เรื่องเล่าของ "แม่คนหนึ่ง" กับ "แม่ของแผ่นดิน"
|
 |
ในโอกาสที่วันแม่แห่งชาติและวันเฉลิมพระชนมพรรษากำลังจะมาถึงอีกครั้ง ก็อยากจะเล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว เป็นเรื่องของคนเป็นแม่ และแม่ของแผ่นดินที่มาสัมพันธ์กันอย่างน่าประทับใจ พี่เพ็ญเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการคนหนึ่งในโรงเรียนเอกชน มีลูกสาว 2 คนที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ส่วนสามีนั้นหย่าขาดจากกันไปหลายปีแล้ว เธอเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนด้วยลำพังตัวคนเดียว เงินเดือนเจ้าหน้าที่นั้นก็ไม่มากนัก พี่เพ็ญจึงต้องหางานพิเศษทำในวันเสาร์อาทิตย์ โดยสอนคอมพิวเตอร์หรือทำงานอื่น ๆ ลูกสาวคนโตนั้นเป็นคนว่าง่าย จึงไม่มีปัญหาในการเลี้ยงดู แต่ลูกสาวคนเล็กนั้นค่อนข้างดื้อรั้นและชอบต่อต้านตามประสาวัยรุ่น ช่วงที่ลูกสาวคนเล็กยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายนั้น ก็มีปัญหาในเรื่องระเบียบวินัย ถูกตักเตือนอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสร้างความหนักใจให้กับคนที่เป็นแม่อยู่บ้าง แต่อย่างน้อยทั้งสองคนก็ยังรู้ถึงความลำบากของแม่ ในช่วงปิดเทอมจึงไปหารายได้พิเศษเพื่อช่วยแม่ ด้วยการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบริษัทของคนรู้จักกัน หากเหตุการณ์เป็นไปตามครรลองปกติดังนี้ ก็นับได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีความสุขตามอัตภาพครอบครัวหนึ่ง แม้จะไม่สมบูรณ์ พรั่งพร้อม แต่ก็ยังมีกันแม่ลูก พี่เพ็ญมีปัญหาสุขภาพอยู่อย่างหนึ่งคือมีอาการปวดท้องบ่อย ๆ ไปพบแพทย์ก็ไม่หาย มีเพื่อนร่วมงานหลายคนที่แนะนำให้เปลี่ยนโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่ เพราะหาสาเหตุไม่เจอเสียทีแต่ด้วยความที่ไม่มีค่าใช้จ่ายมากนัก จึงพยายามอดทน ไม่รักษาต่อเนื่อง เธอบอกว่าเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนดีกว่า จนมีครั้งหนึ่งปวดท้องรุนแรงมากจนต้องพาตัวส่งโรงพยาบาลด่วน ในที่สุดพี่เพ็ญก็พบสาเหตุของอาการปวดท้องที่ต่อเนื่องมายาวนาน นั่นก็คือ โรคมะเร็งลำไส้ ระยะที่ 3 หมอต้องให้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อร้าย ด้วยความหวังที่น้อยนิด ทุกคนไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดและการรักษาต่อจากนั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ และปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนเอกชนจึงมีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลเพียง 100,000 บาทต่อปีเท่านั้น เฉพาะส่วนของการผ่าตัดใหญ่นั้นก็เกินสิทธิที่จะเบิกได้ไปแล้ว ส่วนของการรักษาต่อไปอีก ทั้งค่าคีโม ค่าเดินทาง ค่าห้องพักในโรงพยาบาล แม้จะเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลก็ยังมีค่าใช้จ่ายสูงลิ่วจนเธอรู้สึกสิ้นหวัง ผู้บริหาร เพื่อนครู และผู้ปกครองก็ไม่ได้ทอดทิ้งพี่เพ็ญที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนมากว่าสิบปี จึงได้มีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลส่วนที่เกิน ได้เงินประมาณห้าหมื่นบาท ซึ่งช่วยค่ารักษาต่อเนื่องได้อีกระยะหนึ่ง
จากคุณ |
:
เด็กหญิงไข่
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ส.ค. 54 16:28:05
|
|
|
|