หนูรินเปิดดูข้อความที่ส่งเข้ามาหาพบข้อความจากอิงแก้วที่ส่งมาให้ในยามบ่ายขณะที่หล่อนกำลังเดินเลือกซื้อของในตลาดที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน “เวลาทุ่มหนึ่งมาพบฉันที่ร้านกาแฟหน่อยนะคะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย อิงแก้ว”ไม่ใช่เบอร์เดียวกับของอิงแก้วตามที่เมมโมรี่ไว้ในเครื่องแต่ข้อความลงท้ายชื่ออิงแก้วกำกับไว้ หนูรินไม่ได้ติดใจเรื่องเบอร์โทรศัพท์อาจเป็นไปได้ที่เธอใช้เบอร์ร้านส่งมา แต่มีธุระอะไรที่ต้องคุยกันในเมื่อทั้งสองก็ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันมาก่อนแล้ว หนูรินเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เหลียวมองผู้คนในตลอดวโรรสที่อยู่กันอย่างหนาแน่นบ้างก็เดินซื้อแคบหมู ไส้อั่ว หรือของพื้นเมืองอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่รายล้อมรอบตัว ระหว่างที่กำลังเดินเลือกของเหลือบเห็นกิตติเดินผ่านมาไกลๆ คงมาเดินดูของเช่นกันเมื่อเห็นชายหนุ่มสาวเจ้าจึงรีบวิ่งเข้าไปทักทันที
“ดีค่ะ”
“อ่าวคุณหนูริน มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“อ่อ พอดีรินมาหาซื้อของค่ะ พรุ่งนี้รินก็จะกลับกรุงเทพแล้ว”
“จะกลับแล้วหรือครับ”เขาถามอารมณ์ดี หนูรินพยักหน้าเร็วๆ
“ค่ะ ก็เลยมาหาซื้อกินของเมืองเหนือคุณแม่ท่านอยากทานค่ะ รินก็เลยมาเดินซื้อแล้วก็จะซื้อของที่ระลึกไปฝากเพื่อนๆ ด้วย”
“แล้วคุณล่ะค่ะ”เธอถามย้อนกลับ กิตติยักไหล่ตอบ
“พอดีผมเบื่อๆ น่ะครับคิดยังไงไม่รู้มาถึงที่นี่”
“แปลกดีนะคะ”หนูรินหัวเราะแอบคิดว่านี่คงเป็นพรมลิขิตที่ทำให้เขาและเธอมาพบกันโดยบังเอิญ
“แปลกยังไงครับ”
“ก็แปลกที่เบื่อแล้วก็จู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่”
“ผมนี่ก็ตลกดีเหมือนกันนะครับ ว่าแต่ให้ผมช่วยถือของให้ไหมดูจากที่คุณเล่าคุณหนูรินก็คงจะซื้อของเยอะอยู่เหมือนกัน”เขายื่นมือมาช่วยรับของ หนูรินยิ้มรับพร้อมจัดถุงส่งให้กับชายหนุ่มรับไปช่วยถือ
“คุณกิตติมีธุระอะไรหรือเปล่าคะตอนนี้”
“ไม่มีหรอกครับ”
“งั้นก็รบกวนเลยก็แล้วกันนะคะ”หล่อนบอกน้ำเสียงสดใสกังวาน กิตติพยักหน้าตอบอย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าตนเองมีค่าและได้ช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งอย่างที่เขาอยากทำให้กับใครคนหนึ่งมานานแล้ว . “ได้ครับไม่มีปัญหา”
“พี่กิตติเจออิงแก้วหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้เจอนี่ครับมีอะไรหรือเปล่า”
“อ้อเปล่าค่ะพอดี อิงเค้าใช้เบอร์แปลกส่งข้อความมาน่ะค่ะก็เลยสงสัย”หล่อนบอก กิตติเอียงหน้ามองเล็กน้อย
“เบอร์ไหนหรือครับ”เขาถาม หนูรินหยิบโทรศัพท์พร้อมกดข้อความและเบอร์โทรที่ส่งเข้ามาในมือถือของเธอ
“นี่ค่ะ” กิตติจ้องมองเบอร์โทรศัพท์นั้นอย่างคุ้นตาแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ไหนมันติดอยู่ในโสดประสาทราวกับว่าเคยกดเบอร์โทรนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใด ทิ้งไว้ให้เป็นปริศนาต่อไปแต่ในเมื่อท้ายข้อความลงชื่ออิงแก้วก็ไม่ได้สงสัยอะไรต่อเพราะก็คงเป็นอิงแก้วที่ส่งมานั่นเอง
“หนึ่งทุ่มตรงเจอกันที่ร้านกาแฟนะคะฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับอิง...หนูริน”อิงแก้วชะงักในระหว่างที่กำลังจัดการปิดร้านหลังจากได้ข้อความที่ส่งมาจากหนูรินกะทันหันพลางฉุกคิดให้แปลกใจเล็กน้อย จะว่ามีเรื่องคาใจก็คงไม่ใช่พวกเขาเคลียร์กันหมดแล้วหรือว่าหล่อนมีอะไรให้ช่วยก็อาจจะเป็นไปได้ อิงแก้วเก็บกุญแจลงในกระเป๋าเพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะหนึ่งทุ่มจึงไม่จะออกไปไหนอีกให้เสียเวลานัด อิงแก้วกลับมาจัดของที่เค้าน์เตอร์พวกแก้วน้ำหรือของตกแต่งให้เข้าที่เข้าทาง ระหว่างนั้นเองที่ได้ยินเสียงลากของอยู่นอกร้านแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะอาจเป็นเสียงฝีเท้าของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตอนหัวค่ำ เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นหนูรินเข้ามาถึงร้านหล่อนยิ้มแย้มแจ่มใสโดยมีอิงแก้วเดินไปต้อนรับทันที
“สวัสดีจ้ะว่าไงบ้าง”อิงแก้วเข้าไปทัก หนูรินมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแต่ยังคงยิ้มตอบ
“ก็ไม่ว่าไงหรอกค่ะ อิงอยู่คนเดียวหรือ”
“ใช่แล้วลูกน้องกลับไปหมดแล้วเชิญนั่งก่อนนะ”อิงแก้วลากเก้าอี้มาให้หนูรินที่ทรุดตัวนั่งลง
“ขอบคุณค่ะว่าแต่อิงมีอะไรหรือเปล่า”หนูรินถามขึ้น อิงแก้วเอียงหน้ามองกึ่งสงสัย
“เออ...ฉันคงต้องถามคำถามนี้กับหนูรินมากกว่า”
“อ้าว! รินต้องถามอิงว่าอิงมีอะไรหรือเปล่าถึงส่งข้อความนี้มาหาริน”หนูรินแย้ง อิงแก้วนิ่งคิดไปครู่
“ข้อความ...ก็หนูรินเองไม่ใช่หรือที่ส่งข้อความมาขอพบฉัน”
“ฉันเปล่านะคะอิงส่งข้อความให้รินมาหาที่ร้านนี่ค่ะรินจะให้ดู”หนูรินกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์กดข้อความให้ให้อีกฝ่ายดูรวมทั้งอิงแก้วก็เช่นกัน
“ฉันก็ได้ข้อความจากคุณเหมือนกัน”
“ฉันเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่คุณหนูรินส่ง แล้วก็ไม่ใช่ฉันแล้วฝีมือใคร”อิงแก้วเริ่มมีข้อขัดแย้งภายในจิตใจ รู้สึกถึงเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นกับทั้งอย่างเห็นได้ชัด หนูรินก็ไม่แพ้กันที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยดีออกมามีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น ประตูทุกด้านปิดดัง ปั้ง! ทั้งสองสาวหันขวับไปที่ประตูร้านทุกด้านใครคนหนึ่งกำลังเล่นตลก จัดการล็อกกุญแจพร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อิงแก้วทะยานตัวมาเขย่าประตูหน้าร้านที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาไม่สามารถเปิดออกได้ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปเปิดประตูที่อยู่หลังร้านแต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อถูกคล้องกุญแจไว้เช่นกัน
“ใครมาเล่นพิเรนทร์แบบนี้ก็ไม่รู้”
“แปลว่ามีคนกำลังแกล้งเรางั้นหรือ”หนูรินกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวงระวัง อิงแก้วทำหน้ายุ่งหัวเสียกับพวกร้ายกาจที่จัดฉากไว้แยบยลแต่ที่น่าแปลกที่สุดคนคนนั้นต่างก็มีเบอร์โทรศัพท์ของอิงแก้วและหนูรินกันทั้งคู่ ซึ่งคนคนนั้นต้องไม่ใช่คนนอกอาจจะต้องเป็นคนใครคนใดคนหนึ่งที่ทั้งสองรู้จัก
“อิง ได้กลิ่นอะไรไหม”หนูรินจมูกฟุตฟิต อิงแก้วสูดดมกลิ่นนั้นตาม
“อืม...กลิ่นเหมือน...”พร้อมเงยหน้าขึ้นไปบนหลังคามีกลุ่มควันไฟสีดำโพยพุ่งทะลักเข้ามาด้านในร้าน หนูรินกระอักสำลักควันไฟที่ลอยโขมงอยู่รายรอบตัว อิงแก้วรีบวิ่งไปเปิดผ้าม่านแต่ก็ต้องผงะเมื่อไฟสีแดงเพลิงกำลังลุกโชนจากด้านนอกเผาไหม้ลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ้าหล่อนรีบวิ่งถอยห่างเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาท่วมตัวเพราะอากาศในร้านเริ่มจะลดน้อยลงทุกนาทีก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง
“พี่ภูช่วยด้วยไฟไหม้ร้านฉันกับหนูรินติดอยู่ข้างในค่ะ แค่กๆ ”อิงแก้วพูดไปด้วยสำรักควันไปด้วยแต่ไม่ทันได้อธิบายรายละเอียดโทรศัพท์มือถือก็ดับลงเสียก่อน หล่อนลดโทรศัพท์ลงมองหน้าจอมือถือที่มืดสนิทเพราะแบตหมดกะทันหันราวกับโชคชะตากลั่นแกล้งในยามคับขัน “แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีของหนูริน”อิงแก้วยิ้มกว้างที่ยังมีความหวัง หันไปทางหนูรินที่วางโทรศัพท์ไว้บนตัก อิงแก้วจึงรีบวิ่งเข้าไปหาขณะที่คุณหนูสาวลุกขึ้นมาในเวลานั้นแต่กลับไม่ได้คว้าโทรศัพท์ที่วางไว้ทำให้โทรศัพท์เจ้ากรรมไถลตรงมาทางอิงแก้วที่เผลอเหยียบเต็มฝีเท้า
“โอ้ย! อยากจะบ้าตายจริงๆ”อิงแก้วร้องขึ้น ก้มลงมองโทรศัพท์หน้าจอสัมผัสที่แตกละเอียดคาฝ่าเท้า หนูรินหน้าตื่นพลางหันมาถามอิงแก้วทันพลัน
“อิงเราจะตายไหม ฉันยังไม่อยากตาย”หล่อนพูดไปด้วยยกมือขึ้นพัดไล่อากาศที่ร้อนระอุ อิงแก้วถอนใจจนจะหมดลมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความอ่อนหล้า“ถ้าพี่ภูมาทันนะ เมื่อกี้ฉันโทรบอกเขาแล้วแต่แบตฉันหมดพอดี”
“แล้วพี่ภูจะมาทันไหม”หนูรินถามต่ออย่างรวดเร็วหน้าตาตื่น อิงแก้วยกมือขึ้นปิดจมูกยกมือขึ้นโบกไล่ควัน
“ฉันก็ไม่รู้...ก็ได้แต่ภาวนา”อิงแก้วลดสายตาลงพลางมองไปยังหน้าต่างกระจกใสที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันจนกลายเป็นสีหม่นใจเริ่มผวาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวต้องหาวิธีทางรอดทุกทางเพื่อให้หลุดพ้นไปจากที่นี่ให้ได้ เจ้าหล่อนลุกขึ้นยืนยกมือขึ้นทุบกระจกรัวเร็วตะโกนร้องให้คนที่เดินไปด้านนอกได้ยิน“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย! ”มีแต่ไทยมุงที่ยืนดูด้วยความแตกตื่นแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยสักคน จนปัญญาที่จะดันทุลังหล่อนทรุดตัวนั่งกับพื้นทอดสายตามองหนูรินที่นอนราบแน่นิ่ง อิงแก้วสะดุ้งรีบวิ่งเข้าไปพยุงหล่อนขึ้นแต่หนูรินไม่ได้สติสลบเหมือดผล็อยหลับไม่ส่งสัญญาณตอบรับ
“คุณรินเป็นอะไรไปคะ”อิงแก้วเขย่าตัวหญิงสาวแต่ทว่าก็ไร้ประโยชน์หนูรินหมดสติหน้าซีดเผือด อิงแก้วถอนใจก่อนจะวิ่งไปที่ประตูอีกครั้งพร้อมกระแทกตัวแรงๆ เพื่อพังมันหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ผลเสียเลยประตูแน่นหนาเกินที่จะทำลาย หล่อนรวบรวมแรงอีกครั้งก้าวถอยหลังและเร่งฝีเท้าเข้าพุ่งชนประตูเต็มเหนี่ยวแต่คนที่กระเด็นกลับกลายเป็นเธอที่ฟุบตัวลงกับพื้น หญิงสาวน้ำตาไหลพรากนึกเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างในยามเสี่ยงตายนี้ ไฟเริ่มลุกลามเข้ามาในห้องที่อยู่แผดส่งความร้อนไหม้เข้าไปถึงทรวงใน อิงแก้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อทีเปียกโชกภาวนาในใจให้มีให้ภูธนามาช่วยพวกหล่อนทันเวลาที
“อิงแก้วเธออยู่ในนั้นหรือเปล่า” อิงแก้วลืมตาโพลง หันกลับไปยังหน้าประตูดันตัวจากพื้นลุกขึ้นช้าๆ พบภูธนาที่เคาะประตูสีหน้าตื่นตระหนก หล่อนมองผ่านประตูกระจกใสสบตากับเขาด้วยความหวังที่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
“พี่ภูช่วยฉันด้วยฉันติดอยู่ในนี้”หล่อนร้องตะโกน ภูธนาไม่ได้ยินที่หล่อนพูดถนัดนักเพราะเสียงของผู้คนด้านนอก รวมทั้งไฟที่กำลังโหมหนักกลบทุกอย่างไว้ในความวุ่นวาย
“ใจเย็นๆ นะอิงแก้ว พี่จะเข้าไปช่วยเธอออกมาเดี๋ยวนี้”เขาบิดลูกบิดแต่ก็ต้องหยุดเมื่อพบกุญแจลูกใหญ่ที่ล็อกไว้ เขาไม่มีกุญแจสำหรับกุญแจที่ล็อกนั้นก่อนจะตัดสินใจวิ่งกระแทกประตูแต่ก็ไม่สำเร็จ กิตติ กรวิท จ่อยและแป๊ะวิ่งฝ่ากองเพลิงด้านนอกเข้ามาทันเวลาพร้อมกับจอบเสียมครบมือราวกับรู้ความต้องการของนายน้อยแห่งไร่ชาญทิพย์
“ใช้นี่เถอะครับ”กิตติส่งจอบให้กับภูธนาที่รีบรับมาโดยไว
“อิงแก้วระวังนะ ถอยออกไปก่อน”ภูธนาบอกโบกมือให้หลีกทาง อิงแก้วพยักหน้าถอยตัวให้ห่างจากประตู ภูธนาเหวี่ยงจอบทุบกระจกประตูสุดแรงเกิดจนค่อยๆ ร้าวทีละน้อยโดยมีกิตติกรวิทและลูกน้องของภูธนาร่วมช่วยด้วยคนละแรง อิงแก้ววิ่งกลับไปหาหนูรินที่นอนหมดสติอยู่แต่ไฟที่คลุกรุ่นเผาคานไม้บนเพดานบางส่วนถล่มลงมาบังร่างของหล่อนเอาไว้ ขณะที่สามหนุ่มที่พังประตูเข้ามาได้ต่างคนต่างหยุดอยู่ด้านหลังอิงแก้วเมื่อพบกองไฟมหึมาที่หล่นลงมาพอดี
“ช่วยหนูรินด้วยนะคะ เธออยู่ติดด้านหลังนั้น”อิงแก้วร้องขึ้นพร้อมชี้ทาง ภูธนาพยักหน้ารวดเร็ว
“ได้แต่เธอต้องออกไปก่อน”
“เดี๋ยวผมพาอิงออกไปเอง”กรวิทอาสา “งั้นผมไปช่วยกับคุณภูแล้วกันนะ”กิตติเสนอร่วมด้วย
“ส่วนแป๊ะกับจ่อยแกรีบไปตามตำรวจมาเดี๋ยวนี้เลย”ภูธนาไปสั่งการ ทุกคนที่ได้รับบัญชาการพยักหน้ารับขณะที่อิงแก้วยังคงหน้ากังวลที่หนูรินติดอยู่ในอันตราย “อย่าคิดมากนะอิง พี่รับรองว่าจะช่วยหนูรินให้ได้”
“ฉันฝากด้วยนะคะ”
“ไปเถอะอิง”กรวิทบอกพร้อมดึงแขนเพื่อนให้รีบวิ่งฝ่ากองเพลิงที่ลุกลามขยายเป็นวงกว้าง กิตติและภูธนาหันกลับเข้ามาในเหตุการณ์พร้อมลุยต่อเพื่อช่วยหนูรินให้ได้ ภูธนายกจอบงัดแงะของที่ระเกะระกะขึ้นโดยมีกิตติแทรกตัวเข้าไปตามช่องแคบอย่างระมัดระวัง “ระวังนะครับคุณกิตติ เศษของพวกนี้เริ่มติดไฟแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงครับ”กิตติพยักหน้ารับพร้อมงัดฝ้าที่ติดไฟเพื่อเปิดทางให้มองเห็นร่างของคุณหนู . “หนูริน หนูรินอยู่ตรงไหน”ภูธนาร้องถามแต่ไร้เสียงตอบรับ กิตติหันไปมองรอบๆ จนพบเท้าของหล่อนที่ยื่นออกมาด้านหลังกองเพลิงใหญ่หน้าเค้าน์เตอร์
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 54 15:58:03
|
|
|
|