พี่ดูคนอื่นสิ อย่างกับเสือติดจั่น มีพี่อยู่คนเดียว อ้อ...กับผมอีกคน รวมเป็นสอง ...สบายใจ ปากว่าไปอย่างนั้น แต่หน้าตา...ไม่ใช่เลย
พี่ไม่ซีเรียสนี่นา อาจมีปอดบ้างแต่ไม่หนักหนา
ตกลงพี่ปลงได้แล้วหรือ? เด็กหนุ่มถามพลางยัดปลาหมึกกรอบยี่ห้อเต่าทองเข้าปาก ของแพงซ่ะด้วย
ไม่ถึงกับปลงได้หมดหรอก มีตื่นเต้นบ้าง แต่ก็มีทางไป ถ้าสอบไม่ได้
พี่พัน... เค้าไม่เรียกว่ามีทางไปหรอก ไอ้การที่ต้องกลับไปเรียนที่เดิมนะ เค้าเรียกว่าไม่มีที่ไปต่างหาก
คนเป็นน้องลากเสียงยาวค่อนแคะ
เชอะ มันก็ไม่ต่างกะคนสอบไม่ติดแล้วคิดจะไปเรียนเมืองนอกหรอกน่า
"ทางไป มัน...คนละระดับ" คนเถียงทำท่าเครื่องบินเหาะหวือ
คนฟังตาคว่ำ ถ้าไม่กลัวปากเป็นพิษจะแช่งให้เครื่องบินตกสักที
เอ้า! เถียงกันไม่ลดละนะ
สุเจษฐ์ปรามน้องๆ ที่ทำเสียงรำคาญหู ทำให้ต้องสงบปากสงบคำ
คืนนั้นที่ทุกคนใจจดใจจ่อ หน้าจอโทรทัศน์จะค่อยๆ แสดงหมายเลขที่นั่งสอบไล่ไปเรื่อยๆ พร้อมกับบอกคณะที่ติด ถ้าใครสอบไม่ได้ก็จะไม่แสดงหมายเลขนั้น พันทิวาเคยผ่านอารมณ์นี้มาแล้วยังอดตื่นเต้นสุดๆ อีกครั้งไม่ได้ บางครั้งเริ่มมีเสียงกระหึ่มดัง ทั้งเสียงแสดงความดีใจและเสียงร้องไห้เสียใจที่ไม่มีหมายเลขของตัวเองคละเคล้ากันไป
พี่พี่ ใกล้ถึงหมายเลขของผมแล้ว
อธิสะกิดทุกคนให้จ้องไปที่จอ เขายืดตัวสูงให้ใกล้จอที่ติดอยู่บนเพดานที่สุด
นั่นไง นั่นไง ชื่อผม เขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ผมเลือกอันดับหนึ่งนะเนี่ย
ทุกคนพากันแสดงความยินดีได้ไม่นาน ก็ถึงอันดับของอัชวดี ซึ่งสอบติดคณะที่ตัวเองต้องการ ต่อมาเป็นของณภพซึ่งสมหวังตามเคย ของบัณฑิตย์ผ่านไปโดยไม่มีหมายเลขของตัวเองปรากฏ สีหน้าของเด็กหนุ่มเผือดไปเล็กน้อยแล้วก็ปกติเมื่อเพื่อนๆ เข้ามาปลอบ คนที่ลุ้นตัวโก่งคือสุเจษฐ์ ถ้าสอบได้คราวนี้เขาจะไม่มีวันดำเนินชีวิตผิดพลาดอีกเป็นอันขาด แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องไม่ติด เขาก็เกิดอาการใจแป้วขึ้นมา
พี่พี่ ทำใจดีๆ พุทโธไว้
พันทิวาเอามือไปเขย่าบ่าให้กำลังใจ ทั้งๆ ที่ของตัวเองก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน
ไอ้บ้า! ไม่ใช่คนใกล้ตายซักหน่อย
เขาค้อนกลับ
เฮ้ย! นั่นไง รหัสของพี่เจษฐ์
ณภพร้องเสียงดัง ความเป็นเด็กที่เพิ่งผ่านจากความเครียดมาหมาดหมาดทำให้โวยวายออกมาเสียงดัง
พี่สอบได้แล้ว ไชโย้! ได้กลับเข้าคณะแล้ว
จับไม้จับมือแสดงคามยินดีกันยกใหญ่ โพยสุดท้ายคือของพันทิวา ถึงจะเลิกหวังไปกว่าครึ่งก็เถอะ แต่ไม่อยากเสียหน้าเลย ยิ่งเห็นตัวเลขวิ่งใกล้เข้ามาทุกทียิ่งเกิดอาการกำมือขึ้นมาไม่รู้ตัว และแล้วก็ตัวชาวูบแล้ววูบอีก ความรู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่าเกิดขึ้นเมื่อตัวเลขผ่านเลยไป เฮ้อ!...
ไม่มีชื่อ หัวสมองตื้อไปชั่วครู่ แล้วก็อดน้ำตาไหลไม่ได้
ไม่ติดว่ะ
เด็กสาวยิ้มแห้งๆ พร้อมกับน้ำตาทะลัก บอกไม่ถูกว่าไอ้ที่เสียใจครั้งนี้ เพราะผิดหวังที่สอบไม่ได้หรือเพราะเสียหน้า อย่างไหนมากกว่ากัน
พี่...อย่าร้องไห้สิ
บัณฑิตย์ที่หน้าระรื่นเมื่อครู่ชักน้ำตาคลอ
แล้วเธอร้องไห้กับพี่ทำไม
ผมรู้สึกเสียหน้ามากเลย สาวๆ คงสมน้ำหน้าผมแน่ๆ อวดเอาไว้เยอะ
ทู่เรศ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นก็สนองนั่นแหละ อ่านหนังสือน้อยมัวแต่เล่นก็ต้องได้รับผลอย่างนี้ ถูกต้องแล้ว
หล่อนหัวเราะแกมน้ำตา แล้วแสดงความยินดีกับทุกคนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น และทุกคนที่รู้จัก
ยินดีด้วย ยินดีด้วย ขอคารวะ
เดินประสานมือแบบหนังจีนไปทั่วโดยมีคู่หูคือคนที่สอบไม่ติดเหมือนกันคนหนึ่งล่ะ
ส่วนพวกอธิกับณภพนั้นได้แต่เกาศีรษะ พวกเขากำลังหาวิธีการปลอบใจสองคนนี้อยู่แท้ๆ แบบนี้เลยไม่ทราบว่าจะปลอบใจอย่างไร สำหรับณภพนั้นเขาดีใจที่อัชวดีสอบติดอย่างที่หวังในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
เดี่ยว เห็นทีนายต้องเริ่มจับเข่าคุยกับที่บ้านแล้วนะ ป่านนี้เค้าคงเห็นจากโทรทัศน์แล้ว
สุเจษฐ์เตือนอธิ หลังจากไปดูรายชื่อของพวกเขาที่สนามจุ๊บจนรุ่งสาง พวกเขาทั้งหมดสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่ามีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ เขากับอธิอยู่คณะเดียวกันเสียอีกด้วย
ผมรู้แล้ว คงต้องลุยอีกสักที
อธิตอบรับพี่ใหญ่ ถึงจะดีใจ แต่ในใจของพวกเขาก็ยังค้างคาที่ไม่สามารถทำให้คนทั้งกลุ่มสามารถเดินไปบนเส้นทางเดียวกันได้ทั้งหมด ความอาลัยนั้นมีอยู่ลึกๆ ในใจทุกคน
สำหรับพันทิวา หลังจากที่กลับถึงบ้านพี่สาว ก็ต้องถูกบ่นยาวเหยียดจมรูหูทั้งสองข้าง พ่อโทรศัพท์มาด่า ยังดีที่ยังกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดิมได้ ไม่อย่างนั้นคงคว้าง สงสัยสมองเต่ามันล้า
เออ...ถึงสอบไม่ติดก็กลับไปเรียนที่เก่า ทนๆ เอา สักสี่ห้าปีคงจบ ดูอย่างพี่สุเจษฐ์สิ ต้องใช้เวลาตั้ง 6- 7 ปีรวมรีไทร์ ถ้าเกิดเกเรอีกคงแย่ อธิน่าจะช่วยลากไปได้ พวกเขาอยู่คณะเดียวกันนี่ ส่วนณภพก็ต้อง 6 ปีเพราะเป็นแพทย์ ยังไม่รวมศึกษาต่ออีก
เด็กสาวได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อนที่ช่วยกันหยอดตังส์เหรียญ นาทีละ 18 บาท แสดงว่ามันยังรักและคิดถึงเรา แต่ต้องคุยกันสั้นๆ นานไม่ได้เดี๋ยวเหรียญหมด ทางโน้นหัวเราะร่า
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ถิ่นเก่าๆ กลับมาเป็นลูกพระบิดา
มีแถมด้วยเพลง เขตรั้วสีบลู สร้างความชื่นชู ณ รูสะมิแล...
พอได้ยินแล้วความเศร้าก็จางหาย ความคิดถึงเพื่อนคิดถึงสถาบันเข้ามาแทนที่ ระลึกได้ว่าที่จริงพันทิวาไม่ได้รู้สึกว่ามหาวิทยาลัยไม่ดีตรงไหน ทุกย่างก้าวนับตั้งแต่เหยียบย่างเข้าไปมีแต่ความอบอุ่น ปลอดภัย และมีความภาคภูมิใจเสมอ ที่ผ่านมา...ตัวเอง...ทำตัวเองต่างหาก
ที่สำคัญต้องหาทางลี้ภัยกลับไปโดยเร็ว ขืนอยู่ต่อต้องโดนสวดไม่รู้จบแน่ ค่ากวดวิชา ค่ากิน ค่าเที่ยวไม่ใช่น้อยๆ
แต่ก็น่าเสียดายมิตรภาพที่นี่ โหวงเหวงไปเหมือนกันนะ ถึงอย่างไรพันทิวาก็มีประเพณีรับน้องที่ขอยืมสถานที่มหาวิทยาลัยมหิดล และโปรแกรมรับน้องรถไฟอันเป็นประเพณีของมหาวิทยาลัยที่จะต้องดูแลน้องๆจากภาคต่างๆให้เดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยโดยสวัสดิภาพ เดี๋ยวพวกตัวหัวหน้าทั้งหลายคงเริ่มงานกัน เมื่อไม่ได้ไปเรียนต่อที่ไหนก็จะทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้างล่ะดี งานคงยุ่ง...
บรรยากาศวันรับน้องในปีก่อนเมื่อตอนเป็นน้องปีหนึ่งย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำ ผู้คนจากหลายทิศหลากพ่อหลายแม่หิ้วกระเป๋าเป๋อเหลอลงจากรถไฟแล้วโดนพวกพี่ๆ ต้อนขึ้นรถสองแถวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
เข้าไปเป็นวัว แต่ออกมาแล้วจะเป็นควายหรือคนก็แล้วแต่ตัวเองนะน้อง
จุดแรกที่ไปถึงคือลานพระรูปซึ่งมีพระรูปของพระราชบิดาอยู่ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รู้จักพระองค์ท่าน รูปปั้นนั้นสง่างามและโดดเด่น กระจ่างชัดว่าชื่อย่อ มอ. อันแตกต่างจากชื่อเต็มนั้นมาจากพระนาม สมเด็จพระมหิตลาธิเบศวร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ไม่ใช่ มาแล้วอ้วน อย่างที่ใครๆ ว่ากัน
ดังนั้นเมื่อเวลาที่ทุกข์ใจเรื่องการเรียนที่ไม่เอาไหนของตัวเองก็มักไปนั่งรับลมอยู่ที่นั่ง แล้วก็มองยังตัวหนังสือที่อยู่ตรงฐานพระรูปเพื่อเป็นกำลังใจ
ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"
มองไปทีไรก็จะพนมมืออธิษฐานดังๆ
ลูกจะพยายามทำตามพระราชปณิธานของพระองค์เจ้าค่ะ แต่มันเหนื่อยเหลือเกิน เกรดก็ไม่ดี ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ ตังส์พ่อก็ยังไม่ส่งมา...
อธิษฐานไปก็โอดครวญไปพึมพำยืดยาว
และขณะกำลังซึ้งๆ อยู่นั้น
ว2 ว2 ยังมีเด็กอยู่แถวนี้ ยังไปไม่ได้ เสียงวิทยุดังมาจากข้างหลังพระรูป
อ้าว! พี่ยามนั่นเอง อะจึยย์..
คงนั่งเป็นเพื่อนอยู่หลังพระรูปเป็นนานไม่กล้าขยับกลัวเราหน้าแตก คิดแล้วยังขำไม่หาย เถอะ! ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะเรียนอะไร ก็คงสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้บ้างล่ะน่า
*********************
เด็กหนุ่มสาวนับร้อย หิ้วประเป๋ากันคนละใบสองใบ ส่วนมากข้างกายมีผู้ปกครองมาส่ง บางคนผู้ปกครองก็ไปด้วย แต่ตามกฎของการรับน้องรถไฟแล้วรุ่นพี่จะให้ผู้ปกครองไปนั่งอีกโบกี้หนึ่งแยกต่างหาก กิตติศัพท์ของความไกลและกันดารของมหาวิทยาลัยนั้นมาเป็นที่หนึ่ง ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงลูกๆของตัวเองนัก แต่จากสถิติ น้องๆ พื้นที่ภาคอื่นที่สอบได้และไม่สละสิทธิ์มีเพิ่มขึ้นแสดงถึงความเชื่อมั่นในความปลอดภัย ก็ดูอย่างพันทิวาสิ...จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ยะลา นราธิวาส ไปเที่ยวเป็นว่าเล่นสบายสบาย คนใต้ใจดีทั้งนั้น
โบกี้ของคณะมีการเตรียมพร้อมของรุ่นพี่ปีสองเหมือนกัน หลายคนตั้งใจมาทำกิจกรรมนี้จริงๆ หลายคนเพราะ พลาดจากการสอบเอ็นทรานซ์รอบใหม่ถึงต้องมาเข้าร่วม ยกตัวอย่างเช่น... ตัวเอง... เป็นต้น
ดูครึกครื้นจังเลยนะครับ
อธิหิ้วกระเป๋ามาส่งมองไปรอบๆ บางทียังมีตกใจเมื่อได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงบูมแต่ละคณะดังกระหึ่มเป็นจุดๆ
ดูมันส์ดีเนอะ บัณฑิตย์เป็นคนเตรียมเสบียงมาให้ ชักอยากไปเที่ยวใต้บ้างแฮะ
คนอื่นๆ ตามมาครบทั้งพี่สุเจษฐ์ ทั้งณภพ และอัชวดี
พันทิวาทิ้งภาระการต้อนน้องปีหนึ่งให้กับคนอื่นๆ เพราะอยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับมิตรภาพนี้ให้ยาวนานอีกหน่อย
อย่าทำกิจกรรมมากนะ เดี๋ยวจะรีไทร์อย่างพี่
พี่เจษฐ์เตือนตามระเบียบ เรื่องนี้ได้ยินมารอบข้างจนเบื่อ แต่ตั้งใจไว้เหมือนกัน จะไม่ยอมพลาดแน่ เพราะพ่อยื่นคำขาด จะเอ็นไทร์หรือโปร์ไทร์ เอ็งต้องจบที่นี่เท่านั้น!
ซ...ว...ยน่ะสิ! กลับไปต้องไปเป็นเด็กฟันให้ได้ (เด็กฟันในที่นี้เป็นสำนวนหมายถึงเด็กเรียนเก่ง ได้ A ตลอดเลยเรียกว่าเด็กฟัน A ถ้าได้ B ตลอดก็เรียกเด็กฟัน B)
ทุกคนก็เหมือนกัน อย่าลืมไปเยี่ยมกันที่ใต้บ้างนะ จดหมายไปบ้าง แต่ไม่ต้องบ่อย ปีละครั้งก็พอ
คนไม่ชอบเขียนจดหมายนี่
เพื่อนพวกนี้ผ่านการรายงานตัวและรับน้องเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนบัณฑิตย์อยู่ระหว่างการเตรียมวีซ่าและหาที่เรียนต่อ ทั้งหมดถึงคราวต้องจากกันด้วยความอาวรณ์
ขยันเข้านะภพ อ้อย นี่ภพ พี่หวังว่าเธอจะเป็นหมอที่มีคุณภาพ ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ไม่ใช่จบแล้วเอาหาแต่เงินอย่างเดียวนะ หันมามองคนจนบ้าง ณภพยิ้มรับ
เดี่ยว... ฝากพี่เจษฐ์ด้วยนะ
อธิรับคำ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ห่วงตัวเองเถอะ... เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน ชะไอ้หมอนี่...ดูถูกกกกก!
แล้วผมล่ะพี่ บัณฑิตย์รีบชี้ที่ตัวเอง เรียกร้องความสนใจ
เธอก็เหมือนกัน ขอให้มีอนาคตที่ดี ประสบความสำเร็จ
สาธุ...
เด็กหนุ่มยกมือจรดศีรษะ ทำเอาบรรยากาศหายเศร้าไปเยอะ เมื่อขาของใครบางคนไปสะกิดที่ก้นของเขาด้วยความหมั่นไส้
ไว้ปิดเทอมพวกเราจะรวมตัวกันไปเที่ยวหาพี่นะ
อธิบอก หลังจากที่พูดคุยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่ก็ใจอ่อน เด็กหนุ่มเลยมีเวลามาคอยไปไหนมาไหนด้วย พันทิวาไม่อยากคิดมาก สรุปเอาแต่เพียงว่าเขาคงนับถือเลื่อมใสหล่อนเป็นพิเศษเท่านั้น
ปกติพี่กลับบ้านปีละครั้งอยู่แล้ว ปิดเทอมใหญ่เราค่อยมาเจอกันนะ
ทุกคนเห็นด้วยถือว่าเป็นสัญญา จากนั้นถึงทราบว่าแท้จริงแล้วเป็นความตั้งใจที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้ และสัญญานั้นก็จะลางเลือนไปตามกาลเวลา โลกของแต่ละคนพุ่งตรงไปข้างหน้าช้าเร็วต่างกัน ทุกอย่างไม่จีรัง
โทรโข่งบอกว่ารถไฟจะออกจากสถานีหัวลำโพงแล้ว ไปนะ...
พันทิวากล้ำกลืนอาการใจหายรีบคว้าเป้ สุเจษฐ์ถือโอกาสตบบ่าหล่อนแล้วบีบแรงๆ แบบแมนๆ
ไอ้พัน... พี่ขอบใจมากนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าวันข้างหน้าเป็นอย่างไร เอ็งจะอยู่ในความทรงจำของพี่เสมอ เอ็งคงรู้นะ...ว่าพี่หมายถึงอะไร
พันทิวาพยักหน้าหงึกๆ ถึงตอนนั้นจะไม่เข้าใจนักmujเขาพูดล่ำลาเหมือนกับว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พี่สุเจษฐ์คือคนที่เห็นความจริงก่อนใคร
พี่พัน อย่าลืมโทรหาอ้อยนะ
เด็กสาวพยักหน้ารับ แต่ไอ้โทรศัพท์ทางไกลนาทีละ 18 บาทนี่ทำให้คิดหนักเหมือนกันแฮะ
พี่พัน ...อย่าลืมจดหมาย ใครต่อใครสำทับตามมา
เออ... คนรับปาก พูดไปอย่างนั้น แล้วแอบเกาศีรษะ
ใครจะเขียนวะ? ขนาดส่งข่าวถึงที่บ้านยังโทรเลขแค่สามคำ... เงิน...หมด...แล้ว
ไอ้เงินบาทสุดท้ายก็จ่ายค่าโทรเลขนี่แหละ!
เออ...โชคดีนะ ทุกคน
เด็กสาวตัดใจกระโดดขึ้นบันได โบกมือให้กันหยอยๆ แล้วตัดใจหันหลัง พยายามไม่นึกภาพหนังญี่ปุ่นที่มีฉากล่ำลา คนมาส่งวิ่งตามรถไฟโบกมือลาน้ำมูกน้ำตาไหลย้อยนองหน้า หกล้ม หกลุกคลุกคลานเป็นแผลถลอกปอกเปิกจนสุดสายตา ...อย่างนั้น...มันอนาถไปหน่อย
สุดท้ายเสียงหวูดรถไฟดังพร้อมกับโบกี้เริ่มเคลื่อน จุดหมายปลายทางคือชุมทางหาดใหญ่
เฮ้ย! ไอ้พัน...
ประธานรุ่นเดินมาหาพร้อมกับเอามือสะกิด ยังดี...ไม่เรียก ไอ้...พัน...ทาง เหมือนตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ
คนไหนแฟนวะ คำถามทะเล้นอีกล่ะ ลากเสียงยาวไปถึงหางขบวนรถไฟเชียว
ไม่มี๊! โว้ย!
ก็มันจริงนี่...แต่ออกหน้าร้อนนิดหน่อย แสดงว่าพวกเพื่อนฝูงมันคอยจ้องอยู่เป็นแน่แท้ เรื่องสอดรู้สอดเห็นชาวบ้านนี่ชอบนัก
อะไร เห็นอาลัยอาวรณ์ลิ้นละห้อยอยู่ตั้งนาน
คำถามแรกๆ ทำให้สงสัย คน...หรือหมา?
อยู่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยติดต่อเพื่อนฝูง ...หลงเด็กนี่หว่า
สะกิดสะเกากันไปตามระเบียบ แล้วมาถึงบทปลอบใจตามประสาหัวหน้าที่ดี
ไม่เป็นไรน่า เอ็นฯ รอบนี้ไม่ได้ ก็รอปีหน้ามาเอ็นฯ ใหม่
โอกาสมีมาให้กับคนที่ไขว่คว้าเสมอ
ม่ายแล้วล่ะ พันทิวาตัดสินใจแล้ว ตอนนี้...เรารู้แล้วว่าที่ไหนเหมาะกับเราที่สุด
เสียงเพลงมหาวิทยาลัย เขตรั้วสีบลูดังขึ้นอีกครั้ง จากโบกี้น้องใหม่ของคณะไหนไม่ทราบ
...เราขอ..ปฏิญาณ ตั้งปณิธานและสาบานมั่นไว้
เราจะพลีทั้งกายใจไว้ศักดิ์ศรี
จะจงรักภักดีมั่น จะร่วมสร้างสรรค์ไว้สิ่งดี
จะอุทิศชีวิตพลีเพื่อชาติไทย
ให้สมนามา ว่าลูกสงขลานครินทร์ยิ่งใหญ่
พระราชบิดรที่เกรียงไกรเหนือดวงใจแห่งเรา...
เฮ้อ!...ชักคิดถึงต้นศรีตรัง และดอกสีม่วงร่วงพรูบนทางเดินราวกับพรมดอกไม้
อารมณ์ติสต์ เริ่มบรรเจิด
เออดี...คิดอย่างนั้นได้ก็ดี คะแนนเอ็ง..น่าจะพอกัดฟัน ขยันหน่อยก็น่าจะจบ 5 ปี พร้อมน้องๆ พวกนี้ มาเหอะเริ่มงานได้แล้วโว้ย! กำลังต้องการอาสาสมัครเล่น ป็อปอายไต่ราวไปหานางสาวโอลีฟ พอดี ... น้องๆ ปีหนึ่งต้องไม่เหงา ปีนี้ข้าจะทุบสถิติลดจำนวนน้องๆ ที่รีไทร์และหนีไปเอ็นใหม่ลงสัก 50%
เจ้าตัวชูกำปั้นเหมือนพี่หนุ่ยไมโคร วงดังประจำยุค
พันทิวาเบ้หน้าไม่เชื่อถือ เท่าที่รู้จำนวนตอนนี้ จากเพื่อนๆ ปีหนึ่งคณะเดียวกันสองร้อยคน คิดว่าทั้งรีไทร์และออกไปเรียนมหาวิทยาลัยใหม่คงร่วมร้อย ที่เหลือไม่ถึงร้อยคนอีกสามสี่ปีข้างหน้ายังไม่รู้ว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป หนึ่งในนั้นที่ต้องไปอาจเป็นหล่อนก็ได้ เด็กสาวเดินตามเพื่อนเข้าหากลุ่ม ใช่...คงต้องเดินหน้าคว้าฝันของตัวเองบ้าง
พันทิวาเคยผ่านมิตรภาพที่น่าประทับใจมาแล้วหลายรูปแบบ จนรู้ว่าจากนี้อีกไกล... เพื่อนที่ทิ้งไว้ข้างหลังกลุ่มนั้นรวมทั้งหล่อนเองต้องเจอประสบการณ์และผู้คนที่ประทับใจเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
สำหรับคนบางคนช่วงเวลานี้อาจลืมเลือนหมดสิ้น ราวกับแผ่นกระดาษชิ้นแรกเก่าๆ ที่ถูกกระดาษชิ้นใหม่วางทับถมวันแล้ววันเล่า แต่เด็กสาวก็ยังดีใจที่ช่วงเวลาไม่ได้ผ่านไปอย่างไร้ค่า
รถไฟสายใต้ได้เคลื่อนออกจากกรุงเทพฯ สถานีหัวลำโพงไปแล้ว ...พร้อมกับลากเอาสายใยแห่งความผูกพันให้แยกห่างไปเป็นระยะทางนับพันกิโลเมตร และทำให้กลายเป็นสายใยที่บางเบา
กาลเวลาเท่านั้น...ที่จะพิสูจน์ว่ามันจะยังคงอยู่หรือขาดหายไป ไม่มีใครบอกได้จนกว่าจะถึงวันเวลาที่มีโอกาสได้มองย้อนกลับมาเท่านั้น ซึ่งนั่น...ก็คงอีกนาน
*************
ขอบคุณคุณ GTW ค่ะที่สะท้อนว่าเรื่องนี้ยังไม่ล้าสมัย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน