Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ......... เริ่มต้นและสุดท้าย ......... ๐๐ ติดต่อทีมงาน

.


๐๐ ... เริ่มต้นและสุดท้าย ... ๐๐





แม่ผมชอบทำกับข้าว

เช้าตรู่แม่จะไปตลาด..ตลาดหน้าหมู่บ้านที่ชาวไร่ชาวสวนละแวกนั้นนำมาขาย มีทั้งเนื้อสัตว์และพืชผักผลไม้มากมาย แม่ซื้อจนเต็มตะกร้าใบเก่ง หิ้วตัวเอียง

แม่ทำกับข้าวง่ายๆ ที่ลูกจะตักใส่กะละมังไปกินตรงส่วนไหนของบ้านก็ได้ เราอยู่กันอย่างไม่มีระเบียบแบบแผนเท่าไหร่ ข้าวผัด ผัดไทย หอยแมลงภู่ทอด (แบบเหมาโหล) ผัดซีอิ้วหรือลาดหน้าแล้วแต่ลูกจะยื่นความจำนงล่วงหน้า

ทำเล่นไป สุกี้แม่ก็ชอบทำ แต่เป็นสุกี้แบบของแม่ มีวุ้นเส้น หมู ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักกึ้นช่าย ไข่ไก่ น้ำจิ้ม ที่จำได้เป็นส่วนผสมของเต้าหู้ยี้ กระเทียมดอง พริก และอะไรอีกไม่ทราบ ผมก็ช่วยอยู่แถวนั้นแต่จำไม่ได้

ที่อร่อยคือทอดมัน แต่ค่อนข้างยุ่งยากและขี้เกียจ (ผม) ตำเนื้อปลาให้เหนียวเข้ากับเครื่องแกง แม่ใส่ถั่วพูหั่นฝอย..อือ..อร่อยมาก น้ำจิ้มก็ถั่วลิสงคั่วใหม่ที่หายเกือบครึ่งเพราะลูกๆ เข้ามาหยิบคนละหมุบหมับ..โดนตะหลิวเคาะตามๆ กัน

อยากจะเล่าให้อิจฉาเล่น..คิดไปคิดมาไม่น่าอิจฉาสักหน่อย..ปูม้าสดกิโลละสามบาทห้าสิบสตางค์ (พิมพ์ไม่ผิดครับ) สามสี่กิโลนึงในลังถึงจนสุกใส่กะละมังใหญ่ ลูกๆ นั่งล้อมวงแกะกินกับข้าวสวยร้อนๆ น้ำจิ้มคือพริกขี้หนูตำกับกระเทียม เกลือ น้ำตาลปี๊บ มะนาวและน้ำส้มสายชู ตัวเมียตะปิ้งป้านๆ จะถูกแย่ง มันมีไข่อยู่ตรงหน้าอกแถวนมและตามซอกขอบกระดอง มันของตัวผู้ก็อร่อยอีกแบบ

แต่ขนมจีนน้ำยาน้ำพริกแม่ไม่ทำเพราะขั้นตอนยุ่งยาก ไล่ให้ลูกๆ ถือชามคนละใบไปซื้อกินเอง ชามละห้าสิบสตางค์กินแทบไม่หมด ตือฮวน กระเพาะปลา ชามละห้าสิบสตางค์ทั้งนั้น แต่เอ..กระเพาะปลาบางทีหนึ่งสลึงก็ซื้อได้เหมือนกัน

ขนมหวานก็หนึ่งสลึงเช่นกัน ข้าวเกรียบสิงคโปร์แผ่นใหญ่ แผ่นละห้าสตางค์กินกับโอเลี้ยงหนึ่งสลึงกระป๋องนมข้นมีรูที่ฝาร้อยด้วยเชือกกล้วยสำหรับหิ้ว ห้าสิบสตางค์กระป๋องนมผงเด็กตราหมี..กระป๋องต้องนำไปเอง

ที่ว่าไม่น่าอิจฉาเพราะเรื่องมันผ่านมาหลายสิบปีแล้ว น่าเวทนาคนเขียนเสียมากกว่า

แม่จะนั่งอยู่หน้าเตาอั้งโล่ที่ผมมีหน้าที่ติดไฟ..วางขี้ไต้ตรงกลางแผ่นรังผึ้ง ก่ายฟืนชิ้นเล็กที่เจียกเตรียมไว้ จุดขี้ไต้และค่อยๆ วางถ่านทับลงไป..พักหลังซื้อเตาใหม่ที่ยกสูง มีสองเตาใหญ่ หนึ่งเตาเล็ก และมีที่ใส่ถ่านอยู่ด้านล่าง โก้เขียว

หน้าที่หลักของผมอีกอย่างคือหุงข้าว ผมชอบมากกับการค่อยตักข้าวดูว่าเม็ดบานได้ที่หรือยัง เมื่อได้ที่จึงยกจากเตาใช้ไม้ขัดหม้อข้าวขัดฝาหม้อโดยเสียบผ่านหูหม้อข้างหนึ่ง ผ่านหูที่ฝาหม้อทะลุถึงหูหม้ออีกด้านหนึ่ง ค่อยๆ รินน้ำข้าวออกทางช่องว่างระหว่างฝาหม้อกับตัวหม้อ เอียงคาไว้ที่อ่างน้ำข้าวสักพัก คะเนว่าสะเด็ดน้ำแล้วจึงนำไปดง

ดงข้าวคือการพลิกหม้อข้าวไปมาบนเตาที่มีไฟอ่อนๆ จนกว่าแน่ใจว่าข้าวแห้งดีแล้วจึงยกลงจากเตาไปวางบนเสวียน เสวียนคือที่วางหม้อข้าว ถักด้วยหวายหรือเชือกปอสานไปมาเป็นห่วงกลมๆ พอดีก้นหม้อข้าว มีหูสองข้างสำหรับยกไปไหนๆ ความจริงเสวียนนี้ใช้กับหม้อดินเผา แต่เมื่อมีอยู่จึงใช้ สะดวกดีเพราะหม้อข้าวตอนร้อนๆ นั้นร้อนถึงหูหม้อด้วย

เมื่อมีการนึ่งข้าวเกิดขึ้นผมก็รับหน้าที่เดิม..เทข้าวสารใส่ถ้วยอลูมิเนียมเล็กตามด้วยน้ำ จัดเรียงในลังถึงและนึ่งอย่างธรรมดาทั่วไป วิธีนี้ไม่ต้องเช็ดน้ำดงข้าวแถมได้วิตามินจากข้าวครบถ้วน แต่ต้องคอยระวังเรื่องน้ำและเวลานึ่ง ผมเคยตั้งลังถึงแล้วออกไปเล่น กลับมาอีกทีก้นลังถึงไหม้แหว่ง ข้าวเกรียมกินไม่ได้..ถูกตีด้วยไม่ขัดหม้อข้าวที่กลายเป็นไม้สำหรับลงโทษเด็กดื้อเป็นบางครั้งอย่างผม


ที่เล่ามาคือเรื่องของแม่ครัวคนเก่งของผมในอดีตและเรื่องของผมบ้างนิดหน่อย..หลายสิบปีต่อมาแม่ยังชอบทำกับข้าวให้ลูกๆ กินเหมือนเดิม แต่เวลาหั่นผักหรือเนื้อหมูแม่ต้องพิงสะโพกกับโต๊ะที่วางเขียง ต่อมาแม่นั่งเก้าอี้หั่นอาหารและทำกับข้าว บางครั้งเนื้อเหนียวๆ หรือผักแข็งๆ ผมต้องช่วยหั่น

สุดท้ายแม่นั่งหน้าห้องนอนบนบันไดขั้นบนสุดที่มองเห็นห้องครัวที่อยู่โคนบันได คอยสั่งลูกซึ่งส่วนมากคือผมปรุงอาหารตามขั้นตอนของแม่ ความจริงผมทำได้อย่างแม่นยำแล้วแต่แม่ไม่ไว้ใจต้องคอยออกคำสั่งทุกขั้นตอน แม้แต่การชิมรสผมก็ต้องตักใส่ถ้วยเล็กวิ่งขึ้นลงบันไดหลายเที่ยวกว่าจะได้ที่

เดี๋ยวนี้แม่ทำอะไรไม่ได้แล้วแม้แต่นั่งคุม ถึงอย่างนั้นเวลาตักมาให้กินแม่มักเติมโน่นเติมนี่เสมอ บางทีไม่ยอมกินดื้อๆ ว่าหวานไปเค็มไปแข็งไปนิ่มไป เล่นเอาผมปวดใจ ไม่ใช่เพราะถูกตำหนิแต่ปวดใจเพราะแม่ไม่ยอมกินข้าว

เวลากินข้าวไม่ถึงกับป้อนแต่ต้องคอยตะล่อมอาหารใส่ช้อนพอดีคำและช่วยประคองมือแม่ให้ส่งช้อนเข้าปาก มือแม่สั่นถ้าไม่ช่วยบางทีอาหารไม่ถึงปากบางทีร่วงออกจากช้อน..แม่อายุ 87 ผมเตรียมใจไว้ว่าอีกปีสองปีผมคงต้องป้อนข้าวให้แม่..ลูกคนอื่นๆ มีครอบครัวกันหมด

แม่ยังเดินได้ ผมเป็นคนฉุดร่างน้ำหนัก 72 จากที่นอนให้วางมือบนวอล์กเกอร์แล้วค่อยประคอง บางทีต้องช่วยยกขาให้ก้าวเดิน ไปกลับห้องน้ำแต่ละครั้งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง บางทีก็ราดกลางทาง..แม่ไม่ยอมใส่ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่นอกจากวันไหนเกิดปฏิกิริยาจากยาต้องฉี่บ่อยแม่จึงยอมใส่

ใส่ผ้าอ้อมให้แม่ครั้งแรกๆ ผมเขินมาก..อย่าหาว่าทะลึ่ง..ผมต้องเห็นอวัยวะของแม่ ทาแป้งให้..ผมเตือนตัวเองว่าเกิดมาจากตรงนี้จึงทำใจได้ อีกสองสามปีเมื่อแม่เดินไม่ได้คงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำความสะอาดร่างกาย และสิ่งปฏิกูลที่แม่ขับถ่ายออกมา

ทุกครั้งที่เดินประคองแม่เข้าห้องน้ำ..ร่างสั่นเทิ้มของหญิงชราที่ค้อมอยู่ในอ้อมแขน..หญิงนี้ไม่ใช่หรือที่เคยปฏิบัติต่อผมเหมือนที่ผมกำลังปฏิบัติต่อท่าน สักวันท่านคงย้อนไปเหมือนวัยที่ผมแบเบาะ

ถึงจะหนักกว่าผมตอนนั้นอย่างเทียบไม่ติด ผมก็คงต้องอุ้มเห่กล่อม ป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้ความรักความอบอุ่นกับแม่


จนกว่าแม่จะไปถึงจุดเริ่มต้นที่ไม่แตกต่างจากจุดสุดท้ายเท่าไหร่เลย...

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 09:31:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com