ตอนที่ 2
เช้าวันต่อมา ในที่สุดโตมรก็ลากอาทิตยะมาที่มหาลัยจนได้ โดยชายหนุ่มขับรถไปรับอาทิตยะถึงบ้าน อาทิตยะบ่นๆแต่ก็ยอมมา โตมรพาอาทิตยะมานั่งดื่มกาแฟในร้านกาแฟชื่อดังที่มาเปิดบริการในมหาลัย
นายนี่นะ อาทิตย์หนึ่งฉันจะมีวันหยุดได้นอนตื่นสายๆบ้าง แล้วไหนละแม่นางฟ้าดาวมหาลัยของนาย อาทิตยะบ่นแบบไม่จริงจังนักพรางยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ
โธ่...เดี๋ยวสิพี่ โตมรตอบโดยไม่มองอาทิตยะ แต่กลับสอดส่ายสายตาไปด้านนอกเหมือนกับกำลังมองหาใคร
อาทิตยะส่ายหน้าช้าๆเหมือนกับระอากับการรอคอยก่อนจะถามต่อ แล้วนายรู้ได้ไง ว่านางฟ้าของนายจะเดินผ่านมาทางนี้
รู้สิพี่ เพราะทางนี้มันเป็นทางเดินไปหอประชุม เฮ้ย! นั่นไงนั่นไง มาแล้ว โตมรลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น จนอาทิตยะต้องมองตาม
หญิงสาวรูปร่างบางระหงผมเป็นลอนยาวสลวยอยู่เกือบกลางหลัง รูปหน้าเรียวเล็กรับกับดวงตาโตและจมูกโด่ง ริมฝีปากบางได้รูป เธอสวมกางเกงยีนส์เข้ารูปกับเสื้อเชิ้ตสีชมพู พอดีตัว หญิงสาวเดินด้วยท่าทางรีบร้อน ตรงมายังร้านกาแฟที่อาทิตยะ และโตมรนั่งอยู่
อาทิตยะขมวดคิ้วนิดนึงเหมือนพยายามใช้ความคิด เพราะเมื่อเธอเดินเข้ามาจนเกือบจะถึงหน้าร้านกาแฟทำให้เขาเห็นหน้าเธอได้ชัดขึ้น และเมื่อเธอกำลังจะดินผ่านหญิงสาวก็หันมาสบสายตากับเขาพอดี ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นๆกับดวงตาคู่นี้แต่เขากลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นมันที่ไหน
เดี๋ยวครับ คุณ โตมรรีบผลักประตูกระจกออกไปยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวในระยะประชิด จนทำให้เธอชะงักเท้าพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
คะ รัตติกาลเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงระวังตัว
คือ..ผมอยากถามว่าคุณรู้รึเปล่าครับว่า อาจารย์เอมอรนัดไว้ที่ไหนครับ โตมรทำหน้านิ่งๆเหมือนกับว่าไม่รู้จริงๆ (อาจารย์เอมอรวัย 50 เป็นอาจารย์ประจำคณะของรัตติกาลและเป็นอาจารย์ที่รัตติกาลให้ความเคารพเป็นอย่างมาก)
เพราะความกะล่อนของโตมรจึงทำให้เขากับอาทิตยะเดินมากับรัตติกาลได้ โตมรแนะนำตัวกับรัตติกาลว่า เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เอมอรเหมือนกัน แต่เรียนจบไปแล้ว หญิงสาวรับฟังนิ่งๆโดยไม่ตอบโต้อะไรนอกจากยิ้มบางๆให้กับเขา อาทิตยะเองก็ไม่เอ่ยอะไรเช่นกันเขาเดินตามหลังทั้งสองคนพร้อมกับพยายามนึกว่าเขาเคยเจอเธอมาก่อนรึเปล่า มีเพียงโตมรคนเดียวที่พูดคุยมาตลอดทาง จนถึงประตูทางเข้าหอประชุม
ภายในหอประชุมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาทั้งชายหญิงประมาณ 20 กว่าคนกำลังทำหน้าที่ต่างๆของตัวเองกันอยู่อย่างขะมักเขม้น แต่เมื่อกลุ่มของโตมรเดินเข้ามาทำให้นักศึกษาต่างมองมาเป็นตาเดียวกัน นักศึกษาสาวๆส่วนใหญ่หลังจากเห็นก็ทำหน้าอมยิ้มพร้อมกับเขินอายเมื่อโตมรส่งยิ้มกลับมา
มาแล้วเหรอจ๊ะ นายโตมร อาจารย์เอมอรส่งเสียงทักทายลูกศิษย์ชายก่อนจะเลยไปทักรัตติกาล ฟ้า เดี๋ยวหนูไปลองชุดก่อนนะ
ค่ะ อาจารย์ รัตติกาลรับคำอาจารย์พร้อมกับเดินแยกตัวไป
อาจารย์เอมอรรับไหว้อาทิตยะหลังจากโตมรแนะนำ
สวัสดีค่ะ คุณอาทิตยะ เห็นแต่รูปในหน้าหนังสือพิมพ์ตัวจริงเด็กกว่าในรูปอีกนะคะ
ขอบคุณครับ นายโตมร ขอบใจนะเรื่องสปอนเซอร์ เอ่อ..ครูเห็นรถจอดอยู่ตั้งนานแล้วทำไมพึ่งมาถึงละ
แหะแหะ แวะดื่มกาแฟอยู่นะครับโตมรตอบอาจารย์และทำท่านึกอะไรออกก่อนจะพูดต่อ อาจารย์ครับ ยังต้องการสปอนเซอร์อีกไหมครับ
ต้องการสิ เธอจะหาให้ครูอีกเหรอ?
โตมรยิ้มๆก่อนจะหันไปทางอาทิตยะ และเริ่มเล่าถึงโครงการที่อาจารย์เอมอรกำลังทำ คือจัดแสดงละครการกุศลเพื่อหาทุนให้กับเด็กด้อยโอกาส และเด็กที่กำพร้าพ่อแม่ อาทิตยะรับฟัง พร้อมกับรับปากจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับงาน อาจารย์เอมอรกล่าวขอบคุณและกล่าวเชิญให้ชายหนุ่มมาร่วมงานเปิดรอบปฐมทัศน์ และถ้ามีเวลาวันนี้ อาจารย์จึงชวนให้ชายหนุ่มอยู่ร่วมชมการซ้อมใหญ่ โตมรคะยั้นคะยอให้อาทิตยะอยู่ดู จนชายหนุ่มต้องตอบตกลง
**#####**
ด้านหลังของหอประชุม รัตติกาลกำลังยืนให้ฝ่ายคอสตูม สำรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้น
ภาวินีเพื่อนสาวคนสนิทของรัตติกาล ก็เอ่ยถามรัตติกาลว่า ฟ้า ผู้ชายที่คุยอยู่กับอาจารย์เอมอร คุณอาทิตยะหลานชายคุณยายเธอใช่ไหม!
รัตติกาลพยักหน้าตอบแบบเซ็งๆ
เฮ้ย!! ตัวจริงหล่ออ่ะ เขาก็ดูเป็นคนดีนิ ไม่เห็นเหมือนที่ฟ้าเล่าเลย ภาวินีพูดพร้อมกับแอบมองไปยังด้านนอกด้วยอาการพร่ำเพ้อ
ภาวินีเพื่อนสนิทของรัตติกาล เธอเป็นคนหน้าตาหมวยๆ นิสัยส่วนตัวเธอเป็นประเภทแพ้ความหล่อผู้ชาย เธอเป็นเพื่อนกับรัตติกาลมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัย พวกเธอสนิทกันมากจนรู้ทุกเรื่องของกันและกัน และคอยเป็นที่ปรับทุกข์ให้กันยามมีปัญหา
เธอก็เป็นซะอย่างเนี้ย เห็นคนหน้าตาดีเป็นไม่ได้ รัตติกาลแซวเพื่อนขณะเปลื่ยนชุด
นี่ ฟ้า เขายังไม่กลับอ่ะ สงสัยอาจารย์จะชวนให้เขาอยู่ดูเราซ้อมละครแน่ๆเลย ภาวินีทำเสียงตื่นเต้น
รัตติกาลยื่นชุดส่งคืนให้กับฝ่ายคอสตูมก่อนจะเดินเข้ามาจนใกล้และหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของภาวินี เธอชะเง้อมองออกไปทางด้านที่ อาจารย์เอมอร และชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งอยู่ ซึ่งเป็นบริเวณด้านหน้าเวทีของหอประชุม
ด้านหน้าเวที
เอ่อ อาจารย์ครับ น้องคนที่เล่นเป็นอังศุมาลิน นี่ชื่ออะไรนะครับ โตมรยื่นหน้าไปถามอาจารย์อีกครั้ง หลังจากถามไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน
อาจารย์เอมอรยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบลูกศิษย์จอมกะล่อน ชื่อฟ้า
แล้วชื่อจริงละครับ โตมรถาม
ต้องเอาชื่อจริงเลยเหรอ หึหึ น้องเขาชื่อ รัตติกาล วัฒนะโชค
เมื่อจบเสียงของอาจารย์ทำให้ อาทิตยะ ถึงกับต้องหันหน้ามามองด้วยความฉงน ปนกับสงสัย พร้อมกับเอ่ยถามอาจารย์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ รัตติกาล วัฒนะโชค.....เหรอครับ
คะ อาจารย์เอมอรตอบ
นั่นไง! ผมบอกพี่แล้ว ว่านามสกุลเหมือนกันกับพี่เลย ญาติพี่รึเปล่า แล้วตกลงพี่รู้จักไหม
อาทิตยะทำหน้านิ่งๆก่อนจะตอบ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าต้องนับญาติรึเปล่า ส่วนเรื่องรู้จักไหม.....ฉันคิดว่าไม่รู้จักดีกว่า
เฮ้ย! ทำไมพูดแบบนี้ละ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดคุยอะไรกันต่อ เสียงจากบนเวทีก็ดังขึ้นนั้นหมายถึงการซ้อมละครกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และเสียงนั้นก็ทำให้เขาทั้งคู่ต่างมุ่งความสนใจไปบนเวที
บนเวทีการแสดงของนักศึกษาดำเนินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มเรื่อง รัตติกาลออกมาหน้าม่านเพื่อสวมบทบาทเป็นอังศุมาลิน
อาทิตยะเพ่งมองไปบนเวทีเพื่อมองหน้ารัตติกาลให้ชัดเจน เขาขมวนคิ้วนิดนึงพร้อมกับนึกถึงวันที่เขาได้เจอกับเธอครั้งที่ไปหาคุณย่าเมื่อหลายวันก่อน วันนั้นเขาเห็นหน้าเธอไม่ถนัดนักเพราะว่าเธอสวมหมวกเอาไว้และยังสวมเสื้อผ้ามอซอจนเขาเองไม่ได้ใส่ใจ แต่มาวันนี้ เขามองหน้าเธอได้ถนัดและชัดเจนเป็นอย่างมาก
หน้าตาสวยหวานผิวพรรณขาวสะอาด รูปร่างบอบบางน่าทนุถนอม และยิ่งน่ามองเมื่อตอนเธอยิ้มออกมา ทั้งสายตาและท่าทางดูนุ่มนวล แต่เวลาที่เธอแสดงบทที่ต้องใช้อารมณ์เธอก็สื่อมันออกมาได้ดี
อาทิตยะรูสึกทึ่งเมื่อได้เห็นด้านนี้ของเธอ เขาชมการซ้อมละครไปเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะจ้องมองไปที่รัตติกาล และมีบางจังหวะที่สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ละครดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงฉากสุดท้าย
เป็นฉากที่อังศุมาลินเอ่ยกับโกโบริ ตอนที่โกโบริอยู่ในอ้อมกอดก่อนที่จะตาย
"โปรดไปรอ ที่ตรงโน้นบนท้องฟ้า ท่ามกลางดวงดาราในสวรรค์ ข้ามขอบฟ้าดาวระยับนับอนันต์ จะไปหาคุณบนนั้น ฉันสัญญา....."
รัตติกาลที่สวมบทเป็นอังศุมาลิน หญิงสาวเอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงกล่ำ น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาอย่างช้าๆ จนเมื่อสิ้นลมโกโบริ หญิงสาวซุกหน้าลงไปพร้อมกับร่ำไห้ออกมาเหมือนดั่งจะขาดใจ
เสียงในหอประชุมเงียบกริบเมื่อรัตติกาลแสดงจบ ก่อนจะมีเสียงปรบมือตามมา โตมรปรบมือเสียงดังไม่พอยังลุกขึ้นยืน จนออกนอกหน้า
สุดยอดเลยครับอาจารย์ โตมรปรบมือไปด้วยพร้อมกับยื่นหน้ามาพูดกับอาจารย์เอมอรที่ขณะนี้ก็ยิ้มแก้มแทบปริเลยที่เดียว
อาทิตยะมองจ้องรัตติกาลจนเธอเดินลับเข้าไปหลังเวที
เก่งอ่ะ ฟ้า ภาวินีเอ่ยชื่อเพื่อนพร้อมส่งกระดาษทิชชูที่อยู่ในมือให้กับรัตติกาล ก่อนจะใช้ทิชชูซับน้ำตาตัวเองเช่นกัน
รัตติกาลมองเพื่อนสาวพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้ เพื่อนนักศึกษาหลายคนเดินเข้ามาหารัตติกาลพร้อมกับเอ่ยชื่นชมกันเป็นการใหญ่ บางคนก็พูดว่า เนี่ยขนาดซ้อมนะเนีย ถ้าวันจริงสงสัยน้ำตาท่วมหอประชุมแน่ๆ สาวๆจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่นาน ก็มีนักศึกษาชายมาตามรัตติกาล บอกว่าอาจารย์เอมอรเรียกพบ
เอ่อ อาจารย์คะ รัตติกาลเอ่ยเรียกมาจากทางด้านหลังของอาจารย์
อ้าว มาแล้วเหรอลูก อาจารย์เอมอรเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือมาโอบหญิงสาวไว้ก่อนจะพูดต่อ ฟ้า นี่คุณอาทิตยะ และนี่ก็คุณโตมร รุ่นพี่ฟ้าน่ะ
รัตติกาลยกมือขึ้นไหว้อย่างเสียไม่ได้ แม้เธอไม่เต็มใจแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์หญิงสาวจึงไม่กล้าที่จะเสียมารยาท แถมอาจารย์ยังแนะนำว่า เขาเป็นถึงสปอนเซอร์ให้กับละคร
สวัสดีครับ คุณฟ้า ผมขอเรียกว่าคุณฟ้านะครับ...ส่วนคุณฟ้าเรียกผมว่า พี่โต้ก็ได้นะครับ โตมรเอ่ยออกมาด้วยเสียงทะเล้นนิดๆ และทำหน้าเจ้าเล่ห์หน่อยๆ
รัตติกาลยิ้มบางๆให้กับโตมรตามมารยาท โดยไม่กล่าวอะไรเธอได้แต่ยืนนิ่งๆ ฟังการสนทนา และได้แต่ยิ้มๆเมื่ออาจารย์กล่าวชม
เป็นไงค่ะ คุณอาทิตยะ วันแสดงจริงมาชมให้ได้นะคะ อาจารย์เอมอรกล่าวเชิญชายหนุ่ม
เมื่ออาจารย์พูดจบ รัตติกาลก็ชำเลืองมองไปทางชายหนุ่มด้วยหางตาพร้อมกับรอฟังคำตอบ ซึ่งเธอคิดอยู่ในใจเพียงลำพังว่าเขาคงไม่มา
ก่อนที่อาทิตยะจะตอบเขาก็รู้สึกถึงสายตาที่ชำเลืองมองมา ชายหนุ่มหันไปสบตากับดวงตากลมโตคู่สวยนั้น ซึ่งเขารู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรของเธอ เพราะสายตาของเธอทำให้ชายหนุ่มเอ่ยตอบอาจารย์เอมอรทั้งที่ตายังไม่ละจากเธอ
ผมต้องมาชมแน่ๆครับ เพราะญาติของผมเล่นเป็นถึงนางเอก คงไม่มาไม่ได้แล้ว อาทิตยะกล่าวพร้อมกับทิ้งท้ายประโยคให้คนสงสัย
อ้าว จริงเหรอคะ รัตติกาล ตอนที่ครูถามทำไมบอกว่าไม่รู้จัก อาจารย์เอมอรหันมาเอ่ยกับลูกศิษย์สาวด้วยสีหน้าแปลกใจ
นั่นสิครับ ไหนพี่บอกว่าไม่มีญาติไง โตมรเอ่ยถามอาทิตยะระคนสงสัยเช่นเดียวกันกับอาจารย์เอมอร
ฉันพึ่งนึกขึ้นได้นะ ว่าฉันมีญาติ อาทิตยะเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ แต่เน้น
เหรอค่ะ เอ แต่ ฉันยังนึกไม่ออกเลยนะว่าฉันไปนับญาติกับคุณอาทิตยะตั้งแต่เมื่อไหร่ รัตติกาลชิดหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยันๆ
คุณรัตติกาล วัฒนะโชค คุณแน่ใจนะครับ ว่าคุณไม่อยากจะนับญาติกับผมจริงๆ หรือว่า ที่คุณยอมมาใช้นามสกุลผมเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง อาทิตยะทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ แต่ขัดกับสายตาที่เขาใช้จ้องหญิงสาว สายตาที่รัตติกาลรู้ดีว่าเขาดูถูกเธอ
เธอได้แต่กำมือตัวเองแน่นๆด้วยความโกรธก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยท่าทางหยิ่งยโส
อือ....ที่แรกตั้งใจว่าจะไม่นับญาติ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วค่ะ แต่ถ้านับกันจริงๆ คุณอาทิตยะ ก็คงต้องเรียกดิฉันว่า เธอทำท่าคิดก่อนจะเอ่ย คุณอาน่ะสิคะ
ทั้งโตมรและอาจารย์เอมอร ต่างฟังการสนทนาของทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางที่ทั้งคู่แสดงใส่กัน เพราะทั้งท่าทางและน้ำเสียงมันเหมือนกับคนที่ไม่ถูกกันคุยกันซะมากกว่าคนที่เป็นญาติกัน
และก่อนที่ทั้งคู่จะปะทะคารมกันอีก อาจารย์เอมอรก็ตัดบทโดยการให้รัตติกาลไปพักผ่อน
แต่ก่อนที่รัตติกาลจะแยกจากไป เธอก็ส่งสายตาเหยียดๆไปที่ชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ย ไม่ต้องไหว้นะคะ ถึงฉันจะเป็นอาของคุณก็เถอะ พูดจบหญิงสาวก็เดินจากไป
โดยปล่อยให้ชายหนุ่มโมโหแทบควันออกหู แต่เขาก็ทำได้เพียง กัดกรามตัวเองจนเป็นสันและนึกไปถึงคำพูดของมารดาที่เคยพูดถึงรัตติกาลว่าเป็นเด็กเจ้าเล่ห์และไม่ได้เป็นเด็กดีอย่างที่เห็น
โตมรเองก็เริ่มอยากจะรู้รายละเอียดจึงขอตัวกับอาจารย์เอมอร ทั้งสองกล่าวลาอาจารย์พร้อมกันก่อนจะเดินจากไป
**##########**
ระหว่างทางที่โตมรขับรถมาส่งอาทิตยะที่บ้าน เขาเอ่ยถามอาทิตยะถึงเรื่องของรัตติกาล
หลังจากฟังอาทิตยะเล่าเรื่องของรัตติกาลล้ว ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่อาทิตยะเล่า
นายอย่าไปยุ่งเล้ย กับผู้หญิงแบบนี้ อาทิตยะเอ่ยเตือนชายหนุ่มรุ่นน้อง
จริงเหรอ หน้าสวยหวานท่าทางเรียบร้อยแบบนั้นนะ จะหลอกเอาสมบัติคุณย่าของพี่ ผมไม่อยากจะเชื่อ
จริงสิ นายไม่เห็นเธอเล่นละครเหรอ เล่นเก่งซะขนาดนั้น
โห! พี่ละครก็ส่วนละครสิ โตมรแย้งเพราะเขายังไม่อยากจะปักใจเชื่อว่ารัตติกาลจะเป็นอย่างที่อาทิตยะพูด
เอาเถอะ นายอย่าไปยุ่งกับเธอเลย ผู้หญิงปากร้ายท่าทางหยิ่งยโส ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่ลูกบุญธรรม อาทิตยะเอ่ยถึงรัตติกาลด้วยเสียงไม่ชอบใจนัก
อย่างนี้ต้องพิสูญจ์ โตมรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกๆ ตามสไตล์ชายหนุ่มที่ชอบลองของ
**#########*
จากคุณ |
:
เงาไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ส.ค. 54 11:43:39
|
|
|
|