า
ผืนดินยกมือข้างที่ไม่ผูกติดพันธนาการเอื้อมไปหาร่างที่ลำตัวงองุ้มลงอย่างคนขาดความมั่นใจผิดภาพเด็กผู้หญิงก๋ากั่นที่กล้าตวาดใส่กลุ่มเด็กนักเรียนอาชีวะสามคนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือแม้แต่ตอนที่เจ้าตัวยืนเถียงกับเขาฉอดๆ เมื่อหลายวันก่อนด้วยซ้ำ นัยน์ตาที่เริ่มจะคลอหน่วยส่งแววแห่งความสำนึกผิดออกมาก็แทบจะลบสีหน้ากวนๆ ที่ลอยหน้ายั่วเขาแบบวันนั้นลงไปแทบหมดสิ้น
เขาพลิกแขนซ้ายขวา จับลำตัวบางพลิกหันอย่างที่พอจะใช้เพียงมือเดียวได้ถนัด กระทั่งแน่ใจว่าไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บใดๆ จากคนตรงหน้า ผืนดินก็ค่อยโล่งอก จับลำตัวอีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้า เขาถึงได้รับรู้ถึงความผิดปกติ
เด็กหนุ่มผู้ซึ่งแสดงความเป็นฮีโร่เกินตัวเข้าขวางการทำร้ายเด็กหญิงกับคนแก่จากพวกนักเรียนอันธพาลด้วยตนเองตามลำพังจนกระทั่งเลือดตกยางออกอย่างที่เห็น ถึงกับมีสีหน้าขัดเขินตอนเห็นรอยแดงๆ บนใบหูของเด็กหญิงวัยเดียวกันที่เขาจับพลิกไปพลิกมาอยู่เป็นนาน
เขารีบดึงแขนตนเองกลับ แต่เหมือนตำแหน่งตรงข้างลำตัวจะไม่ใช่ที่อยู่ของมือและแขนเขาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ผืนดินถึงได้รู้สึกว่ามือไม้มันช่างเกะกะหาที่ว่างไม่ได้เสียที
บ้านภาณุรังสีของเขาไม่มีสมาชิกที่เป็นผู้หญิงเลยตั้งแต่เขาจำความได้ ผืนดินจึงวางตัวไม่ถูกนักเมื่ออยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับเพื่อนนักเรียนหญิงของตัวเองเช่นนี้
เรา.. เราขอโทษ เมื่อกั้นน้ำตาที่เจียนจะไหลออกมาได้ บุษยะก็เอ่ยประโยคขอโทษออกมาให้ได้ยินเป็นประโยคแรก
เราเป็นคนทำให้นายเจ็บตัว ถ้าเราไม่ใจร้อนบุ่มบ่าม หาเรื่องให้ตัวเอง ไปตวาดว่าพวกนั้นที่วิ่งชนคุณตาล้มแล้วไม่ยอมขอโทษ พวกนั้นคงไม่โกรธจนจะลงไม้ลงมือแบบนั้น ดินก็ไม่ต้องมาช่วย ไม่ต้องเจ็บตัวแทนแบบนี้ ฝ้าย.. ฝ้าย
บุษยะ ลัคนากรณ์ .. เพื่อนร่วมห้อง ร่วมชั้นเรียนของผืนดิน เด็กสาวคนเดียวกับคนที่ยืนต่อปากต่อคำเถียงกับเขาเป็นประจำในชั้นเรียน เธอกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมาค่าที่ต่างฝ่ายต่างเป็นตัวแทนของเพื่อนนักเรียนทั้งคู่ โดยผืนดินเป็นตัวแทนนักเรียนในฐานะนักกีฬา ขณะที่หญิงสาวเป็นตัวแทนฝ่ายวิชาการ เวลาประชุมหาข้อตกลงเรื่องการแบ่งเวลาทำกิจกรรมกับเวลาจัดติวหนังสือซึ่งอาจารย์ประจำชั้นของเธอและเขาแนะนำให้ทำเพื่อที่พวกเธอจะได้พร้อมในการสอบแข่งขัน แต่เขากับหญิงสาวตกลงกันไม่ได้จึงทะเลาะกันเป็นประจำ เรื่องที่ผืนดินเถียงกับหญิงสาวเมื่อวันนั้น ก็เป็นเรื่องชั่วโมงติวพิเศษที่เธอเสนอเพิ่มเป็นเช้าวันเสาร์อีกวัน แต่เขากับเพื่อนๆ นักฟุตบอลโรงเรียนต้องซ้อมหนักเพราะใกล้วันแข่ง จึงไม่อยากให้มีชั่วโมงติวพิเศษที่ว่า เขาเถียงกับอีกฝ่ายเป็นนานสองนาน และเขาก็เถียงแพ้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนอาฆาตมาดร้ายหรือชอบผูกใจเจ็บต้องแก้แค้นเอาคืนเสียเมื่อไหร่ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว พ่อกับพี่ชายสอนให้เขาเป็นผู้ชายที่ดี ต้องให้เกียรติ และไม่ทำร้ายผู้หญิง เขาจึงไม่อาจนิ่งดูดายตอนเห็นบุษยะจะถูกรุมทำร้าย ซ้ำพวกนั้นยังเป็นผู้ชาย เพศเดียวกับเขาด้วย ผืนดินจึงยิ่งทนอยู่เฉยไม่ได้เข้าไปอีก
ฝ้ายเป็นเพื่อนเรา เห็นเพื่อนถูกทำร้ายจะให้ยืนเฉยไม่ช่วยได้ยังไงล่ะ
เขายิ้ม อดคิดไม่ได้ว่าท่าทางหงอๆ สำนึกผิดตอนนี้จะทำให้บุษยะดูกลายเป็นผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักไปก็ตาม แต่เขาชอบที่เห็นเธอเป็นคนกล้าหาญไม่กลัวใครมากกว่า
แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะฝ้าย ถ้าไม่เพราะวันนี้เราผ่านไปเห็นพอดีถึงได้ช่วยฝ้ายไว้ได้ทัน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดจะดุอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร ผืนดินก็ไม่อยากให้หญิงสาวทำอะไรวู่วามจนกลายเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแบบวันนี้อีก ดีที่ว่าเป็นเหตุการณ์เพียงแค่บุษยะวิ่งเข้าไปต่อว่าหนึ่งในสามของพวกเด็กนักเรียนนักเลง ที่ชนคุณตาแก่ๆ คนหนึ่งจนล้ม โดยไม่ช่วยแล้วยังไม่ยอมขอโทษอีกนั้น ซึ่งพอเธอพยุงคุณตาคนนั้นให้ลุกขึ้นมาได้ ก็ตรงเข้าไปต่อว่า ฝ่ายนั้นบอกไม่ได้ทำอะไรผิดก็เลยเถียงกันจนกระทั่งฝ่ายนั้นบันดาลโทสะเผลอคว้าไม้จะฟาดใส่ หญิงสาวเอาตัวบังคุณตา เขาผ่านไปเห็นพอดีเลยวิ่งเข้าไปขวางจึงถูกไม้ฟาดเข้าที่แขนแทน อีกสองคนก็พากันจะมารุมเขา แต่เคราะห์ดีว่ามีคนตะโกนว่าตำรวจมา อันธพาลพวกนั้นจึงวิ่งหนีไป ผืนดินจึงแค่แขนเดาะต้องเข้าเฝือกและฟกช้ำตามเนื้อตัวเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าพวกนั้นไม่ใช่แค่โมโหคว้าไม้มาจะฟาดฝ้ายกับคุณตา แต่ลากฝ้ายไป เอ่อ.. ไปรุมโทรม ฝ้ายจะทำยังไง แค่คิด ผืนดินก็รู้สึกสะเทือนเข้าไปในใจ เพราะหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริง เขาคงทนไม่ได้แน่ๆ ความรู้สึกหวงและห่วงเด็กผู้หญิงตรงหน้าจู่โจมเข้าสู่ใจเขาอย่างจัง เขาชอบที่จะต่อล้อต่อเถียงกับบุษยะ แต่ไม่อยากเห็นเธอไปทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรือเห็นใครมาทำร้ายเธอแม้แต่น้อย
ฝ้ายไม่.. ไม่ทันคิด บุษยะลืมคิดไปเสียสนิท แม้ตรงนั้นจะเป็นบริเวณป้ายรถเมล์ แต่เวลาเย็นโพล้เพล้แล้วตอนที่เธอเดินออกไปจะรอรถประจำทาง มีคนยืนรอรถแค่ไม่กี่คน แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครสนใจตอนที่เธอกำลังมีเรื่องกับคนพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ ถ้าพวกนั้นฉุดพาเธอไปซึ่งแถวนั้นก็มีที่ดินรกร้างไร้เจ้าของห่างออกไปไม่เท่าไหร่ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง..
นึกถึงตรงนี้ หญิงสาวก็ตัวสั่นเทิ้มขึ้นด้วยความกลัว ตัวเองดีแต่จะปากเก่ง อวดดี ทั้งที่เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แรงจะสู้เด็กผู้ชายวัยเดียวกันตรงหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำนับประสาอะไรกับผู้ชายที่โตกว่าถึงสามคน
ฝ้ายขอโทษ
เฮ้.. อย่าร้องไห้สิ ยิ่งพูดห้าม ก็ดูเหมือนน้ำตาของบุษยะยิ่งไหลพราก ผืนดินทำอะไรไม่ถูก ความเป็นน้องเล็กทำให้ไม่เคยปลอบใคร ยิ่งปลอบผู้หญิงด้วยแล้ว
เขาจึงดึงบุษยะเข้ามาซบตรงไหล่ข้างที่ไม่เจ็บ ลูบศีรษะปลอบราวกับเจ้าตัวเป็นแค่เด็กเล็กๆ สักพักนั่นแหละ แรงสะอื้นจากร่างบางจึงลดลง
ขอบ..ขอบคุณมากนะดิน ที่ไปช่วยฝ้าย..ช่วยเราไว้ พอรู้สึกตัว บุษยะก็ค่อยๆ ดันตัวเองออก ทุกครั้งที่เข้าใกล้กัน เธอกับเขาก็มักจะทะเลาะหรือเถียงกันได้ตลอด พอเขาทำดีด้วย เธอก็รู้สึกขัดเขิน ทำตัวไม่ถูก
งั้นถ้าเราจะขออะไรแทนคำขอบคุณ ฝ้ายจะให้เราได้หรือเปล่า
อะ..อะไรเหรอ เธอยกมือป้ายเช็ดน้ำตาลวกๆ มองใบหน้ายิ้มๆ ของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ
แทนตัวเองว่าฝ้ายกับดินนะ มันฟังดูน่ารักกว่าเรากับนายตั้งเยอะ
เรา..เอ่อ ฝ้าย.. ฝ้ายไปรับยาให้นะ เขาประกาศเรียกชื่อดินแล้ว ประกายจากนัยน์ตาคู่คมทำเอาบุษยะไม่กล้ามองจ้องตอบเหมือนทุกที เด็กสาวหาข้ออ้างลุกหนีเมื่อได้ยินเสียงเรียกรับยาจากเคาน์เตอร์จ่ายยาแต่ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังตามมา
นายผืนดินจอมยวนที่ชอบยั่วโมโหเธอหายไปพร้อมกับอันธพาลกลุ่มนั้นหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เหลือแต่นายผืนดินคนที่ทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยเธอคนนี้ นายผืนดินที่ชอบจะส่งแววตาเจ้าชู้ขี้เล่นให้สาวๆ กรี๊ดเล่นตอนเข้าไปอยู่ในสนามในฐานะนักฟุตบอลโรงเรียนให้เธอบอกตัวเองว่าหมั่นไส้ท่าทางแบบนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงบุษยะก็ปลื้มอีกฝ่ายไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ เลย
<มีต่อค่ะ>