ตอนที่ 4
ณ.หอประชุม
บรรยากาศหน้างานเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างทยอยเดินทางมาชมละครการกุศล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่มของคุณหญิงวรรณชุลีที่เดินทางมากับหลานชาย และแม่บ้านคนสนิท
อาทิตยะเดินช้าๆข้างๆคุณหญิงโดยยกแขนข้างหนึ่งให้คุณหญิงเกาะกุมเพื่อเป็นหลักยึด เมื่อเดินมาถึงทางเข้างานที่มีอาจารย์เอมอรยืนอยู่
อาจารย์เอมอรเมื่อเห็นกลุ่มของอาทิตยะเดินตรงมา เธอรีบเดินตรงมาต้อนรับพร้อมกับทำความเครารพคุณหญิงด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม ก่อนจะหันมารับไหว้ชายหนุ่มที่มาด้วย
ดีใจจังค่ะ ที่คุณหญิงมา อาจาร์ยเอมอรหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมๆ น่าตาใจดีเอ่ยกับคุณหญิง
คุณหญิงยิ้มบางๆให้กับอาจารย์ก่อนจะเอ่ย ตอนนี้ยังเดินไหวอยู่...ก็เลยต้องรีบมาค่ะ
คุณหญิงยังดูแข็งแรงอยู่เลยค่ะ อาจาร์ยเอมอรเอ่ยชมหญิงสูงวัยที่แม้อายุจะมากแต่เธอก็ยังดูแข็งแรงและดูอ่อนกว่าอายุมากนักด้วยความจริงใจ ก่อนจะหันไปบอกให้เด็กนักศึกษาที่มีหน้าที่นำแขกไปนั่ง ให้มาพาคณะของคุณหญิงไปส่งยังที่นั่ง
เชิญทางนี้ค่ะ นักศึกษาสาวผ่ายมือพร้อมกับกล่าวเชิญ
แต่ก่อนที่ทุกคนจะก้าวเท้าออกเดิน เสียงโตมรก็ร้องทักมาก่อน จึงทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง
เดี๋ยวครับ รอผมด้วย โตมรกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาเพื่อให้ทัน และเมื่อเดินมาถึงเขาก็ยกมือที่มีช่อดอกไม้ช่อโตไหว้ทุกคนด้วยท่าทางเหนื่อยหอบๆ
อาทิตยะมองเพื่อนรุ่นน้องก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นดอกไม้ช่อโตที่อยู่ในมือเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
โตมรส่งยิ้มหวานให้ทุกคนที่มองมา ก่อนจะเอ่ย ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวไม่ทัน แหะแหะ
ขณะเดียวกันด้านหลังเวที นักแสดงทุกคนต่างนั่งทำสมาธิกันอยู่ในมุมของตนเอง เพื่อรอเวลาทำการแสดง หนึ่งในนั้นก็คือรัตติกาล หญิงสาวนั่งนิ่งๆอยู่มุมหนึ่ง ด้วยความสงบ และแล้วก็ถึงเวลาที่การแสดงเริ่มขึ้น
ไฟในหอประชุมเริ่มหรี่ลงเรื่อยๆจนในที่สุดก็ดับลง และแสงไฟบนเวทีเริ่มสว่างขึ้นพร้อมกับม่านที่เปิดออก ทั้งแสงไฟสีเสียง และเพลงบรรเลงประกอบทำให้รู้ว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
บนเวทีการแสดงผ่านไปฉากแล้วฉากเล่า นักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้ดี จนทำให้ผู้ชมต่างอินไปกับละคร ฉากที่มีมุกตลกเสียงหัวเราะของผู้ชมก็ดังขึ้น
ผู้ชมบางคนก็มีอาการเขินอายกับฉากเข้าพระเข้านาง รัตติกาลที่รับบทเป็นอังศุมาลิน เธอเล่นบทอ่อนหวานได้น่ารักน่าชัง จนอาทิตยะเองที่ไม่ค่อยชอบหน้าเธอเท่าไหร่ยังอดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะนั่งเก๊กหน้าทำมาดขรึมมาโดยตลอด ชายหนุ่มเพ่งมองไปยังใบหน้าสวยหวานนั้นด้วยอาการลืมตัว จนไม่ทันสังเกตสายตาที่ลอบมองมาของหญิงชราผู้เป็นย่า คุณหญิงยิ้มบางๆกับตัวเองเมื่อเห็นสายตาของหลานชาย
และเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงฉากสุดท้ายเสียงคร่ำครวญร่ำไห้ ของอังศุมาลินบนเวที ทั้งยังแสงประกอบและภาพโดยรวมทำให้ฉากนี้สะกดอารมณ์ผู้ชมให้นิ่งเงียบ ก่อนจะน้ำตาไหลรินตามผู้แสดง เสียงสะอื้นไห้ของตัวละครค่อยๆจางไปและม่านก็ค่อยๆ ปิดลง และไม่นานไฟในหอประชุมก็ค่อยๆสว่างขึ้น
และเป็นไปตามคาด โตมรลุกขึ้นยืนตบมือโดยไม่แคร์ใคร เมื่อเหล่านักแสดงเดินออกมาหน้าเวทีเพื่อคำนับขอบคุณผู้ชม
โตมรเดินไปด้านหน้าเวทีพร้อมกับส่งช่อดอกไม้ให้กับรัตติกาล หญิงสาวเดินออกมารับช่อดอกไม้จากชายหนุ่มตามมารยาท พร้อมกับยิ้มบางๆให้เขาเป็นการขอบคุณ
ผู้ชมทยอยออกจากหอประชุมจนเหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ และหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่มของอาทิตยะรวมอยู่ด้วย
หลังม่านกลุ่มนักแสดงสาวๆ ยืนแอบมองออกไปยังด้านหน้าเวทีทั้งยังพูดจายอกเย้า แซวกันจนเป็นที่เฮฮา และในกลุ่มนั้นก็มีสาวหมวยภาวินีเพื่อนสนิทของรัตติกาลร่วมอยู่ด้วย และด้วยความสงสัยรัตติกาลจึงเดินเข้าไปร่วมกลุ่มทั้งยังมองตามสายตาของเพื่อนๆ และเมื่อเธอเห็นเธอก็เข้าใจว่าอะไรทำให้เพื่อนๆของเธอมีอาการ เช่นนี้กัน
ก็ภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมสูทสีเทาเข้ม กำลังยืนด้วยท่าทางสมาร์ท .ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอุ่น จริงใจกับสายตาอ่อนโยนที่มองไปยังหญิงชราที่ยืนเกาะแขนของเขาอยู่ ชายหนุ่มกำลังยืนทักทายคนรู้จักที่เขามาพูดคุย และท่าทางที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่คุณย่าของเขา ก็สร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย
รัตติกาลเบะปากนิดๆ ด้วยความหมั่นใส้โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่เมื่อเธอกำลังจะหันหลังเพื่อแยกตัวออกไป เพื่อนสาวในกลุ่มก็หันมาเจอเธอก่อน พร้อมกับทัก
อ้าว คุณอาฟ้าขา น้ำหวานสาวสวยหุ่นดีหน้าตาดีเพื่อนสนิทอีกคนของรัตติกาลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทะเล้นๆ ก่อนจะเขามาเกาะแขนรัตติกาล
รัตติกาลขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจสงสัยกับท่าทางและคำพูดของน้ำหวานก่อนจะเอ่ย
อะไร ของเธอน้ำหวาน มาเรียกฟ้าว่าอาทำไม
น้ำหวานทำท่าประจบก่อนจะตอบ แหมม...ก็ฟ้ามีหลานชายหล่อละลายขนาดนี้ หวานก็เลยอยากสมัครเป็นหลานของฟ้าอีกคนนะสิ ฮ่าฮ่า
เมื่อน้ำหวานพูดยังไม่ทันจะจบดี เพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้วยก็พูดแข่งกัน เพื่อแย่งกันจะขอเป็นหลานของรัตติกาลเป็นที่สนุกสนาน
รัตติกาลหันมาสบตาภาวินีด้วยสายตาดุดุหลังจากรู้ว่าเพื่อนๆสาวรู้เรื่องของอาทิตยะมาจากใคร ภาวินีก้มหน้าหลบตาเพื่อนสนิทพร้อมกับยิ้มๆอย่างสำนึกผิด เพราะเธอไม่คิดว่าสาวๆพวกนี้จะทำตัววุ่นวายกันขนาดนี้
รัตติกาลได้แต่ยิ้มและตอบคำถามที่เพื่อนถามถึงชายหนุ่มเท่าที่ตัวเองจะตอบได้ ก่อนจะขอตัวเพื่อนเพื่อไปเก็บข้าวของส่วนตัว
และเพียงไม่นานหญิงสาวก็เก็บเสร็จและเตรียมตัวจะกลับบ้าน ขณะเดียวกันโตมรโผล่เข้ามาหลังเวทีเพราะรับอาสาจากคุณหญิงให้เข้ามาตามเธอ
ฟ้า โตมรส่งเสียงเรียกรัตติกาลหลังจากเห็นเธอ เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าเธอก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูสดใส คุณยายของฟ้า ให้พี่มาตามครับ
ตอนแรกเธอทำหน้าสงสัยแต่พอรู้ว่าคุณหญิงให้มาตามเธอจึงเดินตามเขาไป
ระหว่างทางโตมรกล่าวชื่นชมรัตติกาลว่าแสดงละครได้ดี และพูดถึงฉากที่เขาประทับใจ ให้หญิงสาวฟัง ด้วยท่าทางจริงจัง จนเธออดที่จะยิ้มไปกับคำวิจารณ์ที่ดูจะชมเธอจนออกนอกหน้าไม่ได้ และหญิงสาวเองก็ไม่ลืม เธอกล่าวขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้ที่เขาเอามาให้
ขอบคุณนะคะ สำหรับดอกไม้
ไม่เป็นไรครับ ฟ้าชอบรึเปล่า ประโยคหลังโตมรหันมาสบตาเธอและรอฟังคำตอบจากเธอด้วยแววตาที่มีความหมาย
รัตติกาลยิ้มนิดๆให้ชายหนุ่มก่อนจะตอบแบบเลี่ยงๆ สวยดีค่ะ
โตมรทำสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยกับคำตอบของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่าสายตาที่ดูสลดลง แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้นเขาก็กลับมาเป็นชายหนุ่มขี้เล่นช่างคุยเหมือนเดิม
เมื่อทั้งคู่เดินตรงมาเกือบจะถึงที่ที่อาทิตยะ และคุณหญิงยืนอยู่ รัตติกาลสะดุดพรมปูพื้นทำให้หญิงสาวเซเกือบจะเสียหลักล้มลง ดีที่โตมรคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ทำให้รัตติกาลกับโตมรยืนอยู่ในลักษณะเหมือนประกองกอดกันอยู่ อาทิตยะเหลือบตามองไปเห็นเข้าโดยไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มแสยะยิ้มนิดนึงโดยไม่มีใครสังเกตเห็นก่อนจะเอ่ยออกมาลอยด้วยความหมั่นไส้
ทำยังกับอยู่บนเวที
มีอะไรเหรอ อาทิตย์ คุณหญิงถามหลานด้วยความสงสัย
เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ชายหนุ่มตอบผู้เป็นย่า ก่อนจะหันไปมองทั้งคู่อีกครั้ง
คุณหญิงมองตามสายตาของหลานชายไปซึ่งขณะนั้นเองทั้งโตมร และรัตติกาลก็เดินใกล้เข้ามาจนจะถึงแล้ว รัตติกาลเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆคุณหญิง เธอยิ้มให้หญิงชราก่อนจะเอ่ย
ขอโทษนะคะ คุณยายที่ทำให้รอ
ไม่เป็นไรจ๊ะ ยายรอไม่นานหรอก แล้วกลับกันเลยมั้ย คุณหญิงตอบก่อนจะชวนกลับบ้าน
ค่ะ คุณยายเมื่อยมั้ยคะ กลับไปบ้านฟ้าจะนวดให้คุณยายนะคะ รัตติกาลพูดอ้อนประจบคุณหญิงโดยไม่สนใจสายตาหมั่นไส้ของคนข้างๆ ที่มองมา
ก่อนคุณหญิงจะขึ้นรถ โตมรที่เดินตามมาส่งก็ยกมือสวัสดีคุณหญิงเพื่อลา อาทิตยะตบบ่าโตมรเบาๆก่อนจะขึ้นรถประจำที่คนขับ สองหนุ่มพยักหน้าให้กัน สุดท้ายโตมรก็หันมากล่าวลารัตติกาล พร้อมทั้งบอกกับเธอว่า แล้วเจอกันนะครับฟ้า
รัตติกาลยิ้มให้เขาโดยไม่กล่าวอะไร แล้วเธอก็ขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่กับอาทิตยะเพราะด้านหลังคุณหญิงกับแม่บ้านนั่ง
ภายในรถ ซึ่งขณะนี้วิ่งมาตามเส้นทางเพื่อตรงกลับบ้าน
รถเคลื่อนตัวไปไม่นานนักแม่บ้านคนสนิทก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาว่า
แหมม...คุณฟ้านี่เล่นละครเก่งจังนะคะ ตอนที่ร้องไห้ตอนสุดท้าย ทำเอาป้าร้องไห้ไปด้วยเลย
นั่นสิ เห็นแก่นๆทะโมนๆ ซนๆตอนอยู่บ้านยายก็นึกไม่ถึงนะเนี่ย ว่าจะเล่นละครเก่งขนาดนี้ คุณหญิงพูดเสริมแซวหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพูดตบท้าย ยายคิดว่าจะต้องมาดูละครลิงซะแล้ว หึหึ
แหมม...คุณยายขาพูดแบบนี้ฟ้าก็เสียใจแย่สิคะ หึหึ เธอตอบคุณหญิงแบบเด็กขี้อ้อน จนชายหนุ่มที่นั่งขับรถอยู่ใกล้ๆ เหล่มองเธอด้วยหางตานิดนึงก่อนจะเอ่ย
คุณยายพึ่งทราบเหรอครับ ว่าฟ้าเขาเล่นละครเก่ง ผมเห็นครั้งแรกก็เดาได้เลยครับ ว่าเธอน่าจะเล่นละครเก่งจริงๆ ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมาแม้คนอื่นฟังอาจจะนึกว่าเป็นคำชม แต่สำหรับเธอกับเขารู้กันดีว่า มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่
แล้วคนอย่างรัตติกาลหรือจะยอมให้เขาแดกดันเธอฝ่ายเดียว และเธอก็ยังไม่ลืมว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง
รัตติกาลยิ้มบางๆที่มุมปากก่อนก่อนจะใช้หางตามองเขาพร้อมกับตอบเขาไปว่า
ขอบคุณค่ะที่ชม แต่ฟ้าว่า ถ้าให้คุณอาทิตย์ไปเล่นละครดู คงตีบทได้แตกกระจุยแน่ๆค่ะ ยิ่งบทที่ต้องแกล้งทำเป็นคนดี ประเภทแบบ....ต้องเสแสร้งน่ะคะ ยิ่งเหมาะ แล้วยังมีอีกบทหนึ่งนะคะ บทผู้ชายดีแต่ปาก ชอบใช้กำลังน่ะค่ะ หึหึ
รัตติกาลทำเป็นพูดแบบที่เล่นทีจริง ด้วยน้ำเสียงปกติจนแม่บ้านที่ฟังอยู่คล้อยตามไปด้วย แม่บ้านจึงเอ่ยเสริมแบบไม่ได้คิดอะไร
นั่นสิค่ะ บทผู้ชายแบบเนี่ยถ้าแสดงได้เกิดเลยนะคะ คุณอาทิตย์
รัตติกาลเผลอหันไปมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะยิ้มสะใจออกมา เป็นจังหวะเดียวกันที่อาทิตยะก็หันมาเห็นพอดี
ชายหนุ่มกัดกรามด้วยความโมโหก่อนจะค่อยๆคุมสติ และเอ่ยตอบโต้เธอ เหรอ งั้นวันหลังถ้าฉันอยากแสดง คงต้องวานให้เธอช่วยติว เอาแบบเมื่อคืนที่ผ่านมาน่ะได้มั้ย
อาทิตยะพูดประโยคสุดท้ายออกมาให้ได้ยินแค่เธอ รัตติกาลเมื่อได้ยินถึงกับหันหน้าไปมองชายหนุ่มทันทีด้วยความโมโห แต่เขากลับทำเป็นไม่สนใจ จนหญิงสาวได้แต่กำมือตัวเองด้วยความโกรธที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง จนรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
รัตติกาลเปิดประตูรถออกทันทีที่มันจอดสนิทด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ ตามด้วยอาทิตยะ ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้กับผู้เป็นย่า และช่วยประคองก่อนจะพาคุณหญิงขึ้นไปส่งจนถึงห้องนอน โดยมีแม่บ้านและหญิงสาวเดินตามหลังมาไม่ห่างนัก
แต่ก่อนที่จะเดินขึ้นบนบ้านคุณหญิงหันมาบอกแม่บ้านว่าไม่ต้องตามขึ้นไป เพราะว่าเธอมีหลานไปส่งแล้ว แม่บ้านพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินแยกจากไป ทำให้มีเพียงชายหนุ่มที่เดินประคับประคองคุณหญิงขึ้นบันไดไปโดยมีรัตติกาลที่หน้าตาบึ้งตึงเดินถือของและกระเป๋าใบเล็กของคุณหญิงตามมา
เมื่อถึงห้องนอนของคุณหญิง
ขอบใจจ๊ะ ไปนอนกันได้แล้วละดึกมากแล้ว
ครับ งั้นผมไปนะครับคุณย่า
จ๊ะ
คุณยายค่ะ เดี๋ยวฟ้ามานวดให้นะคะ
ไม่ต้องหรอกลูก ไว้วันอื่นก็ได้... ไปนอนกันเถอะ
ค่ะ งั้นฟ้าไปนอนนะคะ
รัตติกาลเอ่ยตอบและก่อนจะเดินออกจากห้องไป เธอก็เข้ามาสวมกอดคุณหญิงเบาๆและเดินออกไป โดยมีหลานชายตัวจริงมองการกระทำของเธอ พร้อมกับนึกอยู่ในใจ ก็ช่างประจบประแจงแบบนี้ไงเล่า คุณย่าถึงได้หลงคอยดูเถอะรัตติกาลฉันจะทำให้คุณย่ารู้ว่าท่านกำลังโดนหลอก
ประจบเก่งเนอะ
อาทิตยะพูดตามหลังเธอขณะเดินกลับมายังห้องนอน ซึ่งห้องของเธอกับเขาอยู่ติดกันมีเพียงฝาไม้กั้นเท่านั้น
อะไรนะ!!
รัตติกาลหยุดชะงัก ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเขาในระยะประชิดด้วยดวงตาเกือบถลนออกมาเพราะความโกรธ หน้าตาเธอตอนนี้ถ้าใครได้เห็นคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะดวงตาโตที่แดงกล่ำรอบตาบวมนิดๆ สาเหตุมาจากการแสดงที่เธอต้องร้องไห้อย่างนักมันยังทิ้งล่องรอยเอาไว้ให้เห็น
อาทิตยะสบตาคู่นั้นโดยไม่คิดหลบ หนำซ้ำยังจ้องมองเธอกลับไปแบบไม่คิดกลัว ด้วยสายตาที่สื่อให้เธอรู้ว่าเขารู้ทันทุกอย่างที่เธอทำ
ทำไม ได้ยินไม่ชัดหรือว่าโกรธที่ฉันรู้ทันเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆดูถูกเธอ
รัตติกาลพยายามข่มอารมณ์ก่อนจะพูดใส่หน้าเขา
ใช่!ฉันโกรธ แถมยังสมเพชคุณด้วย ถามจริงเถอะ คุณคิดได้แค่นี้จริงๆเหรอ รัตติกาลมองเขาด้วยสายตาเหยียดๆก่อนจะพูดต่อ
ตัวโตซะเปล่า ทำเป็นเด็กขี้อิจฉาไปได้
รัตติกาลพูดจบเธอก็สะบัดหน้าหันหลังเพื่อจะเดินเขาห้อง แต่เธอก็เดินไปไหนไม่ได้ เพราะอาทิตยะใช้มือจับแขนเธออย่างแรงก่อนจะกระชากตัวเธอให้หันกลับมา และเอามือที่ว่างอยู่ขึ้นมาจับใบหน้าเธอให้แหงนขึ้นมามองหน้าเขา
ปากเก่งนักนะ อยากรู้จริงๆว่า ถ้าโดนแบบนี้เข้าไปยังจะเก่งอยู่อีกมั้ย!!
พูดจบอาทิตยะก็ก้มหน้าลงมาพร้อมกับใช้ริมฝีปากของเขาบดขยี้ลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอด้วยอารมณ์โกรธจนลืมตัว
หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อตั้งสติได้เธอพยายามดิ้นรนทั้งผลักทั้งดันหน้าอกเขาออกพร้อมกับเบี่ยงหน้าหลบแต่มือใหญ่แข็งแรงของเขาก็จับใบหน้าเธอ เหมือนกับล็อกเอาไว้ด้วยคีมเหล็กก็ไม่ปาน ทำให้เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ไม่เป็นศัพท์ออกมาได้เท่านั้น
และเพียงไม่กี่อึดใจชายหนุ่มก็ถอนริมฝีปากของเขาออกจากเธอ และมองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้ชนะ
รัตติกาลนิ่งไม่ไหวติง เธอมองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น ก่อนจะก้มลงไปเก็บกระเป๋าที่ร่วงหล่นลงพื้นตอนที่เขากระชากแขนเธอ เมื่อเก็บกระเป๋าขึ้นมาได้ รัตติกาลยืนขึ้นเต็มตัวก่อนจะเชิดหน้ามองชายหนุ่มด้วยสายตาเหยียดหยามและสะบัดหน้าเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
อาทิตยะมองการกระทำของเธอด้วยความโมโหและนึกขัดใจกับท่าทีของเธอ เพราะเขาคิดว่าการที่เขาทำแบบนี้มันจะทำให้เธอได้สำนึก แต่เธอกลับมองเขาเป็นตัวประหลาดทั้งยังมองเขาแบบเหยียดหยาม ทำให้เขานึกอยากตามเข้าไปสั่งสอนเธอให้ได้สำนึก แต่เขาก็ได้แต่คิด ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่เดือดปุดๆนั้นก่อนจะเดินหายเข้าห้องตัวเองไป
หลังจากเดินเข้าห้องและปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้ว รัตติกาลก็ทรุดตัวลงอย่างหมดแรงที่หน้าประตูทันที หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองก่อนจะปล่อยน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไม่ให้มันไหลต่อหน้าเขา ให้มันไหลออกมาด้วยความอัดอั้นโกรธเกลียด เธอพยายามกลั้นสะอื้นจนทำให้ตัวสั่นโยนไปทั่วร่าง พร้อมทั้งคิดด่าคนที่ทำกับเธออยู่ในใจ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ชอบใช้กำลังคอยดูนะ
เที่ยงคืนแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังนอนไม่หลับ อาทิตยะนอนกระสับกระส่ายไปมาก่อนจะเอามือก่ายหน้าผากตัวเอง และเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาหมาดๆ ชายหนุ่มเผลอเอามือลูบไปที่ริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับนึกถึงหน้าของหญิงสาวและสายตาที่เธอมองมา ความจริงเขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน นายอาทิตยะคนอย่างเขาไม่เคยมีความคิดที่จะทำอะไรแบบนี้ ยิ่งเป็นการจูบที่ฝืนธรรมชาติและต้องบังคับเขายิ่งรู้สึกแย่ที่ทำแบบนนั้นออกไป ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรเกินไปรึเปล่าและเริ่มทีจะรู้สึกผิด แต่เมื่อเขานึกถึงท่าทางยโส ปากดี อวดเก่งของเธอเขาเขาก็สะบัดหน้าก่อนจะคิดใหม่ ว่า สมควรโดนแล้วผู้หญิงอย่างนี้ ดูสิขนาดโดนอย่างนี้ยังไม่มีน้ำตาสักหยด อาทิตยะนอนคิดสับสนไปมาอยู่ลำพัง
แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 23:39:18
จากคุณ |
:
เงาไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 54 17:39:29
|
|
|
|