เฮ้ย! เอามาดู!
คราวนี้ไม่มีมาดนิ่มนวล นักเลงโตจากแดนใต้ ตามวิ่งไปคว้าแต่ไม่ทัน เจ้าตัวรีบเก็บทำให้ต้องมองอย่างเคียดแค้น
พอแล้วคู่นี้ เล่นกันอยู่ได้ มาอ่านหนังสือนะโว้ย! เดี๋ยวพ่อแม่น้องอ้อยก็ไล่เปิดออกจากบ้านหรอก
คนเหลืออดกระแทกหนังสือโครมเป็นการเตือน ถึงได้หยุดเล่นหันมาแลบลิ้นใส่กันแทน
แหม...ก็มันไม่มีกำลังใจนี่นา
เด็กหนุ่มทำท่าบิดขี้เกียจหันหน้าไปทางณภพกับอัชวดี ระยะนี้ทุกคนพอจะสังเกตเห็นความสนิทสนมนั้น เทียบกันแล้วทั้งสองคนถือว่าอายุเท่ากัน และสิ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่ง ดังนั้นใจที่จะทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือนั้นจึงมีมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ไม่มีใครเข้าไปขวางเพราะทุกอย่างยังคงราบเรียบดี
ส่วนอธิที่ใครๆ ต่างก็เป็นห่วงในตอนแรกเพราะนึกว่าอาจจะเสียใจกลับเฉย ยังปฏิบัติตัวตามปกติ บางครั้งยังไปอาศัยที่บ้านของณภพ ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วย พันทิวาที่ถือว่ามีอิสระเต็มที่ยังต้องขออนุญาตแล้วขออนุญาตอีกและไม่ใช่จะทำได้บ่อยๆ ด้วย
ทำตัวเป็นพ่อขมิ้นเหลืองอ่อนไปได้ บ้านช่องมีไม่ยอมกลับ
คนสูงวัยที่สุดอย่างสุเจษฐ์ หรือพันทิวาต่างพยายามบอกให้กลับบ้านทุกครั้งเมื่อทราบว่าเขาจะไปค้างอ้างแรมที่ไหนอีก จนตกลงกันว่าถ้าไม่กลับบ้านจริงๆ ให้ไปนอนบ้านของณภพเป็นอันสิ้นสุด ซึ่งทางบ้านณภพไม่รังเกียจ
พวกพี่ไม่รู้อะไร พี่เดี่ยวนะเก่งมากนะ อ่านโจทย์แป๊บเดียวก็ทำได้แล้ว พ่อกับแม่เลยอยากให้ไปอ่านหนังสือกับผมที่บ้าน สมาธิพี่แก...
เด็กหนุ่มยกนิ้วโป้งเป็นการซูฮก
อย่างนี้สินะที่บ้านถึงอยากให้เป็นหมอ ไอ้พวกที่เหลือ ขอ ถึงได้มานั่งมองตาปริบๆ เฮ้อ ...คนอยากเรียนไม่ได้เรียน
แต่ถึงกระนั้นพอใกล้จะสอบเอ็นทรานซ์ยิ่งตึงเครียด พฤติกรรมของอธิที่มีเรื่องกับครอบครัวก็ยิ่งทำเอาคนรอบข้างเป็นกังวลไปด้วย
เก่งแค่ไหนถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ก็พลาดได้นะ
สุเจษฐ์บ่นเป็นห่วง พี่เห็นมานักต่อนักแล้วไอ้พวกชีวิตมันเปลี่ยนไปเพราะตัดสินใจผิดพลาด พอเวลาผ่านไปโน่นแหละถึงรู้ตัว แต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ถึงจะบ่นแต่เขาก็มีเรื่องกังวลของเขามากพออยู่แล้ว
จนกระทั่งอธิหายไปไม่มาเรียนสองสามวันจนทุกคนสงสัย
เดี๋ยวอ้อยจะโทรไปที่บ้านค่ะ อ้อยมีเบอร์ เดี่ยวอาจจะไม่สบาย
ผลของการโทรศัพท์คือไม่สบายใจหนักไปกว่าเดิมอีก
ที่บ้านไม่ทราบค่ะ พี่สาวของเขาบอกว่าทะเลาะกับพ่ออีกแล้ว นึกว่ามาอยู่กับพวกเราเหมือนเคย อ้อยก็ไม่กล้าพูดมาก แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดีคะ
นั่นสิ เตลิดไปใหญ่อย่างนี้ จะทำอย่างไร? พวกเราช่วยกันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ ดีกว่าว่ามีใครเห็นเดี่ยวบ้าง
คนเราพอเป็นเพื่อนกันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทุกข์ร้อนไปกับเพื่อน
ลองถามเพื่อนที่เรียนที่นี่ดูสิ ว่ามีใครเห็นเดี่ยวบ้าง เค้ามีเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันมาเรียนด้วยเยอะไม่ใช่หรือ?
อัชวดีเดินนำไปถามเพื่อนของอธิห้องนั้นห้องนี้จนกระทั่งพอจะได้เบาะแส
เพื่อนบอกว่าอาจจะอยู่บ้านต้น อ้อยเคยได้ยินชื่อ
นายต้นคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่อธิไปนอนด้วยบ่อยๆที่สุด เขาเป็นเด็กต่างจังหวัดเลยต้องอยู่หอพัก ซึ่งง่ายต่อการสิงสถิตย์ หรือที่เรียกสั้นๆว่า สิง ของนายอธิ และพฤติกรรมไปนอนนอกบ้านของเด็กหนุ่มก็เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่ถึงปี
แล้วเราจะติดต่อน้องคนนั้นได้อย่างไร
เดี๋ยวอ้อยจะถามอาจารย์
เมื่อได้ที่อยู่ของนายต้น จังหวัดลพบุรี ทำให้ทั้งหมดต้องมองหน้ากันแล้ว เปิดแผนที่เป็นการใหญ่
เดินทางยังไงวะเนี่ย พี่สุเจษฐ์เกาศีรษะ
พันทิวาทุบโต๊ะ วันเสาร์นี้พี่จะไปตามหาเดี่ยว ไปตามตัวกลับมาเรียนต่อ
ถึงไม่ใช่คนที่เอาอ่าวนัก แต่พันทิวาไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ความสำคัญของการเรียนกวดวิชา ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยภาคใต้ ถ้าไม่ใช่คนถูกตามไปเรียนก็ต้องไปตามเพื่อนมาเรียนตามคำสั่งอาจารย์เป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่ร่อแร่...อาจารย์จะจับตามองเป็นพิเศษ เคยได้ยินว่ารุ่นพี่คนหนึ่งเกือบจะโดนรีไทร์แล้วยังโดนอาจารย์บุกถึงหอพักมาลากคอไปเรียน อย่างน้อยก็มีคะแนนเมตตา ผลก็คือได้ยินว่าจบแบบร่อแร่ แต่ถึงอย่างไรก็จบ มีใบปริญญาไปสร้างอนาคตต่อได้
ผมไปด้วยสิ ผมมีรถ ขับไปกลับได้ และผมก็เคยไปลพบุรี พ่อผมมีเพื่อนเป็นทหารที่นั่น
ขาประจำเสนอตัวตามเคย
อย่าเลย พวกนายอ่านหนังสือกันดีกว่า พี่จะไปตามกับเจ้าพันเอง
บทบาทของพี่ใหญ่ถูกกำหนดเอาไว้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีปัญหา แต่สุเจษฐ์ยังมีสปิริตทำให้น้องๆ นับถือและเลื่อมใส
แหมพี่ ให้ผมไปเถอะ ผมเคยไปน่า สรุปแล้วเราไปกันสามคน พวกเธออ่านหนังสือ
บัณฑิตย์ไม่ยอมแพ้ แยกทางกับณภพและอัชวดีเอาดื้อๆ
เรื่องอะไร? ณภพซึ่งนิ่งที่สุดกลับร้องโวยวายลั่น ต้องไปด้วยกันสิ
นายอ่านหนังสือเถอะ พวกเราอาจไปถึงสองวันกลับนา
สองวันก็สองวันสิ
เด็กเรียนใจถึงแฮะ! พันทิวามองอย่างทึ่งๆ
อ้อยไปด้วยสิคะ พ่อกับแม่คงไม่ว่าอะไรหรอก รู้จักพวกพี่ๆ แล้วนี่
อัชวดีไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ทำให้สุเจษฐ์ถอนหายใจ
เอาเป็นว่าไปกันหมดนี่แหละ ผมจะเอารถตู้ไปดีกว่า ใช้คนขับรถที่บ้านพ่อแม่ใครจะได้ไม่ต้องห่วง ภพกับอ้อยจะได้อ่านหนังสือในรถสะดวก
พันทิวามองหน้าบัณฑิตย์ ไม่ได้ทึ่งหรอกนะ
แต่ทุกประโยคของพ่อเจ้าประคุณ มีแต่จะให้คนอื่นอ่านหนังสือ
ให้ตายเถอะ...ไม่มีประโยคไหนที่มันจะพูดถึงตัวเองสักคำ!
*********************
ในที่สุดวันเสาร์ก็สามารถรวบรวมพลไปลพบุรี ด้วยความชำนาญของคนขับรถบ้าน ทำให้หาบ้านนายต้นได้โดยง่าย ท่าทางอธิตกใจมากที่เห็นเด็กหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งทยอยลงจากรถตู้
ไป... กลับไปเรียนหนังสือ เตรียมตัวสอบ
สุเจษฐ์บอกอย่างพี่ใหญ่
แต่ผม... เด็กหนุ่มถอนหายใจ
ที่บ้านเป็นห่วงนะ ที่อ้อยโทรไปเค้าก็ชักสงสัยแล้วว่าเดี่ยวไม่ไปเรียนกวดวิชา
อัชวดีบอกเบาๆ
ไม่อยากอ่านหนังสือแล้วนี่นา เขาเถียงเพื่อนๆ
อย่าทำอะไรไม่มีเหตุผลสิเดี่ยว เรื่องอะไรเราจะเอาอนาคตของเราทิ้งไปกับเรื่องขี้ประติ๋ว นึกถึงคนที่เค้าไม่มีโอกาสบ้าง
คราวนี้พันทิวาดุบ้าง ถึงไม่ใช่พี่ที่ทำตัวดี แต่หล่อนก็ปรารถนาให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่พลาดพลั้งเพราะอุบัติเหตุที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น
ณภพเองก็ยืนยันว่าถ้าไปไม่กลับบ้านก็ไปพักอยู่ที่บ้านของเขาก่อน และพ่อของอธิเป็นถึงนายแพทย์ใหญ่เลยไม่มีใครรังเกียจ บัณฑิตย์ก็บอกว่าไปอยู่บ้านของเขาก็ได้จะได้ช่วยติววิชาให้
ถึงอย่างไร หลังจากเลี้ยงดูปูเสื่อพร้อมกับคำเกลี้ยกล่อมของนายต้นเจ้าของบ้านที่ไม่อยากให้เพื่อนเสียอนาคต ทำให้อธิยอมกลับกรุงเทพฯ กับพวกหล่อน
****************************
เหตุการณ์กลับสู่ปกติสุขแบบลุ่มๆ ดอนๆ พร้อมกับความกดดันตามเวลา ต้องไปสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย วันสอบจริงก็งวดเข้ามาจนกระทั่งถึงวันที่เรียนกวดวิชาเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวที่ต้องคร่ำเคร่งเตรียมตัวสอบด้วยตนเอง
เราควรต้องไปพักผ่อนสักสองสามวันแล้วค่อยกลับมาเริ่มต้นอ่านหนังสือ ใครไม่เห็นด้วยยกมือขึ้น
พันทิวาตั้งถามคำถามเพี้ยนๆ แต่มีคนรู้ทันทั้งหมด เลยไม่มีใครยกมือสักคน พ่อของบัณฑิตย์เป็นสปอนเซอร์ตามเคย โดยให้ยืมบ้านพักตากอากาศ พร้อมความสะดวกสบาย งานนี้มีผู้ใหญ่ของอัชวดีคุมมาด้วยตามธรรมเนียมแต่ไม่มีใครเดือดร้อน ดีเสียอีก มีคนหากับข้าวให้
ทั้งหมดใช้เวลาร่วมกัน กิน นอน เล่น ตลอดทั้งวัน แม้พี่สุเจษฐ์ยังผ่อนคลายลงไปมาก ไม่มีใครได้อ่านหนังสือ เพราะพี่ใหญ่ค้นหนังสือสั่งให้เก็บกองไว้ที่บ้านหมด ส่วนตัวเขามาถึงก็เอาแต่นอน นอน นอน คู่หูก็คือบัณฑิตย์ที่คอยบริการอยู่ไม่ห่าง ตกเย็นก็นั่งล้อมวงรอบกองไฟ เล่นเกมส์ ประสบการณ์ออกค่ายอาสาถูกพันทิวาและพี่สุเจษฐ์งัดออกมาใช้จนหมดไส้หมดพุง
ตอนกลางวันก็ตัวใครตัวมัน เดินโต๋ เต๋ตามชายหาด ดูโทรทัศน์ นอน ตามแต่ใจ
พันทิวาเห็นทะเลจนเบื่อเพราะเวลาสอบตกทีไรเพื่อนๆ มักปลอบใจโดยการพาไปดู เงือกท้องที่สมิหราทุกที ไม่ใช่เงือกท้องจริงๆ หรอกนะ แต่เป็นคำพูดเล่นๆ ของนักศึกษาเวลาไปพินิจดูเงือกน้อยกลอยใจที่เป็นสัญลักษณ์ต่างหาก ใครไปใครมาก็ต้องไปกอดไปลูบผิวเนื้อเจ้าหล่อนจนมันแว๊บไปหมดแล้ว นี่ถ้าเก็บตังส์ค่าถ่ายรูปได้ แม่เงือกน้อยคงรวยเละ
แต่ถ้าเบื่อมากๆ พันทิวาก็ออกมานั่งเล่นเหมือนกัน ทะเลทางนี้ก็สวยไปอีกแบบ หนำซ้ำยังมีทั้งขนมทั้งน้ำบริการไม่ขาด
คู่นั้นสวีทกันจังนะ
จู่ๆ ก็มีคนมาทิ้งตัวนั่งใกล้ๆ ตามองไปยังคนสองคนที่เดินตากแดดเก็บเปลือกหอยไม่รู้จักร้อน
อก..หัก รึเปล่า? พันทิวาลองแหย่ดู
อธิไหวไหล่ ไม่รู้สิ ก็แค่เกือบ ตอนนั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน แต่พอมีเพื่อนมากขึ้นก็เลยเป็นแบบนี้
เขาบุ้ยหน้าไปทางสองคน
ดีแล้ว...วัยเรียนอย่างเราอย่าไปคิดมากเลย หล่อนถือโอกาสสั่งสอน
อธิเลยหันมายิ้มทำนอง รู้หรอกน่า! อะไรอย่างนั้น ก่อนจะรำพึงออกมา
เรามีเวลาอีกแค่สองอาทิตย์เท่านั้นนะพี่พัน กลับไปนี่คงต้องอ่านหนังสือกันหนักรอบสุดท้ายแล้ว
พันทิวาถอนหายใจเฮือกใหญ่
เรื่องอ่านหนังสือนี่อาตมาก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี เพราะอาตมาก็...ม่ายถนัด
หล่อนโคลงศีรษะ พูดติดตลก
แล้วพี่พันตั้งความหวังไว้กี่เปอร์เซ็นล่ะ
พี่นะหรือ? ให้พูดตามจริงนะ ถ้าเลือกคณะเดิมก็คงพอมีหวัง แต่นี่พี่เลือกคณะที่สูงกว่าเดิมแบบเดิมพันเลยล่ะ ตอนนี้เลยไม่อยากตั้งความหวังมาก อีกอย่างตอนนี้ผลสอบที่มหาวิทยาลัยก็ออกแล้ว มันไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่กลัว ถ้าสอบไม่ได้จริงๆ พี่จะกลับไปลองสู้อีกสักตั้ง แต่ก็นั่นแหละ คงมีเสียงด่าจมหูเลย
ผมก็เหมือนกัน ผลสอบออกมาคงเลวร้ายจนนึกไม่ถึงเชียวล่ะ
เด็กหนุ่มบ่น
เฮ้ย! อะไรกัน ถ้าเดี่ยวสอบไม่ได้ก็แย่แล้ว สมองเธอดีจะตาย
พันทิวาให้กำลังใจ ถ้าคนอย่างนายอธิสอบไม่ได้ แล้วคนอย่างหล่อนจะเหลือเร๊อะ? ยิ่งอย่างเจ้าบัณฑิตย์นั้นคงยิ่งแล้วใหญ่ มีแต่สมบัติมาจากกระเป๋าพ่ออย่างเดียว
เชื่อเหอะ ถ้าผมสอบได้ ก็มีปัญหา สอบไม่ได้ก็มีปัญหา
งง...
พ่อกับแม่เค้าไม่คิดว่าผมจะขัดคำสั่งของเขานะสิ พี่พันรู้ไหม? ตอนที่จรดปากกาเลือกคณะเรียน ผมไม่ได้เลือกคณะแพทย์ศาสตร์อย่างที่พวกเค้าต้องการเลย ผมเลือกวิศวะ ทั้ง 6 อันดับ
เขาเฉลยจนถึงบางอ้อ แล้ว...พ่อกับแม่จะว่าอย่างไรหนอ ถ้าตอนหลังมาทราบว่าลูกชายแหกกฎเอาวินาทีสุดท้าย แล้วอายุแค่นี้ยังกล้าทำขนาดนี้...
พันทิวาวิจารณ์ไม่ถูกเลยจริงๆ แม้การกระทำของอธินั้นไม่น่าให้อภัยในฐานะที่เป็นลูกที่ควรต้องเชื่อฟังพ่อแม่และเขายังเป็นเด็ก แต่กลับเป็นอีกเรื่องที่หล่อนอยากจะสนับสนุนและให้กำลังใจเขาที่สุด เพราะการเรียนในสิ่งที่ตัวเองรักนั้นถึงอย่างไรย่อมดีกว่าแน่นอน
คนที่รู้ตัวว่าชอบอะไร จะไปทางไหน และมีความสามารถที่จะทำ ยังดีกว่าคนที่เคว้งคว้างเอาแต่ค้นหาอย่างหล่อน
จะมีปัญหากับการเรียนหรือเปล่า เกิดพ่อกับแม่ไม่ยอมให้เรียน ให้ไปสอบใหม่ปีหน้าล่ะ
ผมคิดเอาไว้แล้ว มาถึงตอนนี้พวกเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากโวยวายและทะเลาะกันสักพัก ถ้าหากว่าผมถูกตัดหางปล่อยวัดจริงๆ ผมก็คงต้องดิ้นรนหางานพิเศษทำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่า ที่จริง...พอผมสมัครไปแล้วก็เกิดลังเลเหมือนกันว่าที่พ่อแม่บอกให้เราทำอย่างโน้นอย่างนี้ บางทีมันอาจจะดีกับเราจริงๆ ก็ได้ ท่านผ่านโลกมามากกว่าต้องรู้ดีว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับเรา
เธอสับสนแล้ว
อือม์...อาจจะใช่ ผมรู้ว่าผมผิดแน่ๆ แต่ก็อยากให้ท่านได้ปล่อยให้ผมคิดเองบ้าง
เขาคงรู้สึกผิดไม่น้อย อธิไม่ใช่คนที่จะทำโดยไม่คิดถึงจิตใจคนอื่น
เดี่ยวเอ๋ย ตอนนี้จะคิดอะไรกลับหลังไม่ได้แล้วนะ การสมัครสอบก็ผ่านไปแล้ว ยกเลิกคงไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ต้องคิดถึงเรื่องข้างหน้าที่เดี่ยวเป็นคนเลือกเองเท่านั้น
พันทิวากลั่นกรองคำแนะนำออกมาจากสมองกระจิ๋วหลิวออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวที่สุดเชียวนะ
แหม...ยังกะเป็นยายแก่
ก็พี่แก่แล้วจริงนี่นา
อีกล่ะ... อธิยิ้มเหมือนเจ้าบัณฑิตย์อีกคนหนึ่งแล้ว ยิ้มแปลกๆ กึ่งบอกว่าไม่เห็นน่านับถือสักนิด วันๆ เอาแต่เล่น ทำตัวตลกอยู่เรื่อย พันทิวารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย หนอย...เห็นทีต้องทำตัวให้เคร่งเครียดกว่านี้เสียแล้ว เจ้าพวกนี้จะได้เกรงกลัว
ขอบคุณทุกคอมเมนท์
ขอบคุณทุกถูกใจ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ