ตอนที่ 3
เป็นไงบ้าง ไปหาคุณย่ามา ได้เรื่องรึเปล่า คุณพิมผกาทักลูกชายขณะเขาเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน
ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงตรงข้ามมารดาก่อนจะตอบ ผมไปทานข้าวครับ ยังไม่ได้คุยเรื่องที่ กับคุณย่าเลย
ตอบมารดาแล้วเขาก็ยกกาแฟขึ้นจิบ โดยไม่สนใจมารดาอีก
อะไร ไปทานข้าวอย่างเดียว แล้วทำไมไม่คุยไปเลยละ แม่รีบนะลูก
คุณแม่ครับใจเย็นก่อนสิครับ อาทิตยะเอ่ยกับมารดาด้วยเสียงอ่อนๆ
จะให้แม่ใจเย็นยังไงละ บอกเพื่อนๆไปหมดแล้วว่าจะสร้าง คุณพิมผกาบ่นใส่ลูกชาย คุณอดิศักดิ์ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะ เขาลดหนังสือพิมพ์ลงมาก่อนจะเอ่ย
อ้าว!! แล้วไปบอกเขาได้ยังไงละ ว่าจะสร้าง ที่ยังไม่ได้เลยคุณนี่นะ พูดจบคุณอดิศักดิ์ก็ส่ายศรีษะช้าๆ
ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคุณแม่คุณจะงกกับลูก คุณพิมผกาพูดจบก็ลุกขึ้นทันทีด้วยความขัดใจ และก่อนที่เธอจะเดินจากไป เธอก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้สองพ่อลูกต้องคิดหนัก สองคนพ่อลูก คิดละกันว่าจะทำยังไง เพราะถ้ายังไม่ได้เรื่องฉันจะจัดการเอง
ความจริงคุณพิมผกาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนักหรอก เพียงแต่เธอเป็นคนที่ชอบเอาชนะ และที่เธออยากจะได้ที่ดินผืนนั้นก็เพราะเธอกลัวว่าคุณหญิงจะโดนลูกบุญธรรมหลอก แล้วลูกชายเธอจะไม่ได้
คุณอดิศักดิ์ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับนิสัยที่เอาแต่ใจของภรรยา ก่อนจะหันมาสบตาลูกชาย ด้วยท่าทางคิดหนักพอกัน
คุณพ่อครับ อาทิตยะเอ่ยเรียกบิดา
ว่าไงลูก
แล้วเราจะทำไงดีครับ
คุณอดิศักดิ์ถอนใจก่อนจะตอบลูกชายเฮ้อออ....เดี๋ยวพ่อไปคุยกับคุณย่าเอง
**#########**
บ้านคุณหญิงวรรณชุลี
แม่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องเป็นที่ผืนนี้ ทั้งๆที่แม่ก็ยกที่ดินให้จนเกือบหมดแล้ว อีกอย่าง......แม่ก็บอกพ่อศักดิ์ไปเลยครั้งแล้วว่า ยังไงซะ....แม่ก็ต้องยกให้ตาอาทิตย์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ แม่ขออยู่ก่อนได้มั้ย คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มีความน้อยใจปนอยู่
โธ่ คุณแม่ครับ ผมก็ไม่ได้จะเอาตรงที่ที่บ้านนิครับ ผมแค่อยากได้ส่วนที่เป็นสวนด้านหลังที่ติดแม่น้ำเท่านั้นเอง คุณแม่ก็ยังอยู่บ้านนี้ได้ หรือคุณแม่อยากจะไปอยู่ที่คอนโดก็ได้ผมจะให้พิมเขาทำให้
คุณหญิงมองหน้าบุตรชายคนเดียวด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะเอ่ย ตาศักดิ์ ตกลงจะไม่ให้แม่ได้มีสวนไว้ปลูกผักปลูกหญ้ากินบ้างเหรอ อีกอย่างถ้าแกจะปลูกตึกแล้วต้นไม้ที่พ่อแกปลูกเอาไว้เยอะแยะแกจะทำยังไง บางต้นอยู่มาก่อนแกเกิดด้วยซ้ำ แล้วแม่ไม่เข้าใจว่า แม่พิมทำไมถึงอยากได้ที่ตรงนี้นัก หรือถ้ายังโกรธเรื่องนั้นอยู่แม่ว่าน่าจะลืมได้แล้วนะ เพราะแม่ทิพย์ก็เสียไปตั้งนานแล้ว
หลังจากฟังมารดาพูดจบ คุณอดิศักดิ์ก็ทำหน้าลำบากใจเมื่อมารดาเอ่ยถึงชื่อทิพย์ และเขาก็สลัดความทรงจำเก่าๆ ทิ้งไปก่อนจะพูด ตกลงทำยังไงคุณแม่ก็จะไม่ยอมใช่ไหมครับ
คุณหญิงนิ่งไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยอะไรออกมา
**############**
ภายในห้องโถงรับแขกใหญ่ใจกลางบ้าน วัฒนะโชค
อะไรนะ!! คุณแม่คุณจะยกที่ให้ คุณพิมผกาอุทานออกมาด้วยความดีใจปนสงสัย หลังจากสามีพูดจบ และถามสามีต่อ ไปคุยยังไง คุณแม่ถึงยอม
คุณอดิศักด์มองหน้าภรรยาก่อนจะตอบ คุณแม่มี ข้อแม้
ข้อแม้อะไรค่ะ คุณพิมผกาถามแทรกขึ้นมาทันที คุณแม่ท่านให้ อาทิตย์ไปอยู่กับท่าน 2 ปี แล้วท่านถึงจะยกให้
อะไรนะ!! จะให้ตาอาทิตย์ไปอยู่ 2 ปี คุณแม่คุณคิดยังไงนะ....แล้วคุณตอบท่านไปว่ายังไง
ยังไม่ได้ตอบ....อันนี้ก็เป็นหน้าทีของคุณแล้วละ ที่ต้องไปคุยกับลูกเอง ผมช่วยได้เท่านี้แหละ พูดจบคุณอดิศักดิ์ก็ลุกขึ้นเดินขึ้นบ้านไป
คุณพิมผกาทำท่าใช้ความคิดอยู่ในใจคนเดียว
**##############**
บ้าน เผ่าพานิชย์
นี่!นายโตมร แกจะอยู่บ้านให้แม่เห็นหน้าบ้างได้มั้ย ออกทุกวัน ตกลงแกเรียนจบแล้วแน่นะ ไปทำอะไรที่มหาลัยทุกวัน คุณจิตราบ่นลูกชายคนเดียวหลังจากเห็นเขาแต่งตัวหล่อเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
โตมรหยิบขนมปังเข้าปากก่อนจะตอบมารดา จบแล้วสิครับคุณแม่ แหมมม....อยู่บ้านเจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวก็เบื่อกันแย่สิครับ โตมรพูดพร้อมกับเดินเข้าไปกอดเอวมารดาเป็นการประจบ
คุณจิตราตีแขนลูกชายดัง เผียะ!! ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ อย่ามาทำประจบ แม่ละเบื่อแกจริงๆ
นั่นไง คุณแม่เบื่อผมแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ พูดจบชายหนุ่มจอมกะล่อนก็ก้มหน้าลงมาจุ๊บแก้มมารดาแรงๆ ก่อนจะผละไป ด้วยท่าทางอารมณ์ดี เดี๋ยว แล้วเรื่องเรียนต่อละ นายโต้!! คุณจิตราได้แต่ตะโกนตามหลังลูกชายไป ก่อนจะยิ้มบางๆออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะเธอก็ไม่เคยโกรธลูกชายจริงๆได้สักที
**##############**
ขอบใจมากนะจ๊ะ นายโตมร มาช่วยครูแทบทุกวันเลย อาจารย์เอมอรเอ่ยขอบคุณลูกศิษย์ด้วยความจริงใจ
ไม่เป็นไร ครับอาจารย์ งานของคณะก็เหมือนงานของผม อาจารย์ไม่ต้องแกรงใจครับ
แหม พี่โต้ เป็นสปอนเซอร์ให้ยังไม่พอ ยังมาเป็นแรงงานให้อีก หึหึ ภาวินีแซวรุ่นพี่ด้วยความสนิทสนม เพราะหลายวันมานี่ชายหนุ่มมาช่วยงานทุกวัน และความที่เขาเป็นกันเองเข้ากับคนง่ายพอๆกันกับภาวินี จึงทำให้สนิทกันได้ไม่อยากนัก
แหม น้องภา อย่าใช้คำว่าแรงงานสิจ๊ะ มันดูเหมือนกรรมกรยังไงไม่รู้ หึหึ โตมรตอบแบบยิ้มๆ จึงทำให้คนที่นั่งอยู่ด้วยอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
รัตติกาลที่นั่ง ร่วมกลุ่มอยู่ด้วยยิ้มบางๆ ทำให้โตมรที่มองเธออยู่รู้สึกถูกใจ หลังจากวันที่เขาได้มาดูเธอซ้อมใหญ่ในวันนั้น และได้รับรู้เรื่องของเธอจากอาทิตยะ เขาก็มาที่นี่ทุกวันจน คนในคณะต่างก็นึกว่าเขามาเป็นนักแสดงของเรื่องนี้ด้วย
จากที่เขาได้พบ ได้พูดคุยกับเธอ ทำให้เขารู้ว่าเธอไม่น่าจะเป็นอย่างที่อาทิตยะเข้าใจ เธอเป็นหญิงสาวน่ารัก พูดจาสุภาพ มีมุมแก่นนิดๆเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท และมีมุมจริงจังในเวลาทำงาน เธอจะระมัดระวังคำพูดและการวางตัว ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้มาก ซึ่งผิดกับสาวๆ ที่เขาเคยเจอมาก่อน มันจึงทำให้เขารู้สึกยิ่งอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น
เอาละ เก็บของแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้ว เด็กๆ อาจารย์เอมอรตะโกนบอกนักศึกษา
นักศึกษาหันมามองอาจารย์เอมอร แทบจะพร้อมกันก่อนช่วยกันเก็บอุปกรณ์และแยกย้ายกันกลับบ้าน
**###########**
ระหว่างทางเดินในมหาลัย ซึ่งขณะนี้เป็นเวลาทุ่มเศษ ทำให้แสงสว่างของวันใกล้หมดลงทุกที
ฟ้า วันนี้เรารีบกลับม่าม้า จะใช้ไปเอาของ ไปส่งไม่ได้นะ ภาวินีเอ่ยระหว่างทางจะเดินไปที่จอดรถ
รีบไปเถอะ ไม่เป็นไร รัตติกาลตอบเพื่อนสนิท
ให้พี่ไปส่งนะ ฟ้า โตมรซึ่งเดินมาด้วยรีบพูดแทรกขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ รัตติกาลรีบปฏิเสธ
เอ่อ! ใช่ ให้พี่โต้ไปส่งสิฟ้า นี่มันก็มืดแล้วนะ
แหม ภา ทำยังกับฟ้าไม่เคยกลับบ้านมืดงั้นแหละ
รู้ แต่วันนี้ฟ้า หอบของเยอะแยะ จะกลับรถเมล์ยังไงละ ภาวินีพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เดี๋ยว ฟ้าจะนั่งแท็กซี่
งั้นก็คิดว่าพี่เป็น รถแท็กซี่สิ โตมรรีบให้เหตุผล พร้อมกับทำท่าอาสาขยันขันแข็ง ทั้งภาวินี และโตมรต่างให้เหตุผลสารพัด จนรัตติกาลใจอ่อน ก่อนจะพยักหน้าเป็นการตกลง
รถมินิคูเปอร์สีเหลืองสด ที่มีโตมรเป็นคนขับโดยมีรัตติกาลนั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวบอกทางชายหนุ่มเป็นระยะๆ และระหว่างทางโตมรก็ชวนรัตติกาลคุย
ฟ้า หิวไหมครับ
ไม่หิวค่ะ เธอรีบปฏิเสธทันทีเพราะรู้ทันว่าถ้าเธอบอกว่าหิวเขาต้องหาเรื่องแวะแน่ๆ
โตมรเหลือบมองหญิงสาวนิดนึงก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ เพราะเขาก็พอจะรู้คำตอบของเธอดีว่า มันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่คนอย่างนายโตมรจอมเจ้าเล่ห์อย่างเขานะหรือจะยอมแพ้ เขาทำท่าเป็นจับท้องตัวเอง เพื่อจะให้เธอถาม แต่ผิดคาด รัตติกาลใจแข็งกว่าที่เขาคิด เธอทำเป็นไม่สนใจจนเขาต้องเผลอยิ้มออกมาและยอมแพ้ไปเอง
เมื่อถึงหน้าประตูรั้วไม้ ที่มีกำแพงยาวเพื่อกั้นระหว่างถนนใหญ่กับที่ดินอีกฝากหนึ่งเปิดออก ต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุมพื้นถนนทางเข้าตัวบ้าน มืดครึ้ม มีเพียงแสงไฟจากหัวเสาไม้เท่านั้นในตอนนี้ที่ให้แสงสว่าง
ตาแป๊ะคนสวนของบ้านเมื่อเห็นแสงไฟจากหน้ารถ เขาเปิดประตูรั้วพร้อมกับเดินมาที่รถเพื่อมองคนในรถ และเมื่อเขาเห็นถนัด ตาแป๊ะชายวัย 50 กว่าๆ รูปร่างผอมแกร็งหน้าตอบ แต่ดูแข็งแรงไม่เงอะงะตามอายุ ก็ทักขึ้น
อ้าว คุณฟ้า เองเหรอครับ
จ๊ะ ตาแป๊ะ รัตติกาลตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนสวนที่อยู่มานาน ทั้งยังเป็นครูสอนเธอในการปลูกผักและปีนต้นไม้
เธอกล่าวอะไรกับตาแป๊ะเล็กน้อย ก่อนที่ตาแป๊ะจะเดินมาเปิดประตูรั้วให้กว้างขึ้นเพื่อให้รถของโตมรผ่านเข้ามา
ที่จริงเธอจะให้เขาแค่ส่งเธอที่หน้าประตูรั้วแต่ชายหนุ่มอ้างว่าของมากมาย ที่เธอต้องหิ้วเข้าบ้าน ทั้งยังให้เหตุผลที่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาต้องส่งให้ถึงที่เพราะเดี๋ยวถ้าใครรู้ว่ามีรถมาจอดส่งเธอที่หน้าบ้านมันจะดูไม่ดี และเขาก็ยังยกเหตุผลมากมายจนทำให้เธออ่อนใจจนต้องยอมให้เขาเข้ามา
รถแล่นเข้ามาจนถึงลานหน้าบ้านทรงไทยยกพื้นสูง ชายหนุ่มมองภาพบ้านทรงไทยกับบรรยากาศด้วยความรู้สึกทึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าจากถนนใหญ่ผ่านกำแพงที่กั้นไว้ มันจะเหมือนอยู่กันคนละบรรยากาศกันโดยสิ้นเชิง ความวุ่นวายภายนอกไม่สามารถผ่านเข้ามาในเขตนี้ได้เลย ต้นไม้ใหญ่ ตั้งแต่ทางเข้าบ้านจนถึงลานหน้าบ้าน มีมากมายหลายต้น มีทั้งต้นลีลาวดี ต้นใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ทั้งต้นมะม่วงที่เขาเห็นผลมันไม่ถนัดมากนักแต่เขาก็พอจะเดาได้ว่ามันเป็นต้นอะไร
รถจอดสนิทได้ไม่นานก็มีหญิงสาววัยไม่น่าเกิน 20 ปีกับหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาจนใกล้
รัตติกาลลงจากรถ พร้อมกับยกมือไหว้ป้าเพ็ญก่อนจะหันมาแนะนำชายหนุ่มที่ลงจากรถมาพร้อมๆกับเธอ
คุณโตมรคะ นี่ป้าเพ็ญค่ะ
โตมรยกมือไหว้ด้วยท่าทางสุภาพ ป้าเพ็ญส่งยิ้มบางๆให้ชายหนุ่มก่อนจะรับไหว้ หลังจากนั้นรัตติกาลก็ให้ หล้าซึ่งเป็นสาวใช้มาช่วยขนของหลังรถและให้นำไปเก็บไว้ที่ห้องของเธอ
ป้าเพ็ญเชิญโตมรให้เข้าไปทักทายคุณหญิง
ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามคุณหญิงวรรณชุลีด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม หลังจากทำความเคารพแล้ว
ขอบใจนะจ๊ะ ที่มาส่งยายฟ้า
เอ่อ ไม่เป็นไรครับ โตมรตอบด้วยท่าทางสุภาพ
คุณหญิงมองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับพิจราณาทั้งท่าทางและการพูดจา ของเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเอ็นดู
แล้วทานอะไรมากันรึยัง ล่ะ
เอ่อ คือ ก็ ยังครับ พอดีผมชวนคุณฟ้าทานข้าวแล้วแต่ ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางเรียบร้อย และระมัดระวัง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความเมตตาและสายตาที่ดูใจดีของคุณหญิง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรทำตัวทะเล้นต่อหน้าท่าน
งั้น ทานที่นี่แล้วกัน คุณหญิงพูดจบก็หันไปสั่งรัตติกาลให้จัดการหาข้าวปลาให้กับโตมร ก่อนคุณหญิงจะขอตัวกับชายหนุ่มขึ้นบ้าน โดยปล่อยให้รัตติกาลกับสาวใช้จัดการ
โตมรกล่าวขอบคุณ คุณหญิง พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม
**###########**
ภายในห้องครัว ซึ่งขณะนี้ รัตติกาลกับหล้าช่วยกันเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงแขก โดยเธอทำอาหารง่ายๆ คือผัดกระเพราไก่ กับแกงจืดไข่น้ำ
โตมรเดินเข้ามาในครัว เพื่อจะคอยช่วยแต่รัตติกาลให้เขานั่งรอ ที่โต๊ะอาหารด้านนอก
ไม่เป็นไรครับ แหะแหะ พี่มาทำความลำบากให้ฟ้ารึเปล่า ชายหนุ่มพูดด้วยความเกรงใจ
ไม่หรอกค่ะ หญิงสาวตอบเขาพร้อมกับทำอาหารด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
โตมรมองเธอด้วยสายตาชื่นชม พร้อมกับยิ้มบางๆแบบเป็นปลื้ม ไม่นานอาหารก็เสร็จและถูกยกมาวางที่โต๊ะอาหาร
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกัน และเพียงคำแรกที่ชายหนุ่มส่งเข้าปาก เขาก็อุทานออกมา
อื่อหือ!! อร่อยจังครับ โตมรชมแบบเว่อร์ๆ ตามแบบหนุ่มปากหวานก่อนจะพูดต่อ แบบนี้สงสัยต้องมาทานบ่อยๆ แล้ว ได้มั้ยครับ
รัตติกาลยิ้มบางๆที่มุมปาก โดยไม่กล่าวอะไร หลังจากทานอาหารเสร็จโตมรช่วยรัตติกาลเก็บจานพร้อมทั้งอาสาจะล้างจานให้ โดยเขาไม่ปล่อยให้เธอปฏิเสธ ชายหนุ่มยกจานเข้าไปในครัวและเริ่มต้นล้างจาน
ขณะที่เขาเก็บล้างจานอย่างเก้ๆกังๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยชวนรัตติกาลคุย ซึ่งเธอเองยืนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มโดยเว้นระยะห่างพอประมาณ เธอทำหน้าที่หยิบจานที่เขาล้างนำมาเช็ดให้แห้ง
บ้านฟ้า น่าอยู่จังนะครับ
บ้านคุณยายค่ะ ไม่ใช่บ้านของฟ้า ฟ้าเป็นเด็กในอุปการะของท่านคะ
เธอกล่าวเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ เพราะเธอไม่เคยคิดให้ใครเข้าใจว่าเธอเป็นหลานเจ้าของบ้านแท้ๆ และน้ำเสียงที่เธอเล่า โตมรเองก็รู้สึกได้ว่าเธอพูดออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา และไม่มีอาการประชดหรือน้อยใจอะไร ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกดี เพราะเขาคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็ได้
รัตติกาลเดินออกมาส่งชายหนุ่มที่รถ และกล่าวขอบคุณที่เขามาส่ง
โตมรขึ้นรถมาประจำที่คนขับ และขับรถออกไปช้าๆ โดยไม่ลืมมองเธอผ่านกระจกหลัง เขายิ้มน้อยๆเพราะประทับใจในตัวเธอ
**###############**
จากคุณ |
:
เงาไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 54 22:46:22
|
|
|
|