Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] พระจันทร์หวานใจ ตอนที่ 24 - 25 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 24



สารวัตรอนิรูทธใช้ปลายนิ้วกดหูฟังให้กระชับ ก่อนพูดถึงคดีต่อไปตามที่ได้ยินดังนี้

“หลังจากลงมือสังหารเหยื่อแล้ว...”

“ปัดโธ่เว้ย! ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ฆ่ามินนี่ หยุดพูดบ้า ๆ ซะที!” อัลเลตะโกน

“ผมจะให้โอกาสคุณได้พูดเมื่อผมพูดจบ ดังนั้นกรุณาอย่าสอดแทรกอะไรขึ้นมาตอนนี้ มิเช่นนั้นผมอาจจะต้องสั่งให้มัดปากคุณ เอาล่ะครับ... หลังจากลงมือสังหารเหยื่อแล้ว ผู้ต้องหาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะทำลายหลักฐาน และการไม่พบอาวุธในที่เกิดเหตุก็ทำให้เราตั้งสมมุติฐานได้สองข้อคือ หนึ่ง เขาโยนอาวุธทิ้งลงในทะเลสาบ และสอง เขานำอาวุธนั้นไปซ่อนไว้ในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเรายังหาไม่พบ...

“แน่นอนว่า บนอาวุธจะต้องมีรอยนิ้วมือของเขา และคราบเลือดของผู้ตายซึ่งแม้จะถูกเช็ดล้างไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยเทคนิคทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะทราบหรือไม่ก็ตาม  แต่เขาคงไม่สบายใจที่ทางตำรวจได้ตั้งทีมค้นหาหลักฐานอย่างเป็นทางการในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย และเบี่ยงเบนเป้าหมายให้ออกห่างจากคดีเดิมมากที่สุด สิ่งที่เขาคิดได้ในเวลานั้นก็คือ การลักพาตัวท่านหญิงไทวาวัต...”

พอสารวัตรหยุดพูด บรรยากาศ ณ เวลานั้นก็เงียบกริบ ทุกคนหันไปมองวราลีเป็นตาเดียว ยกเว้นอัลเล ซึ่งคำรามออกมาว่า

“ไอ้บัดซ-! แต่งนิยายห่-เหวอะไรของแกวะ!”

“ผมขอข้ามรายละเอียดของการลักพาตัว เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของท่านหญิงที่จะพึงสงวนไว้สำหรับให้การในชั้นศาล เรื่องจึงดำเนินต่อไปถึงตอนที่เชวาคีราณตามไปช่วย และถูกคนร้ายกระหน่ำตี... หือ? เอ่อ... เชวาคีราณตามไปปกป้องคุ้มครองท่านหญิงชนิดเอาชีวิตเข้าแลก เป็นวีรกรรมอันกล้าหาญและน่ายกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่เขาพลาดท่าถูกคนร้าย เอ่อ... ครับ ไม่ได้พลาดท่า ความจริงเขาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับคนร้ายทั้งที่ตัวเองไม่มีอาวุธ และเตะคนร้ายล้มกลิ้งไปหลายที แต่เพราะความเป็นห่วงท่านหญิง จึงเผลอหันไปเหลือบมองแวบหนึ่ง จังหวะนั้นเองที่คนร้ายคว้าท่อนไม้ขึ้นมาฟาดตีใส่เขาจนบาดเจ็บสาหัส

“ต่อมา เชวาอาศัยไหวพริบ เอ่อ... ไหวพริบอันเป็นเลิศ หลบหนีออกมาได้สำเร็จ เขาพาท่านหญิงขึ้นสปีดโบ๊ตแล้วขับข้ามทะเลสาบมายังฝั่งรีสอร์ท แต่ระหว่างทางเกิดน้ำมันหมด ทั้งสองจึงติดอยู่ที่เกาะบายันจนกระทั่งรุ่งเช้า และต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายที่ไล่ล่าตามมาอีกครั้ง

“ตอนนั้นโชคยังดีที่ลาวิกเอาเรือออกตามหาและช่วยเหลือทั้งคู่ไว้ได้ทัน ท่านหญิงจึงปลอดภัย แต่ที่โชคร้ายก็คือ นอกจากคนร้ายจะหลบหนีไปได้แล้ว เชวาคีราณยังถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองอย่างรุนแรง เวลานี้ยังคงนอนไม่สติอยู่ที่โรงพยาบาล และหมอก็ไม่ยืนยันด้วยว่าจะพ้นขีดอันตรายหรือไม่

“พูดถึงในแง่ของกฎหมาย ถ้าหากผู้ต้องหาทั้งสองคดีเป็นคนคนเดียวกัน เขาจะมีความผิดร้ายแรงหลายข้อหา ทั้งฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พยายามฆ่า ลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้สูญเสียอิสรภาพ และทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ทุพพลภาพ รวมกันแล้วโทษอย่างต่ำก็จำคุกตลอดชีวิต แต่โดยส่วนตัว ผมคิดว่าทั้งไทวาวัตและธราณินทร์คงมีวิธีดำเนินการเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมที่ชัดเจนกว่านั้น เอาล่ะครับ... สิ่งที่ผมต้องพูดก็พูดจบแล้ว ต่อไปถึงคราวคุณพูดบ้าง เชิญครับ คุณอัลเล”

“ผมไม่ได้ทำ!” ท่าทีแข็งขืนต่อต้านของอัลเลไม่ได้เบาบางลงแต่อย่างใด “ผมไม่ได้ฆ่ามินนี่ แล้วก็ไม่ได้ทำร้ายไอ้เชวาสำส่อนนั่นด้วย แม้ความจริงผมจะเกลียดมัน และสาปแช่งมันอยู่ทุกวันก็ตาม!”

“ผมว่าคุณใจเย็น ๆ ดีกว่า เพราะถึงอย่างไรอารมณ์ฉุนเฉียวที่คุณแสดงออกมา มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้อยู่ดี”

“อะไรคือความจริง?” อัลเลถลึงตาเดือดดาล อยากจะพุ่งเข้าใส่นายตำรวจด้วยความโกรธ แต่สองแขนของเขาถูกจับยึดไว้มั่น ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด “คุณเพ้อเจ้อใส่ร้ายผมเป็นตุเป็นตะ แล้วยังมีหน้ามาพูดถึงความจริงอีกยังงั้นเหรอ ไอ้ตำรวจเลวร-ยำ!”

สารวัตรอนิรูทธได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังอยู่ข้างหู เขารู้สึกตัวเหมือนถูกหลอกให้โดนด่าฟรี แต่กระนั้นก็ยังสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ด้วยความอดทน และพูดกับผู้ต้องหาตามบทต่อไปว่า

“ตอนนี้ทางตำรวจเรามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดคุณได้ ขาดแค่อย่างเดียวเท่านั้น... ‘อาวุธ’ แต่ถ้าคุณยอมสารภาพว่านำอาวุธไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมจะนำสำนวนนี้ไปมอบต่อศาล เพื่อพิจารณาลดหย่อนโทษให้คุณเอง”

“ไม่... ผมไม่ใช่คนร้าย ไม่ใช่ฆาตกร” อัลเลปฏิเสธเสียงสั่น พลางส่ายหน้าไปมา “ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอาวุธอะไรทั้งนั้น พวกคุณกำลังยัดเยียดข้อหาให้ผม ผมรักมินนี่แล้วมันผิดด้วยเหรอ... ผมไม่ผิด! ได้ยินไหม ผมไม่ผิด! ถึงพวกคุณจะเป็นตำรวจก็ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้!”

อาการบ้าคลั่งของเขารุนแรงขึ้นทุกที จนกระทั่งเริ่มหายใจขัด ตาเหลือกลาน แขนขาเกร็ง และหอบตัวโยน เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว จึงรีบนำมาพ่นมาครอบปากเขาแล้วนำตัวขึ้นเรือส่งไปรักษายังโรงพยาบาลเป็นการด่วน

“เป็นอันว่า เราปิดคดีได้แล้วนะครับ”

พอเหตุการณ์สงบ สารวัตรอนิรูทธก็หันมาบอกกับผู้เข้าร่วมฟังการคลี่คลายคดีทุกคน

“ขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือ และขอโทษด้วยที่รบกวนอยู่หลายวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจต้องขอรบกวนต่อไปอีกสักหน่อย จนกว่าจะหา ‘อาวุธ’ พบ... เพราะความจริง ถ้าหากไม่มีอาวุธและรอยนิ้วมือของผู้ต้องหาไปยืนยันในชั้นศาล ก็ยังไม่แน่ว่าทางเราจะสามารถเอาผิดและดำเนินคดีความกับเขาได้หรือไม่”

วราลีไม่สนใจขั้นตอนและกระบวนการอื่น ๆ หล่อนจึงถามสารวัตรขึ้นว่า

“ฉันกับโมสาร์ทขอย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมได้ไหมคะ พักที่รีสอร์ทแล้วไม่ค่อยมีสมาธิทำงาน”

“ได้สิครับ” สารวัตรอนิรูทธตอบ “เมื่อจับกุมคนร้ายได้แล้ว ที่นี่ก็ปลอดภัย ผมคงจะนำกำลังตำรวจมาตรวจค้นหาอาวุธอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า แต่รับรองว่าจะไม่รบกวนท่านหญิงแน่นอนครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หล่อนกล่าวแล้วหันไปสั่งลาวิก “ถ้างั้น คุณช่วยให้คนไปขนเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของฉันมาที่นี่บ่ายนี้เลยนะคะ”

“ครับ” ลาวิกรับคำสั้น ๆ

หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองตามปกติ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือข้ามฟากค่อย ๆ ลอยห่างจนกระทั่งเงียบหาย เหลือเพียงวราลี สารวัตรอนิรูทธ โควิน และลาวิกเท่านั้นที่ยังคงอยู่บนฝั่งบ้านพัก

“สรุปว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน” โควินเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก

สารวัตรดึงหูฟังออก แล้วบ่นว่า

“ก็เกือบจะเสียแผนอยู่เหมือนกัน เพราะสำนวนการพูดของเชวาไม่เหมือนกับผม ยังดีที่ไม่มีใครจับสังเกตได้”

“ผมจับได้ครับ” ลาวิกบอกยิ้ม ๆ “ตอนที่เล่าเรื่องต่อสู้กับคนร้าย สารวัตรยอเชวามากไปหน่อย ฟังดูก็รู้ว่า ถูกบังคับให้พูดแน่ ๆ”

“ฮ่า ๆ ๆ ก็บทพูดมันยาวนี่ครับ ผมเลยจำเป็นต้องมีผู้ช่วย...”

“ใครเป็นผู้ช่วยของคุณไม่ทราบ”

เสียงห้าวดังมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นประตูบ้านพักพลันเปิดออก และชายร่างสูงที่ก้าวลงมาคือ เชวาธราณินทร์ เขาสวมชุดเฮมาสีเทาอมฟ้า แต่ศีรษะยังคงมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่โดยรอบ ในมือถือไมโครโฟนตัวจิ๋ว และหูฟังที่เพิ่งถูกปลดออกมาหลังการคลี่คลายคดีสิ้นสุดลง

“งานนี้น่ะเป็นความดีความชอบของผมล้วน ๆ นะ อย่าลืม”

“แล้วทำไมเชวาไม่ออกมาทำหน้าที่เองเสียตั้งแต่แรกล่ะครับ” ลาวิกถาม “ปล่อยให้สารวัตรขโมยซีนไปดื้อ ๆ ได้ยังไง”

“ก็หัวหูผมเป็นแบบนี้จะออกโรงเองได้ยังไงเล่า ขายขี้หน้าแย่” คีราณว่า “จะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนทั้งที เชวาธราณินทร์ก็ต้องดูดี ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าซี ...จริงไหมที่รัก” ประโยคท้ายหันมาถามและยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ

วราลีถลึงตาเขียวใส่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเรียกหล่อนแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น แต่พอเสียงหัวเราะรอบ ๆ ดังขึ้น หล่อนก็ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากยอมรับเป็น ‘ที่รัก’ ของเขาแต่โดยดี

“ผมว่าเชวาน่ะรอบคอบ” ลาวิกหัวเราะพลางบอก “โดยเฉพาะเรื่องเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็โยนให้สารวัตรรับเคราะห์ไปคนเดียว ตัวเองไม่เกี่ยวใช่ไหม”

นายตำรวจใหญ่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาคาดคั้นด้วยสายตา แต่คีราณยังคงหัวเราะต่อไปโดยไม่สะดุ้งสะเทือน

“ฮ่า ๆ ๆ ก็ผมรู้นี่ว่าสารวัตรเป็นคนฉลาด ไม่ว่าจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ต้องแก้ปัญหาได้อยู่แล้วล่ะ จริงไหมครับ”

สารวัตรอนิรูทธเพิ่งรู้ตัว... ไอ้ที่เคยตกลงกันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เราจะร่วมมือกันจับคนร้ายเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย พอมาลองคิดทบทวนดูดี ๆ กลับพบว่า ตนเองกำลังถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือรองรับความเสี่ยงอันบ้าระห่ำของเชวาหนุ่มคนนี้อยู่ต่างหาก

จากคุณ : Friday Story
เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 16:05:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com