Bitter Sweet เพราะเธอ ..... หัวใจจึงพบรัก (ปล่อยของ)
|
 |
เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งที่ห้อยอยู่ตรงประตูดังขึ้นทำให้ฉันต้องละสายตาจากการกรอกแชมพูจากแกลลอนใหญ่ลงสู่ขวดเล็ก เนื่องจากการทำงานของสายตาสัมพันธ์กับมือทำให้แกลลอนเขยื้อนออกนอกปากขวด ฉันต้องยกแกลลอนออกจากปากขวดแล้ววางแกลลอนไว้กับพื้นก่อนจะเดินออกมาดูหน้าร้านว่าใครเข้ามาเช้าตรู่ขนาดนี้ เปิดร้านเสริมสวยมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ววันนี้มีแขกเข้ามาที่ร้านเช้าที่สุดเลยก็ว่าได้
พอเห็นว่าคนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศยามเช้าอันสงบสุขคือเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง แต่งตัวด้วยเสื้อยืดหลวมๆ สีขาวกับกางเกงทหารสีครีม สะพายเป้ใบใหญ่ ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเหยิงปิดหน้าปิดตา ซึ่งกำลังก้มตัวลูบหัว วัยหวาน แมวสาวของฉันอยู่ เจ้าแมวตัวดีโก่งตัวส่งเสียงร้องอย่างพอใจ มีเด็กน่ารักๆ เข้ามาแต่เช้าพอให้อภัยได้ ฉันคิด
เอ่อ ขอโทษนะคะ ร้านยังไม่เปิด รอสักครู่นะคะ ฉันบุ้ยใบ้ไปทางเก้าอี้โซฟาลายดอกไม้แนววินเทจที่ตัวเองภูมิใจนักหนาเพราะเป็นของมือสองที่ได้มาด้วยราคาไม่น่าเชื่อ เขายืดตัวขึ้นตรงทำให้ดูสูงกว่าที่ฉันคิดไว้ นังวัยหวานแมวตัวดียังไม่เลิกสีเขา ใบหน้าขาวผ่องนั้นถูกปกปิดด้วยผมที่ยาวมาบดบังดวงตา ฉันคิดว่าเดี๋ยวแม่จะซอยให้กุดซะเลย น่ารำคาญตาดีแท้ เขาเม้มปากนิดหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา ...............ไม่ได้มาทำผม
ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวกลับไปทำงานที่ค้างไว้ก็ต้องดีดตัวหันกลับมามองหน้าเขาอีกที แล้วก็กำลังจะอ้าปากถามถึงเหตุผลของเขา คิดว่าที่นี่น่าจะขาดพนักงาน เขาพูดลอยๆ น้ำเสียงไม่ได้แสดงถึงการร้องขอแต่เหมือนเป็นผู้มีพระคุณมาโปรดฉัน เอ่อ คุณคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ร้านของฉันเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ลูกค้าก็ยังมีไม่มาก คิดว่าคงทำคนเดียวไหว ฉันเดินกลับไปทำงานต่อที่อ่างสระผม เด็กหนุ่มนั้นก้มลงอุ้มวัยหวาน
........เราว่าแมวมันชอบเรานะ แล้วอีกอย่างเราไม่เอาค่าจ้างหรอก แกลลอนแชมพูตกลงทับเท้าฉัน แชมพูกระเซ็นขึ้นตีหน้าและกระจายเป็นวงที่พื้น ฉันเห็นว่าเด็กนั่นกลั้นหัวเราะ นี่........ ถ้ามีเวลาว่างมากขนาดนี้ ทำไมไม่ไปรณรงค์ช่วยกรีนพีช หรือว่าบริจาคเลือดอะไรแบบนั้นจะดีกว่านะ ชั้นแหวแหวกอากาศ พร้อมทั้งเดินไปหาไม้ถูพื้น อะไรกันนักกันหนานะเช้านี้ วุ่นวายเหลือเกิน เด็กหนุ่มวางแมวและเป้ลง เขาเดินเข้ามาใกล้จนฉันสังเกตเห็นถึงความโด่งของจมูกได้ถนัดตา เขาเอื้อมมือมาหยิบไม้ถูพื้นไปจากมือของชั้น ............ชั้นสามไม่มีคนอยู่นี่ เขาว่า เขาสบตาฉันผ่านผมเกะกะนั่น
มิจฉาชีพแน่ๆ ฉันคิด รู้ข้อมูลมากขนาดนี้ รู้ว่าฉันจะเปิดร้านตอนไหน มีสัตว์เลี้ยงที่ดุร้ายหรือไม่ รู้ว่าฉันอยู่คนเดียวที่อาคารพาณิชย์สามชั้นแบบนี้ ฉันลอบมองชายหนุ่มที่ใช้ไม้ถูพื้นวนไปมาตรงพื้นที่แชมพูหกเปรอะเปื้อน ทำไงดี ทำไงดี ดูรายการนาทีฉุกเฉิน เรื่องจริงผ่านจอ รวมทั้งคดีเด็ดมานาน แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กลับคิดหาทางอะไรไม่ออกเลย เลิกลุกลี้ลุกลนสักทีเหอะ.......... ขอแค่ที่พักแล้วก็จะทำงานทุกอย่างที่จะให้ทำ เขาเดินเข้ามาใกล้ และยืนอยู่ห่างฉันแค่สองก้าว หน้าเราเหมือนขโมย พวกลักทรัพย์ จี้ ปล้น ฆ่า หรือฆาตกรโรคจิตเหรอ ฉันตาค้างมองชายหนุ่มที่บังอาจมารู้เท่าทันความคิดของฉัน เขายิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ..............โจรปล้นสวาทยิ่งไม่ใกล้เคียงเลย เหมือนฉันจะเห็นว่าเขามองฉันหัวจรดเท้า นี่เป็นการดูถูกฉันแน่ๆ เลย นี่จะมาไม้ไหนนะ ไอ้เจ้าหมอนี้ ชั้นพยายามรวบรวมสติมองพิจารณาแบบหัวจรดเท้า เจ้านี่น่าจะอายุประมาณ 22-23 ปี หน้าตา (มองตาไม่ค่อยชัด) ผิวพรรณดี การแต่งตัวยิ่งดี ใช้เสื้อผ้าราคาแพงทันสมัย ยังไม่ทันจะได้พิจารณาอะไรต่อ เจ้าเด็กเวรก็ถอนหายใจและเดินไปหยิบเป้ที่กองอยู่กับพื้น
ไปร้านอื่นล่ะ แมวน้อย................ เด็กเปรตนั่นพูดกับแมว ปากฉันไวกว่าความคิด ....เออๆ ก็ได้ แต่ว่าฉันไม่มีเงินจ้างหรอกนะ แต่ให้อยู่ห้องที่ชั้นสามก็ได้ ฉันรีบรับข้อเสนอและแสดงเจตนารมณ์เรื่องการเงินอย่างชัดเจน เขาหยุดเดินและพึมพำ ก็แค่เนี้ย ฉันน่าจะรู้ตัวตั้งแต่วินาทีนี้ว่าเรื่องยุ่งๆ มันได้บังเกิดแล้ว
ชื่ออะไรล่ะ เราน่ะ ชั้นเอ่ยขึ้นหลังจากใช้สติไตร่ตรองดูแล้วว่าควรจะยึดบัตรประชาชนเขาไว้สักหน่อย เผื่อเจ้านี่จะเป็นมิจฉาชีพอย่างที่คิดไว้ แต่ก็ยังไม่อยากจะโพล่งออกไปให้ไก่ตื่นเลยจะลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเสียก่อน
ธันวา.... ฉันฉุนปรี๊ด.................
นี่ อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ ก็ฉันชื่อ เมษา หน้าร้านก็เขียนตัวออกโตว่า เมษาพาเพลิน เอาบัตรประชาชนมาดูสิ ฉันโกรธจริงๆ แล้วด้วย เด็กอะไรกวนประสาท เด็กนั่นยังทำเฉย ทำไมต้องเอาบัตรประชาชนให้ดูด้วย ก็ฉันให้อยู่ชายคาเดียวกัน ก็ต้องรู้ชื่อแซ่ที่อยู่ กรุ๊ปเลือดของเธอบ้างสิ
กลัวจะโดนยกเค้าหรือไง ถามหน่อยที่นี่มีอะไรให้น่าขโมยบ้าง ดูมันตอบ ฉันรู้สึกเหมือนความดันขึ้น เส้นเลือดที่ขมับด้านขวาเต้นตุบๆ นี่ใครเป็นเจ้าของตึกกันแน่ ฉันหลับตา พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ให้ตัวเองผ่อนคลาย พอลืมตาขึ้นมาก็เจอเด็กนั่นจ้องเขม็งอยู่
จะพาไปดูห้องได้รึยัง.......... เจ้านี่ทำเสียงเหมือนไม่สบอารมณ์ ตกลงนี่ฉันจะเปลี่ยนใจไล่ตะเพิดมันออกไปดีมั้ยเนี่ย
อ้ะ........ เด็กนั่นกำมือยื่นอะไรออกมาให้ ฉันทำหน้างงๆ เจ้าเด็กบ้าถอนใจก่อนจะเอ่ยอย่างเอือมระอา ถ้าไม่สบายใจนักก็เอาไปเก็บเป็นประกันไว้ก่อน ฉันรับของในมือมาอย่างงงๆ พอเอามาเล็งใกล้ๆ มันคือสร้อยคอมีจี้ล้อมเพชรรูปคล้ายๆ หางนกยูง ไอ้คนดูของไม่เป็นแบบชั้นก็ยังคงนึกไม่ออกว่ามันจะคุ้มกับการประกันความปลอดภัยในร้านได้ยังไง ไอ้สร้อยคอ 199 เนี่ยนะ .... ชั้นร้องออกมา เด็กหนุ่มหัวเราะหึๆก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ของในร้านก็ราคาประมาณนี้ทั้งนั้นนี่........ โอ๊ย ปวดตับจริงๆ ฟังมันพูดแต่ละคำ ชั้นเก็บสร้อยใส่กระเป๋ากางเกงและชี้ทางขึ้นบันไดไปด้านบน ชั้นสามเลย ....ห้ามแวะห้องอื่นเด็ดขาด
อ้าว แล้วไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอ เจ้านั่นถาม
เรื่องอะไรฉันต้องขึ้นไปด้วย ฉันตอบเสียงเรียบ ฉันนึก อันตรายสุดๆ เดินขึ้นห้องนอนไปกับคนที่เพิ่งรู้จักกันเนี่ยนะ เด็กนั่นหัวเราะตัวสั่นเลยคราวนี้ เหมือนจะรู้ทันความคิดของฉัน ขำอะไรนักหนามิทราบ ฉันค้อน เด็กนั่นเดินผ่านหน้าชั้นไปโดยไม่ตอบอะไร นังวัยหวานตัวดีกระโดดแผล่วตามเขาไป อีนังแมวบ้าผู้ชาย ฉันนึกด่าในใจ
ฉันทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่กวาดพื้น ถูพื้น เช็ดกระจก พับผ้าเช็ดผม จนลูกค้าเข้าร้านมาคนแรก เชิญค่ะ ฉันยิ้มรับ ทำเล็บมือกับเท้า หญิงวัยรุ่นเอ่ย ขอโทษค่ะ พอดีที่นี่ไม่มีบริการทำเล็บ เด็กสาวม้วนตัวออกไปทันที ก็ฉันไม่ชอบนี่นา แคะเล็บเท้าลูกค้าคนนั้นแล้วมาสระผมคนนี้ มันดูน่าสงสารลูกค้าคนที่สองยังไงไม่รู้
เลือกทำแต่ผม ไม่ทำเล็บแล้วเมื่อไร่จะได้เงินล่ะเนี่ย เสียงอันน่าหงุดหงิดรำคาญใจดังขึ้น ฉันไม่ได้หันไปมอง เจ้ากี้เจ้าการอะไรมิทราบ คุณลูกจ้าง ชั้นทำเสียงประชดประชัน เจ้าเด็กนั่นพาร่างสูงยาวเดินไปนั่งที่โซฟาคัวโปรดของฉัน ถามจริงๆ เหอะ ตั้งแต่เปิดร้านมา ลูกค้าเข้ามาวันละกี่คน ได้เงินมั่งมั้ย มันยังเปิดประเด็นจุดบอดของฉันไม่มียั้ง ทำไม คิดว่ามีไอเดียอะไรดีๆ เหรอ ฉันลองเอาน้ำเย็นเข้าลูบ จริงๆ แล้วลูกค้าเข้าร้านไม่เกินวันละห้าคน เป็นแบบนี้ร้านชั้นก็คงแย่แน่ๆ ถ้าเจ้าเด็กนี้มีอะไรแนะนำก็คงจะดีไม่น้อย ไม่มีหรอก แค่คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เอ้า...........ไอ้เวรนี่
เกือบเที่ยงแล้ว ยังไม่มีลูกค้าสักคน ชั้นนั่งเซ็งอยู่ตรงเก้าอี้ทำผม นึกเจ็บใจที่โซฟาตัวโปรดถูกจับจองโดยชายหนุ่มผู้ซึ่งมีฐานะเป็นลูกจ้างและแมวซึ่งชั้นเป็นเจ้าของแต่ดัดจริตไปอี๋อ๋อกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสามชั่วโมง
คิดยังไงมาเปิดร้านทำผมตรงนี้............ อยู่ดีๆ เจ้านั่นก็เอ่ยขึ้น หลังจากเงียบไปนานจนชั้นนึกว่าเขาหลับไปแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นย่านธุรกิจ ผู้หญิงที่มาทำงานอาจจะอยากสระผมทำผมบ้าง ชั้นเอ่ยเหมือนกำชัยชนะไว้ ย่านธุรกิจก็จริง แต่ร้านมันอยู่ในซอยลึกแบบนี้ ต้องคนหลงทางหรือเสียสติเท่านั้นแหละถึงจะเดินมาถึงนี้ได้ แล้วนี่ลองลืมตาดูบ้างรึเปล่าว่าร้านอื่นๆ เขาปิดป้ายเซ้งกันเป็นแถวน่ะ โอ๊ย..อะไรกัน ทำไมต้องด่ามาเป็นชุดแบบนี้ จะเถียงทันได้ไง จะเถียงเรื่องไหนก่อนดีล่ะ แล้วตึกนี้ก็เช่าเขาอยู่ใช่ไหม.... เจ้านั่นยังพูดต่อ เดือนละเท่าไร.........
หมื่นสอง........... ฉันกัดฟันพูด หา .............หมื่นสอง แล้วนี่เสียค่าเซ้งร้านตอนแรกอีกหรือเปล่า เจ้านั่นทำเสียงเหมือนไฟไหม้บ้าน ฉันพยักหน้าหงึกๆ แต่ไม่อยากบอกตัวเลข นี่ ถามจริงๆ เหอะ คิดมาทำเล่นๆ หรือว่าจะยึดเป็นอาชีพจริงๆ เนี่ย ฉันไม่ตอบ คนตกคณิตศาสตร์อย่างฉันกำลังคำนวณตัวเลขในสมอง ซึ่งจริงๆ แล้วฉันก็รู้ว่าฉันเสียเงินไปมหาศาลและก็กำลังจะติดลบในไม่ช้า ส่วนของเงินเก็บที่พอจะมีก็จะต้องถูกดึงออกมาใช้และสุดท้ายฉันก็คงจะไม่เหลืออะไร น้ำตารื้นออกมาจนดวงตาร้อนผ่าว ฉันแสร้งลุกเดินไปห้องน้ำ
ฉันปิดประตูห้องน้ำ น้ำตาซึมด้วยความคับแค้นใจ เงินก้อนเดียวที่ฉันมีอยู่ก็เอามาลงทุนกับร้านนี้เสียมากมาย แล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ต้นทุนคืนในเร็ววัน ที่สำคัญฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดที่จะรอวันคืนทุนอย่างช้าๆ ได้ แต่ด้วยความที่ไม่เคยลงทุนทำอะไรด้วยตัวเองประกอบกับไม่มีความรู้ด้านการทำธุรกิจ ทำให้ฉันตัดสินใจอะไรๆ ด้วยความผิดพลาดอย่างมหันต์ ช่วงที่เปิดร้านมาก็เกือบจะการันตีได้แล้วว่าฉันคงจะไม่มีกำไร แถมชักเนื้อตัวเองแน่ๆ ในเดือนนี้ ฉันจำใจกรีดน้ำตาออกจากหางตา มัวแต่มาร้องไห้คงไม่มีอะไรดีขึ้น ฉันเปิดประตูออกมา ร่างทะมึนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ เจ้าเด็กเวรไร้ชื่อยืนทื่อขวางทางอยู่ พอประจันหน้ากันแบบนี้ ฉันแทบจะต้องแหงนคอตั้งฉากคุยเลยทีเดียว อะไร.............. ฉันเอ่ยงงๆ เพราะเด็กนั่นจ้องฉันผ่านขนตาดกดำเป็นแพ
ร้องไห้เหรอ เจ้านั่นพูดเสียงเบา เอ่อ.........เปล่า.....นี่ ฉันงึมงำ เจ้านั่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันเกิดความไม่มั่นใจ ว่าน้ำมูกน้ำตามันไหลเลอะหน้าตาหรือเปล่า ฉันว่าฉันเริ่มมองเห็นลูกตาของเจ้าเด็กเวรนั่นแล้ว.....ตาแดงเชียว เด็กนั่นเอ่ยขึ้นแถมยังไม่ยอมหยุดจ้อง เฮ้ย...ฉันก็อายเป็นนะ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ฉันมันคนเซนซีทีฟนะ เวลาเศร้าๆ ห้ามใครมาปลอบใจ ต่อมน้ำตาจะแตกเอาง่ายๆ
จะบ้าเหรอ มาเศร้าอะไรตอนนี้ เจ้าเด็กนั่นตะโกนใส่หู ฉันตกใจยืนนิ่ง
เวลาแบบนี้... ร้องไห้ทำไม เสียเวลาเปล่าๆ แทนที่จะคิดหาทางแก้ไข เจ้าเด็กนั่นจับข้อมือลากฉันไปนั่นตรงโซฟาตัวสวย หยุดร้องไห้ได้แล้ว... คิดหาทางหาเงินเข้าร้านสิ ถ้าคิดออกฉันจะนั่งร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไรวะ ฉันยังไม่หยุดร้องไห้ น้ำตาเจ้ากรรมพากันไหลพร่างพรูเหมือนนางเอกละครโดนแม่สามีไล่ตามฆ่า
ถามจริงๆ เหอะ มาเปิดร้านทำผมแบบนี้ มีวิชาอะไรติดตัวมั่ง ฉันยังสะอึกสะอื้น ก็ตัดผม สระผม ซอยผม เจ้านั่นเดินไปรื้อแกนผมที่ฉันเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม แกนดัดสมัยพระเจ้าเหา โดนคนขายเขาหลอกขายของเก่าแล้ว เดี๋ยวนี้เขาใช้แกนแบบใหม่นำเข้าจากเกาหลีกันแล้ว แกนแบบนี้มีแต่คุณป้า คุณยายจะมาดัดกัน
มันยังคุ้ยของไม่หยุด แล้วพวกกรรไกรซอยผมนี่มันของสมัยไหน ลืมตาดูบ้างรึเปล่าว่าตอนนี้เขาใช้แบบไหน รุ่นไหนกันบ้าง ไหนจะเครื่องอบผม เครื่องอบไอน้ำอีก
ที่สำคัญนะ ชื่อร้านน่ะ เมษาพาเพลิน เรียกลูกค้าได้มากเลยนะ ที่อื่นเขาตั้งชื่อเกาหลี ชื่อเท่ห์ๆ กันโครมๆ มันยังด่าไม่หยุด แต่ฉันหยุดร้องไปนานแล้ว แค้นก็แค้น แต่ที่โดนด่ามาก็จริง แล้วที่บอกว่าซอยผม ดัดผมเป็นน่ะ อย่าบอกนะว่าเรียนมาแค่คอร์สสั้นๆ แค่คอร์สเดียว ชั้นพยักหน้าหงึกๆ เจ้านั่นถอนใจและทิ้งตัวโครมลงนั่งข้างๆ เมษาเอ๊ยเมษา เมษาพากันร่วงแล้ว
ฉันร้องไห้อีกรอบ ไม่ใช่เพราะคับแค้นใจที่โดนด่า แต่ร้องไห้เพราะอับจนหนทางจริงๆ จริงอย่างที่เด็กหนุ่มว่า ทุกอย่างเป็นจริงหมด ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงมองทะลุปรุโปร่ง หรือว่าฉันโง่และโดนหลอกจริงๆ เจ้าของเก่าที่เซ้งเช่าตึกนี้ให้ฉันก็บอกว่าจะขายต่ออุปกรณ์ทุกอย่างแบบไม่เอากำไร แถมบอกว่าร้านนี้คนเข้าเยอะมากจนเขาทำไม่ไหว เงินทองเยอะจนไม่อยากทำต่ออีกแล้ว แถมคิดค่าเซ้งค่าเช่าถูกแสนถูก เขาท้าให้ไปถามร้านอื่นในละแวกนี้ได้เลย เขาคิดถูกที่สุด แต่ฉันก็ไม่ได้ไปสืบราคาที่ไหน เพราะความเชื่อใจ ฉันปาดน้ำตาป้อยๆ เจ้านั่นขยับตัวหันมามองหน้า ฉันสะดุ้ง กลัวว่าจะโดนด่าเข้าอีก
แล้วจะทำยังไงต่อ เด็กไร้ชื่อถามเสียงเบาลงสามระดับ คงเห็นว่าฉันกำลังโศกเศร้าอยู่ ฉันส่ายหน้า ขอคิดดูก่อน เธอจะไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะ เพราะฉันอาจจะโดนยึดร้านเร็วๆ นี้
งั้นเราเอาแมวไปด้วยนะ อะไรนะ ฉันอ้าปากค้าง นั่นไง หยุดร้องสักที แล้วตั้งสติได้แล้ว เด็กนั่นยิ้มให้ฉัน เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้านี่ยิ้ม ฉันยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลย ทำอะไรก็ไม่เป็น...... จริงๆ แล้วเธอเอาแมวไปก็ได้นะ ฉันเศร้าอีกแล้ว เพราะตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เฮ้อ เป็นผู้ใหญ่แค่ตัวเลขอายุจริงๆ เจ้านั่นประชด ฉันเริ่มเปลี่ยนโหมดจากเศร้ามาเป็นโมโห
เออ ก็ฉันมันงี่เง่า ไม่มีความรู้ โดนหลอก โง่ ดักดาน ก็ซ้ำเติมเข้าไป ฉันเอนตัวพิงโซฟา หลับตาอยากปล่อยวางทุกสิ่ง คิดลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มคิดออกจากบริษัทที่ทำงานประจำ ได้เงินก้อนใหญ่มา เอามาผสมกับเงินเก็บที่พอจะมี ด้วยความที่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ เลยเดินมองหาทำเลทำการค้าจนมาเจอร้านนี้ที่เจ้าของเก่ากำลังติดป้ายเซ้งพอดี คุยไปคุยมาเขาก็เลยเซ้งร้านให้พร้อมกับยกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆให้แทบหมดร้าน แถมขายต่ออุปกรณ์ทำผมต่างๆ หาร้านลงของเช่นแชมพู ครีมนวด ยาย้อมผมต่างๆ เป็นธุระเรื่องต่างๆ ให้ ช่วยเหลือฉันอย่างดี แถมยังแนะนำสถานที่ไปเรียนทำผมแบบแพงหูฉี่ซึ่งการันตีได้ถึงความเลิศหรูให้อีก แต่พอมาคิดๆ ดูเงินที่ฉันเสียไปครั้งละนิดครั้งละหน่อยรวมๆ กันไปก็เป็นก้อนใหญ่ มันไปโดยที่ไม่คิดจะกลับมา
ฉันลืมตา หน้าเด็กเวรนั่นลอยอยู่ใกล้หน้าฉันนิดเดียว เฮ้ยยยย............. จ้องอะไรเนี่ย เข้ามาชิดจนจะสิงร่างฉันได้อยู่แล้ว ฉันโวยวายด้วยความตกใจ นึกว่าไม่หายใจ....... ดูมันตอบ เจ้านั่นดึงหนังสติ๊กขึ้นมามัดผมปอยที่ตกมาปรกหน้า แอร์พังแล้วมั้งเนี่ย พูดแล้วก็เดินไปเขย่งดูเครื่องปรับอากาศที่ส่งเสียงหึ่งๆ แต่ไม่มีความเย็นออกมาเลย ฉันลอบมองร่างสูงโปร่ง แขนขาวเนียนเต็มอุดมด้วยมัดกล้าม เคยเห็นกล้ามแบบนี้แต่ในทีวี พอได้เห็นของจริงมันตื่นเต้นดีจัง ฉันอยากจะเขกหัวตัวเอง ใช่เวลาตะลึงไหมเนี่ย เมษา
ปุ๊.............เสียงแผงกดปุ่มของเครื่องปรับอากาศทะลุเข้าไปในเครื่อง
พังแล้ว........ เจ้านั่นหันมามอง หน้าตาไม่ใคร่เหมือนคนกระทำผิดนัก ฉันมองเห็นใบหน้าเต็มตา วงหน้ารูปไข่ขาวนวล รอยหยักรูปหัวใจที่กลางหน้าผากมีไรผมอ่อนๆ คลุมอยู่ ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนรับกับคิ้วโก่งๆ ได้รูปนั่น จมูกเป็นสันเรียวเข้ากันดีกับปากบางๆ แต่ด่าเก่งนั่น
เฮ้ย...........เธอเป็นดาราใช่มั้ย ฉันถลาเข้าไปหา ขอดูหน้าชัดๆ หน่อย แล้วรีบเอาสองมือจับใบหน้ามามองชัดๆ เจ้านั่นเบือนหน้าหนี ถอยหลังกรูดๆ
ขอดูหน้าหน่อย..... เจ้านั่นยังพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น ฉันยังคงพยายามต่ออย่างไม่ลดละ เขายังถอยหลังจนติดฝาแล้ว ฉันยังรุกต่อ พยายามใช้สองมือประคองใบหน้านั่นให้เห็นชัดๆ เขาหันหน้าหนีไปซ้ายขวา ฉันพยายามเล็งใบหน้าขาวนวลนั้น อยู่ดีๆ เจ้านั่นก็หยุดดิ้นแล้วเอามือมาจับข้อมือชั้น และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ฉันแทบจะหยุดหายใจ จะหล่ออะไรขนาดนี้ หล่อไม่เผื่อแผ่ใคร หล่อไม่ปรึกษาคนข้างบ้าน ดวงตาสวยกว่าที่เห็นแวบแรก มันดูเหมือนลูกกวางน้อยผสมราชสีห์ในคราวเดียวกัน แก้มขาวๆ มีสีชมพูระเรื่อมาเจืออยู่ พอพิศใกล้ๆ แล้วผิวสวยเปล่งประกายมากๆ หน้าของฉันอยู่ติดกับหน้าหล่อๆ นี่นิดเดียวจริงๆ
พอใจรึยัง ทำตัวเหมือนสาวแก่จะพร่าพรหมจรรย์เด็กหนุ่ม เจ้านั่นประชดจนฉันได้สติเลย ฉันรีบปล่อยมือและถอยห่างออกมา แต่ยังไม่วายจ้องหน้าขาวผ่องนั้น
ทะ.....ทะ.......... เธอ เป็นดาราใช่ไหม ฉันยังไม่หยุดสั่น ตื่นเต้นนี่นา ใครเจอดาราแล้วไม่ตื่นเต้นบ้าง
จากคุณ |
:
Sexy Peachy
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 54 08:34:12
|
|
|
|