ยมทูต บทที่ 3 คำขอร้องของคนตาย
|
 |
บทที่ 1 วันตายของผม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10885914/W10885914.html
บทที่ 2 วิญญาณข้างทาง http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10917478/W10917478.html
บทที่ 3
คำขอร้องของคนตาย ท่าทางที่หวาดกลัวของพวกผีจรจัดทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง สงสัยแม่ยมทูตสาวจอมโหดจะกลับมาแล้ว ผมคิดพลางลุกขึ้นและกวาดตามองหา เจ้าหล่อนอยู่ตรงไหนล่ะ ไม่เห็นมีเลย
คนของยมทูต เสียงแหบพร่าจากเจ้าผีตัวใหญ่ที่สุด ผมรีบหันหน้ากลับไปมองและพบว่ามันกำลังจ้องข้อมือของผมเขม็ง ที่แท้สิ่งที่เจ้าพวกนั้นกลัวคือโซ่เส้นนี้นั่นเอง ผมแกล้งขยับมือไปข้างหน้าและแกว่งโซ่ขู่ ฝูงผีถอยหลังกรูดทันที
คนของยมทูต มันพูดซ้ำประโยคเดิมก่อนจะหันไปทางวิญญาณของชายเคราะห์ร้าย ตัวที่เหมือนหัวหน้าแสยะยิ้ม เจ้านี่ยังไม่มีใคร
เงาดำทั้งหมดเคลื่อนเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ผมรีบตะโกนเรียกเขาด้วยความเป็นห่วง
คุณ คุณ!
ดูเหมือนวิญญาณดวงนั้นจะไม่ได้ยินหรืออาจจะไม่สนใจเพราะเขามัวมุ่งมั่นอยู่กับการหยิบธูปเทียนให้ได้เท่านั้น ผมสะบัดโซ่อย่างนึกขัดใจขณะที่คิดว่าป่านนี้คงวิ่งไปเตือนเขาได้หากไม่ถูกล่าม แล้วนี่จะทำยังไงกันดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ผู้ชายคนนั้นคงถูกพวกผีบ้านั่นลากไปด้วยแน่ ผมคิดด้วยความกังวล เสียงผีร้ายดังขึ้นอีกครั้ง
มาอยู่ด้วยกัน
อีกแค่ไม่ถึงคืบปลายนิ้วผอมเกร็งของพวกมันก็จะถึงตัวเขา ผมอ้าปากเพื่อจะร้องเรียกชายผู้นั้นอีกครั้งแต่ต้องชะงักเมื่อผีร้ายทั้งหมดหยุดค้างนิ่งเหมือนมีอะไรบางอย่างกั้นขวางระหว่างพวกมันกับวิญญาณเคราะห์ร้ายดวงนั้นเอาไว้ พวกมันคำรามด้วยความโกรธจัดขณะตะกุยตะกายอากาศอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมมองด้วยความแปลกใจและหันหน้าไปทางชายชรา
ผีข้างถนนพวกนั้นไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้ ปู่เจ้าที่พูดขึ้น ตอนนั้นเองที่ผมเห็นเหมือนมีเกราะหรือกำแพงโปร่งครอบคลุมศาลเพียงตาแห่งนี้เอาไว้ คงเป็นพลังคุ้มครองอาณาเขตเหมือนที่ผมเคยอ่านในหนังสือการ์ตูน เห็นแก่แบบนี้แต่เก่งไม่เบาเลยนะ
เป็นเจ้าที่ทั้งทีก็ต้องมีฝีมือกันหน่อย ชายชราพูดพร้อมกับหันมายิ้ม กำแพงแก้วจะปกป้องวิญญาณดวงนั้นเอาไว้จนกว่าจะมียมทูตมารับ
แล้วถ้าเขาเดินออกไปเองล่ะครับ ผมถามอย่างเร็ว ปู่เจ้าที่ส่ายหน้า
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นเหตุสุดวิสัย คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม แกจ้องหน้าผม ถามแบบนั้นทำไม
เพราะเขากำลังเดินออกไปแล้วน่ะสิ ผมตอบเสียงดัง ปู่เจ้าที่หันไปมองชายผู้นั้นทันที
เวรแล้ว แกอุทาน ขืนออกไปล่ะก็เสร็จเจ้าผีข้างถนนพวกนั้นแน่
ห้ามเขาไว้สิปู่ ผมพูดและหันไปตะโกนร้องบอกวิญญาณดวงนั้นด้วยความตกใจ อย่าไปทางนั้น
ดูเหมือนชายผู้เคราะห์ร้ายจะไม่ได้ยินเสียงของผม เขาก้าวออกจากกำแพงแก้วด้วยอาการเลื่อนสอย เสียงโห่ร้องอย่างยินดีดังมาจากกลุ่มผีข้างถนน พวกมันกรูเข้าไปหาเขาราวฝูงสุนัขป่าเห็นลูกกวาง ผมร้องลั่นพลางกระชากโซ่ล่ามอย่างแรง
อย่า!
ยังไม่ทันที่มือของผีตนใดจะแตะต้องวิญญาณของชายคนนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เหล่าผีข้างถนนถูกแรงอัดจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ผมยืนตะลึงตาค้างขณะมองยมทูตสาวซึ่งกำลังยืนหน้าบึ้ง เธอจ้องฝูงผีเขม็ง
ไปให้พ้น
เสียงทรงอำนาจตวาดก้อง ตัวที่เหมือนหัวหน้าทำท่าจะขยับเข้าไปหาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นดวงตาวาวของสาวยมทูต มันทำเสียงคำรามอย่างขัดใจ พวกบริวารทั้งหลายลอยมารวมกันมันเคลื่อนถอยห่างและจางหายไปอย่างรวดเร็ว ผมเห็นแม่ยมทูตอกโตเบ้หน้า
ไอ้พวกผีไม่มีญาติ
เธอบ่นพึมพำและหันหน้าไปมองชายเคราะห์ร้ายซึ่งกำลังยืนงง
ทำไมถึงยังไม่มีใครมารับ
เจ้าหล่อนถามเสียงดุขณะชำเลืองตามายังเจ้าที่ ผมเห็นปู่ส่ายหน้า
นึกว่าอยู่ในบัญชีของเธอ
บัญชีของฉันไม่มีรายชื่อของผู้ชายคนนี้ ยมทูตสาวพูดพลางดึงแท็ปเล็ตออกมา ไปรับดวงวิญญาณนายแบบที่เมาตกชักโครกตายตอนเที่ยงคืนแล้วตีสามถึงจะมีวิญญาณตายหมู่เพราะถูกรถเมล์วิ่งขึ้นไปทับ
นิ้วกดปุ่มระรัวก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นและพูดเสียงห้วน
เขาไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน
อ้าว แล้วตกลงผู้ชายคนนี้อยู่ในความดูแลของใคร
เหลวไหลไม่ตรงเวลาแบบนี้คงจะเป็นหมอนั่น เธอพูดเหมือนโกรธก่อนจะหันมาทำตาดุใส่ผม มองอะไร
อ้าว ไหงมาลงเอยกับเราแบบนี้ล่ะคนสวย ผมคิดและรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าหล่อนสามารถอ่านความคิดคนอื่นได้ แต่ดูเหมือนจะสายไปเพราะแม่ยมทูตสาวทำตาขวาง
อย่ามาทะลึ่งกับฉัน
เรื่องเล่าสยองของเจ้าที่วิ่งพรวดเข้ามาในความทรงจำ ผมจ้องยมทูตสาวที่ยกมือขึ้นด้วยดวงตาเหลือกลานและแหกปากร้องลั่นอย่างหวาดกลัว
อย่าทำผม
แขนยกขึ้นในท่าปัดป้อง ใจคิดอยากจะวิ่งหนีแต่เข่ามันดันอ่อนจนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น หัวใจของผมเต้นระรัวราวกับกลองในขณะที่นึกว่าจะเจ็บขนาดไหนตอนโดนแม่ยมทูตจอมโหดอัดพลังเข้าใส่ แต่แทนที่จะได้ยินแสงสีเสียงระเบิดตูมตามทุกอย่างมันกลับเงียบสงบจนผมต้องลดมือลงและมองลอดแขนตัวเองด้วยความแปลกใจ เสียงปู่เจ้าที่ถาม
เอ็งเป็นอะไรไปวะ
ผมทำตาปริบๆในขณะที่ยมทูตคนสวยนิ่วหน้า
ข้อมูลไม่เห็นบอกเลยว่านายเป็นคนเสียสติ
อ้าว ไอ้เราก็นึกว่าจะโดนแม่สาวอกโตซัดพลังเข้าใส่ ที่ไหนได้คุณเธอกลับมองผมราวกับเป็นของประหลาดก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับวิญญาณของชายคนที่ถูกรถชน
ป่านนี้แล้วเจ้านั่นยังไม่มาอีก เธอบ่นอย่างหงุดหงิดพลางโบกมือ พื้นที่ผมยืนอยู่สั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ผมก้มหน้าลงมองและอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อปลายโซ่ข้างที่ฝังดินถูกดึงขึ้นมา มันลอยไปหายมทูตสาวซึ่งกำลังหงายมือรอรับ เธอคว้าหมับพร้อมกับพูด
ฉันต้องไปแล้ว
แล้วจะปล่อยวิญญาณของเขาเอาไว้แบบนี้หรือ เสียงปู่เจ้าที่ถาม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว
ไม่ใช่หน้าที่ฉัน ปล่อยเขาเอาไว้แบบนั้นนั่นแหละ
ดีเหมือนกัน ฉันเองก็อยากเห็นตอนเขาโดนผีข้างถนนรุมทึ้ง มันน่าตื่นเต้นดี ผมรีบพูดประชด ยมทูตสาวหันมาทำตาวาว
พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
เปล่า ผมพูดพลางแกล้งแยงหูตัวเองเล่น พอดีปากมันว่างเลยแกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง
แม่สาวยมทูตโกรธจนหน้าแดง ถ้าเป็นคนธรรมดาคงดูน่ารักแต่สำหรับผู้นำทางคนตายแบบนี้มันกลับดูน่ากลัวพิลึก ผมรีบลดมือลงและเริ่มคิดหาทางหนีทีไล่ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้หากยังคงถูกโซ่ล่ามเอาไว้แบบนี้ งานนี้เจ้าหล่อนคงซัดพลังใส่ผมจนเละเป็นโจ๊กก่อนลงนรกแน่
เอ่อ
เสียงทุ้มดังขัดขึ้นมา ทั้งผมและยมทูตคนสวยรวมทั้งปูเจ้าที่ต่างหันไปมองชายเคราะห์ร้ายซึ่งกำลังยืนมองเราทั้งสามด้วยสายตางุนงง
ไม่ทราบว่าพวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่หรือครับ
พวกเรายืนนิ่ง อีกฝ่ายหันไปมองร่างที่นอนอยู่ริมถนนและขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
มีใครเรียกรถพยาบาลหรือยัง
ไม่จำเป็น ยมทูตสาวตอบ ชายคนนั้นมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ
คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง เขาเอามือล้วงกระเป๋าและทำท่าควานหาอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง หายไปไหน
อะไรหายหรือครับ ผมถาม ชายเคราะห์ร้ายนิ่วหน้า
โทรศัพท์มือถือของผมน่ะสิ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน เขาตอบพลางสอดส่ายสายตามองหาจ้าละหวั่น ปู่เจ้าที่มองเขาด้วยความเวทนา
เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว แกพูดขึ้น ชายผู้นั้นหันหน้ามามอง
หมายความว่ายังไงกันครับ
หมายความว่านับแต่นี้ต่อไป นายจะไม่ได้ใช้ของพวกนี้อีกต่อไปแล้วน่ะสิ ยมทูตสาวพูดเสียงเรียบ อีกฝ่ายทำหน้างงหนักขึ้น
ผมไม่เข้าใจ เขาชะงักคำพูดและทำหน้าราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อ๋อ เข้าใจแล้ว ที่แท้พวกคุณก็เป็นพวกหัวขโมย นี่คิดจะปล้นผมใช่ไหมครับ เสียใจด้วยเพราะนอกจากโทรศัพท์มือถือนั่นแล้ว ผมแทบไม่มีอะไรติดตัวเลย
เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าอีกครั้งและควานหาอย่างวุ่นวาย ผมได้ยินผู้ชายคนนั้นสบถออกมาสองสามคำก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องเราสามคนเขม็ง
ใครเอากระเป๋าสตางค์ผมไป
ผมยืนนิ่งในขณะที่ปู่เจ้าที่ส่ายหน้า ส่วนแม่สาวยมทูตมองเขาอย่างรำคาญ
ก็บอกแล้วว่านายไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้แล้ว เธอพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ
ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือ ผมยกให้พวกคุณก็ได้ เงินน่ะอยากได้ก็เอาไปแต่ขอกระเป๋าสตางค์คืนมาเถอะครับ เขาเว้นคำพูดเล็กน้อย เพราะในนั้นมีรูปคนสำคัญของผม
น้ำเสียงเฃิงอ้อนวอนของเขาทำให้ผมใจหาย แค่รูปในกระเป๋ายังเป็นกังวลขนาดนี้ แล้วนี่ถ้ารู้ว่าตัวเองตายไปแล้วเขาจะตกใจขนาดไหน ผมหันไปมองแม่ยมทูตอกสวยเพราะอยากจะขอร้องให้เธอบอกความจริงกับผู้ชายคนนั้นอย่างละมุนละม่อม แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป
ถึงรูปจะสำคัญแค่ไหนก็ไม่ใช่ของจำเป็นสำหรับคนตาย
คุณพูดเรื่องอะไร ชายเคราะห์ร้ายถาม ยมทูตสาวมองเขาด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะตอบเสียงเรียบ
นายตายไปแล้ว เธอพยักหน้าไปทางร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน ศพยังอยู่ที่นั่น
คุณอย่ามาพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ชายคนนั้นพูดเสียงดัง ถ้าผมตายไปแล้วจะมายืนคุยกับพวกคุณได้ยังไง
นายเป็นแค่วิญญาณ สาวยมทูตตอบ ถ้าไม่เชื่อจะไปดูร่างของตัวเองก็ได้
อ๊ะ ไปด้วยสิ ผมคิดพลางรีบขยับตัว อยากเห็นคนถูกรถชนแบบไม่มีไทยมุงมานานแล้ว ดูสิว่าสภาพศพจะเป็นยังไง มันจะเหมือนที่เห็นในหนังไหม ยมทูตสาวหันมาถลึงตาใส่ผม
รออยู่นี่
ปลายโซ่พุ่งทะลุลงดินอีกครั้ง คราวนี้มันจมลึกลากข้อมือผมจนหัวทิ่ม แม่ยมทูตจอมแสบทำหน้าเหมือนสะใจก่อนจะหันกลับไปทางชายคนนั้นอีกครั้ง ทั้งคู่ลอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ผมโงหัวขึ้นเพื่อมองตามและสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากชายเคราะห์ร้ายเมื่อได้เห็นร่างของตัวเอง
น่าเวทนา
ปู่เจ้าที่เปรย ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งมองวิญญาณที่กำลังส่งเสียงร่ำไห้ ภาพของชายกลางคนที่กำลังตีอกชกตัวด้วยความเสียใจทำให้ความอยากรู้อยากเห็นในตอนแรกของผมมลายหายไป ในเวลานั้นเองที่ผมนึกถึงพ่อแม่ขึ้นมา ป่านนี้พวกท่านจะรู้หรือยังว่าลูกชายหายไป แต่ไอ้ตัวแสบจอมเกเรอย่างผมถึงจะหายไปเป็นอาทิตย์พวกท่านก็คงไม่ใส่ใจเท่าไหร่หรอกมั้ง
ไม่มีพ่อแม่คนไหนใจดำถึงขนาดนั้นหรอก เสียงชายชราพูดขึ้น ผมเงยหน้ามองแกแล้วสั่นหัว
ปู่ไม่รู้จักพ่อแม่ผม
คงเป็นอย่างนั้น เพราะขนาดเอ็งซึ่งเป็นลูกยังไม่รู้จักพวกเขาแล้วข้าซึ่งเป็นแค่เจ้าที่จะไปรู้อะไร
คำพูดของปู่ทำให้ผมสะอึก จะว่าไปแล้วตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมานอกจากขอเงินแล้วผมแทบไม่เคยพูดอย่างอื่นกับพ่อแม่เลย ก็นะเจอหน้ากันก็พูดแต่เรื่องผลการเรียน ห้ามทำโน่น ห้ามทำนี่ ห้ามไปไหนมาไหนตามลำพัง ห้ามคบเพื่อนที่พวกท่านไม่ชอบหน้า ห้ามมันไปซะหมดทุกอย่างแบบนี้เป็นใครก็อึดอัดกันทั้งนั้นแหละครับ ตายไปแบบนี้พ่อแม่ผมคงสบายใจขึ้นแยะ ก็ไม่มีคนต้องให้บ่นอีกแล้วนี่
มัวแต่คิดถึงเรื่องของตัวเองจนลืมสังเกตว่าตอนนี้แม่ยมทูตสาวพาชายที่ถูกรถชนตายลอยกลับมายืนข้างหน้าผมอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะพอทำใจยอมรับขึ้นมาได้บ้างเพราะอาการฟูมฟายเมื่อครู่หายไปเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นที่ดังออกมาเป็นระยะเท่านั้น ผมมองชายคนนั้นอย่างเห็นใจแต่ไม่กล้าปลอบเพราะกลัวสาวยมทูตจะสั่งให้โซ่ลากผมจมดิน
ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า
เจ้าหล่อนหันมาพูดก่อนจะเบือนหน้ากลับไปที่ชายเคราะห์ร้ายอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็มีเสียงกรีดร้องบาดหูดังขึ้น ยมทูตสาวนิ่วหน้าขณะดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า อ้อ เสียงเรียกเข้ามือถือนี่เอง นอกจากเจ้าอุปกรณ์หน้าตาเหมือนแท็ปเล็ตแล้วยังมีของแบบนี้อีก นรกนี่ทันสมัยไม่เบา แถมยังเป็นรุ่นล่าสุดแบบพิมพ์ข้อความคุยกันได้ซะด้วย ผมพยายามมองภาพพักหน้าจอเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นรูปของเจ้าตัวแต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อแม่ยมทูตสาวหันมาทำตาวาว
มีอะไร เธอกรอกคำพูดลงไปในโทรศัพท์ เสียงปลายสายดังลอดออกมาผมเงี่ยหูฟังแต่จับใจความอะไรไม่ได้ คงเป็นเรื่องไม่ดีนักเพราะยมทูตคนสวยเริ่มขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกัน
แล้วนายจะมารับเขาเมื่อไหร่ แม่สาวยมทูตถามเสียงห้วนและนิ่งฟังอีกฝ่ายพูดจนจบ ก็ได้ รีบหน่อยก็แล้วกัน
เธอปิดโทรศัพท์ฉับและยัดกลับลงไปในกระเป๋า ปู่เจ้าที่จึงรีบถาม
เขาว่ายังไง
เจ้านั่นต้องไปรับวิญญาณของพวกนักท่องเที่ยวที่เรือล่ม ยมทูตสาวถอนใจ กว่าจะเรียกพวกนั้นขึ้นจากน้ำได้ต้องสู้กับพวกเงือกจนเหนื่อย ถ้าเป็นฉันคงไม่เสียเวลาขนาดนี้หรอก ระเบิดพวกมันให้กระจุยไปซะก็หมดเรื่อง
สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังเสียจนผมต้องนั่งหดหัว ยมทูตอะไรโหดชะมัด ทั้งซัดวิญญาณจนกระจายแล้วยังคิดระเบิดเงือกให้กระจุยอีก เอ๊ะ เงือกนี่มีจริงด้วยเหรอ
มีจริง แต่พวกมันเป็นภูตน้ำไม่ใช่สาวเปลือยอกอย่างที่พวกมนุษย์คิด
ยมทูตสาวตอบทันควันก่อนหันหน้าไปที่ชายเคราะห์ร้ายและพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก
ยมทูตที่ต้องมารับนายติดธุระ ตอนนี้คงต้องอยู่กับฉันไปก่อน เธอกระแทกลมหายใจ มีตัวถ่วงเพิ่มมาอีกคน น่าเบื่อเป็นบ้า
ชายคนนั้นหน้าสลดลง หลังจากยืนนิ่งอยู่สักพักเขาจึงตัดสินใจพูดขึ้น
ผมขอกลับไปลาลูกเมียได้ไหม
ไม่ได้ แม่สาวยมทูตตอบสียงห้วน ชายเคราะห์ร้ายมองเจ้าหล่อนด้วยสายตาอ้อนวอน
ได้โปรด
บอกว่าไม่ได้ ยมทูตสาวยืนกรานเสียงแข็ง ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าของชายผู้นั้นด้วยความเห็นใจ เขาคงอยากกลับไปดูหน้าครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไปรับกรรม ความคิดดังกล่าวของผมคงไหลเข้าไปในหูของแม่ยมทูตสาวจอมโหด เธอหันมาทันที
ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนั้น กฎย่อมเป็นกฎ เขาจะกลับขึ้นมาลาครอบครัวได้คือเจ็ดวันหลังจากนี้
แล้วระหว่างนั้นล่ะ
ผมถามอย่างนึกฉุน ถึงจะรู้ว่าพวกยมทูตโหดแต่ไม่คิดว่าจะไร้น้ำใจกันถึงขนาดนี้ แค่พาวิญญาณไปดูหน้าลูกหน้าเมียมันจะไปลำบากอะไรหนักหนา ซัดกับไอ้พวกฝีข้างถนนยังจะดูยากกว่าอีก
พันธะ ปู่เจ้าที่พูดเสียงเรียบ ไปเห็นก็ยิ่งเพิ่มความอาลัย ใจของคนตายจะไม่สงบ
แต่เขาแค่อยากไปลา
พูดน่ะได้ ชายชรามองหน้าผม แต่พอไปจริงๆแล้วไม่เคยมีใครตัดใจได้สักคน
แต่ผมต้องการแค่ไปลาพวกเขา ชายคนนั้นพูดเสียงเครือ จากนั้นจะพาไปลงนรกหมกไหม้ที่ไหนก็ยอม
ไหนๆตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร น่าจะพาเขาไปสักหน่อย ผมเสริมและเริ่มต่อรอง แค่ยืนหน้าประตูก็ยังดี
ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ยมทูตสาวยืนกรานเสียงแข็ง ผมชักเดือดปุดๆขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงหน้ากับอกจะสวยแค่ไหนแต่ถ้าใจดำแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ฉันขอรับประกันเขาเอง ถ้าผู้ชายคนนี้ขัดขืนหรือดื้อดึงไม่ยอมกลับ ฉันยินดีจะรับโทษทัณฑ์ในส่วนนั้นเอง
กรรมใครก็กรรมมัน ไม่มีใครมาทดแทนกันได้
ยมทูตยังมาสายแถมเวลาตายฉันยังพลาด เรื่องแค่นี้ก็น่าจะพออนุโลมกันได้ไม่ใช่เหรอ
ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แน่นอนล่ะครับตอนยังไม่ตายผมได้ชื่อว่าเป็นนักต่อรองฝีปากเอกบวกกับความดันทุรังที่เหนือชั้นกว่าใคร ส่วนใหญ่แล้วคนที่ผมต่อรองด้วยมักจะยกธงยอมแพ้ แม่สาวยมทูตนี่ก็น่าเช่นเดียวกันเพราะผมเห็นเธอทำท่าคิด
ให้ผมไปเถอะนะครับ ผมสัญญาว่าจะยืนดูอยู่นอกเขตรั้วบ้านเท่านั้น
ของมันแน่อยู่แล้ว ยมทูตสาวพูด ผีบ้านผีเรือนไม่ปล่อยให้นายเข้าไปเพ่นพ่านข้างในหรอก
ว้าว พูดแบบนี้ก็หมายความว่า...
แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นนะ เธอหันมาทำตาดุใส่ผมก่อนจะโบกมือ ปลายโซ่ผุดออกจากดินและลอยไปอยู่ในมือของเจ้าหล่อนอีกครั้ง นายต้องไปด้วย
ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าต้องนั่งหง่าวอยู่กับปู่เจ้าที่อีก เห็นปากร้ายไม่นึกว่าจะใจดีเหมือนกัน ผมอ้าปากเตรียมจะพูดขอบคุณแต่ต้องชะงักไว้แบบนั้นเมื่อตัวลอยสูงขึ้นและถูกลากออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เสียงโลหะกระทบกันที่ดังมาจากบริเวณลำคอทำให้ผมเหลือบตามองและต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าโซ่ที่เคยล่ามข้อมือนั้น บัดนี้ได้ย้ายขึ้นมาล่ามคอของผมแทน เสียงปู่เจ้าที่แว่วมาตามลม
โชคดีนะเจ้าหนุ่ม
โชคดีกับผีอะไร ในเมื่อตอนนี้ผมกลายเป็นหมาน้อยวิ่งตามก้นสาวยมทูตไปเสียแล้ว ช่างน่าอนาถกับชะตาของตัวเองจริงๆ นี่หรือชีวิตหลังความตาย */*/*/*/*
แวะมาแจกกิ๊ฟทักทายก่อนค่ะ ขอเวลาตามเก็บก่อนเน้อ จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) -ค่า ขอบคุณค่า
อ่านง่ายดี ติดตามอ่านอยู่นะครับ ^^ จากคุณ : กัลลอร์ง - พยายามเขียนในแบบมุมมองความคิดเด็กวัยรุ่นน่ะค่ะ เลยต้องหาคำง่ายๆ อ่านสนุก
ตามครับ จากคุณ : GTW - ขอบคุณค่า ^^
กลายเป็นร่างทรงเลย แต่ต้องเจ็บตัวทุกครั้งคงไม่ดีนะ จากคุณ : scottie - พระเอกของเราคงเจ็บตัวน้อยลงถ้าลดกวนยมทูต แต่คงยาก
ตามมาอ่านค่ะ อ่านแล้วได้คิดหลายอย่าง ดีค่ะ ชอบ รออ่านตอนต่อไปนะคะ :) จากคุณ : ดินสอสีน้ำ - ขอบคุณค่ะ เขียนตามความเชื่อแล้วก็ดัดแปลงอะไรลงไปนิดหน่อยน่ะค่ะ ประมาณนรกก็น่าจะทันสมัยขึ้น แต่ระบบเหมือนเดิม
มาแนวแปลกดีค่ะ จะติดตามนะคะ จากคุณ : สวนใส - ขอบคุณค่า ^^ เป็นแนวแฟนตาซีเลยแปลกไปนิดน่ะค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามยมทูตนะคะ พบกับบทใหม่อาทิตย์หน้าค่ะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 54 14:06:45
|
|
|
|