เพลงดวงดาว Sci-Fi ตอนที่ 6
|
 |
คีย์ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เขาควรจะกลับไปช่วยหล่ง หรือรีบหนีตามที่เพื่อนบอกจะดีกว่า เพราะฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นถึงเจ้าหน้าที่พิเศษ เขาเพียงคนเดียวจะไปทำอะไรเธอได้ และเป้าหมายที่แท้จริงของเธอก็ไม่ใช่เพื่อนของเขา บางทีเธออาจจะไม่ทำอะไรรุนแรงนัก 'แต่มันก็ไม่แน่ ถ้าเธอต้องการทำลายหลักฐานทั้งหมด' ความคิดนี้ทำเอาเขาตัวเย็นเฉียบ เขารู้สึกเหมือนกับแสงสว่างของทางเดินสั่นไหวไปวูบหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นใบหน้าของเพื่อนที่ได้พบเจอกันเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนที่โรงเรียนแห่งนี้ ก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา เขาต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ อีกจำนวนมากมาย ที่พ่อ หรือแม่ ได้นำมาฝากไว้ให้อยู่ภายใต้การดูแลของ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่ทางสภานวโลกาได้จัดตั้งขึ้น เพื่อให้เด็กทุกคนได้อยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ดีที่สุด รวมทั้งมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา เขาไม่รู้ว่าเด็กคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกอยู่เสมอว่าในท่ามกลางความสุข และเสียงหัวเราะนั้น มีอะไรบางอย่างขาดหายไป อะไรบางอย่างที่สถานที่แห่งนั้นไม่อาจเติมเต็ม โดยผ่านทางกิจกรรม เกม หรือรอยยิ้มของเหล่าผู้ดูแล เขามักรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากกลุ่มอยู่เสมอ ความรู้สึกแบบนั้นยังคงติดตัวเขาอยู่จนกระทั่งถึงวันที่ได้ก้าวเข้าสู่โรงเรียนอพอลโลแห่งนี้ สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายกว่าที่เขาเคยพบเจอมา หลังจากได้ผ่านขั้นตอนการแนะนำตัว และเริ่มต้นชีวิตนักเรียนอย่างเป็นทางการ เขาก็ค้นพบว่าจำนวนที่มากกว่านั้นไม่ใช่คำตอบ เพราะเขายังคงโดดเดี่ยวอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง หล่งก็เดินเข้ามาทักทาย คำพูดแรกของเขาคือ 'นายเหมือนกับฉัน' 'นายเป็นใครกัน' 'ฉันเรียกว่า หล่ง ตั้งแต่ได้เห็นหน้านายครั้งแรก ฉันก็บอกได้เลยว่าเราเหมือนกัน' '...เรียกฉันว่า คีย์ ก็ได้ แต่หน้าเราไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด' เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาทั้งคู่ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้วหายไปจากใบหน้า 'ฉันรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นอยู่เสมอ นายก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม' เขายื่นมือขวาออกมาข้างหน้า และทั้งสองก็มองสบตากัน '...ใช่ จะพูดอย่างนั้นก็ได้' ทั้งคู่จับมือกัน และมันก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ความรู้สึกแปลกแยกนั้นจะยังคงอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว คีย์ตัดสินใจ และเริ่มออกวิ่งไปทันที
##### ทริกพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังเดือดของตน 'เจ้าเด็กบ้า เจ้าพวกเด็กบ้า' ไม่นึกเลยว่าเจ้าหน้าที่พิเศษที่มีประวัติโดดเด่นเช่นเธอ กลับต้องมาเสียที โดนเด็กสองคนหลอกเอาแบบนี้ได้ หลังจากออกแรงวิ่งไล่ตามไอพีที่คิดว่าเป็นคีย์ไปได้พักหนึ่ง เธอก็รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก เพราะต่อให้มีคนคอยบอกทาง ก็ไม่มีใครที่จะสามารถวิ่งหนีอย่างสลับซับซ้อนแบบนี้ได้ พอคิดได้ดังนั้นเธอก็มีคำตอบขึ้นมาในทันที ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะต้องเป็นฝีมือของหล่งอย่างไม่ต้องสงสัย 'เขาคงแอบใส่โปรแกรมบางอย่างเข้ามาในตอนที่ขอคุยกับฉัน' หากไม่ได้มีแผนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ก็แสดงว่าเขาร้ายกาจมากกว่าที่หลายคนในสำนักงานเคยประเมินเอาไว้ 'ต่อไปคงไม่อาจปล่อยเขาไว้แบบนี้ได้อีกแล้ว' แต่สิ่งที่เธอยังคิดไม่ออกก็คือ ทำไมทั้งสองคนจะต้องหนีแบบนี้ด้วย 'เป็นไปได้ว่าเขาอาจคาดเดาเป้าหมายที่แท้จริงของฉันออก และไม่ต้องการถูกแย่งเพชรเม็ดนั้นไป' หรือบางทีอาจมีเหตุผลที่เลวร้ายกว่านั้น นั่นคือยังมีบุคคล หรือองค์กรอื่นซ่อนอยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการขัดขวางงานของสำนักวิทยาศาสตร์ ภารกิจในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะทรีดตอกย้ำอย่างหนักแน่นว่า 'ต้องไม่มีคำว่าผิดพลาด เพชรเม็ดนั้นจะต้องมาถึงมือของท่านไอรอนโดยเร็วที่สุด' และยังให้ลงมือได้โดยไม่จำกัดวิธีอีกด้วย ดังนั้นมันจะต้องมีความสำคัญที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้เธอยังไม่อาจรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของคีย์ เพื่อนของเขาคงมีวิธีการบางอย่างในการซ่อนมัน แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าห้องของเจ้าเด็กอ้วนตัวแสบคนนั้นอยู่ที่ไหน และจากข้อมูลที่มีอยู่ ก็ดูจะมีความเป็นไปได้สูง ที่เขาจะยังคงอยู่ภายในห้องของตัวเอง และกำลังเฝ้าดูไอพีหลอกๆ ของเธอที่กำลังวิ่งไล่ตามไอพีหลอกๆ ของเขาอยู่ 'หัวเราะไปก่อนเถอะ แล้วฉันจะคอยดู ว่าตอนที่เราได้พบกันอีกครั้ง เธอจะยังหัวเราะออกหรือไม่' เธอคงต้องคอยเตือนตัวเองให้เบามือลงหน่อย ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็อาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมในอนาคตก็เป็นได้ เธอวิ่งลดเลี้ยวไปมาจนถึงห้องที่เป็นเป้าหมาย ความจริงเธอควรจะเฝ้าดูอยู่เงียบๆ อีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะลงมือจู่โจม เพราะคีย์เอง อาจจะกำลังเดินทางมายังห้องนี้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงว่า คนที่อยู่ภายในห้องนี้อาจจะกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ ความอดทนของเธอก็หมดลงอย่างรวดเร็ว เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องเป้าหมาย พร้อมกับขยับนิ้วไปมาบนหน้าจอที่แขน ห้องทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนี้ก็ถูกปิดตายลงชั่วคราว ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่เธอวิ่งวนไปมาจะไม่ได้พบเจอกับใครเลย เพราะตามปกติในช่วงเวลานี้ของวัน ทุกคนต่างกำลังวุ่นวายอยู่กับไอพีประจำห้องซึ่งมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า ในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพูดคุยกับเพื่อน หาอะไรดู หาอะไรเล่น หรือไม่ก็แค่ฆ่าเวลาให้หมดไปวันๆ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้มีใคร เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างไม่จำเป็น เธอยืนยิ้มพร้อมกับคิดหาคำทักทายที่เหมาะสมให้กับเจ้าของห้อง เธอแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นใบหน้าที่เคยยิ้มให้กับเธอนั้น แสดงอาการหวาดกลัว หรือกรีดร้องออกมา 'แต่ฉันก็ขอยอมรับในเรื่องหนึ่ง เธอกล้ามากที่ทำแบบนี้กับเจ้าหน้าที่พิเศษ' เธอฉีกยิ้มกว้าง 'หรือไม่ก็โง่สุดๆ ไปเลย' ซึ่งเธอชอบความคิดแบบหลังนี้มากกว่า เธอเลื่อนนิ้วไปมาบนหน้าจออีกครั้ง และทันใดนั้น 'ไม่มีอะไรเกิดขึ้น' ประตูห้องยังคงปิดสนิทแน่น ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย 'เป็นไปไม่ได้' เธอลองใหม่ คราวนี้อย่างช้าๆ และตั้งใจ แต่มันยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอหันไปทางห้องที่อยู่ติดกัน และลองใหม่อีกครั้ง คราวนี้มันเลื่อนเปิดออกอย่างรวดเร็ว เจ้าของห้องที่กำลังนั่งอยู่หน้าไอพีหันกลับมาดู และได้เห็นประตูห้องของตัวเองเลื่อนปิดตัวลงอีกครั้ง เขามองมันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หันกลับไปสนใจไอพีของตนเหมือนเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 'เป็นไปได้อย่างไร' ระดับคำสั่งของสำนักวิทยาศาสตร์นั้นอยู่ลึกที่สุดในระบบ จึงสามารถลบล้างคำสั่งอื่นๆ ทั้งหมดได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีใครสามารถทำแบบนี้ได้ 'เจ้าเด็กบ้านี่ แอบทำอะไรกับระบบของโรงเรียนกันแน่นะ' ภาพใบหน้าอ้วนๆ และรอยยิ้มตาหยีของเขา ลอยไปมาอยู่ในความคิดของเธอ และมันผลักดันให้ระดับอารมณ์ของเธอเดือดพล่านจนถึงขีดสุด 'จะเอาอย่างนี้ก็ได้ เธอเรียกร้องเองนะ' เธอยกมือขึ้นแล้วทุบไปที่ประตู เกิดเป็นเสียงทึบๆ ดังขึ้นไปทั่วทางเดิน หากเป็นมือของคนทั่วไป แรงกระแทกคงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นกับมือข้างนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คือประตูภายนอกที่เป็นโลหะ ถึงกับยุบลงไปตามมือของเธอ 'ฉันเคาะประตูแล้ว อย่าหาว่าไม่มีมารยาทอีกล่ะ' เธอไล่นิ้วซึ่งอยู่ภายใต้ถุงมือสีดำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องแบบ ไปตามรอยต่อของบานประตู ก่อนค่อยๆ ออกแรงเลื่อนมันออกจากกันโดยใช้เพียงมือเปล่า มันส่งเสียงต่อต้านอย่างโอดครวญ ก่อนยอมพ่ายแพ้ให้กับพละกำลังที่มากมายอย่างไม่น่าเชื่อของเธอ มีเสียงจากภายในห้องดังแว่วออกมาให้ได้ยิน ...รีบหนีไป เธออยู่ที่นี่ เสียงลากเสียดแก้วหูของบานประตู ทำให้หล่งต้องหันกลับไปมอง เขาได้เห็นเงาร่างอ้อนแอ้นที่อาจทำให้จินตนาการของเด็กหนุ่มทั้งหลายเตลิดเปิดเปิงไปไกล แต่ในแวบนั้นมันกลับทำให้เขารู้สึกสยดสยองขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ แล้วเพียงชั่วพริบตา เงานั้นก็หายวับไปจากช่องประตู รหัส หก หก หก... เสียงของเขาขาดหายไปเมื่อมีมือที่แข็งแกร่งข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอ มือข้างเดียวกับเมื่อครู่นี้ที่พึ่งทุบประตูห้องของเขาจนบุบ เขาคิดว่าคอของตนจะถูกบีบแหลกเละ ส่วนศีรษะของเขาก็จะขาดร่วงตกลงสู่พื้น แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มือข้างนั้นเพียงแค่ปิดกั้นเขาจากอากาศที่ทุกคนไม่เคยคิดถึงความสำคัญของมัน จนกว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจหายใจได้ ความอึดอัดลุกลามไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ปอดของเขารู้สึกร้อนราวกับถูกไฟเผา จิตใต้สำนึกพยายามสั่งให้หายใจอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่อาจทำได้ ยอมให้พี่สาวคนสวยลงโทษแต่โดยดี แล้ววันหน้าวันหลังอย่าทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีก เธอมองดูใบหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวเขียวคล้ำของเขาอย่างพอใจ 'นี่คงจะสอนเธอให้เข้าใจถึงโลกของผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง มันไม่ใช่เรื่องเด็กเล่นเหมือนกับที่เธอเคยเจอมา' จอภาพต่างๆ ในศูนย์บัญชาการของเขาค่อยดับลงทีละหน้าจอ แสงจากดวงไฟต่างๆ ที่เป็นเหมือนกับลมหายใจของพวกมันค่อยๆ ดับไปเรื่อยๆ เหมือนจะเชื่อมต่อกับลมหายใจของผู้เป็นเจ้าของ เธอจ้องมองดูอาการของพวกมันอย่างคาดไม่ถึง 'รหัสทำลายตัวเอง เจ้านี่ใจเด็ดกว่าที่คิด' เธออาจใช้พวกมันในการติดตามหาร่องรอยของคีย์ และล้วงความลับของเขาได้ แต่พวกมันคือผลงานที่เขาต้องใช้เวลาค่อยสร้างค่อยทำมาอย่างยาวนาน ไม่น่าเชื่อว่าเขากลับไม่ลังเลที่จะปลิดชีวิตพวกมันลงแบบนี้ แต่การตัดสินใจของเขากลับยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น มือข้างที่ว่างอยู่ของเธออัดเข้าไปที่ท้องของเขา ก่อนโยนร่างนั้นเข้าใส่กำแพงราวกับว่าร่างอวบอ้วนของเขาไม่มีน้ำหนักแม้แต่น้อย แม้จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย แต่เมื่อร่างของเขาหล่นลงมากองอยู่บนพื้น สิ่งแรกที่เขาทำคือพยายามหายใจอย่างเต็มที่ หมัดที่อัดเข้าที่ท้องนั้นทำให้การหายใจง่ายๆ กลายเป็นเรื่องอันแสนเจ็บปวด แค่หายใจก็ปวด แต่ถ้าไม่หายใจก็ตาย เขาพึ่งเข้าใจว่าความคิดก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับสำนักวิทยาศาสตร์ เป็นเพียงความคิดของเด็กๆ เท่านั้น โลกแห่งความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย และความตายแสนสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตัวสั่น และฉี่ราดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่ชุดซึ่งสวมใส่อยู่นี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกช่วงวัย ของเหลวอันไม่พึงประสงค์จึงถูกดูดซับกักเก็บเอาไว้ภายในชุด ไม่ไหลเปรอะเปื้อนออกมาภายนอก เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา พร้อมกับถามคำถาม เธอย้อนกระบวนการทำลายตัวเองนี้ได้หรือไม่ หน้าจอ และดวงไฟต่างๆ ยังคงทยอยดับไปเรื่อยๆ เขาได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมหยุด และเธอเชื่อมั่นว่านั่นเป็นความจริง แสงไฟดวงสุดท้ายของพวกมันดับลง และศูนย์บัญชาการก็นอนแน่นิ่งอยู่ในความมืดมิด เธอยกไอพีของตัวเองขึ้นดู ตำแหน่งของคีย์ยังคงไม่ปรากฏออกมา 'แสดงว่าการซ่อนไอพีของเขาไม่ขึ้นกับเจ้าเครื่องพวกนี้ จะฉลาดกันเกินไปหน่อยแล้ว' คำถามจบไปข้อหนึ่ง ตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับข้อต่อไป ...เพื่อนของเธอหายไปไหน เสียงเย็นเยียบของเธอคล้ายมีดปักเข้าไปในหัวใจของเขา หากเขาตอบคำถามนี้ ก็เท่ากับเป็นการทรยศต่อเพื่อน แต่หากไม่ตอบ หรือหลอกเธอ เขามั่นใจว่าตัวเองคงต้องจบชีวิตลงแต่เพียงเท่านี้ เขารู้สึกเหมือนกับแสงสว่างภายในห้อง และทางเดินข้างนอกสั่นไหวไปวูบหนึ่ง คำพูดเดิมดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขา 'เพื่อน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ' ปากของเขาค่อยๆ ขยับอย่างยากลำบาก ...ที่...จอด...รถ...เขาไปที่...ที่จอดรถเก่า คำตอบนั้นหลุดออกมาจากปากพร้อมกับน้ำตา และความภาคภูมิใจที่เขาเคยมี 'ฉันขายเพื่อน ฉันหักหลังเขา ฉันมันคนไม่ได้เรื่อง' ดูเหมือนว่าความตายจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้มากมายนัก เธอเชื่อคำตอบของเขา และสิ่งแรกที่ทำคือยกเลิกการจองใช้รถทั้งหมดของโรงเรียน จะไม่มีใครออกไปไหน จนกว่าเธอจะได้ตัวคีย์เสียก่อน เมื่อครู่นี้เธอเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแสงสว่างนั้นเช่นกัน และเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ อย่างที่หลายคนคิด 'บางทีมันอาจเกี่ยวโยงกับภารกิจในครั้งนี้ก็เป็นได้' เอาล่ะ เราออกไปเดินเล่นกันหน่อยดีกว่า เธอจับแขน และฉุดร่างของเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย ฉันได้ยินที่เธอพูดกับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว... เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ...มาดูกันดีกว่า ว่าเขาจะหนีไปคนเดียว อย่างที่เธอหักหลังเขาแบบนี้หรือเปล่า คำพูดของเธอยิ่งกรีดย้ำรอยแผลของเขาให้ลึกลงไป ทั้งสองควงแขนกันเดินออกมาจากห้องราวกับเป็นคนรัก ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้ม ในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และน้ำตา แต่ละก้าวนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก จนแทบจะบอกได้ว่ากำลังถูกเธอลากไปด้วยกันมากกว่า ทั้งสองจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงบานประตูที่เสียหายยับเยิน ศูนย์บัญชาการที่ตอนนี้กลายเป็นเพียงเศษขยะไร้ค่า และผู้คนจำนวนมากมายที่ติดอยู่ภายในห้องอย่างไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่สนใจอยู่กับไอพีของตนเท่านั้น
##### สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไอรอนถามเสียงเรียบ แต่มือของเธอยังคงเคลื่อนไหวต่อไปไม่ยอมหยุด ถึงแม้จะมีแผนรองรับอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ก็มักจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างไปจากที่คาดเอาไว้อยู่เสมอ และตอนนี้เธอกำลังพยายามจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถ เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว มันไม่ใช่เรื่องสนุก แต่มันก็ทำให้เธอมีชีวิตชีวา และรู้สึกดีอย่างช่วยไม่ได้ 'ผ่านเรื่องนี้ไปได้ ก็ยังต้องผจญกับคำถามที่จะตามมาอีก' ...ทุกส่วนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลแล้วค่ะ เป็นคำตอบที่ทำให้เธอถอนใจอย่างโล่งอก 'แต่จะอีกนานแค่ไหนกัน' เธอรู้ดีว่าสภาวะสมดุลนี้ไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดกาล เธออยากให้ถึงวันพรุ่งนี้โดยเร็ว เพื่อจะได้เพชรเม็ดนั้นมา และหวังว่ามันจะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่กำลังเผชิญอยู่นี้ได้อย่างที่คาดเอาไว้ 'จันทร์ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย คุณมีเหตุผลอะไรกันแน่' หลังจากเรื่องคับขันในครั้งนี้จบสิ้นลง เธอคงต้องเร่งค้นหาคำตอบของคำถามนี้โดยด่วน ...ท่านคะ ทางสภาติดต่อเข้ามาค่ะ เธอถอนหายใจ 'ให้ฉันทายผิดบ้างจะได้ไหม' ตอบปฏิเสธไป เธอออกคำสั่งอย่างมีความหวัง จากท่านประธานสภาค่ะ นั่นแปลความหมายง่ายๆ ได้ว่า เธอไม่อาจปฏิเสธ เธอจึงรีบขยับเปลี่ยนท่านั่ง พร้อมกับปั้นสีหน้ามั่นใจอย่างที่ทุกคนเคยเห็นจนชินตา ใบหน้าคมเข้มของชายที่มีผมสีทองตัดสั้นปรากฏขึ้นบนจอ มันดูอ่อนวัยกว่าอายุที่แท้จริง และดูดีกว่าของจริงมาก เพราะมันเป็นใบหน้าที่ถูกตกแต่งให้ดูงดงามขึ้นตามกฏหมาย และเธอเกลียดคนที่ชอบใช้ของแบบนี้เหลือเกิน เธอรู้ว่าจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนผมดำ จมูกของเขาก็โต และงองุ้มกว่าใบหน้าที่เห็นอยู่ในตอนนี้มาก ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาจึงไม่ยอมทำศัลยกรรมตกแต่ง ให้ใบหน้าเหมือนกับหน้าจำลองที่เขาชอบใช้ไปเสียเลย เธอฝืนยิ้มให้กับใบหน้าปลอมๆ นั้น สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันได้จัดเตรียมรายงานขั้นต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดคงต้องขอเวลารวบรวมก่อนค่ะ ใบหน้านั้นเรียบเฉย แต่เธอคิดว่าตัวจริงของเขาคงไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณมีอะไรอยากบอกกับผมไหม...ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน ผมอาจจะพอช่วยอะไรคุณได้บ้าง น้ำเสียงที่ฟังดูห่วงใยดังมาจากฝ่ายตรงข้าม น่าเสียดายที่เธอรู้จักเขาดี ดีพอที่จะรู้ว่าภายใต้คำหวานเหล่านั้น ซ่อนเอาไว้ด้วยยาพิษที่พร้อมจะจัดการทุกคนที่มาขวางทางเขา และตัวเธอเองก็เป็นเป้าหมายหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดเสียด้วย ขอบคุณมากค่ะท่าน แล้วดิฉันจะส่งรายงานโดยละเอียดไปให้ในภายหลัง ตอนนี้ผมจะยังไม่ถามอะไร แต่หวังว่าผมจะได้รับคำอธิบายอย่างเหมาะสม... เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ...ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรกันแน่ แต่ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เข้าใจใช่ไหม คุณ รอนโนวิช เขาจงใจเน้นคำว่า 'รอนโนวิช' เป็นพิเศษ ดูเหมือนเขาคงจะรู้ว่าเธอไม่ชอบให้ใครเรียกหาด้วยชื่อนี้ สวัสดีค่ะท่าน พอใบหน้าของเขาหายไป รอยยิ้ม และความมั่นใจของเธอเมื่อครู่ก็หายไปด้วยเช่นกัน
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 54 18:45:11
จากคุณ |
:
zoi
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 54 13:08:39
|
|
|
|