Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ้านอุ่น...ล้อมรั้วรัก บทนำ และ บทที่ ๑ วันครอบครัว ติดต่อทีมงาน

บทนำ

ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน ลำแสงจากโคมไฟสาดส่องลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่มสะท้อนแสงระยิบบนหยดน้ำค้างปลายยอดหญ้า เมื่อมองไปเห็นใครคนหนึ่งนอนแผ่ราบอยู่บนพื้นหญ้าเรียบ แขนซ้ายของเขารองไว้ใต้ศีรษะ แขนขวายกขึ้นก่ายหน้าผาก ส่งสายตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน แสงกระพริบบนฟ้าไกลมีไม่มากนัก แม้ดวงดาวเหล่านั้นอยากจะส่องแสงเจิดจ้าสักเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่ามีเพียงดาวไม่กี่ดวงเท่านั้นที่สามารถปรากฏสู้แสงไฟของเมืองหลวงได้

“ไม่ไปเก็บกระเป๋าเหรอครับคุณชาย ไปสามปีนะไม่ใช่สามวัน” หลังจากได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าบ้าน เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งก็แว่วดังมาทันที

คนที่นอนอยู่บนสนามหญ้าเอียงคอไปหาต้นเสียง ส่งสายตาผ่านชุดเก้าอี้สีขาวซึ่งมีใครอีกคนนั่งถักโครเชต์อยู่อย่างไม่วางมือ อันที่จริงน่าจะเป็นการเก็บรายละเอียดขั้นตอนสุดท้ายมากกว่า เพราะเสื้อถักโครเชต์ตัวนั้นดูน่าจะพร้อมใช้ได้แล้ว

“จะไปสามปีหรือสามวัน มันก็จัดแค่กระเป๋าเดียวล่ะว้า แกจะเอาอะไรนักหนา” คนที่นอนอยู่ใช้ศอกยันตัวขึ้นมาตอบคำถาม แต่ต้องสะดุดตากับภาพวาดในมือของคนที่เพิ่งเดินมา ชายหนุ่มเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งกอดเข่าแล้วปั้นคิ้วขมวด “ปายแกตีลังกาวาดรูปนี้หรือไง บ้านที่ไหนล้มลงมาเอาหลังคาจุ่มน้ำแบบนั้น”

คนที่เพิ่งเดินเข้ามามองภาพวาดที่อยู่ในมือ ก่อนจะหันไปส่ายหัวให้คนถามเบาๆ พี่ชายของเขาช่างเป็นคนไม่มีจินตนาการเอาเสียเลย ไม่สิหาศิลปะในหัวใจยากเย็นต่างหาก

“ปายไม่ได้เป็นคนวาดหรอก แต่ความจริงคนวาดเค้าก็ตั้งใจวาดให้มันกลับหัวอยู่แล้ว ใครจะบ้าตีลังกาวาดรูป พี่ลองดูภาพนี้ดีๆ สิ มันดูได้สองมุมนะ ถ้าพี่กลับภาพ ก็จะเห็นเป็นบ้านอยู่บนเนิน ท่ามกลางขุนเขาลำเนาไพร” เมื่อกลับภาพให้พี่ชายดู คนเป็นน้องก็เริ่มจินตนาการตามอารมณ์ “สวยใช่ไหมล่ะ เหมือนเวลาเจอเรื่องราวร้ายๆ ตรงหน้า เราก็แค่เปลี่ยนมุมมองซะใหม่ อาจจะมีสิ่งดีๆ รออยู่ก็ได้”

“อืม ล้ำลึก” พีรภาสพยักหน้า แต่เจ้าตัวก็คงรู้ดีว่า เขาไม่ได้เข้าใจภาพนี้มากไปกว่าบ้านกลับหัวอยู่ดี เพราะในหัวตอนนี้ ดันมีเรื่องอื่นให้คิดอยู่ตลอดเวลา

“ที่เจ้าปายพูดก็ถูกนะปูน ลองเปลี่ยนมุมมองซะใหม่ ปูนอาจจะไม่ต้องเอามือก่ายหน้าผากอยู่แบบนี้ก็ได้” คนที่นั่งบนเก้าอี้วางมือจากเสื้อที่ถัก แล้วหันมาพูดคุยกับลูกชายทั้งสองคน

พีรภาสหรือปูนผู้เป็นพี่ชายกำลังเจอมรสุมความรักเป็นระลอกที่ร้อย ช่างแตกต่างกับอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพราะเจ้าปายหรือพีรศิลป์ไม่เคยปล่อยให้ใครเฉียดเข้าใกล้หัวใจเลยสักครั้ง

“อ้าวพี่ปูน ถึงขั้นเอาขาหน้าก่ายหน้าผากเลยเหรอ ไปโดนใครหักอกมาอีกล่ะสิท่า ไม่เอาน่าพี่ พรุ่งนี้พี่ก็จะไปเยอรมันแล้ว ไม่นานก็ต้องเลิกกันอยู่ดีเชื่อปายสิ” คนเป็นน้องให้คำแนะนำแบบไม่ไยดีนัก ในเมื่อเรื่องที่พี่ชายโดนหักอก ชักจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

“คราวนี้เป็นคนบอกเลิกเอง” พี่ชายตอบมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ความรักของเขามันก็น่าเบื่ออย่างนี้นี่แหละ “ไม่ดูบอลเหรอ วันนี้แดงเดือดนะ เห็นพ่อกับยายป่อยข่มกันตั้งแต่เย็น”

ศึกแดงเดือดทำให้พีรศิลป์หันมายิ้มขอบคุณพี่ชาย วันนี้เขาตั้งใจรีบกลับมาเพื่อดูฟุตบอล แต่เมื่อมาเจอคุณผู้ชมอีกคนนอนซึมอยู่บนสนามหญ้าซึ่งปกคลุมด้วยน้ำค้างเปียกชุ่มเช่นนี้ ทำให้เขาอดหยุดทักไม่ได้

“น่าจะเสมอกันอยู่นะ พ่อกับไอ้ป่อยเงียบซะ” คนเป็นน้องมองเข้าไปในบ้านก่อนหันกลับมาที่พี่ชายแวบหนึ่ง “ไปดูบอลก่อนนะพี่ พ่อจะได้มีพวก แน่ใจนะว่าจะไม่ไปดูด้วยกัน” พีรศิลป์หันมาถามพี่ชายอีกครั้ง แต่ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจแทนคำตอบ

ศึกแดงเดือดทีไรพี่ชายของเขาไม่เคยพลาด ยิ่งได้ดูกันครบสี่คนด้วยแล้ว แม้ว่าทีมที่เชียร์จะแพ้แต่ก็มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำกัน นั่นก็คือได้แกล้งน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างพีรณัฐหรือยายป่อยของพวกเขา ช่วยไม่ได้ที่น้องเล็กจะโดนแกล้งเป็นประจำเพราะคุณเธอดันเชียร์ทีมไม่เหมือนคนอื่นเสียนี่

“เดี๋ยวปาย พี่ขอภาพนั้นได้ไหม” ยังไม่ทันได้ขึ้นบันได พีรศิลป์ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลังเสียก่อน เขามองภาพในมือด้วยความแปลกใจ แล้วหันไปทำคิ้วขมวดใส่พี่ชาย

“พี่จะเอาไปทำอะไร พรุ่งนี้ก็จะไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เหอะน่า ก็จะเอาไปด้วย แต่ไม่ใช่เพราะมุมมองอะไรของแกหรอกนะ เวลาคิดถึงที่นี่จะได้ ‘กลับบ้าน’ ไง” ใครว่าพีรภาสไม่มีจินตนาการ

“กลับบ้าน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภาพนี้ล่ะ อันนี้เพื่อนฝากไว้ไม่ใช่งานของปายหรอก”

“ก็เวลาคิดถึงบ้าน มองภาพนี้แล้วเกิดขัดใจขึ้นมา เดินไปกลับภาพ ก็เท่ากับได้กลับบ้าน” พีรภาสยื่นมือไปขอภาพนั้น เมื่อได้มาก็ก้มลงสำรวจทันที สายตาคู่นั้นสะดุดกับลายเซ็นที่อยู่ขวามือล่างสุด เขาเปล่งเสียงออกมาเบาๆ อย่างอัตโนมัติ “ภาพฝัน”

“ไม่ใช่ชื่อภาพหรอกนะ แต่เป็นชื่อคนวาดต่างหาก” พีรศิลป์มองหน้าพี่ชายอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง “อันที่จริงภาพนี้ไอ้ฝันก็ส่งอาจารย์ไปแล้ว ผมให้พี่ก็แล้วกันนะ มันคงไม่ว่าอะไร”

“อือ ขอบใจ” พีรภาสยิ้มรับด้วยความยินดี เมื่อคนเป็นน้องขึ้นบันไดไปแล้ว เจ้าตัวจึงเดินกลับมายังชุดเก้าอี้สีขาว แม่ของเขากำลังตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อถักเป็นครั้งสุดท้าย

การที่เขาต้องเดินทางไปเรียนต่อในครั้งนี้ ทำให้สมาชิกของบ้านลดลงไปหนึ่งคน ความเงียบเหงาอาจก้าวสู่บ้านหลังนี้ ‘บ้านอินธารักษ์’ แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านในของบ้าน ชายหนุ่มก็คิดขึ้นได้ว่าความรักและรอยยิ้มของคนในบ้านคงกำจัดความเงียบเหงานั้นออกไปได้ไม่ยาก น้องสาวคนเล็กคงกำลังเอาตัวรอดจากการโดนพี่ชายอย่างพีรศิลป์กระเซ้าเล่น หรือไม่ก็มีทีมใดทีมหนึ่งยิงประตูเข้าไปแล้ว

ชายหนุ่มหันมาจ้องมองใบหน้าผู้เป็นแม่ ปกติแล้วคนอย่างคุณนายอรพินแม่ของเขาไม่ค่อยสนใจงานประดิดประดอยแบบนี้สักเท่าไร ดังนั้นเมื่อเห็นเสื้อถักโครเชต์ในมือของแม่แล้ว มันทำให้หัวใจของเขาพองโตอย่างบอกไม่ถูก

“แม่ ปูนรักแม่นะ” ชายหนุ่มส่งเสียงออดอ้อน “เวลาบอกเลิกคนอื่นก็เจ็บเหมือนกันนะแม่ ทำไมล่ะครับเวลาคนเรารักกันแรกๆ ก็รักกันปานจะกลืน แต่พอเวลาผ่านไปรักมันก็น้อยลง ไม่ใช่ว่าปูนไม่รักเค้านะ แต่ปูนรู้สึกว่ารักที่ปูนให้เค้าทำไมมันยิ่งน้อยลงทุกที ปูนไม่อยากให้มันลดลงเหลือศูนย์”

“แล้วความรักที่ให้ผู้หญิงทุกคนในชีวิตของปูนลดลงเหลือศูนย์หรือยังล่ะ” คนเป็นแม่หันมาถามลูกชายที่ทิ้งตัวลงมาซบที่ตัก

“ความรักแบบนั้นเหลือศูนย์แล้วล่ะแม่ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่”

“งั้นปูนก็ลองกลับภาพดูสิ ก่อนหน้านี้ปูนรักใครก็เริ่มจากร้อย แล้วมันลดลงมาเหลือศูนย์ทุกที คราวนี้ลองเริ่มรักใครจากศูนย์ดูสักทีดีไหม สักวันมันอาจจะรักไปถึงร้อยก็ได้” รอยยิ้มของสาวใหญ่ส่งมายังใบหน้าลูกชาย

พีรภาสเงยหน้ามองผู้เป็นแม่แวบหนึ่ง แล้วหันมายิ้มกับภาพที่อยู่ในมือ เจ้าตัวพิจารณาภาพนั้นไม่นาน ก็หันไปส่งยิ้มกว้างให้กับแม่ป่านของเขา ก่อนจะยื่นจมูกไปหอมแก้วฟอดใหญ่ ยิ้มให้อีกครั้งด้วยใบหน้าทะเล้น “ปูนไปดูบอลก่อนนะแม่ ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำนะคร้าบ”

ว่าแล้วลูกชายตัวดีก็วิ่งขึ้นบันไดไป ทิ้งให้ผู้เป็นแม่แอบยิ้มพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย เจ้าตัวกำลังจะจากบ้านไปแล้ว แต่คุณชายของบ้านก็ยังทำตัวเหมือนเดิม อารมณ์เปลี่ยนแปลงไวยิ่งกว่าปรอท คุณนายอรพินคิดพลางลุกเดินตามไปอีกคน ขืนไม่ไป น้องเล็กของบ้าน คงได้หน้าหงิกงอ เพราะโดนพี่ชายทั้งสองคนกลั่นแกล้ง แถมมีพ่อเป็นแนวร่วมอีกคนเป็นแน่

‘รักใครแล้วเริ่มจากร้อย ถ้าเราไม่มั่นคงจริงๆ มันจะค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ ลองค่อยๆ สะสมความรักจากศูนย์ มันจะเพิ่มไปเรื่อยๆ อาจไม่มีวันหยุดเลยก็ได้นะปูน...แม่’ พีรภาสยิ้มให้กับจดหมายใบน้อย ก่อนเปิดแผ่นกั้นกระจก ส่งสายตาไปยังท้องฟ้าสีครามด้านนอก

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ความรัก’ เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

จากคุณ : pormare
เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 17:13:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com