“คุณรินอย่าเพิ่งเข้า....”เสียงอิงแก้วดังขึ้น ภูธนาและพิมพาผงะออกหนูรินยืนน้ำตาคลอเบ้ารวมทั้งอิงแก้วที่ยืนอ้าปากค้างตะลึงงัน
"รินเข้าใจแล้วทุกอย่างแล้วค่ะ ที่พี่ภูเลิกกับรินก็เพราะแบบนี้นี่เอง”หนูรินร้องไห้ฟูมฟาย ภูธนาวิ่งเข้าไปคว้ามือแต่เธอกลับล่าถอยหนีส่ายหน้าพร้อมร้องไห้ฟูมฟาย
“พี่ภูรับรินไม่ได้ที่ผ่านมารินเข้าใจที่เราไปกันไม่ได้แต่ที่รินรับไม่ได้คือที่พี่ภูทำแบบนี้กับ...”หล่อนชี้ไปยังพิมพาที่กอดอกทำหน้าตาหยิ่งผยองแกมเยาะ
“ทำไมละคะคุณหนูรินมีอะไร”หล่อนเดินเข้ามาเกาะแขนภูธนา
“เธอมันงูพิษของจริง ฉันไม่น่าเชื่อคนอย่างเธอเลยที่ผ่านมา”
“ก็เธอมันโง่นี่ภูไม่ชอบคนงี่เง่าแบบเธอหรอกเค้าชอบแบบฉัน”พิมพาฉะเข้าให้ หนูรินสะอึกสะอื้น ภูธนาหันกลับไปมองพิมพาที่ยังไม่เลิกผยอง
“คุณพูดแบบนี้ได้ไงพิม”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ใครๆ ก็เห็นภาพเมื่อกี้คงไม่ต้องอธิบายกันหรอกว่าคุณภูกับฉันเราไปถึงขนาดไหนกันแล้ว”พิมพาเพิ่มเชื้อไฟ หนูรินถึงกลับรับไม่ได้วิ่งหนีออกไปทันทีภูธนาร้องเรียกตามแต่โดนพิมพารั้งไว้เต็มเหนี่ยวโดยมีอิงแก้วมองเขาด้วยความเจ็บแค้นก่อนจะวิ่งตามหนูรินออกไปให้เร็วที่สุด หนูรินวิ่งร้องไห้กระเจิดกระเจิงมาหยุดที่สวนสาธารณะได้แต่ยืนฟูมฟายใต้ต้นไม้ใหญ่ อิงแก้ววิ่งตามมาทีหลังเมื่อเห็นหนูรินจึงวิ่งเข้าไปหาพลางหยุดมองหล่อนที่เสียใจจนน้ำตาท่วมหน้า
“คุณรินคะ”
“อิงแก้ว ฉันเสียใจเหลือเกิน ฉันผิดอะไรทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”หล่อนหันกลับมามองทั้งน้ำตา อิงแก้วเข้าไปจับมือเธอ
“คุณหนูรินไม่ผิดหรอกค่ะ แต่พี่ภูกับพิมพาก็แรงเกินไปจริงๆ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันได้แต่ให้กำลังใจคุณ”อิงแก้วทำได้เพียงปลอบประโลมถึงแม้อาจไม่ทำให้น้ำตาของเธอลดน้อยลงมาเลยก็ตาม
“ที่รินเจ็บใจไม่ใช่เพราะรินกับพี่ภูไปกันไม่ได้แต่เพราะพิมพาที่หักหลังริน ที่ผ่านมาหล่อนเป่าหูรินว่าอิงเป็นคนไม่ดีคอยจะแย่งพี่ภูไปแต่ที่ไหนได้รินโดนหักหลังเป็นเครื่องมือของเขาพิมพาคอยปั่นหัวให้รินโกรธอิงแล้วก็ไปโวยวายจนพี่ภูทนกับพฤติกรรมของรินไม่ได้จนต้องเลิกกันไปแล้วแผนการของเขามันสำเร็จตอนนี้พิมพาก็ได้เขาไปครอบครองสมใจ”หนูรินสะอึกสะอื้นตลอดเวลาที่พูด อิงแก้วได้แต่รับฟังความจริงจากหนูรินเพราะอย่างนี้นี่เองต้นเหตุที่ทำให้หนูรินเปลี่ยนไปในคราวนั้นคือพิมพา
“อย่าไปสนใจเลยนะคะคุณหนูริน ตอนนี้เราหลุดบ่วงมาแล้ว เราต้องเข้มแข็งอย่าให้เขาได้เห็นน้ำตาเราอีกยิ่งเขาเห็นว่าเราอ่อนแอเขาจะยิ่งสะใจนะ”
“อิง...รินขอโทษที่ผ่านมาทำไม่ดีกับอิงไว้มาก”หนูรินจับมืออิงแก้วไว้แน่น อิงแก้วยิ้มกว้างพยักหน้ารับ
“ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ ฉันคิดว่าหนูรินเป็นเพื่อนของฉันเสมอนะ ต่อไปนี้หนูรินต้องเข้มแข็งไว้นะ”อิงแก้วให้กำลังใจ หนูรินปาดน้ำตายิ้มกว้างให้อีกครั้ง
“ค่ะ”หล่อนพยักหน้าน้ำตาไหลพรากแต่อยู่ๆ ก็หน้ามืดเซล้มลงจนอิงแก้วตั้งตัวไม่ติดขณะที่กิตติปั่นรถจักรยานผ่านมาพอดีเห็นภาพหนูรินล้มลงกับพื้นโดยที่อิงแก้วพยายามประคองให้หล่อนนอนหงายหน้าหายใจใด้สะดวก
“คุณหนูริน คุณหนูตายละทำไงดี”อิงแก้วมองซ้ายแลขวามองหาคนช่วยมือก็พัดให้พอมีอากาศถ่ายเท กิตติวิ่งมาแต่ไกลรีบเข้ามาช่วยอิงแก้วที่ดูจะไร้ความหวังในนาทีนี้
“เป็นอะไรกันครับ”
“พี่กิตติ! มาทันเวลาพอดีช่วยด้วยค่ะคุณรินเธอเป็นลม”อิงแก้วบอกเสียงเร่ง กิตติรีบอุ้มหนูรินขึ้นก่อนจะพูดขึ้น
“เดี๋ยวพี่จะพาเธอไปที่บ้านพี่ก่อนแล้วกันไปปฐมพยาบาลก่อน”กิตติบอกหน้าตื่น อิงแก้วพยักหน้า
“โอเคค่ะ เดี๋ยวอิงวิ่งไปบอกนายภูก่อนนะคะ เขาจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ครับ”กิตติรับคำรีบวิ่งพาหนูรินตรงไปยังบ้านของเขาที่อยู่ไม่ไกลไปจากนี้และอิงแก้วก็วิ่งแยกไปทางร้านกาแฟเพื่อแจ้งข่าวให้กับต้นเหตุได้ทราบ
กิตติวางหนูรินไว้บนเตียงนอนของเขา เจ้าหล่อนหลับตาพริ้มหน้าซีดเผือดถึงแม้รอยยักบนริมฝีปากจะคงสีชมพูของลิปติกหน้าผากเลอะไปด้วยคราบเหงื่อตัวร้อนราวกับไฟ กิตติมองเก้กังจะปลดกระดุมเสื้อออกก็กระไรหรือจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ก็ไม่กล้าถึงแม้เขาจะเคยถึงเนื้อถึงตัวพิมพามาบ้างแล้วแต่กลับผู้หญิงบอบบางและดูไร้เดียงสาอย่างหนูรินกลับทำให้เขารู้สึกไม่กล้าขึ้นมาทันที
"ไอ้กรก็เฝ้าร้าน เฮ้อ! ”เขาได้แต่ทอดถอนใจเหลียวมองเจ้าหล่อนอยู่พักหากเขาไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวหรือปลดกระดุมให้เจ้าหล่อนคงจะแย่ไปกว่านี้แน่
“เอาล่ะวะ”เขาตัดสินใจแกะกระดุมเสื้อและกระโปรงของเธอออกช้าๆ พยายามจะไม่มองให้มากก่อนจะไปเอากะละมังใส่น้ำและนำผ้ามาชุบน้ำเพื่อเช็ดตัวหล่อน เขาจับแขนเนียนขาวของหล่อนขึ้นเช็ดตัวช้าๆ สำรวจอาการอย่าใกล้ชิด แอบมองความสวยหวานสบายตาพลางคิดว่าภูธนาเป็นผู้ชายที่ตาถึง ผู้หญิงคนนี้สวยมากและเป็นผู้ดีอย่างครบถ้วนถึงจะไม่สดใสเท่าอิงแก้วแต่ก็ดูไร้เสียงสาไม่แพ้กัน กิตติชุบน้ำกับผ้าขนหนูอีกครั้งค่อยๆ เช็ดหน้าให้กับหญิงสาว พลางยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่บังหน้าไปเหน็บใบหู เผยดวงหน้าขาวใสเผยสีชมพูระเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว เขาบรรจงเช็ดเรื่อยๆ จนดวงตาเล็กๆ ของหล่อนค่อยๆ ลืมขึ้น เห็นภาพเลือนรางของชายหนุ่มหน้าตี๋สวมแว่นขอบบางจนชัดขึ้นตามลำดับ
“เอ๊ะ! นี่...คุณกรวิท”
“เปล่า ผมกิตติครับ”กิตติตอบเสียงนุ่มวางผ้าลงบนกะละมัง หนูรินดันตัวขึ้นจากที่นอนแต่ทว่ากระดุมเสื้อกับตะขอกระโปรงของเธอหลุดถึงกลับทำให้หญิงสาวตกใจอยู่ไม่น้อยรีบยกมือขึ้นปิด กิตติยกมือขึ้นปรามและส่ายหน้าทันที
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยผมจำเป็นจริงๆ ต้องปลดกระดุมกับ ตะขอของคุณไม่อย่างนั้นคุณอาจหายใจไม่ออก”
“ฉันเป็นอะไรไปคะ”หล่อนถามถึงแม้จะมีหน้าแดงฝาดขึ้นที่แก้มทั้งสอง
“คุณเป็นลมไป ผมเลยอุ้มคุณมาพักที่บ้านผมก่อน ผมเห็นตัวคุณร้อนเลยเช็ดตัวให้เผื่อจะดีขึ้น”เขาอธิบาย เจ้าหล่อนพยักหน้าตามก่อนจะจัดแจงใส่กระดุมเสื้อของตนเองให้เรียบร้อย
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำอะไรโดยพลการ”เขากล่าวอย่าสุภาพ หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า จู่ๆ ผมก็เห็นคุณล้มตึงไปเลย”กิตติถามขึ้น หนูรินนัยน์ตาเศร้าเมื่อได้ฟังคำถามหล่อนรู้ดีแก่ใจทุกอย่างกับเรื่องที่พบเจอเมื่อเย็น มันกรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจจนยากที่จะลืมเลือน
“มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำเลยซักนิดค่ะ ฉันไม่อยากจำอีกแล้ว”หนูรินกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่กิตติมองด้วยความเห็นใจควักผ้าเช็ดหน้าส่งให้เธอ
“อย่าร้องเลยครับนี่ผ้าเช็ดหน้าผมคิดว่าเวลาคุณไม่มีน้ำตาคุณสวยมากกว่าเช็ดเถอะครับ”กิตติบอกพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หญิงสาว หนูรินก้มลงมองก่อนจะหยิบผ้ามาซับน้ำตา
“ขอบคุณค่ะ”น้ำเสียงของเธอสะอื้นเลื่อนมองกิตติที่ยังคงให้ความห่วงใย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าพี่กิตติจะเป็นพี่น้องกับกรวิท”
“ทำไมล่ะครับ”
“กรวิทเค้าเป็นคนตลกดีนะคะไม่ค่อยซีเรียสอะไรแต่พี่กิตติดูเป็นคนอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่”
“ก็เป็นพี่น้องกันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่างนี่แต่นายกรเค้าตลกดูมีเสน่ห์กว่าผมด้วยซ้ำ”
“แต่ละคนก็มีความต่างกันแต่สำหรับพี่กิตติหนูรินอยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างน่าแปลกค่ะ”หล่อนบอก ชายหนุ่มหน้าแดงเมื่อได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดจากใจ แอบยิ้มได้แต่ทำอะไรป้ำเป๋อๆ
“อยากกินนมไหมครับ เดี๋ยวจะลงไปเอาให้”
“ก็...ดีเหมือนกันค่ะ หนูรินรู้สึกหิวหน่อยๆ จะรบกวนไหมคะ”
“ไม่รบกวนเลยครับแต่ผมทำแซนวิสเป็นนะอยากลองชิมฝีมือผมไหม”เขาเสนอ หญิงสาวจ้องมองตาไม่กระพริบ “ทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ”
“พอเป็นบ้างครับตอนอยู่เมืองนอกต้องทำเองอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รับประกันนะครับว่าจะอร่อยถูกปากคุณหนูรินหรือเปล่า”เขาหยอกหล่อนให้พอมีสีสัน ตั้งแต่กลับมาเขายังไม่เคยทำอาหารให้ผู้หญิงคนไหนกินจริงจังแม้กระทั่งอิงแก้วที่เขาหมายมั่นอยากจะทำเค้กไปให้หล่อนลองชิมก็หาโอกาสไม่ได้เสียที
“แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ”หนูรินยิ้มหวาน ชายหนุ่มยิ้มตอบเก้อเขินก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อลงไปทำอาหารให้กับหล่อน เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่อธิบายไม่ถูกเหมือนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่ได้ดูแลใครสักคนถึงแม้จะเคยให้กำลังใจอิงแก้วแต่หล่อนก็ไม่ได้ตอบในสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจลึกๆ แต่กลับหนูรินแล้วเขากลับรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้อยู่กับเธอ
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 54 13:32:57
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแม่แห่งชาติ 54 13:19:11
|
|
|
|