“ชุดสวยมากเลยนะคะคุณพิม”นักข่าวสาวจอมประจบร้องขึ้นเสียงดังเว่อในยามเช้า ขณะที่แขกเหรื่อกำลังรวมตัวกันที่ห้องโถงเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวชมดูไร่กุหลาบพันปี พิมพาในชุดสีขาวสะอาดพลิ้วและหมวกปีกกว้างพร้อมแว่นตากันแดดใหญ่เบ้อเร่อเท่อยิ้มมั่นใจในความสวยของตนเองขณะที่หนูรินก็ยังไม่เลิกเกาะติดภูธนาแจทำท่าหวงก้างเอามากๆ ทั้งที่ภูธนาบอกเลิกไปก่อนหน้านี้แต่เธอไม่ยอมรับความจริง อีกฟากฝั่งคือบูรณาที่มาพร้อมกับอิงแก้วต่างพกกล้องถ่ายรูปห้อยคอมาด้วยในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นน่ารักมีกิตติติดตามกับกรวิทไม่ห่าง
“ตายละความรักของทั้งคู่ดูหวานชื่นนะคะ”นักข่าวสาวถ่ายรูปหนูรินที่ซบภูธนา
“ใช่ค่ะความรักของเราไม่ล่มง่ายๆ หรอกค่ะ พวกขี้อิจฉาที่คิดจะแย่งน่ะหมดสิทธิ”หนูรินพูดพลางเหล่ตามองอิงแก้วที่ทำท่าแลบลิ้น
“ก็นั่นสิคะพวกอยากเป็นมือที่สาม”พิมพาว่า กรวิทแสยะปากร่วมอีกคน
“ใครกันแน่วะที่คิดอยากเป็นมือที่สามจนตัวสั่น”กรวิททำท่าทางสะดีดสะดิ้งได้น่าหมั่นไส้ พิมพาผงะเชิดหน้าไม่สนใจขณะที่กรวิทยังไม่เลิกทำท่าทางเลียนแบบ
“อิงแก้ววันนี้น่ารักดีนะครับ”กิตติหันมาสนทนากับ อิงแก้ว
“ขอบคุณค่ะ ก็แหมวันนี้ได้ออกไปเที่ยวนี่คะก็ต้องแต่งตัวดีๆ หน่อยเดี๋ยวถ่ายรูปออกมาไม่สวยนะคะ”อิงแก้วตอบด้วยใบหน้าแจ่มใสกิตติยิ้มกว้างตาหยีเมื่อได้เห็นใบหน้าแสนสุขของคนที่รัก ภูธนายังไม่วางตาจากทั้งคู่ที่สนทนากันออกรสน่าอิจฉา
“พี่ก็อยากถ่ายรูปกับอิงเหมือนกัน จะเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ครับ”กิตติออกตัวแรงอยู่ใช่ย่อยกรวิทยิ้มชอบใจที่พี่ชายทำคะแนนได้ดีไม่แพ้ใคร เรือเทียบท่าเหล่าผู้ร่วมเดินทางพากันทยอยลงกันลงไปด้านล่างบรรยากาศในยามเช้าเย็นสบายมีลมพัดตลอดเวลาเบื้องหน้าคือริมฝั่งสวนกุหลาบกว้างใหญ่ริบเขา ไอหมอกในยามเช้าปกคลุมไปทั่วภูสูงตระหง่านโอบล้อมทุ่งดอกไม้เบ่งบานรับแสงแดดอ่อนๆ ทอดผ่านม่านฟ้าลงมาบนพื้นหญ้าสะท้อนน้ำค้างบนยอดใบไม้เป็นเงาวับวาว ขณะที่เหล่าคุณหญิงคุณนายต่างพากันถ่ายรูปกันยกใหญ่รวมถึงอิงแก้วและบูรณาเมื่อลงมาเรือปุ๊บก็เริ่มถ่ายภาพกันทันที
“ว้าวๆ สาวๆ ผมถ่ายด้วยสิครับ”เวลวิ่งเข้ามาร่วมวงแทรกกลางระหว่างสองสาวก่อนจะทำท่าทางได้ทะเล้นตามประสา
“ภาพสวยมากๆ เลยนะครับ”เวลยกกล้องขึ้นมาดูรูป อิงแก้วยืดแขนขาโบกมือสะบัดไอหมอก
“ก็บรรยากาศสวยนี่คะ อิงนะไม่เสียใจเลยที่ได้มาที่นี่”
“ใช่ครับ ผมก็ชอบมากๆ ”คุณเวลยิ้มกว้างหยอดหวานไปทางบูรณาที่ยิ้มเก้อเขิน ภูธนาเดินเข้ามารวดเร็วก่อนจะเข้ามาแทรกกลางระหว่างเวลกับอิงแก้วถึงกลับทำให้เวลต้องเขยิบตัวออกรวดเร็ว
“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมมาถ่ายรูปร่วมด้วยได้ไหมครับ”
“ก็ดีสิคะพี่ภูถ่ายรูปด้วยกัน” บูรณาชวน อิงแก้วไม่เลิกทำสีหน้าผะอืดผะอมที่ภูธนาพยายามจะเข้าใกล้ชิดแต่หล่อนก็ถอยห่าง
“แหมๆ ดูทำหน้าเข้าไม่ภิรมย์เลยนะครับคุณอิงแก้ว”ภูธนาเก้าเท้าเข้ามาใกล้อิงแก้วแต่หล่อนขยับห่างออกไปอีก
“ฉันคงอภิรมย์มากเลยนะถ้ามีพี่น่ะ”อิงแก้วเบ้ปากทำหน้าซังกะตาย ภูธนาไม่เลิกเย้าแหย่
“ก็ใช่ซิ๊ตอนอยู่บนเรือก็ภิรมย์ไปกับพี่กิตติไปแล้วนี่”
“ก็ใช่น่ะพี่กิตติเป็นคนที่ทำให้ฉันมีความสุข”อิงแก้วฉีกยิ้มประชดประชัน ภูธนาหุบยิ้มขรึมลง
“ก็นั่นสินะ”ภูธนาลดความคึกคะนองลง อิงแก้วค้อนหางตาให้ก่อนจะแยกไปทางอื่นโดยมีเวลและบูรณายักไหล่ให้กัน อิงแก้วเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนมาพบกับพิมพากำลังยืนคุยกับใครคนหนึ่งท่าทางเป็นหนุ่มไฮโซแต่แต่งตัวแก่ไปนิดออกแนวป๋ากระเป๋าหนัก
“ตายละเสี่ยไพบูลย์ก็ พิมเขินนะคะ”หล่อนยิ้มกว้างสบตาคู่งามกับผู้ชายคนนั้น
“ก็คุณพิมสวยจริงๆ นี่ครับผมไม่ชมก็แปลกแล้ว”เสี่ยไพบูลย์ยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์พยายามแตะเนื้อต้องตัวของหล่อนไม่ว่าแขนหรือบั้นท้าย
“ขอบคุณที่ชมนะคะเสี่ยไพบูลย์”หล่อนช้อนตามองเขาหวานเยิ้ม อิงแก้วนึกเลี่ยนไปครามครันก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้เพราะชื่อของผู้ชายคนนี้กับน้ำเสียงช่างคุ้นเหลือเกิน
“เสี่ยไพบูลย์เหรอ”อิงแก้วนึกพลางเงี่ยหูฟังทั้งสอง
“เสี่ยครับ” ชายอีกคนเข้ามาในวงสนทนาเสียงแหลมเล็กนี้ช่างคุ้นหูกับรูปร่างเล็กๆ สวมชุดบอดิการ์ดสีกรมท่าพลอยให้หล่อนนึกภาพของสองนักต้มตุ๋นนั้นได้
“เฮ้ย! นั่นมันนักต้มตุ๋นนี่”อิงแก้วพูดขึ้นเบาๆ พลางปิดปากตนเอง
“หือ อะไรนะ” กิตติผงะ อิงแก้วหันกลับไปมองกิตติที่ยืนมองหน้าเหลอหลา
“พี่กิตติ”
“นักต้มตุ๋นอะไรหรือ”เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อิงแก้วเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะลดเสียงลง
“ในทริปนี้มีนักต้มตุ๋นด้วยค่ะ”อิงแก้วบอก กิตติตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“อิงรู้ได้ยังไง”เขากระซิบตอบบ้าง อิงแก้วทำทีท่ามีพิรุธ
“ก็อิงแอบได้ยินผู้ชายคนนั้นคุยแผนกับลูกน้องอีกคนเรื่องวางแผนมาหลอกคนในทริปค่ะ อิงว่าไม่ชอบมาพากลแล้วนะคะ”เจ้าหล่อนเล่า กิตติขมวดคิ้ว
“ยังนั้นก็แย่สิในเรือทริปนี้มีนักต้มตุ๋นด้วย”
“ก็นั่นสิคะแล้วดูๆ คนที่กำลังจะเป็นเหยื่อดูจะไม่พ้นคุณพิม”หล่อนบอก พยักหน้าไปทางพิมพากับเสี่ยไพบูลย์จอมต้มตุ๋มที่กำลังไปกันได้ดี
“อือ...”ภูธนาชะเง้อหน้าตามและก็พลอยจะอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้งานนี้ไม่พ้นจะต้องตามล้างตามเช็ดกันจนได้
“พี่กิตติต้องเตือนเธอนะคะ”
“คงจะเชื่ออยู่หรอกขนาดตอนคบกันยังไม่ค่อยฟังกันเลยแล้วตอนนี้พี่กับพิมเราก็เลิกกันแล้วพี่ว่าคงจะยาก”
“อย่างนั้นก็แย่สิคะ”
“พิมเค้าเป็นคนไม่เชื่อคนหรอกถ้าได้หลงไปแล้ว”ชายหนุ่มบอกเล่าจากประสบการณ์ที่เคยคบหาและพอจะรู้นิสัยมาบ้างไม่น้อย อิงแก้วยกมือขึ้นกุมอก
“อย่างนี้ก็น่าเป็นห่วงสิคะเกิดเธอเสียรู้ไอ้สองคนนั้นจะทำอย่างไร”
“พวกเราก็ต้องช่วยกันสังเกตไม่ให้เกิดเรื่องก็แล้วกัน”
“ดีค่ะเรื่องนี้อิงคิดว่าไม่น่าธรรมดาแล้ว ใจคออิงไม่ดียังไงไม่รู้”เจ้าหล่อนรู้สึกเป็นห่วงพิมพาอยู่ไม่น้อยถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่ถูกชะตากันมากเท่าไรแต่หากเป็นเรื่องที่อันตรายขนาดนี้หล่อนก็ไม่คิดปล่อยปะละเลยไปได้ง่ายๆ “พี่กิตติว่าอิงควรจะบอกคุณต้นโอ๊คไหมคะ”
“พี่ว่าก็ดีนะ อย่างน้อยก็จะได้ช่วยๆ กัน”
“ค่ะๆ ” อิงแก้วพยักหน้าไวๆ
“แต่อิงก็อย่าวู่วามมากนะ พี่เป็นห่วงกลัวว่าถ้าฝ่ายนั้นรู้ตัวก่อนจะเกิดอันตรายกับอิง”ชายหนุ่มแสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างเปิดเผย อิงแก้วยิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อิงจะทำให้แนบเนียนที่สุด”
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ”กิตติเอื้อมไปจับมืออิงแก้วแน่น อิงแก้วเงยหน้ามองเขาพยายามหลบตาไม่กล้ามอง
“แล้วเมื่อวานตอนเย็นอิงไม่ลงมาทานอาหารหรือ”
“อิงไม่หิวน่ะค่ะ ก็เลยไปเดินเล่นแถวด่านฟ้านั่งมองดาวก็เพลินไปอีกแบบ”
“ระวังด้วยนะไม่กินข้าวกินปลาเดี๋ยวจะเป็นกระเพาะ”กิตติมีทีท่าลังเลบางอย่างก่อนจะถามคำถามบางอย่างขึ้น
“พี่มีอะไรจะถามหน่อยสิ”
“มีอะไรหรือ”
“พิมเค้าทำไม่ได้ดีกับอิงแต่ทำไมยังดีกับเขาล่ะ” อิงแก้วยิ้มกว้างก่อนจะตอบเขาด้วยน้ำใสใจจริง
“ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นมิตรกับอิงแต่เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนอิงและเป็นคนที่อิงรู้จักถ้าเกิดเค้าโดนพวกคนชั่วหลอก อิงก็อยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ”
“อืม”กิตติพยักหน้า เขาเลือกไม่ผิดที่จะรักใครซักคนคงต้องเป็นอิงแก้วผู้หญิงที่มีจิตใจที่ดีงามและมองโลกในแง่บวกไม่เคยคิดร้ายกับใครถึงแม้จะต้องพบความเกลียดชังของพิมพาแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธเกลียดคิดแค้นใจ
“อิง พี่มีบางสิ่งที่อยากจะบอกอิง”กิตติพูดขึ้น อิงแก้วเงยหน้าสบตากับชายหนุ่มที่พยายามสื่อคำบางคำออกจากหัวใจ
“มีอะไรจะบอกหรือคะ”
“พี่...อยากจะดูแลหัวใจของอิง อิงจะตอบตกลงกับพี่ไหม”ชายหนุ่มบีบมือเล็กๆ ของหล่อนเว้าวอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก อิงแก้วก้มหน้าอ้ำอึ้งที่จะตอบ
“อิงๆๆ ”บูรณาวิ่งเข้ามาขัดจังหวะ กิตติผงะปล่อยมือเธอลงรวมทั้งภูธนาที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในมาดนิ่งๆ จ้องมองกิตติราวกับไม่ถูกชะตามาแต่ชาติปางก่อน
“ไปทางนู้นกันไหมมีจุดชมวิวด้วยส๊วยสวย”บูรณาชี้มือไปทางด้านซ้ายซึ่งเหล่านักท่องเที่ยวก็ต่างกรูไปถ่ายรูปในสวนดอกกุหลาบอีกฟาก
“ไปๆ สิ”อิงแก้วพยักหน้าก่อนจะหันไปชวนกิตติที่ยืนอยู่ด้วย
“พี่กิตติไปด้วยกันนะคะ”หล่อนชวน ชายหนุ่มอ้ำอึ้งก่อนจะส่ายหน้า
“พี่คงไม่ดีกว่า”
“แต่ผมโอเคนะ ชวนผมอีกคนได้ไหมครับอิงแก้ว”เวลโผล่มาจากที่ไหนซักแห่งราวกับหายตัว กิตติและภูธนาที่ยืนอยู่ละแวกนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“ก็ได้ค่ะไปกันเถอะ” อิงแก้วยิ้มกว้าง เวลเช่นกันที่เดินตามอิงแก้วและบูรณาต้อยๆ ทิ้งแต่สายตาของสองหนุ่มที่ยังครุ่นคิดกึ่งสับสนในแวบเดียวกันนั้นทั้งสองหันมาสบตาพร้อมกันครู่ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามสองสาวไปเร็วไว หนุ่มสาวต่างกระโจนมาถ่ายรูปดอกกุหลาบพันปีที่เบ่งบานดอกชูช่อเต็มที่กลีบดอกหลากสีละลานเต็มลานทุ่งมีทั้งสีชมพูสีเหลืองสีขาวสีโอรสคละเคล้ากันไป ต้นโอ๊คและภรรยาเดินมาร่วมถ่ายรูปกับเหล่าสาวๆ หนุ่มๆ กันสนุกสนานเวลที่ยืนถ่ายรูปข้างอิงแก้วหันมากระซิบกระซาบท่าทางมีพิรุธ
“ผมว่าคุณกิตติเขาสนคุณอิงนะครับ”คุณเวลเอ่ยขึ้นหลังจากเดินห่างออกมาจากชายหนุ่มที่กล่าวอ้าง อิงแก้วส่ายหน้าพลางยิ้ม
“ไม่จริงหรอกค่ะอาจมีอะไรเข้าใจผิด”
“นั่นสิคะบูรไม่เชียร์พี่กิตติซะด้วย”บูรณาที่ได้ยินเข้าพูดแทรกขึ้นอีกคน
“แหมๆ ดูจะเชียร์คุณภูธนาจังเลยนะครับ”เวลฉลาดและช่างสังเกต เขาเดาถูกแทบทุกอย่างทั้งที่เพิ่งรู้จักทั้งสอง บูรณายิ้มขัดเขินที่เขารู้ทัน “เก่งจริงๆ เลยค่ะ”
“พี่ภูเขามีแฟนแล้วนะคะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”อิงแก้วแทรกขึ้น บูรณาส่ายหน้า
“เลิกกับหนูรินแล้วย่ะเธอนี่ตกข่าวจริง”
“หา! อะไรนะเป็นไปได้ไง”อิงแก้วแทบจะร้องเสียงหลงแต่ก็ลดอาการตื่นตกใจลงมาได้ทันเวลาก่อนที่ภูธนาจะรู้ว่าพวกเขากำลังนินทาอยู่
“เพิ่งเลิกก่อนล่องทริปนี้ก็คุณหนูเธอไปอาละวาดบ้านแตกขว้างข้าวของเละเลยสิ พี่ภูทนไม่ได้กับพฤติกรรมแย่ๆ แล้วอีกอย่างพี่ภูก็บอกว่าเขาไม่ได้รักหนูริน”
“ไม่รักแล้วคบกันทำไม”
“ก็เพราะไม่รู้ตัวมัวแต่หลงรูปลักษณ์ความสมบูรณ์แบบแต่ไม่ได้มองที่หัวใจไง”
“ถูกต้องครับใช้หัวใจนะครับที่ตัดสินอย่ามองที่ต่างสัญชาติด้วยนะครับคุณบูร”เวลยิ้มกรุ้มกริ่มหยอดบูรณาเข้าไปเต็มๆ ขณะที่พิมพาและเสี่ยไพบูลย์เดินควงกันผ่านมาเมื่อพบสายตาที่จับจ้องมาของกลุ่มอิงแก้วจึงหยุดชะงักก่อนจะกวาดมองพวกเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ไงสนุกไหมยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
“ก็ดีค่ะ แหมคงจะไม่มีความสุขเท่าคุณหรอกมั้ง”อิงแก้วสวนกลับเข้าบ้าง พิมพาเชิดหน้าใส่
“อ้อฉันลืมแนะนำนี่เสี่ยไพบูลย์เจ้าพ่อไร่องุ่นที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเมืองเหนือ” หล่อนแนะนำด้วยน้ำเสียงดังก้อง ชายหนุ่มที่เขาบอกว่ารวยนักหนาอิงแก้วรู้เต็มอกว่าเป็นนักต้มตุ๋น
“อุ้ยตาย เพิ่งรู้นะคะเนี่ยคงจะรวยมากๆ ”อิงแก้วทำเป็นสนใจออกนอกหน้า
“ไม่ขนาดนั้นหรอกผมก็แค่มีไร่องุ่นร้อยไร่เท่านั้นเอง” เขาโอ้อวดขณะที่อิงแก้วได้แต่กลั้นหัวเราะหลบตาแกมขำ
“ตายแล้วดีใจจังค่ะที่ได้รู้จักเศรษฐีนีระดับประเทศ”อิงแก้วยิ้มรับเสแสร้ง นักต้มตุ๋นในนามเสี่ยไพบูลย์หัวเราะตอบในบทบาทที่ทุกคนต่างชื่นชมขณะที่พิมพายกมือขึ้นคล้องแขนชายหนุ่มก่อนจะเผยอริมฝีปากขึ้น
“ฉันคงจะต้องพาเสี่ยไปเดินเที่ยวก่อนพวกเธออยู่ตามประสาเด็กไปเถอะ”
“ยินดีคะ ขอให้มีความสุขกับเสี่ยตุ๋น เอ้ย! เสี่ยไพบูลย์นะคะ” อิงแก้วยิ้มมีเลศนัยแต่พิมพาไม่ได้ติดขัดสงสัย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ายียวนจึงเลี่ยงเดินออกไปขณะที่บูรณาเขยิบเข้ามากระซิบเพื่อน
“คุณพิมเธอไวไฟจังยังไม่ทันก็มีคู่ควงคนใหม่แล้ว”บูรณาพูดขึ้นแต่สายตายังมองตามคู่นั้นที่เดินออกไปหมาดๆ “ฉันมีเรื่องจะบอกแกพอดีว่าอีตานั่นเป็นนักต้มตุ๋นที่เข้ามาหลอกคนในเรือเรา”
“เฮ้ย! แกรู้ได้ไง”บูรณาร้องขึ้นหลังจากมีเรื่องเซอร์ไพส์จากพี่ชายไปบ้างแล้ว
“ฉันได้ยินแผนการชั่วร้ายของมันกับลูกน้องมาน่ะสิ”
“จะเอาไงดีล่ะ”
“เราต้องทำแผน ดูอีตาต้มตุ๋นนั่นจะมั่นใจเหลือเกินว่าไม่มีใครรู้ แล้วเราก็ค่อยๆ หว่านล้อมมัน”
“อือยังไงแล้วก็ว่ากัน” บูรณาพยักหน้าช้าๆ
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”เวลถามขึ้นเห็นความผิดปกติของทั้งสอง ขณะที่สองสาวหันกลับมายิ้มกลบเกลื่อน
“เปล่าค่ะอิงว่าเราไปถ่ายรูปด้านนู้นกันดีไหมคะ”อิงแก้วเบี่ยงเบนความสนใจ คุณเวลยกนิ้วโป้ง ขึ้น
“เยี่ยมครับวิวด้านนู้นสวยใช่ไหมครับคุณบูร”ว่าแล้วหันไปสบตาหวานกับบูรณาที่ได้แต่ยิ้มแหยๆ ตอบกลับ
คล้อยหลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็หมดเวลาในช่วงของวันเหล่านักท่องเที่ยวต่างทยอยกันขึ้นเรือดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนสวยและสถานที่ท่องเที่ยวก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อเตรียมตัวกลับมายังงานเลี้ยงส่งท้ายฮันนีมูนแสนโรแมนติกของคุณต้นโอ๊คและคุณนุช ภูธนาเดินขึ้นเรือมายืนพักใจอยู่ที่เงียบสงบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ริมระเบียงใจลอยคิดถึงแต่หน้าของอิงแก้วที่คอยผยองใส่เขา ถึงแม้หล่อนจะทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนแต่วินาทีนี้ที่ช่างแปลกที่เห็นแต่หน้าของเจ้าหล่อนเท่านั้น ถ้าหากเขายังคบกับหนูรินคงจะผิดมหันต์ที่คิดถึงผู้หญิงคนอื่นที่นอกเหนือจากแฟนของตนเอง แต่หนูรินนับวันยิ่งเผยนิสัยแย่ที่เขาแทบจะรับไม่ได้ผิดกับภาพสวยงามสมบูรณ์แบบทุกระเบียบนิ้วที่เห็นในครั้งแรก
“มายืนทำอะไรคนเดียวครับ” ต้นโอ๊คเดินผ่านมาเมื่อเห็นภูธนาอยู่คนเดียวจึงเข้ามาทักทาย ภูธนาหันกลับมายิ้มตอบ
“เปล่าครับพอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“ไม่สนุกหรือครับมาทริปนี้”
“อ่อเปล่าครับสนุกมากแต่ผมแค่อะไรเรื่อยเปื่อย”
“เรื่องความรักใช่ไหม” ต้นโอ๊คพูดขึ้นราวกับอ่านใจออก ภูธนายิ้มเก้อเขิน
“ผมกำลังคิดว่าความรักแท้จริงมันเป็นอย่างไร” ภูธนาตอบถึงแม้สายตาจะยังเหม่อมองไปยังริมฝั่งอีกด้านที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ป่าเขาปกคลุมทึบ ต้นโอ๊คยิ้มพลางมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยแววตาพินิจ
“ความรัก....เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข และในยามที่เราไม่มีใครความรักก็จะอยู่กับเราเสมอและคนที่จะทำให้เราได้รู้จักกับความรักก็คือคนที่เราจะนึกถึงเขาตลอดเวลาไม่ว่าช่วงเวลาไหน” ภูธนาชะงักเล็กน้อยกับคำตอบของต้นโอ๊ค เพราะคนที่เขากล่าวมาล้วนแล้วแต่เห็นเป็นหน้าของอิงแก้วทั้งนั้น
“ความรักกับความเหมาะสมล่ะครับ”ภูธนาย้อนถามบ้างซึ่งเป็นสิ่งที่ค้างคาใจมานานแล้วเช่นกัน
“ความรักไม่มีคำว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ความรักอยู่ที่หัวใจของเราต่างหากบางคนเลือกรักคนคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาฐานนะชาติตระกูล แต่ขอถามหน่อยว่ามองแค่เปลือกนอกแล้วแต่งงานกันไปจะมีความสุขหรือในเมื่อไม่ได้รักเขาที่เนื้อในของเขาจริงๆ รักคนที่เรารับที่เขาที่ใจดีกว่าไหมไม่ต้องสวมหน้ากากใส่หากันมีแต่ความจริงใจให้กันพอเพียงพอแล้ว”คุณต้นโอ๊คชี้ทางให้ภูธนาได้คิดรักไม่ใช่แค่เนื้อนอกแต่คือเนื้อในของคนที่เราจะเดินเคียงข้างกันไปบนเส้นทางถนนสายหนึ่งที่ทอดยาวจนลับตาไม่รู้ว่าจะเจออุปสรรคอะไรแต่ก็พร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกัน
“ครับ”
“แล้วคุณเจอความหมายของคำนี้แล้วหรือยัง”
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ถ้าแน่ใจก็รีบคว้าไปเถอะนะ อย่าเอาความเหมาะสมมาทำให้เราต้องไขว้เขวเลย” เขายิ้มพร้อมยกมือขึ้นตบไหล่ภูธนาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับออกไปเงียบๆ ภูธนายังนึกถอนใจและโกรธในในความโง่เขลาของเขาที่เลือกความรักเพราะความเพียบพร้อมและความเหมาะสมมากกว่าใช้ใจมองอย่างที่ต้นโอ๊คบอกหากมีโอกาสสักครั้งเขาคงจะซื่อสัตย์กับใจของตนเองสักครั้ง
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ส.ค. 54 22:32:24
|
|
|
|