ยังจำได้ถึงคนงานของเพื่อนที่ร้านชากาแฟโต้วที่สายสาม รูปร่างผอมสันทัด สูงไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตร ผิวดำ หัวหยิกเหมือนนิโกร แต่เป็นคนใต้แท้ มาทำงานหน้าที่หลักคือ ชงชากาแฟ ให้กับลูกค้าในร้าน ชื่อเดิมจำกันไม่ได้แล้ว เพราะเรียกกันแต่ว่า สำลี สำลี พอถามเพื่อนว่า ตัวดำ ทำไมเรียกว่า สำลี เพราะสำลีปรกติจะมีสีขาว เพื่อนเลยบอกว่า เพื่อน ๆ ของแกเรียกแกว่า สำลี ย่อมาจาก สำลีเม็ดใน
ที่จำได้คือ สำลี พูดจาสุภาพเรียบร้อย เวลาพูดกับลูกค้า หรือเพื่อนของเถ้าแก่ และยังสุภาพสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่าจะพบเจอกันภายหลัง แม้ว่าแกจะไม่ได้ทำงานที่ร้านนี้แล้วก็ตาม
สำลีทำงานอยู่ร้านนี้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จำได้ว่าตอนมาทำงานที่ร้านโต้วใหม่ ๆ ตัวเตี้ยเล็กมาก แต่พอได้ทำงานและมีอาหารการกินครบสามมื้อในร้าน คือ ใครอยากกินอะไรที่ขายในร้านโต้ว จะกินได้ตามแต่ต้องการ ห้ามอย่างเดียวคือ ห่อกลับบ้านพัก เพราะร้านโต้วจะซื้อบ้านพักให้คนงานที่แถวละม้ายสงเคราะห์ ให้คนงานพักกันอยู่หลายคน เฉพาะหนุ่มโสดและสาวโสด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านที่พักของคนงาน กอปรกับการติดตามมาทำงานได้ง่าย
คนงานของร้านโต้วที่ยังไม่มีครอบครัวจะพักอยู่ที่นี่หลายคน คนที่มีครอบครัวแล้วก็ค่อยแยกย้ายออกไปพักข้างนอก หรือไม่ก็เปลี่ยนงานเปลี่ยนเจ้านายใหม่ไป สรุปคือ ร้านโต้วเป็นโรงเรียนฝึกหัดคนงานของหาดใหญ่อีกร้านหนึ่ง จะมีคนงานเข้า ๆ ออก ๆ เป็นระยะ ๆ คนงานบางคนก็มาพบรักกันในบ้านพักโต้ว ที่ผมรู้จักก็สามคู่ที่แต่งงานกันแล้ว ย้ายไปอยู่ข้างนอกสักพักหนึ่ง เปลี่ยนเจ้านายหรือยกระดับจากคนงานเป็นเถ้าชิ่ว(หัวหน้ากุ๊ก) หรือเป็นเจ้าของกิจการ Smes ในที่สุด
เพราะร้านของโต้วแห่งนี้ ช่วงที่มอบหมายให้โกวยี่ ทำหน้าที่บริหารงาน โดยนิสัยลึก ๆ แล้ว แกมักจะขี้เกียจ ซึ่งแกก็ยอมรับว่า คนอ้วนมักจะขี้เกียจ เพราะถ้าขยันจริง ก็ต้องออกกำลังกาย หรือกินแต่พอประมาณ ไม่ตามใจปาก จะได้ไม่อ้วน
โกยีมักจะบอกว่า แกไม่หวงวิชาแต่อย่างใด เลยสอนลูกน้องในร้านโต้ว ให้หัดทำอาหารแบบง่าย ๆ ก่อน รองลงมาจะสอนให้หัดทำพวก หมูย่าง เป็ดย่าง แล้วต่อมายกระดับเป็นสินค้าประเภท แต่เตี้ยม โดยแกยอมลงทุนไปจ้างกุ๊กคนมาเลย์ มาสอนให้ลูกน้องของแกให้หัดทำ
เคยไปเฝ้าดูวิธีการสอนของกุ๊กมาเลย์ จะชั่งตวงวัด พวกเครื่องปรุงและเนื้อทุกระยะ ทำให้อาหารจะมีรสชาตินิ่ง คือ ถ้าอร่อย ก็เสมอต้นเสมอปลาย ถ้าไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ได้เรื่องอยู่แบบนั้น
แต่พอให้คนงานโกวยีทำสักพัก หลังจากครูมาเลย์กลับประเทศไปแล้ว แรก ๆ ก็ชั่งตวงวัดตามที่ครูสอนมา แต่ต่อ ๆ มาใช้วิธีกะ ๆ เอา ทำให้บางวันได้เรื่อง บางวันก็ไม่ได้เรื่อง
แต่มีผลที่ดีคือ ลูกน้องหลายคนที่ผ่านหลักสูตรนี้ มีอยู่สองคู่ที่แต่งงานมีลูกแล้ว ไปเปิดร้านขายอาหารอยู่สองร้านในหาดใหญ่ อีกคู่ไม่ทราบว่าโยกย้ายไปไหนแล้ว
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 54 14:04:40
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 54 22:09:13
|
|
|
|