Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปรัก... มนตร์อักษรา ติดต่อทีมงาน

)))))R18+((((((




                                                บทที่ 01


     บรรยากาศของโรงพยาบาลไม่มีอะไรน่าพิศมัยเลยสักนิด แต่เพลินจำเป็นต้องมา หลังจากที่เคยพลาดเข้าครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ครั้งนั้นเธอก็เข็ดจนวันตาย และเห็นถึงความจำเป็น ในการที่จะต้องพึ่งพาแพทย์มืออาชีพ โดยเฉพาะในสาขาสูตินรีแพทย์

เธอมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นประจำ อย่างน้อยก็เดือนละหนึ่งครั้ง หรืออย่างมากก็... เท่าที่จะรู้สึกไม่สบายใจ... รู้สึกไม่ปลอดภัยนั่นละ

แล้วก็อีกครั้ง ที่คุณหมอผู้แสนจะอ่อนโยน บอกว่าเธอวิตกกังวลไปเอง

ซ้ำยังย้ำคำพูดเดิมๆ คือ... หากเรื่องที่เธอนิยมชมชอบ จะทำให้ต้องเสียสุขภาพจิตถึงขนาดนี้ คุณหมอก็ปลอบประโลมว่า ให้หาสามีเป็นตัวเป็นตนไปเสีย แล้วความรู้สึกแย่ๆ ที่ทำให้พะวักพะวงนั่น จะหายไปเอง

“กับผู้หญิงอย่างดิฉัน คุณหมอพอจะแนะนำใครให้ได้บ้างไหมเล่าคะ”

เพลินก็แย้มยิ้มพอกัน ตอนที่ถามกลับไป เป็นทีเล่นมากกว่าทีจริง

คุณหมอผู้ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจก็มีอันต้องนิ่งไป จนเธอต้องเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“แล้วคุณหมอ... เอ้อ... ทีคุณหมอยังครองตัวอยู่เป็นโสด...”

เพราะความที่คุ้ยเคยกันมากแล้วนั่นหรอก ที่ทำให้เพลินกล้าพูดจากับคุณหมอเป็นทำนองนี้ ก็คำนำหน้าว่า “แพทย์หญิง” กับอายุอานามของหล่อน หากเห็นกันเพียงแค่ผิวเผิน เป็นใครก็ต้องคิดว่าหล่อนต้องเป็นคุณแม่และเป็นภรรยาที่ดีแน่นอน

และก็เช่นกัน เมื่อบทสนทนาดำเนินมาถึงเช่นนี้ คุณหมอผู้อารีก็จะพยักหน้าให้นิดๆ ส่งรอยยิ้มละไมให้อีกหน่อย ก่อนจะกล่าวคำย้ำเตือนเหมือนเช่นเคย

“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

เป็นอันว่าหมดเวลาสำหรับที่เพลินจะอ้อยอิ่งอยู่ต่อไป

อาจเป็นเพราะเธอเหงากระมัง จึงอยากจะหาเพื่อนคุย...

กับคุณหมอ... คนที่รู้เห็น ประวัติ ชีวิต และส่วนต่างๆ ของร่างกายเธอ ล้ำลึกลงไปถึงไหนต่อไหน เพลินย่อมรู้สึกสนิทสนม จนคล้ายกับว่าไม่ว่าเรื่องอะไรในโลกนี้ เธอก็สามารถเล่าให้คุณหมอผู้อารีของเธอฟังได้ทั้งหมด

ดูเถอะ มัวแต่โอ้เอ้หยอกเรื่องความโสดไม่โสดอยู่จนถูกเชิญให้ออกจากห้องตรวจ เลยไม่ได้ถามเรื่องสำคัญ

เรื่องของบุรุษพยาบาลคนนั้น...

ร่างสูง สูงกว่าร้อยแปดสิบแน่ๆ เพราะขนาดเพลินสวมรองเท้าส้นสูงถึงสามนิ้วแล้ว ศีรษะก็ยังเลยหัวไหล่เขาขึ้นไปเพียงนิดเดียว

รูปร่าง... ในชุดแสนสุภาพนั่นจะแข็งแกร่งแน่นเนื้อสักเพียงไหนหนอ...

ก็ดูแต่ลำแขนแกร่งนั่นเถอะ กับแผงอกและล่ำไหล่อีกเล่า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี อาจจะออกกำลังกายเป็นประจำ หรือไม่... รูปร่างอย่างนี้น่าจะไปเป็นครูฝึกส่วนตัวให้กับสาวแก่แม่ม่าย ตามฟิสเนสเซ็นเตอร์ที่เปิดกันเกลื่อนเมืองได้ด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย มันจะต้องเป็นการในร่มเท่านั้น เพราะผิวเนื้อสะอาดสะอ้านนั่น แม้ไม่ได้ขาวจัด แต่มีเจือสีเนื้อนวล เหมือนสีครีมของคอฟฟี่ลาเต้ชั้นดี ที่ชวนให้ลิ้มชิมเป็นยิ่งนัก

เพลินเดินลงบันไดจากชั้นเฉพาะสุภาพสตรี จนถึงชั้นล่าง มันสะดวกและสบายใจ ดีกว่าจะยืนรอลิฟท์อยู่ที่ชั้นนั้น พอก้าวพ้นมุมเลี้ยวออกมา ใจที่สุนทรีอยู่กับแนวมัดกล้ามของบุรุษพยาบาลหนุ่มรูปงาม ก็มีอันต้องสะดุดกึก

เกือบจะชนกับเขาเสียแล้ว ดีว่าย่างก้าวของเธอก็มั่นคง และเขาก็คงระวังตัวเองอยู่มาก ถึงเบี่ยงตัวหลบการปะทะได้ทันท่วงที
“ขอโทษครับ...”

หัวใจแทบละลาย เมื่อเขาเอ่ยออกมา

ป้ายชื่อตรงหน้าอกวิบแสงเข้าตา

อเนชา....

มันต่ำกว่าระดับสายตาของเพลินไปนิดเดียว เธอเงยขึ้นมองเขาให้ชัดๆ เมื่ออยู่กันในระยะใกล้แค่นั้น ดูเธอตัวเล็กลงเหลือเพียงกระจิริด

เพลินอดคิดไม่ได้ว่า เธอกำลังเป็นสาวรุ่นตัวเล็กๆ ที่กำลังตกหลุมรักหนุ่มหล่อรุ่นพี่ นักกีฬาบาสเก็ตบอลที่หน้าตาที่สุดในแถบเอเชียตะวันออก

เสียงเอ่ยคำขอโทษยังก้องดังวนเวียนอยู่ในความคิด แสนสุภาพ แสนซื่อ จริงใจเสียยิ่งกว่านัยน์ตาที่ทอดมองลงมาอย่างอาทร เสียงนุ่มๆ นั่นคล้ายสื่อส่งออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ ไม่ใช่อย่างที่เขากล่าวทักทาย “สวัสดีครับ” อยู่ตรงตำแหน่งประจำที่ประตูทางเข้า

“ขอโทษค่ะ ดิฉันเดินไม่ระวังเอง”

แล้วก็นึกอาย ที่เสียงที่เปล่งออกไปนั้นช่างเบาหวิว คล้ายกระซิบพร่ำคำรักเสียมากกว่าจะเป็นการเอ่ยออกตัวกับคนแปลกหน้า

เขาชะโงกหน้าไปทางลิฟท์ แล้วหันกลับมายิ้ม ฟันขาวเรียงระเบียบแจ่มใส ไรหนวดเคราที่โกนเกลี้ยงเกลา ราวจะพากันส่งไมตรีมาให้ ริมฝีปาก สันจมูก หน่วยตา กระทั่งคิ้วดกหนานั่น ทั้งหมดตกแต่งอยู่บนโครงหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเจ้าช่างเสกสรร ทำให้หัวใจของเพลินหลอมละลาย หยดเผาะผ่าวลงสู่ส่วนที่ลึกซึ้งที่สุดของร่างกาย

เครื่องมือแพทย์เย็นเยียบ ที่ยังค้างความรู้สึกแปลบๆ ไว้ภายใน บัดนี้ความรู้สึกนั้นกลับอุ่นซ่านขึ้นมา

เพลินยืนนิ่ง หรือคงจะโงนเงนเจ้าตัวก็ไม่รู้ได้

เพราะพอฝ่ามือหนานุ่มยื่นเข้ามาจับประคองที่ต้นแขน เข่าเธอก็อ่อนยวบลงในทันใด

“คุณครับ... คุณ...”

เสียงเขายิ่งห่วงใย กระซิบถามพลางโอบกระชับทั้งร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง

กลิ่นออเด้อร์โคโลญหอมชื่น เป็นส่วนผสมของกลิ่นที่น่าจะเกิดจากเลมอนกลาส ลาม และอาจจะเปลือกสนเจืออยู่นิดหน่อย ช่างเป็นกลิ่นที่ยวนเสน่ห์ดีแท้ๆ

อเนชา... ชื่อนั้นยังตรึงตรา แม้ว่าเขาจะรีบประคองพาเธอมาที่ม้านั่งอีกด้านของทางเดิน

แล้วเพลินยอมให้เขาผละไปแต่โดยดี

“คุณ... อเนชา...”

เธอคราง เหมือนเพ้อ ใจยังเต้นตึกตัก เพราะเมื่ออึดใจที่แล้วนี้เอง ท่อนแขนของเธอ ได้สัมผัสส่วนที่แยบยลที่สุดของจินตการ

และเมื่อนั่งอยู่อย่างนี้... เขาก็เหมือนแกล้ง

ระดับสายตาของเพลินไล้อยู่กับใต้ชายขอบกางเกงของเขาพอดี

ในระยะห่างเพียงแค่มือคว้า ไม่เหลือรูปร่างใดให้เล็งเห็น แต่แค่สัมผัสที่ข้างแขนนั่นก็เกินพอ...

ไม่ถึงครึ่งอึดใจ ตอนที่เขารีบผละไปอีกด้าน คว้ารถเข็นมาได้คันหนึ่ง แล้วทำท่าจะประคองให้เธอขึ้นนั่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ... แค่หน้ามืดนิดหน่อย...”

เพลินปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพอย่างยิ่ง ไม่ตั้งใจหรอก ตอนที่ยื่นมือไปแตะหลังมือเขาเป็นการยืนยัน

“เลยทำให้คุณต้องเสียเวลา”

“ผมเต็มใจครับ... เห็นคุณมาคนเดียว”

“เห็นดิฉัน...”

เธอทำท่าแปลกใจเล็กน้อย

“ครับ”

เขารับคำสั้นๆ

“ดิฉันอยากจะขอบคุณ...”

“มันเป็นหน้าที่ครับ และ... เอ่อ... ผมก็... เต็มใจบริการ...”

ท้ายคำเขาออกจะติดๆ ขัดๆ ไม่รู้ว่าเพราะการต้องมาล่าช้าเสียเวลาอยู่ตรงนี้ หรือเพราะว่าเขาเกิดประหม่าขึ้นมากันแน่

“ถ้าคุณ.... คุณ...”

“ลินค่ะ เพ-ลิน”

“ครับ ถ้าคุณเพ-ลินไม่เป็นไรแล้ว ผมต้องขอตัว”

ถึงตอนนี้เธอยิ่งนึกเข้าข้างตัวเอง ว่าเขาคงไม่อยากจากไปอย่างทิ้งขว้างอย่างนี้

“เชิญคะ ดิฉันไม่เป็นไรจริงๆ”

เพลินเงยขึ้นยิ้มให้เขาอีกครั้ง สายตาประสานกับตาคมคู่สวยนั่นอีกแล้ว ไม่ว่าส่วนใดก็ตามที่เธอได้พบเห็น มันล้วนชวนให้หลงใหลราวกับต้องมนตรา

อเนชา... อเนชา...

ชื่อนี้ราวกับมีมนต์ขลัง ทรงเสน่ห์เหลือเกินทั้งรูปลักษณ์และรสสัมผัส เพลินยกมือขึ้นลูบแขนที่ได้แตะอิงกับส่วนนั้นของเขา รู้สึกว่าลำแขนของตัวเองลีบเล็กลงไปเลยทีเดียว

มองตามแผ่นหลังและไหล่กว้างนั่นไป เขาหายเข้าไปหลังบานประตูห้องน้ำชาย ถึงว่า... ทำไมดูรีบร้อนกว่าที่ควร

คราวนี้จินตนาการของเพลินยิ่งเตลิดโลด มือนั้นยิ่งบีบกระชับลำแขนของตนเอง ธุระส่วนตัวของเขา เพิ่งทิ้งรอยสัมผัสไว้กับข้างแขนของเธอนี่เอง

แล้วอยู่ๆ พล็อตเรื่องอันหวือหวาแปลกใหม่ก็ผุดขึ้นในหัว...

เรื่องเจ้าหญิงโฉมงาม ที่ต้องต่อสู้กับมังกรตัวร้าย...

ด้วยมือเปล่า...

กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมัน เจ้าหญิงโฉมงามได้จังหวะดีกว่า ไขว่คว้าลำคอของมันเอาไว้ได้ แล้วบีบรัดจนสุดแรง

ขณะที่เจ้ามังกรยักษ์ยังดิ้นรน สะบัดเหวี่ยงหัวไปมา หวังจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการ
แต่... เพลินนึกเพลิดเพลินต่อไป... แต่วรรณกรรมเยาวชน ต้องไม่มีฉากเสียเลือดเสียเนื้อ

นั่นละ เจ้าหญิงโฉมงามยังไม่ยอมปล่อย แม้ทั้งร่างจะเลื่อนขึ้นลงไปมาตามแรงเหวี่ยง แต่หล่อนก็ยังกอดรัดมุ่งมั่น อีกครู่ ที่เจ้ามังกรร้ายนั่นคงเริ่มหมดแรง เจ้าหญิงรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งเขม็งของมัน มีบางสิ่งเคลื่อนขึ้นมาตามลำคอ...

แล้วในที่สุด ทั้งหมดนั่นก็ทะลักทะลายออกมาทางปาก

เจ้ามังกรร้ายอาเจียนออกมาเป็นน้ำเมือกขุ่นๆ ก่อนที่จะสลบพังพาบลงอย่างอ่อนแรง

แค่นั้นละ... แค่เจ้ามังกรเวียนหัว อาเจียนออกมา แค่นั้นก็คงสนุก ตลกเต็มที่แล้วสำหรับเด็กแปดเก้าขวบ... อ้อ... แล้วก็ต้องจบอย่างนี้

ในที่สุด เจ้ามังกรตัวร้าย ก็กลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม เพราะได้สำรอกเอาลูกแก้วมนตราของพ่อมดผู้ชั่วร้ายออกมาได้สำเร็จ แล้วก็ได้แต่งงานครองคู่กับเจ้าหญิงโฉมงามอย่างมีความสุขตลอดไป...

เพลินจะวาดภาพประกอบด้วยสีน้ำสดใส ลงเส้นหลักด้วยปากกาสีอ่อน จะบรรจงระบายสีทุ่งดอกไม้ ทิวเขา ปุยเมฆและแสงตะวันให้เฉิดฉาย ไม่แน่... เธอจะส่งเรื่องนี้เข้าประกวดในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ

ใช่แล้ว... เพลินเป็นนักเขียน เธอเขียนนิทานสำหรับเด็ก หรือไม่ก็วรรณกรรมสำหรับเยาวชน เคยได้รับรางวัลการันตีฝีมือ และก็มีผลงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ตั้งแต่คราวที่ชนะประกวดการวาดนิทานประกอบภาพเมื่อตอนอายุสิบห้า สิบสองปีมาแล้ว ที่เพลินมั่นใจแล้วว่านี่ละ คืออาชีพอันมั่งคงของตัวเธอเอง

ที่จริง พ่อกับแม่ของเพลินก็เป็นนักเขียน นามปากกาของทั้งสองท่านนั้นไม่ได้ติดตลาดหวือหวา แต่ก็มีผลงานต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน คุณแม่เขียนหนังสือตั้งแต่ครั้งนิตยสารศรีดรุณีโด่งดังเป็นอันดับหนึ่งของแผงหนังสือนั่นกระมัง ส่วนคุณพ่อก็มีเรื่องบู๊ลงประจำอยู่ในนิตยสารหัวไม้ ที่อยู่ร่วมสมัยเดียวกัน

จนวันนี้พวกท่านเริ่มเขียนเรื่องเพื่อรวมเล่ม ในฐานะนักเขียนยุคนี้ เพลินต้องบอกว่าเธอเองที่พานามปากกาใหม่ของคุณพ่อและคุณแม่เข้าสู่วงการ

ตอนนั้น... เมื่อห้าหกปีที่แล้ว มันค่อนข้างยากเย็นพอสมควร กับสำนวนที่ติดจะพ้นสมัยไปสักหน่อย สำหรับบรรณาธิการที่เพิ่งจบอักษรศาสตร์หรือสื่อสารมวลชนมาหมาดๆ แต่ในที่สุด ฝีมือของพวกท่าน ก็พิสูจน์ได้ว่า ยังมีคนอ่านที่ติดใจสำนวนเช่นนั้น ชนิดที่ไม่ทำให้สำนักพิมพ์ชอกช้ำจนเกินไป

และแม้ว่า ตลาดหนังสือเล่ม จะพัฒนาไปมากมาย กลุ่มนักอ่านของเพลินที่เริ่มอ่านจากวัยเดียวกันกับคนเขียน จนเลื่อนขึ้นไปอ่านเรื่องสำหรับผู้ใหญ่อื่นๆ แล้ว เพลินก็ยังมุ่งมั่นอยู่กับงานเขียนสำหรับเด็กและเยาวชน

แม้ยอดขายหนังสือประเภทวรรณกรรมเยาวชนจะไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากมายนัก แต่ก็ยังดีที่นักเขียนคู่แข่งก็ไม่ได้ผุดพราวราวกับดอกเห็ดได้ฝน เหมือนอย่างงานเขียนแนวอื่นๆ

มัวแต่นึกถึงรายละเอียดของตัวละครเอกในงานเขียนเรื่องใหม่ นานเท่าไรไม่รู้ ที่เขากลับมายืนอยู่ใกล้ๆ

“คุณครับ... คุณเพ-ลิน”

เสียงเขายังอ่อนโยนยิ่งนัก

เพลินค่อยไล่สายตาผ่านขึ้นไป...

กางเกงยังเรียบร้อย เสื้อยังเนี้ยบ มือนั้นคงยังชื้นน้ำ ที่เขาคงชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน เพลินสังเกตเห็นน้ำสองสามหยดตรงใกล้ข้อศอก ก่อนจะได้ยิ้มให้เขาอีกครั้งอย่างเต็มตา

“ค่ะ... ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”

เพลินรู้สึกเหมือนจะอ่านคำถามในแววตาคมสวยนั้นออก

“นั่งรถเข็นดีกว่าครับ อย่างน้อยก็... ให้ผมช่วย...”

เขาพยายามเชิญอีกครั้ง จนเพลินต้องนึกเข้าข้างตัวเอง ว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องสนใจเธอบ้างแล้วแน่ๆ

เขาคงจะอายุอ่อนกว่าเธอสักสองสามปี อาจจะเพิ่งเรียนจบ หรือไม่ก็มาฝึกงาน ก็วิทยาลัยผู้ช่วยพยาบาลสมัยนี้มีถมไป แต่นั่นไม่ได้น่าแปลกใจไปว่า การที่ทำไมเขาถึงมีใจรักงานอาชีพนี้ เขาคงมีจิตสาธารณะ หรือจิตใจอันดีงามเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นก็คงไปหากินในทางเป็นดาราหรือนายแบบได้อย่างสบายๆ

เพลินค่อยลุกขึ้น รองเท้าส้นสูงทำให้ซวนเซเล็กน้อย แต่คราวนี้เขายืนนิ่ง ไม่ได้ยื่นมือมาช่วยประคองอย่างที่เธอแอบหวังไว้นิดๆ

“ไหวนะครับ...”

เขาย้ำ ทั้งสุภาพและเป็นการเป็นงาน

“ค่ะ...”

“ผมจะเดินไปเป็นเพื่อน”




เหมือนชะลอสวนดอกไม้มาไว้ริมทางเดิน ทั้งกล้วยไม้และหวายป่า ไม้ดอกสีสด ไม้ใบสีสวย กระทั่งไม้ผลต้นอ่อน ที่อีกสักหลายปีที่คนซื้อจะได้เห็นผล

สุดทางที่ปิดถนนให้กลายเป็นทางคนสัญจรในวันเสาร์อาทิตย์นี้ คือตลาดน้ำจัดสรร ที่มีแพเหล็กมุงสังกะสี ปลอมหน้าปลอมตาไว้ด้วยตับหญ้าแฝกที่มุงซ้อนครอบไว้อย่างหยาบๆ

เพลินไม่ได้พิศวาทตรงส่วนตลาดน้ำนั้นเท่าตรงสวนสาธารณะริมทางรถไฟ มันร่มรื่นไปด้วยตะแบกต้นงาม ออกดอกสีม่วงสะพรั่ง สลับอยู่กับตเบบูญ่า และหางนกยูงสีเพลิง ฤดูนี้เมื่อแหนงเงยขึ้นฟ้า จึงดูละลานตาหลากสีสัน ราวกับท้องฟ้าในจินตนิยายล้ำจินตนาการ ที่ความคิดอ่านของทุกตัวละครจะพลุ่งพ้น เป็นสีสันต่างๆ นานาประดับประดาอยู่บนนภากาศ

สถานที่นี้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่เพลินไปใช้บริการนั่นนัก เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถหิ้วท้องมาฝากไว้ที่นี่ได้ เธอชอบไอศกรีมกะทิของร้านนี้เป็นพิเศษ เพราะมันกรุ่นกลิ่นของมะพร้าวน้ำหอม ซ้ำยังมีเนื้อมะพร้าวอ่อนผสมปนอยู่กับครีมนุ่มๆ ของเนื้อไอศกรีม ไม่เหมือนของเจ้าอื่นที่ยังมัวแต่ปนด้วยเม็ดข้าวโพดหรือลอดช่อง เหลืองๆ เขียวๆ กรุบๆ ชวนถ่มทิ้งมากกว่าจะลิ้มเลีย

เพลินตรงไปที่ร้านไอศกรีมเจ้าประจำก่อนอื่นใด ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้รับประทานอะไร เพราะต้องหิ้วท้องไว้รอตรวจเลือด หาไขมัน หรือน้ำตาลส่วนเกิน หรืออะไรๆ ก็ตาม ที่เธอยอมให้หมอเอาเลือดของเธอไปตรวจหาเชื้อได้ทุกชนิด

แวบหนึ่ง เธอเหมือนจะสะดุดสายตากับใครสักคน รู้สึกเหมือนเขากำลังมองมา แต่พอเธอมองกลับไป เขาก็หันหลบ เหมือนเขาจะเดินอยู่กับใคร แต่พอมองให้แน่ ก็เห็นว่าเดินอยู่คนเดียว

ที่สำคัญ... เมื่อมองจากด้านหลัง เขาเหมือนหนุ่มบุรุษพยาบาลของเธอไม่มีผิด เกือบจะตะโกนเรียกออกไปแล้ว ดีว่ายั้งคำไว้ทัน

ก็อเนชาของเธอผมยาวกว่านี้ มันเป็นแบบที่ยาวกว่ารองทรง มีรากไทรตรงท้ายทอย ต่างกับผู้ชายคนนั้น ที่ตัดผมเกรียน เป็นรองทรงสูง คล้ายข้าราชการทหารหรือไม่ก็ตำรวจ

แม้ไม่ใช่อเนชา แต่เพลินก็อดมองตามไม่ได้ นอกจากรูปร่างจะคล้ายกัน เสื้อยืดพอดีตัวที่ชายคนนั้นสวมใส่ ก็เน้นมัดลายกล้ามเนื้อให้เห็นชัด

ผิวเข้มกว่าบุรุษพยาบาลที่เธอตกหลุมเสน่ห์ แต่แผ่นหลังของเขาก็เย้ายวนไม่แพ้กัน

นั่นไง... เขาหันกลับมาอีกแล้ว

ได้สบตากัน

แล้วเขาก็หันกลับไป

เดินผ่านกลุ่มผู้คน เลยไปสู่ส่วนสวนสาธารณะริมทางรถไฟ

เพลินใจเต้น... เหมือนเขาจะรู้ด้วยซ้ำว่า ตรงไหนมือชุดม้าหินมุมโปรดของเธอ

“คุณคะ”

ป้าคนขายเอยเรียกให้เธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

สตรีชราส่งรอยยิ้มมาให้พร้อมกับไอศกรีมลูกกลม แปะอยู่บนโคนเวเฟอร์รสวนิลา เป็นแบบที่เพลินสั่งอยู่เป็นประจำ

เธอจะจ่ายสตางค์ แต่ป้าคนขายรีบห้าม

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไว้วันหน้าค่อยจ่าย ถือซะว่าขอบคุณที่ให้หนังสือไอ้สนธยามันอ่านเล่น”

นางพูดย้อนไปถึงหนังสือเล่มนั้นที่เพลินเผอิญติดมือมาเมื่อครั้งก่อน จะด้วยหน้าปกหรือชื่อเรื่องชวนสนใจก็ตาม เจ้าหลานชายวัยสิบขวบของนางจึงทำท่าสนอกสนใจ จนเพลินต้องเอ่ยปากยกให้

“อาจไม่สนุกเท่าไหร่นะ สำหรับเด็กผู้ชาย”

“คุณน้าเขียนเองหรือเปล่าครับ”

“จ้ะ... เขียนเอง แล้วก็อ่านเองอยู่หลายรอบ กว่าจะมีคนยอมพิมพ์ให้ออกมาเป็นเล่ม”

เธอยังจำได้ว่าเคยพูดกันเป็นทำนองนี้ ทั้งยังรู้สึกคุ้นหน้าเด็กชายคนนั้นเป็นพิเศษ รู้สึกคุ้นเคย เอ็นดู อย่างที่ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนลงไปได้

“วันนี้ไม่มาช่วยขายหรือคะ”

เพลินส่งยิ้มกลับไปพร้อมกับประโยคคำถาม

“แม่เขาป่วย ก็ลูกสาวป้านั่นละ พอพ่อไอ้สนมันทิ้งไป เขาก็ออดๆ แอดๆ ได้มันนั่นละที่คอยวิ่งหัววิ่งหางหาหยูกยา”

หญิงชรายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ที่คงท้นออกมาเพราะความอัดอั้นใจ นางสูดลมหายใจลึก นิ่ง นานจนเพลินต้องยื่นมือไปแตะแขนเหี่ยวย่นนั่นเบาๆ

“มีหลานอย่างนี้สักคน... ดีเหลือเกินนะคะ”

แต่ก็ไม่รู้จะพูดปลอบอะไรให้ดีไปกว่านี้

พอดีมีอีกกลุ่มที่ทั้งอุ้มทั้งจูงลูกหลาน เข้ามาเลียบเคียงเมียงมอง เพลินจึงได้โอกาสเอ่ยลา โดยไม่ลืมบอกให้นางรักษาสุขภาพมากๆ อย่าน้อยใจ เสียใจจนเกินไป

ยิ่งบ่าย ผู้คนยิ่งพลุกพล่าน ยิ่งแดดร่มลมตกอย่างนี้ ผู้คนดูจะเดินชวนกันชี้ชมนั่นนี่ได้อย่างสบายอกสบายใจ สารพันสินค้าเกษตร ที่ไม่รู้ว่ามาจากถิ่นย่านบ้านไหนบ้างหรอก แต่พอมาถึงตลาดน้ำแห่งนี้ ก็สามารถแปลงรูปเป็นสินค้าประจำท้องถิ่นไปได้หมดสิ้น

เพลินเดินละเลียดเล็มไอศกรีมรสชาติกลมกล่อมหวานมันเรื่อยมา ขณะละลานสายตาไปกับบรรดาไม้ดอกไม้ใบ บางพืชพรรณเป็นพันธุ์ใหม่นำเข้า หรือไม่... ช่อเอื้องบางต้น ก็ดูรู้ว่าถูกนำออก... ออกมาจากเขตป่าสงวนแห่งใดแห่งหนึ่ง

หวายสกุลช้างช่อยาว ห้อยช่อระย้าย้อยลงมาเป็นสีประหลาด คือจากสีแดงกำมะหยี่อมม่วงตรงโคน มากลายเป็นชมพูระเรื่อยตรงปลายยอด ดอกกระจิริดนั้นเรียงชิดเป็นทรวดทรงโค้งช้อย ปลายมน งดงามเพลินอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือเข้าไปตระกองใกล้

หนุ่มน้อยคนเฝ้าร้าน ไว้ผมเผ้าเป็นกระเซิง หากแต่มีรอยยิ้มสดใสอย่างยิ่ง ขยับมาใกล้พร้อมกับโชยกลิ่นอับๆ ของผู้ชายมาแตะจมูก ทำให้เธอต้องชักมือกลับ กลัวเหลือเกินว่ากลิ่นหืนๆ หื่นๆ จากตัวของเขา จะกรายใกล้เข้ามามากกว่านี้

เพลินจำเป็นต้องยิ้มให้ อย่างน้อยเธอก็มาเดินตลาดดอกไม้นี้บ่อยๆ เป็นมิตรต่อกันไว้ ย่อมดีกว่าเป็นศัตรู

“ที่ยาวๆ ใหญ่ๆ กว่านี้ก็มีนะครับเจ๊”

เสียงหนุ่มน้อยนั่นกระเส่าไล่หลัง เป็นเสียงชนิดที่เพลินนึกสะอิดสะเอียนมากกว่าจะชวนให้หันกลับไปต่อคำ

ใจหนึ่งก็หวนคิดไปถึงอเนชาของเธอ...

เขาจะพูดประโยคสับประโดกสัปดนอย่างนี้เป็นบ้างหรือเปล่านะ

หน้าตาสะอาดสะอ้านขนาดนั้น ท่าทางสุภาพขนาดนั้น จะยั่วเย้าเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายอะไรได้บ้างหนอ

หรือจะต้องเป็นหนุ่มนั่น

คนที่แผ่นหลังนั้นคลับคล้าย กล้ามแกร่งคงไม่ต่างกัน แต่ผิวสีเข้มกว่านั่น น่าจะกักขฬะได้ถึงใจ

แล้วเพลินก็เหลียวมองหา

รูปร่างหน้าตาอย่างนั้น หรือว่าจะเป็นตำรวจสายลับมาตามสืบราชการ...

เพลินคิดระเริงโลดไปตามประสาคนช่างคิดช่างฝัน

คดีใดบ้างเล่า ที่เขาจะได้เข้าไปพัวพัน ฆาตกรรม ยาเสพติด หรือค้าผู้หญิง

อะไรบ้างเล่า ที่เขาจะได้เป็นสิ่งตอบแทนกับวีรกรรมอันอาจหาญ

กับผู้หญิงทั่วไป... มีหรือที่จะไม่ปลาบปลื้มชื่นชม วีรบุรุษในเครื่องแบบ

แล้วถ้าจะให้เขาเป็นตัวร้าย...

ในเรื่องเดียวกับเจ้าหญิงผู้พิชิตมังกรนั่นไง

รูปหล่ออย่างนี้... เพลินใส่ใบหน้าของอเนชาปนเปลงไปกับภาพของชายหนุ่มที่ได้เห็นหน้ากันเพียงแวบเดียว

ต้องเป็นพ่อมดปลอมตัวมา หวังจะครอบครองอาณาจักร หวังจะครอบครองหัวใจของเจ้าหญิง...

ใช่...

เจ้าหญิงโฉมงาม ต้องไร้เดียงสา ตกหลุมรักกับเขาตั้งแต่แรกเห็น ยอมให้เขาหลอกพาไปท่องเที่ยวถึงแดนสวรรค์ชั้นวิมาน เลาะไล่ไต่เล่นตามโขดเขินและธาราใส ป่ายปีนขึ้นไปตามชะง่อนผา โดยมีเขาคอยช่วยฉุดดึง นำพาเธอไปสู่จุดสูงสุดยอด

นายพ่อมดนั่นจะต้องฉลาดคิด ก็สมกับเป็นตัวโกงนั่นละ ต้องหลอกล่อเจ้าหญิงได้ด้วยลีลาสารพัด พลิกพลิ้วชิวหาให้เธอหลงคารมลวง พาเธอลักลอบหนีหายออกไปจากพระราชวังสถาน ระเห็ดระเหินไปตามป่าดงพงไพร แนะนำได้รู้จักมังกรดำตัวเชื่อง ที่เขาแอบสุ้มเลี้ยงไว้ในสถานที่เร้นลับที่สุด

เขาจะต้องรับปากกับเธอ กับเจ้าหญิงโฉมงามผู้ไร้เดียงสา ว่าในเร็ววัน เจ้าหญิงจะได้ประจักษ์ถึงฤทธานุภาพมหาศาลของเจ้ามังกรดำตัวเชื่องของเขา

แล้วอเนชาจะไปอยู่ตรงไหน

มังกรดุร้ายอีกตัว มังกรที่ต้องคำสาปของพ่อมดวายร้าย มังกรตัวที่ไม่ประสีประสาต่อโลกของความโหดร้าย เพราะที่จริงเขาคือเจ้าชายผู้อ่อนโยน

หรือจะเป็นเพราะเด็กชายคนนั้น หลานชายของป้าคนขายไอศกรีม ที่ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนนิยายแนวผจญภัยสักเรื่อง สำหรับกลุ่มเด็กผู้ชาย

เพลินคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้สลับกันไปเรื่อย เพราะทั้งเพลินตาและเพลินใจ ลัดเลาะไปตามหมู่ไม้พุ่มใบสวย ตามความเคยชินจนไม่กลัวจะก้าวเดินให้พลั้งพลาด

เป็นมุมของละเมาะไม้ที่ค่อนข้างห่างจากสายตาของผู้คน สงบเงียบเพราะห่างจากแนวแผ่นหินที่ปูไว้เป็นทางสัญจร มีซุ้มระแนงปลูกเถากุหลาบมอญดอกสะพรั่ง เลื้อยลอดพันกระหวัด ส่งสีชมพูสดสอ้างสู่สายตา พร้อมกับกลิ่นหอมฉมชื่นเย็น

ม้าหินใต้ซุ้มกุหลาบนั้นว่างเปล่า

เพลินผิดหวังนิดๆ ที่ไม่ได้พบเขาตรงนี้

รูปจำลองสีเข้มกว่าต้นแบบของอเนชา น่าจะเห็นเธอ และมารอเธออยู่ตรงนี้

เพลินทอดถอนใจออกมายืดยาว ไอศกรีมที่ลิ้มเลียอยู่นั้นแทบหมดรส

จิตใจหม่นลงจนปลายลิ้นไม่รู้สึกเย็นร้อน

นั่นแปะลงบนม้านั่งซึ่งดัดแปลงมาจากหินก้อน

หยัดตัวขึ้นตรง เพื่อกวาดสายตาให้พ้นจากสุมทุมพุ่มไม้ แลหาว่าเขาอยู่หนใด

เพลินยอมรับกับใจว่า สนใจชายหนุ่มคนนั้นไม่น้อยทีเดียว

ทั้งกับความรู้สึกคลับคล้ายกับหนุ่มบุรุษพยาบาลนามอเนชานั่น

และจากความถวิลหาในส่วนลึก ที่ขณะนี้มันกำลังดิ้นพล่านอยู่ในหัวใจ

เธอต้องการเขาอย่างเหลือเกิน

หากโผล่มาตอนนี้... หากเขาจู่โจมมาตอนนี้...

มีหรือที่เพลินจะไม่ยอม

เธอต้องหายใจลึกๆ เรียกสติเข้ามากำกับใจ

ต้องพยายามกักกดความต้องการเช่นนี้ให้กลับลงไปซ่อนอยู่ในซอกหลืบที่ลึกที่สุดในความคิด

อย่างที่หมอบอกนั่นละ...

เธอไม่ควรใจอ่อน...

หรือง่ายดายกับใครจนเกินไปนัก

ควรสงวนท่าที... อย่างน้อยก็ให้รู้ที่มาที่ไปกันสักนิด

จะได้ไม่ต้องคอยกังวลใจ เหมือนอย่างที่เคยหิ้วใครๆ ตามถนนรนแคมหรือย่านห้างสรรพสินค้า เพียงเพราะเกิดความรู้สึก “ต้องการ” อย่างฉับพลัน เพียงแค่นั้น

อากาศกำลังชวนสบาย สายลมรำเพยอ่อน โชยกลิ่นกุหลาบให้ตรลบอวล ไอศกรีมที่ยังเล็มเลีย ไล้ลิ้นแตะชิมรสอยู่นี้ ยังไม่มีท่าจะหมดสิ้น มันละลายช้าเพราะเนื้อครีมเข้มข้นละเอียดอ่อน อย่างที่เพลินอยากจะแนบทั้งริมฝีปากลงไปสัมผัส

“มีใบอนุญาตกินไอติมในสวนสาธารณะหรือเปล่าครับ”

เสียงถามค่อนข้างห้วนและเข้มแข็ง ทำให้เพลินชะงัก

หันไปมองแล้วก็ต้องค้อนให้

มองใกล้ๆ เขายิ่งคลับคล้ายกับอเนชา

เพียงแต่ผมสั้น ผิวเข้ม หน้าคม และแววตาเจ้าชู้อย่างเปิดเผยนั่น ที่แตกต่าง

“คะ... อะไรนะคะ...”

เธอตะกุกตะกักถามออกไป เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ผม... ล้อเล่นน่ะครับ ที่ถามคุณว่ามีใบอนุญาตกินไอติมนั่นหรือเปล่า”

เขายิ้มให้เต็มที่ ทำให้ดวงหน้านั่นน่ามองขึ้นอีกมากมาย

“นั่นสิคะ ดิฉันก็นึกว่าตัวเองฟังผิดไป”

เพลินก็ยิ้มให้เขา ใจเต้นระรัวขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

หากเขาจู่โจมเข้ามาในขณะนี้

ด้วยรูปร่าง ด้วยหน้าตา ด้วยนัยน์ตาคมวาวจับใจ ที่จดจ้องสัดส่วนของเธออยู่ในขณะนี้...

มีหรือที่เพลินจะกล้าขัดขืน

เธอพยายามยับยั้งร่างกายเอาไว้ไม่ให้สั่นสะเทิ้น

พยายามสั่งร่างกายให้... รอก่อน...

รอก่อน...

รอให้เขาจู่โจมเข้ามาก่อน...



**************************


แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 09:53:54

แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 09:42:11

จากคุณ : น.ส.สแตนเลส
เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 09:39:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com