Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด ภาค 2.......บทที่ 9 (ลมไร้เงา) ติดต่อทีมงาน

============
กระบี่รันทด
บทที่  9
(ลมไร้เงาl)
============

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10843713/W10843713.html

----

ความเดิม
กระบี่รันทดเดินทางขึ้นสู่เขาอิงฝา เพราะต้องเอากล่องปริศนา ไปแลกกับตัวประกันของสำนักคุ้มกันภัย ซึ่งถูกจอมมารคอหอยจับตัวไว้ พอขึ้นมายอดเขาก็โดนพิษกล่อมประสาทหลอนประสาท จนล้มคว่ำลง จากนั้นพวกของจอมมารคอหอยก็ปรากฏตัวออกมา แต่พวกมันลืมกินยาป้องกันพิษ....

---------

“รีบสกัดลมปราณ....”

ร้องบอกบริวารสุดเสียง แต่ช้าไปเสียแล้ว ร่างของบริวารผู้จงรักภักดีค่อยๆล้มลงไปนอนยิ้มหวานทีละคน..ทีละคน....จนหมดสิ้น  สีหน้าท่าทางของจอมมารชะงักค้าง เนื่องเพราะมันก็เพิ่งนึกได้ว่าตนเองก็ไม่มียาแก้พิษเช่นกัน

พอนึกได้ร่างก็ล้มคว่ำลง มือยังกำกล่องปริศนาแน่นไม่ยอมปล่อย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวร่อกึกก้อง เงาร่างหนึ่งพุ่งลงมากลางดงกุหลาบราวสายฟ้า พร้อมเสียงร้องอย่างสาแก่ใจ

“พวกเจ้าไม่มียากันยาแก้พิษ แต่ข้ามี.....สินค้านี้ต้องเป็นของข้า”

น้ำเสียงคุ้นเคย กระบี่รันทดพยายามหันไปมอง

กลับเป็นเฒ่าซกมก

เฒ่าซกมก ตอนนี้มาตรว่าจะซกมก แต่กลับดุซกมกแบบโออ่าอย่างยิ่ง เนื่องเพราะมันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งยืนหยัดอยู่ได้ มันจึงสมควรหัวร่ออย่างสาแก่ใจจริงๆ

จอมมารคอหอยพยายามยันกายลุกขึ้น พลังฝีมือของมันเข้มแข็ง พิษร้ายอย่างไรก็ไม่อาจสยบมันลงได้โดยสิ้นเชิง แต่ก็อยู่ในสภาพอ่อนล้าปางตาย กล่าวกับเฒ่าซกมกด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า

“ท่านมาก็ดี รีบเอายาถอนพิษมาให้ข้า”

“ให้ท่าน....”

เฒ่าซกมกทำหน้าสงสัยไร้เดียงสา หากประกายตามีแววซกมกเจิดจ้า หัวร่อพลางกล่าวต่อไปว่า

“ทำไมต้องให้ท่าน ในเมื่อตอนนี้ท่านหมดสภาพแล้ว”

กล่าวจบก็เดินตรงมา ก้มตัวลงแกะกล่องปริศนาออกจากมือของจอมมารคอหอยอย่างไม่ลำบากแรง สินค้าสำคัญมูลค่ามหาศาล สุดท้ายตกอยู่ในมือของเฒ่าซกมกอย่างนอกเหนือความคาดคิด

“เจ้าหักหลังข้า....”

จอมมารคำรามอย่างขุ่นเคืองสุดขีด แต่ยังจะมีปัญญาทำอะไรได้นอกจากการแค่นเสียงอย่างคลั่งแค้น

“เจ้ารับเงินข้าไปแล้ว ในการวางแผน ล่อปลาร้าออกจากไหล่อเสือออกจากถ้ำ เจ้ากลับมาทรยศหักหลัง เป็นลูกผู้ชายภาษาใดกัน”

“ข้าไม่รู้ภาษาใด รู้เพียงว่า มีคนจ่ายเงินให้ข้ามากกว่าท่าน”

เฒ่าซกมกบอกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะมันได้เงินค่าจ้างถึงสามต่อ จากสำนักคุ้มกันภัยในการว่าจ้างคุ้มกันสินค้า จากจอมมารคอหอย ค่าวางกลอุบายแยบยลชักจูงผู้คนของสำนักคุ้มภัยออกมาจากโรงเตี๊ยม และได้ค่าจ้างมาจากบุคคลลึกลับ

“มันเป็นใคร”

จอมมารแผดร้องถามเสียงดัง ดวงตาลุกวาว เฒ่าซกมกจ้องมองอย่างเห็นใจพลางกล่าวว่า

“ท่านคิดหรือว่าของสำคัญมากมายขนาดนี้ จะมีคนสนใจเพียงกลุ่มเดียว ยังมีบุคคลที่สนใจ และยอมทุ่มเทเงินมากมากมาย แต่ท่านไม่ต้องรู้ว่าเป็นใคร ข้าไม่อาจบอกได้ มันผิดกฎ กติกา และมารยาทของยุทธภพที่จะไม่เอ่ยนามผู้ว่าจ้าง รู้เพียงว่าข้าจะนำกล่องใบนี้ไปให้ผู้ว่าจ้างอีกคนก็พอเพียงแล้ว  จากนั้นเฒ่าซกมกก็จะหายไป มีเฒ่าสำรวยมาทดแทน”

พูดจบก็ส่งเสียงหัวร่อกังวาน

เตรียมเก็บกล่องปริศนาใส่อกเสื้อ มองเห็นเงินกองใหญ่ร่วงหล่นลงใส่กระเป๋าของมันจนล้นปรี่

“ท่านหวังมากไปแล้ว”

เสียงเย็นชาหม่นมัวดังมาจากด้านหลัง เฒ่าซกมกสะดุ้งสุดตัวด้วยความตื่นตระหนก ผู้ใดกันสามารถมาอยู่ด้านหลังของมันได้โดยไม่ทันรู้ตัวเช่นนี้

ยังไม่ทันจะโต้ตอบใดๆ จุดชากาแฟด้านหลังของมันก็ถูกจี้ใส่จนร่างล้มคว่ำลงไปทันที กล่องปริศนาหลุดลอยกระเด็นออกไปจากมือ เงาร่างผู้มาใหม่เคลื่อนไหววูบยื่นมือออกไปรับไว้ทันท่วงที

กระบี่รันทดนั่นเอง…

เฒ่าซกมกยังพอมีกำลังพอจะหันมามอง แล้วเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อ บุรุษหนุ่มคนนี้ถูกพิษเข้าไปชัดๆ อย่างไม่มีข้อสงสัยเคลือบแคลง แต่ทำไมถึงสามารถลุกขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้

“เจ้าโดนพิษแล้ว”

มันแผดเสียงถามอย่างสงสัยแตกตื่น เงินทองที่กำลังหล่นร่วงสู่กระเป๋าโบยบินแยกย้ายหายลับไปกับตา

“ข้าโดนพิษจริงๆ”
บุรุษหนุ่มยอมรับ

“แต่บังเอิญข้ากินยากันพิษเข้าไปก่อน จึงหายจากอาการรวดเร็ว”

“กินตอนไหน”

“ตอนกินอาหารเช้า เฒ่าซกเล็กใส่ยาแก้พิษลงไปในส้มตำไก่ย่างของมัน”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

“มันเขียนบอกไว้ที่ถุงห่อปลาดุกย่าง คาดว่ามันคงระแวงท่านเช่นกันว่าจะทรยศ และใช้วิธีแบบนี้ พิษที่ใช้ก็เป็นพิษของสำนักคุ้มภัย มันย่อมมียาแก้พิษอยู่แล้ว”

“มันรู้ได้อย่างไรว่าข้าทรยศ”

เฒ่าซกมกเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง บุรุษหนุ่มใช้สายตาพิสดารประการหนึ่งจ้องมองมันค่อนวัน จึงถอนใจตอบว่า

“ถ้าท่านมีสหายสนิทสักคน ท่านอย่างน้อยควรรู้จักนิสัยใจคอของมันดี ท่านกับมันคบกันเป็นมิตรสหายมาเนิ่นนาน มันสมควรคาดเดาพฤติกรรมของท่านได้”

เฒ่าซกมกตะลึงลาน

ครั้งนี้มันคำนวณพลาดไป มีสหายควรรู้ใจสหาย มีคนรักควรรู้ใจคนรัก เหตุผลง่ายดายเช่นนี้มันกลับมองข้ามไปเพราะอำนาจของทรัพย์สินเงินทอง

วูบนั้น มันพลันนึกละอายใจขึ้นมาทันที มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร หักหลังมิตรสหายพวกพ้องได้อย่างไร ฉายาเฒ่าซกมกอย่างไรก็เป็นตัวเป็นตนแท้จริง ต่อให้เป็นเฒ่าสำรวย คิดหรือว่าจะหนีออกไปจากความซกมกที่แท้จริงได้ แล้วไยต้องการเป็นเฒ่าสำรวย มีประโยชน์ใดกัน

คนวิ่งหนีตัวเองจะมีประโยชน์ใดกัน คนวิ่งหนีหัวใจตนเองต่อให้ไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่มีประโยชน์อะไรหากเงาแห่งความทรงจำไม่อาจสลัดหลุดพ้น

คนบางคน อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงมากมาย  ราวมีสหายทั้งโลก แต่ความจริงมันจะมีมิตรแท้กี่คนกัน

มันพลันมีสีหน้าสลดลง หลับตากล่าวอย่างอ่อนระโหย

“ท่านไปได้แล้ว..”

ในที่สุดมันยอมแพ้ ไม่ได้ยอมแพ้แก่ใคร หากยอมแพ้ใจตนเอง แพ้ใจตัวเองดีกว่าพ่ายแพ้เพราะบุคคลอื่น

“ผู้ใดคิดจะไป”

ใครบางคนแค่นเสียงกระด้างเย็นชามาจากด้านข้าง ท่ามกลางเงาบุปผาและฟ้าหม่นหมอกมัว ปรากฏร่างสามร่างขึ้นมาอย่างเงียบงันราวภูตร้าย

กระบี่รันทดหันไปมอง และหัวใจคล้ายหล่นวูบลง

สามจอมยุทธพิสดารซึ่งหายศีรษะไปนานพลันปรากฏกายขึ้นบนเขาอิงฝา แสดงว่าผู้ว่าจ้างทุ่มเทเงินทองจำนวนมหาศาลจริงๆ

คนแรกเป็นชายวัยกลางคน คาดว่าน่ากลัวที่สุด พิสดารที่สุด เดินห่างเพื่อนมากที่สุด

เสื้อผ้าของมัน คล้ายเหินห่างการซักรีดมาเนิ่นนาน ผมเผ้าของมันคล้ายห่างเหินหวีและกรรไกรมาเนิ่นนาน  กลิ่นกายของมันคล้ายห่างเหินน้ำท่ามาเนิ่นนาน

ดาบขวางสังคม...เป็นฉายาพิสดารของมัน

บ่าของมันสะพายดาบเล่มโต ย่อมเป็นดาบขวางสังคม

ถ้ามีใครสักคนที่ยอดฝีมือไม่ต้องการพานพบ ย่อมเป็นมันนี่เอง

คนที่สองเป็นชายชราใบหน้าผอมซูบแต่นัยน์ตาคมวาวดั่งสายฟ้าอยู่ในชุดยาวสีคล้ำ ในมือของมันถืออาวุธประหลาดประกอบด้วยไม้ลำเล็กๆสั้นยาวแตกต่างกันมากมาย มันมีฉายา “แคนสั่งฟ้า”

คนสุดท้ายเป็นชายวัยกลางคน แต่งตัวสะอาดสะอ้านเล็บมือเล็บเท้าตัดแต่งบรรจง สวมชุดลายดำขาว คล้องคอด้วยผ้าพิสดารผืนหนึ่ง ลายตารางดำขาว คล้ายเสื้อผ้าของมัน และผ้าผืนนั้นผูกอยู่กับเครื่องดนตรีโบราณ ที่เรียกว่าพิณพิฆาต นั่นย่อมเป็น “มารพิณทับถนน”

สามคน สามบุคลิกภาพ สามอาการ

ดาบขวางสังคมดูน่ากลัวที่สุดในตอนนี้  มันเป็นเจ้าสำนักต่อต้านสังคม  มีปรัชญาของสำนักล้ำลึกพิสดารเกินกว่าจะมองข้ามได้ ยังไม่รวมถึงความพิสดารของวิชาฝีมือ

มันเดินหลังสุด แต่คล้ายมาถึงตัวบุรุษหนุ่มก่อนใคร และมันเป็นคนส่งเสียงเมื่อครู่
มันไม่มาถึง แต่กลิ่นตัวโชยมาก่อนแล้ว

มันใช้สายตาหยามหยันมองบุรุษหนุ่มค่อนวัน แล้วแค่นเสียงเหยียดหยัน

“คิดจะไป ไม่ง่ายนัก”

คาดว่าไม่ง่ายจริงๆ แคนสั่งฟ้าและมารพิณทับถนนล้วนพากันหลบคุมเชิงด้านข้าง แคนสั่งฟ้ากระชับแคนในมือแน่น ตระเตรียมเป่าได้ทุกเวลา พิณมารทับถนน กระชับพิณในมือแน่น เพียงขยับนิ้วมือ พลังอำนาจฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือนจะทะลักทลายออกมาทันที

ดาบขวางสังคม ยื่นมือออกมาข้างหน้า  กล่าววาจาห้วนสั้นด้วยสีหน้าขวางโลกว่า

“ส่งมา”

กระบี่รันทดย่อมไม่ส่ง

ดาบขวางสังคมคล้ายเข้าใจว่าบุรุษหนุ่มเป็นตายไม่ยอมส่งของให้แน่นอน ดังนั้นส่ายหน้ากล่าวว่า

“เสียดาย ท่านความจริงต่อให้รันทดเพียงใด ก็ไม่อาจขวางสังคมได้”

ว่าพลางดึงดาบออกจากฝักอย่างช้าๆ

ดาบขวางสังคมของมันสนิมเต็ม ดึงออกมาลำบากยากยิ่ง แต่ท่วงท่าของมันกลับเยือกเย็นจนน่าพรั่นพรึง คำสอนของสำนักคืออยู่กับธรรมชาติ เป็นคนไม่ต้องฝืนตัวเองให้ขัดธรรมชาติ ไม่เสแสร้งกับธรรมชาติ และไม่ทำลายธรรมชาติ

พวกมันมีแนวคิดว่า ขวางสังคมแต่ ไม่ขวางโลก

โลกอยู่ได้เพราะธรรมชาติ ดังนั้นคนทำลายธรรมชาติคือคนทำลายโลก
คนในสำนักต่างไม่รีดผ้าซักผ้าบ่อยเกินไป เนื่องเพราะพวกมันคิดว่าการรีดผ้าเป็นการฝืนธรรมชาติ เสื้อผ้าธรรมชาติคือความยับ คิดจะรีดผ้าต้องใช้เตาถ่าน เตาถ่านย่อมมาจากไม้ ไม้ย่อมมาจากป่า ดังนั้นการรีดผ้าพวกมันถือว่าเป็นการทำลายป่าไม้ทางอ้อม ไม่นับกับการเสียเวลามากมายอยู่กับการรีดผ้า

ผู้คนในโลกจำนวนมากมาย เพียงไม่รีดผ้าก็ลดการทำลายป่า ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง ลดการเสียเวลา ลดภาวะโลกร้อน ธรรมชาติเสื้อผ้าคือต้องยับ  พวกมันจึงคิดว่าเป็นเรื่องของการยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกเกินไป

นี่คือแนวคิดของพวกมัน

ดาบของมันดึงออกมาลำบากยากยิ่ง

พอดึงออกมาก็ฟันกราดออกไป ดาบพอฟันออก รังสีพิสดารกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งตามพลังดาบ

ดาบถึงก่อนรังสีพิสดารตามหลัง บุรุษหนุ่มกลั้นลมหายใจถอยปราดออกไปราวลมหอบ
โขดหินด้านหลังห่างออกไปสามวาบังเกิดเสียงดังเปรี้ยงสนั่น เศษหินกระจายว่อน

ในเศษหินกระจัดกระจาย เงาดาบฝ่าฟ้าลงมา

กระบี่รันทดจำเป็นต้องถอยปราดออกไปด้านข้าง

แต่แล้วมันก็ใจหายวาบ พลังไร้สภาพกลุ่มหนึ่งพุ่งมาปะทะใบหน้าอย่างจัง เป็นพลังไร้รูปไร้ลักษณไร้เสียง แต่ไม่ไร้กลิ่น!

คิดจะกลั้นลมหายใจก็ไม่ทันเสียแล้วแขนขามันพลันอ่อนระทวย

ดาบขวางสังคมหัวร่อ ฮา ฮา ร้องว่า

“เป็นอย่างไร วิชาลมไร้เงาของเรา”

“อุบาทว์มาก วิชาเช่นนี้ท่านถึงยังกล้าฝึก” บุรุษหนุ่มส่งเสียงด่ากระท่อนกระแท่น เนื่องเพราะต้องปิดปากปิดลมปราณโซเซล่าถอยออกไปไม่หยุดยั้ง ไม่คาดคิดว่าวิชาพิสดารซึ่งหายสาบสูญไปจากยุทธภพยังมีคนสามารถฝึกฝน

วิชาลมไร้เงา เป็นวิชาที่มีพื้นฐานมาจาก การผายลม ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถผายลม แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจผายลมระดับมหากาพย์เช่นดาบขวางสังคม ผู้อื่นเพียงสามารถผายลม ไม่มีผู้ใดสามารถผายมพิสดารบรรลุขั้นเทพเช่นมัน

ดาบขวางสังคมหัวร่อก้องพลางกล่าวว่า

“อุบาทว์ใดกัน...คนผายลมมีอะไรอุบาทว์..นั่นเป็นเพียงเรื่องธรรมชาติ ธรรมชาติคือธรรมะ .ผายลมเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องธรรมะ ผู้คนเพียงยึดติดว่าเป็นเรื่องอุบาทว์ ไม่ยอมรับธรรมชาติ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ผายลมเมื่อถึงเวลาจวนตัว เช่นนี้ผิดศีลธรรมประการใด..คนตดแตก เอ้ย..ผายลม มีที่ใดผิดจารีตประเพณี”

กระบี่รันทดคอแข็งไปแล้วกับคำอธิบายพิสดารนั้น

มันพลันนึกถึงเรื่องเล่าพิสดารประการหนึ่ง

เล่ากันว่า มีอ๋องท่านหนึ่ง มีสนมงามเลอเลิศนางหนึ่ง

คืนหนึ่ง ท่านอ๋อง และนางอยู่ด้วยกัน นางพลันนึกอยากผายลม คนหากจะผายลมยังมีผู้ใดสามารถขัดขวางต้านทาน

หากการผายลมอย่างไรมิอาจเปิดเผยให้เป็นที่ครหานินทา ว่าผายลมไม่รู้เบื้องต่ำเบื้องสูง

ดังนั้น นางจึงไปหาแจกันหยก(ไห) มาใบหนึ่ง ไปนั่งคร่อม แล้วบรรจงผายลม 3 ครั้งโดยคิดว่าเป็นการเก็บเสียง

ความจริงนางผายลมได้นิ่มนวลยิ่ง ทั้งหอมหวานทั้งเร้าใจ เพียงแต่เมื่อผายลมผ่านลงไปในไห บังเกิดคลื่นเสียงสะท้อนพิสดารกังวานก้องออกมาอย่างน่าตื่นหู

อ๋องๆๆ......!!

นั่นเป็นเสียงสะท้อนงดงามจากแจกันหยก ยามโดนผายลมไร้เงาไร้รูปไร้ลักษณ์

ท่านอ๋องตื่นขึ้นมาพอดี ได้ยินเสียงผายลมใส่แจกันหยก ดัง อ๋องๆๆ

ท่านจึงรีบขานรับเสียงหวานทันที ว่า

“จ๋าๆๆ....”

อนิจจา

-------

ดาบขวางโลก สามารถผายลมหลายรูปแบบ ทั้งผายลมแบบดุเดือดเลือดพล่าน แบบสุภาพอ่อนหวาน แบบกระซิบกระซาบ แบบต่อเนื่องไม่ขาดตอน แบบชวนฝัน แบบออดอ้อน  ผายลมแบบกำซาบแบบเศร้าหมอง แบบอาจหาญทะยานฟ้า แบบเยาะเย้ยถากถาง แบบลึกซึ้งชนิดบางคนโดนไปแล้วอีกสามวันจึงจะรู้ความหมาย

แต่ไม่ว่าจะผายลมแบบใด ต่างเป็นการจู่โจมแบบไร้รูปไร้ลักษณ์ไร้เงาไร้เสียงน่ากลัวที่สุด

ดาบอย่างไรก็คือดาบ กระบี่หรืออาวุธชนิดใดย่อมมีวาระมีเงามีรูปมีลักษณ์ แต่สมไร้เงาตลอดกาล

กระบี่รันทดล้มกลิ้งไปกับพื้นหลบพ้นลมไร้เงาชุดที่สอง ซึ่งพุ่งมาจากด้านข้างราววิญญาณร้าย กระนั้นประสาทยังช้าค้างไปชั่วขณะ เกิดมายังไม่เคยมีใครมาผายลมใส่หน้าขนาดนี้

เฒ่าซกมกและจอมมารคอหอยดิ้นรนอยู่กับพื้น พวกมันโดนพิษจึงยังไม่อาจฟื้นคืนพลังมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ต่างโดนลมไร้เงาไม่มากก็น้อย

ดาบขวางสังคมอ้าปากหัวร่อ จี้ดาบปราดแทงใส่อกของกระบี่รันทด




...

แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 09:11:26

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 05:23:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com