ยมทูต บทที่ 2 วิญญาณข้างทาง
|
 |
บทที่ 1 วันตายของผม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10885914/W10885914.html
บทที่ 2
วิญญาณข้างทาง
เจ้าประคู้ณ ตอนนี้ลูกช้างจนเหลือเกิน งวดนี้ขอเลขเด็ดสักตัวสองตัวเถิดเจ้าค่า
เสียงคำลงท้ายลากยาวดังมาจากหญิงอายุราวสี่สิบปลายๆก่อนร่างค่อนข้างท้วมจะก้มลงกราบจนหน้าผากจรดพื้น ผมนั่งขัดสมาธิมองเธอและคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังจัดเตรียมพวงมาลัยดอกไม้สดและของเซ่นไหว้กันอย่างวุ่นวาย ใจหนึ่งรู้สึกขำเมื่อเห็นเจ้าที่ชรายืนมองด้วยสายตาสมเพช แต่อีกใจก็นึกอนาถในความเชื่อถืองมงายไม่เข้าท่าของคน ตอนยังมีชีวิตหลายครั้งที่ผมยืนหัวเราะงอหายเวลาเห็นใครกราบไหว้ศาลเพียงตาเก่าผุพัง แน่นอนล่ะครับว่าผมเห็นการกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งไร้สาระเพราะคิดว่าหากสิ่งที่คนพวกนั้นกำลังกราบไหว้อยู่มีจริง กะอีแค่ศาลที่ตัวเองอาศัยอยู่ยังไม่มีปัญญาดูแลแล้วจะเสนอหน้ามาช่วยคนอื่นได้ยังไง บางครั้งผมนึกสนุกเอาสีสเปรย์มาพ่นหลังคาศาลให้ด้วยซ้ำ ช่วยตกแต่งให้สวยงามน่าจะขอบคุณด้วยการให้เลขเด็ดกันบ้างนะ
เขาไม่ตามไปกระทืบถึงบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว เสียงเจ้าที่เฒ่าพูดขึ้น ผมสะดุ้งสุดตัวและยิ้มแห้งๆเมื่อนึกได้ว่าพวกจิตวิญญาณระดับสูงสามารถอ่านความคิดของผมได้ ชายชราหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า
จะว่าไปสิ่งที่เอ็งทำก็ไม่อยากนับเป็นความผิด เพราะมนุษย์สมัยนี้มันไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางกันแล้ว แกถอนใจ โลกเจริญขึ้นแต่จิตใจคนกลับหยาบช้าลง ตัวข้าเองจะมีคนมากราบไหว้ก็ช่วงนี้เท่านั้นแหละ
เจ้าที่ชราพูดพลางหันไปมองกลุ่มคนซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขูดเสาของศาลเพียงตากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อก่อนข้าอยู่อย่างสงบได้นั่งทำศีลสมาธิอย่างเต็มที่ แต่พอมีคนไปบอกว่าได้เลขเด็ดจากเสาคนเลยแห่กันมาถูกจนศาลจะโค่นอยู่แล้ว
แล้วปู่ไปให้เลขเขาทำไมล่ะ ผมถามพลางขยับโซ่อย่างรำคาญ ชายชรายิ้ม
ข้าไม่เคยให้อะไรใคร โชคของแต่ละคนจะมาก็ต่อเมื่อถึงช่วงจังหวะของชีวิต ใครสะสมบุญไว้มากก็ได้เร็ว ใครทำมาน้อยก็ได้น้อยถ้ามีกรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช้าหน่อย คนไหนไม่เคยทำอะไรเลยก็อย่าหวัง แกหันมาทางผม เหมือนการฝากเงินในธนาคารของมนุษย์
บ๊ะ เปรียบเทียบได้ทันสมัยซะด้วย ผมนึก ว่าแต่ปู่ไปรู้เรื่องธนาคารได้ยังไง คิดว่าพวกเจ้าที่อยู่ตรงไหนก็ประจำตรงนั้นไปไหนมาไหนไม่ได้ซะอีก
มันก็ต้องมีวันหยุดพักผ่อนบ้าง เสียงเจ้าที่ชราพูดขึ้น เดี๋ยวนี้เรามีระบบเจ้าที่ ถึงวันหยุดใครก็จะมีคนมาเข้าเวรแทน
โอ้แม่เจ้า เพิ่งรู้ว่าเจ้าที่ก็มีระบบการเปลี่ยนเวรแทน ทันสมัยไม่เบาเลยแฮะ ไอ้ที่เคยได้ยินได้ฟังมาจากคนเฒ่าคนแก่นี่มันคงจะเชยไปแล้วล่ะ ผมคิดพลางเกาหัวก่อนจะหันไปมองกลุ่มคนที่เริ่มทยอยกันออกไป เจ้าที่มองโคนเสาที่ถูกถูจนกร่อนมากพอควรด้วยสายตาเศร้า
ขูดยังไม่พอมันยังเอาแป้งมาโรยกันอีก นี่กะจะรวยกันครั้งเดียวเลยหรือไง
ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ จะได้มีคนมาเปลี่ยนศาลให้ใหม่
ไม่มีหรอก มนุษย์น่ะลงทุนยี่สิบแต่ขอคืนเป็นล้าน ถ้าพวกเขามีโชคอย่างเก่งก็ถวายไข่ต้ม แกงเขียวหวาน ทองหยิบทองหยอดฝอยทอง ถวายเสร็จก็หายไปเลย ปล่อยให้ไอ้ของที่พวกมันเอามากองเน่าคาศาลอยู่อย่างนั้น ยังดีที่ข้ามีบริวารแยะ
บริวาร ผมทวนคำด้วยความแปลกใจ ลองมีลูกน้องแบบนี้ปู่ก็เป็นเจ้าที่มาเฟียน่ะสิ เสียงชายชราหัวเราะ
คิดอะไรของเอ็งวะ แกพยักเพยิดไปที่ถนน โน่นบริวารข้ามากันแล้ว
ผมรีบหันหน้าไปมองและก็ถึงบางอ้อเมื่อเห็นสุนัข เอ้อ...ก็หมานี่แหละครับห้าหรือหกตัวกำลังกระดิกหางวิ่งเข้ามา น่าแปลกที่พวกมันแค่ดมและเดินวนไปวนมาแต่ไม่ทำอะไร ตอนแรกยังนึกว่าคงวางท่าข่มกันตามประสาหมาแต่พอปู่เจ้าที่พูดขึ้น
เอ้า กินกันได้แล้ว
เท่านั้นแหละครับเจ้าตูบก็ลงมือจัดการเครื่องเซ่นกันอย่างอร่อยลิ้นไม่เว้นแม้แต่ของเผ็ดร้อนอย่างแกงเผ็ดหรือแกงเขียวหวานไก่ ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็เรียบวุธ หมาพวกนั้นนั่งลงเกาเนื้อตัวอย่างสบายอกสบายใจจนกระทั่งหนึ่งในนั้นหันมาเห็นผมเข้า มันทำหูตั้งและโก่งคอหอนทันที
อ้าวเฮ้ย
ผมร้องด้วยความตกใจเพราะตัวที่เหลือต่างพากันวิ่งมายืนรุมล้อมและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาหอนประสานเสียงเป็นวงคอรัสสุนัข ถึงจะฟังเพราะกว่านักร้องวัยรุ่นบางคนแต่หลายตัวแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผมหันไปมองเจ้าที่ชราซึ่งกำลังยืนหัวเราะ
ทำไมพวกมันถึงมารุมผมแบบนี้ล่ะปู่ ผมถามพลางโบกมือไล่ แต่ยิ่งทำเจ้าหมาพวกนั้นก็ยิ่งตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นจนผมต้องอุดหู
เอ็งเป็นผี ชายชราพูด ไม่เห็นจะแปลกอะไร
แกพูดพลางปรบมือพร้อมกับส่งเสียงเอ็ด
เอ้าอิ่มแล้วก็ไปกันได้ วิญญาณดวงนี้มียมทูตดูแลอยู่แล้วไม่ต้องเรียกใครมาอีก
เจ้าตูบหยุดหอนทันที มันหันไปกระดิกหางให้เจ้าที่ก่อนจะทำเสียงงี๊ดง๊าดและแยกย้ายกันออกไป ผมถอนใจด้วยความโล่งอกแต่เอ๊ะ เมื่อกี้ปู่พูดถึงเรื่องเรียกยมทูต อย่าบอกนะว่าเจ้าหมาพวกนี้.....
พวกหมามีดวงตาพิเศษสามารถมองเห็นดวงวิญญาณได้ พวกมันจึงได้รับมอบหมายจากยมโลกให้ช่วยตรวจตราเหล่าวิญญาณมนุษย์ที่หลุดรอดจากสายตาของยมทูต เรียกง่ายๆว่าพวกสัมภเวสีหรือวิญญาณเร่ร่อนน่ะแหละ
แล้วทำไมมันต้องหอนด้วยล่ะครับ
เสียงหอนก็เหมือนการส่งสัญญาณ มันดังไปไกลจนถึงเส้นแบ่งเขต เรียกเจ้าหน้าที่จากนรกให้ออกมารับดวงวิญญาณเหล่านั้นไป
เสียงหอนเรียกยมทูต ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย เมื่อก่อนหลงคิดไปว่าพวกมันหอนเฉพาะตอนจะหาคู่หรือปากว่างๆไม่มีอะไรทำ นี่ถ้ายังไม่ตายผมจะไปเล่าเรื่องนี้ออกรายการวิทยุ แต่คงไม่มีใครฟังหรอกเพราะถึงแม้จะเป็นความจริงแต่ความเชื่อที่ฝังรากลึกมานานมันยากแก่การขุด ปล่อยให้ผู้รู้ทั้งหลายมาเจอด้วยตัวเองดีกว่า ผมขยับแขนข้างที่ติดโซ่อย่างนึกรำคาญพลางคิดว่าเมื่อไหร่แม่สาวยมทูตจะกลับมาเสียที อยู่กับที่แบบนี้น่าเบื่อเป็นบ้า
ใจเย็นๆ เดี๋ยวเขาก็มา เจ้าที่ชราพูดขณะหันไปหยิบจานขนมกลีบลำดวนซึ่งอยู่ชั้นบนสุดขึ้นมา เสพด้วยจิต อ้อ คำนี้ผมเพิ่งคิดขึ้นมาเองสดๆร้อนๆครับ จากนั้นปู่ก็ส่งจานขนมมาให้ตอนที่กำลังยื่นมือไปรับผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงล้อรถเสียดไปกับถนนเสียงดังลั่นตามมาด้วยเสียงโครมใหญ่ ทั้งเจ้าที่และผมหันไปมองถนนหน้าศาลทันทีเป็นจังหวะเดียวกันกับร่างของใครคนหนึ่งลอยขึ้นไปในอากาศและตกลงมากระแทกพื้นดังสนั่น คนในรถร้องโหวกเหวก
คนหรือหมาวะ
คนโว้ย อีกคนตอบ ไปดูเร็วว่าตายหรือยัง
จะบ้าเรอะ ถ้าเป็นคนก็รีบเผ่นกันสิวะ เสียงคนขับพูดก่อนรถเก๋งคันงามจะพุ่งออกไป ผมรีบลุกขึ้นและตะโกนไล่หลัง
เฮ้ยกลับมาก่อน
ท้ายรถที่เลี้ยวหายลับไปตามทางโค้งทำให้ผมสบถเสียงดังอย่างหัวเสียและรีบจำเลขทะเบียนไปตามนิสัยช่างสังเกตที่ติดมาตั้งแต่สมัยยังมีลมหายใจ เคยได้ยินมามากเรื่องรถชนคนแล้วหนีแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตาตัวเอง ผมเหวี่ยงโซ่ด้วยความโกรธก่อนจะหันไปมองร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ห่างจากศาลเท่าใดนัก เลือดสีแดงสดไหลออกมานองพื้นส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง ...ถ้าผมได้กลิ่นจริงๆน่ะนะ
เกิดอะไรขึ้นหรือครับ
เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนถามขึ้น ผมสะดุ้งและหันไปมองทันที
มีคนถูกรถชน ผมตอบและอ้าปากค้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงสามารถมองเห็นวิญญาณอย่างผมได้ อีกฝ่ายหันหน้าไปที่ถนนและจ้องผู้ที่นอนจมกองเลือดด้วยสายตาเศร้า
น่าสงสารนะครับ
เขาพูดพลางหมุนตัวเดินไปที่ศาลและนั่งลง ผมยืนมองชายผู้นั้นก้มลงกราบศาลเพียงตาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบธูปเทียน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตระหนกเมื่อพบว่ามือของตนกลายเป็นเงาอันเลือนรางเคลื่อนผ่านสิ่งเหล่านั้น ผมหันไปมองเจ้าที่ซึ่งยืนอย่างสงบอยู่ด้านข้างทันที
ลองดูเสื้อผ้าของเขาให้ดี ชายชราพูด มันเหมือนกับคนที่นอนอยู่ตรงนั้น ไหม
ผมรีบหันหน้าไปมองร่างของผู้เคราะห์ร้ายและเบิกตากว้างเมื่อพบว่ามันเป็นชุดเดียวกัน รวมทั้งทรงผมและนาฬิกาข้อมือ
งั้นผู้ชายคนนี้ก็
ตายแล้ว ปู่เจ้าที่ตอบเสียงเรียบ แต่ด้วยจิตมุ่งมั่นทำให้วิญญาณของเขายังคงเดินมาไหว้ศาลโดยที่ไม่รู้ตัว
เจ้าที่เฒ่าถอนใจและพูดต่ออย่างเวทนา
น่าสงสารจริง
อยากขอหวยมากขนาดนั้นเลยหรือไง ผมถามด้วยความสมเพช แต่ชายชรากลับส่ายหน้า
คนคนนี้มาอธิษฐานขอให้ลูกหายป่วย เมียได้งาน เขาไม่เคยขออะไรเพื่อตัวเองเลย นี่คงสมหวังแล้วถึงได้มา
คำพูดของปู่เจ้าที่ทำให้ผมรู้สึกสงสารผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างจับใจ ถึงจะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาแต่ค่าตอบแทนมันช่างสูงเสียเหลือเกิน หากลูกเมียของเขารู้จะเสียใจมากขนาดไหน ผมมองร่างที่กองอยู่ข้างถนนของเขาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนกลับไปมองวิญญาณที่กำลังพยายามหยิบธูปเทียน
จะไม่บอกเขาหน่อยหรือปู่
ไม่ใช่กิจของเจ้าที่ ชายชราตอบ อีกอย่างเราต้องปล่อยให้เจ้าตัวรับรู้เอง เขาจะได้ยอมรับและเดินทางไปสู่สัมปรายภพอย่างสงบ
แล้วถ้าเราไปบอกเขาก่อนล่ะครับ
คนที่มีพันธะอย่างเขาอาจจะจิตแตกสลาย ดีไม่ดีจะกลายเป็นพวกผีร้ายที่คอยฉุดดึงคนดวงตกให้ตายไปตามกัน เหมือนเจ้าพวกนั้นไง
เจ้าที่ชี้มือไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนน ผมเพ่งตามองและใจหายวาบเมื่อเห็นเงาดำกลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากดินและกำลังคืบคลานตรงไปยังร่างของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
มาอยู่ด้วยกัน
เสียงแผ่วพร่าดังระงม มือผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูกตะกุยไปตามร่างไร้วิญญาณ ผมมองดวงตาสีแดงก่ำของพวกมันอย่างนึกกลัวและผงะถอยหลังเมื่อหนึ่งในนั้นหันมามอง
มาอยู่ด้วยกัน
มันกวักมือเรียก ผมเห็นไอดำแผ่กระจายออกมาจากกลุ่มเงาเหล่านั้นและเคลื่อนเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า ชั่วขณะหนึ่งที่ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขาทั้งสองข้างลอยขึ้นเหนือพื้นและเลื่อนลอยออกจากที่นั่นทันที ตอนนั้นเองโซ่ที่ล่ามข้อมือของผมก็ร้อนวาบขึ้น สายโลหะสีเงินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดราวกับเพลิงและเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา มันแผดเผาควันสีดำจนมลายหายไป ผมสะดุ้งสุดตัวและร่วงลงมากองกับพื้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกวิญญาณร้ายต่างพากันส่งเสียงร้องระงมอย่างหวาดกลัว
ยมทูต!
*/*/*/*/*
ดีใจจังที่คุณมูนนี่เอาเรื่องนี้มาลงใหม่แล้ว จะติดตามอ่านค่ะ จากคุณ : wor_lek - หลังจากโดนทวงชนิดบีบคอจนตาทะเล็ด เลยต้องรีบปรับแก้แล้วนำกลับมาลงค่ะ หวังว่าจะไปได้จนจบ
จำได้ครับเรื่องนี้ เคยอ่าน รอตอนต่อไป..^^ จากคุณ : GTW - ขอบคุณค่ะ ^^
ยังไม่เคยอ่านค่ะ อ่านแล้วแปลกดี รออ่านตอนต่อไปนะคะ :) จากคุณ : ดินสอสีน้ำ - ยมทูตเป็นนิยายเรื่องแรกที่มูนนี่เขียนในแบบ มุมมองของตัวละคร ซึ่งจะมีสลับกับการบรรยายแบบบุคคลที่สาม และเป็นแนวแฟนตาซีแบบไทยๆค่ะ ^^
ฮา มีแท็บเบล็ตด้วย ^^ จากคุณ : scottie - ตอนแรกที่เขียนมูนนี่ใช้ PDA พอปรับแก้เลยนึกได้ว่ามันล้าสมัยไปแล้ว และแท็บเล็ตน่าจะเป็นเทคโนโลยี่ทันสมัยที่สุด
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ^^ ปิดท้ายด้วยภาพยมทูตอัคนีกับพระเอกตัวแสบค่ะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ส.ค. 54 20:11:19
|
|
|
|