บรรพที่ 23
อัญญาตา ผู้ชรายังมิได้ย่างกรายออกมาจากห้องตลอดหลายวันที่ศิตาภามาอยู่ที่นี่เลย
แม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นอีกหนึ่งความสงสัยที่หญิงสาวเก็บไว้ในใจ หล่อนรับรู้เพียงว่า
อัญญาตาป่วยอยู่แรมเดือนแล้ว จึงมิได้ออกมาทำกิจของนักบวชทุกหน้าที่
ญาตาปัณฑารีย์ล้วนเป็นผู้จัดการแทน
ทุกวันนี้ญาตาปัณฑารีย์ก็เป็นอัญญาตาเงาอยู่แล้ว เหลือแค่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ญาณันนางหนึ่งที่ศิตาภาตีสนิทได้ เธอดูพร้อมจะสนทนามากกว่าคนอื่นๆ อาจจะเพราะ
ความหงอยเหงาจากความเคร่งคัดของระเบียบก็เป็นได้
แล้วจะรับตำแหน่งเป็นทางการเมื่อไรเหรอคะ?
เมื่อสิ้นอัญญาตาน่ะสิ...อย่าพูดไปไม่เป็นมงคลต่อท่าน
ท่านป่วยหนักมากหรือคะ?
ท่านแก่แล้วน่ะ ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงตามประสาคนแก่ แต่ช่วงหกเดือนหลังๆ นี้ดูจะซึมๆ
ลงไปมาก เลยไม่ค่อยได้ออกมาต้อนรับแขก สองเดือนมานี่ได้แต่นอน
แย่นะคะ
แย่...ถ้าญาตาปัณฑารีย์ขึ้นเป็นอัญญาตา ทุกอย่างที่นี่คงเปลี่ยนไป
ทำไมล่ะคะ?
เธอ... ญาณันเหลียวมองไปรอบกายก่อนจะพูดต่อ
ก็เห็นนี่...กฎระเบียบต่างๆ คงจะเปลี่ยน แล้วญาตาเธอดุมาก สายตาคมกริบอย่างกับเหยี่ยว
เวลาจ้องใคร เห็นแล้วหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวจะทำอะไรพลาดขึ้นมาล่ะแย่แน่ๆ
คงไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย ญาณันพยักหน้ารับช้าๆ แล้วขอปลีกตัว
ไปทำงาน
เดี๋ยวต้องยกอาหารไปให้อัญญาตาก่อน แล้วต้องไปทำความสะอาดอีก โอย..งานเยอะจริงๆ
ญาณันอีกกลุ่มสิสบายหน่อย แค่คอยติดสอยห้อยตามทำงานตามบัญชาท่านปัณฑารีย์
งานหนักๆ ก็โยนมาทางนี้...เฮ้อ ศิตาภาเดาว่านี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งในความเปลี่ยนแปลง
ของวิหาร มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเอง ระบบระเบียบต่างๆ ค่อยเปลี่ยนไปตามคำสั่ง
ญาตาปัณฑารีย์ ในขณะที่อัญญาตานั้นนอนป่วยไม่ได้มารับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าว
ให้ฉันช่วยไหมคะ?
อย่าเลย ชามี คุณมาเพื่อถือศีล ไปอธิษฐานเถอะ
ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าการทำงานต่างๆ ในวิหารก็คือการรับใช้นีราอย่างหนึ่ง ให้ช่วยแบ่งเบา
ญาณันดีกว่าค่ะ เอางี้ไหมคะ เดี๋ยวฉันเอาอาหารไปส่งให้อัญญาตาเอง ส่วนญาณัน
ก็ทำไปงานอื่นๆ
จะดีเหรอ? รบกวนเธอเปล่าๆ
ฉันเต็มใจค่ะ
หญิงสาวตอบรับด้วยความเต็มใจ ญาณันจึงค่อยคลายใจยอมยกหน้าที่ยกอาหารไป
ให้อัญญาตา โดยกำชับว่าต้องรอให้อัญญาตารับประทานให้เสร็จเรียบร้อยแล้วจึง
ค่อยเก็บถาดลงมา เมื่อศิตาภารู้ตัวว่าไม่สามารถกลับออกไปจากที่นี่ก่อนกำหนดได้
หล่อนก็คร้านจะอยู่เฉยๆ จึงรับอาสาทำกิจกรรมต่างๆ อย่างขันแข็ง อีกสาเหตุหนึ่ง
เป็นเพราะหล่อนรู้สึกว่า เวลาแต่ละวันช่างผ่านไปเร็วนัก เร็วจนแทบไม่รู้สึกว่าทำไม
จึงเป็นเช่นนั้น หญิงสาวจึงรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยเมื่อพบว่าตนเองแทบจะจดจำ
เหตุการณ์ในระหว่างวันไม่ได้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ห้องพักของอัญญาตาอยู่เยื้องไปทางด้านในของวิหาร เมื่อแรกเป็นห้องที่ถูกจัดไว้แยกต่าง
หากจากห้องอื่นๆ และตั้งอยู่สูงกว่าห้องอื่นๆ ที่สร้างขนาบแนวเขา แต่มาบัดนี้อัญญาตา
ชราขึ้นมากการเดินขึ้นบันไดจึงเป็นปัญหาสำหรับข้อเข่า นางผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในวิหาร
จึงย้ายห้องพักลงมาด้านล่าง แต่แยกห่างออกไปห้องพักของญาตาและญาณันนางอื่นๆ
พอสมควร บรรยายกาศรอบบริเวณเงียบสงบกว่า
หญิงสาวประคองถาดอาหารเดินขึ้นมาตามขั้นบันไดหินด้วยความระมัดระวัง เมื่อถึง
หน้าห้องพักก็ไขกุญแจเข้าไป นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นึกแปลกใจไยต้องล็อคกุญแจ
ทั้งที่อัญญาตาอยู่ข้างใน แต่อาจเป็นเพราะว่าไม่ต้องการเคาะเรียกให้ผู้ชราต้อง
ลุกขึ้นมาเปิดประตูก็เป็นได้
อัญญาตาคะ อาหารมาแล้วค่ะ
หล่อนกล่าวเรียบๆ เมื่อวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะใกล้ตัวในโถงนั้นแล้วส่งเสียงเรียก แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจึงค่อยถือวิสาสะไปเคาะประตูห้องนอน ยังคงไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาเช่นเคย หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแง้มดู หลังม่านลับแลอันโปร่งบาง บนเตียงมีร่างของนักบวชชรานั่งนิ่งเหม่อลอยไม่รับรู้การมาเยือนของศิตาภา จนกระทั่งหล่อนเข้าไปใกล้ท่านถึงรู้สึกตัว
ขอประทานโทษค่ะ อัญญาตา ดิฉันเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ ก็เลย...
เจ้าของห้องไม่ได้ตอบหล่อนในทันที แต่จ้องมองด้วยความพิศวง
หญิงสาวจึงกล่าวซ้ำอีกครั้ง
ดิฉันเอาอาหารมาให้ค่ะ
อ้อ... นักบวชผู้ชราค่อยออกมาจากภวังค์ของตน
ทานอาหารนะคะ ท่านลุกไหวไหมคะ? หรือจะรับประทานบนเตียง อัญญาตา
ยังนั่งนิ่งจนสาวสวยต้องตัดสินใจแทน
งั้นรับอาหารบนเตียงเลยแล้วกันนะคะ กล่าวแล้วก็จัดการทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว
โต๊ะเล็กที่กางขาเป็นตั่งได้ถูกยกขึ้นมาวางบนเตียง ตามด้วยอาหาร
วันนี้อาหารน่าทานนะคะ ซุปหอมเชียว ศิตาภายิ้มให้แล้วกล่าวเชิญชวน
ไม่ค่อยหิว...
สักนิดเถอะค่ะ รองท้องสักหน่อยก็ยังดีนะคะ เมื่อถูกคะยั้นคะยออัญญาตาจึงยกมือ
อันสั่นเทาขึ้นมาตักซุป โดยมีหญิงสาวยกผ้าขึ้นคอยซับริมฝีปากให้ จนท่านรับประทานเสร็จ
จึงหันไปเสิร์ฟชา แต่จากประสบการณ์ตนเองทำให้หล่อนชะงักมือ และหันไปคว้า
เหยือกน้ำมารินให้แทน
น้ำค่ะ
ชาล่ะ?
มันเย็นแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวอุ่นแล้วจะเอามาให้ใหม่นะคะ เมื่ออัญญาตาไม่ว่าอะไร
หญิงสาวก็เบาใจหล่อนยังพยายามโอ้เอ้อยู่ในห้อง และชวนพูดคุย
ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรคะ?
ฉันแก่แล้ว เลยไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงน่ะ
ท่านดูแข็งแรงดีนะคะ เพียงแต่อ่อนเพลีย ถ้าพอไหวไปเดินเล่นกันไหมคะ?
อย่าเลยหนู...เดี๋ยวจะเดือดร้อนใครต่อใคร ต้องตามมาเป็นพรวน ยิ่งแม่ปัณฑารีย์น่ะ
กังวลยิ่งกว่าใคร บอกให้ฉันนอนเฉยๆ ดีกว่าจะได้หายเร็วๆ
ค่ะ ญาตาปัณฑารีย์น่ะหรืออยากจะให้อัญญาตาหายป่วยไวๆ หล่อนซ่อนความคิด
ไว้เงียบๆ มิได้แพร่งพรายออกไป
ว่าแต่...ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอเลยนี่ สายตาพร่ามัวจ้องมองมายังศิตาภา
ดิฉันรับอาสาญาณันมาค่ะ
เธอชื่ออะไรเหรอ?
ศิตาภา ไคริกา ค่ะ
ลูกสาวตระกูลไคริการึ? ลูกของใคร? ตีรณหรือ? หญิงสาวยิ้มรับดูท่าทางท่านแจ่มใส
กว่าเมื่อครู่มากนัก
ฉันไม่ได้พบปอปอของเธอมานานแล้ว นี่คงจะงานยุ่งล่ะสิ ครั้งสุดท้าย..เห็นเขาว่าลูกสาว
อยากไปเรียนเมืองนอก แต่เขาหวงไม่อยากให้ไป...แล้วนี่เรียนอยู่ปีไหนแล้วล่ะแม่หนู
เอ้อ...หนูเรียนจบแล้วค่ะ นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนเสียด้วยซ้ำ ที่น่าแปลกใจคือ
ปอปอของหล่อนมาที่นี่ออกบ่อยแต่กลับไม่ได้พบอัญญาตา
เร็วจริง...แต่งงานหรือยังล่ะ?
ยังค่ะ แต่..อยู่ระหว่างดูตัว ใบหน้าสะสวยมีแววเอียงอายเมื่อพูดเรื่องนี้
ทำเอาผู้ชรายิ้มรับเพราะดูออก
ขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ฉันดูหน้าเธอให้ชัดหน่อยสิ หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย
เธอมีคนรักแล้ว แววตาของเธอบอก เขาเป็นใครกันรึ? เชวาตระกูลไหน?
ภามิน...เป็นลูกชายตระกูลชลันธีร์ค่ะ
ภามิน ชลันธีร์...ชื่อดีนี่ ชื่อนี้คุ้นหู.... อัญญาตานิ่งไปครู่หนึ่ง ลูกชายกำพร้าของดามิสารึ?
คนที่เกือบตายพร้อมแม่ใช่ไหม? นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อน หล่อนเบิกตา
อย่างแปลกใจและพบว่าความจำของอัญญาตาดีกว่าที่คาดด้วยซ้ำ
จะแต่งงานกันเมื่อไร? ถ้าฉันหายป่วยทันงานของพวกเธอก็คงดี
ยังไม่ทราบเลยค่ะ... หล่อนก้มหน้าตอบเรียบๆ
ทำไม?
ปอปอไม่ชอบเขา
เหตุผลเล่า...
คือ...ปอปอกลัวว่าดวงจะไม่สมพงศ์ค่ะ
ไร้สาระ..เป็นเหตุผลที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากตีรณเลยนะ หญิงสาวเม้มริมฝีปาก
หล่อนก็คิดเช่นนั้น และไม่กล้าบอกไปด้วยซ้ำว่าคนทำนายคือญาตาคนโปรด
ของท่านนั่นแหละ
มาสิ...ศิตาภา...ฉันจะทำนายให้เธอ หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะแต่เมื่อถูกถามอีกครั้ง
หล่อนก็รีบตอบรับด้วยความยินดี
ศิตาภากลับออกจากห้องของอัญญาตาด้วยความยินดี เมื่อคำทำนายที่ได้รับขัดแย้งกับ
คำทำนายของญาตาปัณฑารีย์ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้หล่อนมีกำลังใจขึ้นอีกมาก
และคิดจะนำคำนายนี้ไปบอกบิดาเพื่อลบล้างคำทำนายเดิม
นั่นเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้สนทนากับท่าน หากในครั้งต่อมาอัญญาตาเหมือนจะเลื่อนลอยไป
ตามประสาผู้ชรา หรือไม่ก็มีผู้จงใจทำให้ท่านเลื่อนลอย อัญญาตาไม่รับรู้ถึงการมีตัวตน
ของหล่อนแม้จะมายืนอยู่เบื้องหน้าก็ตาม ทำให้ ศิตาภาจึงไม่มีโอกาสซักถามสิ่งใดอีก
นอกจากเก็บความสงสัยประการนี้ไว้ในใจ พร้อมกับบอกตนเองว่าจะต้องหาทางเก็บตัว
อย่างชานางพรายออกไปพิสูจน์ภายนอกให้ได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++