Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
--- ปลายทางตัน --- ติดต่อทีมงาน

---ปลายทางตัน---

กลางดึกสงัด ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ตรงท้ายซอยแห่งหนึ่ง ถนนในซอยนี้ไม่กว้างนัก สองข้างทางเป็นที่รกร้าง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มาก ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างมืดและเงียบจนน่าวังเวง เบื้องหน้าข้าพเจ้าเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ลมหนาวช่วงปลายเดือนธันวาคมพัดมากระทบตัวข้าพเจ้าอยู่เป็นระยะ แม้จะเตรียมสวมเสื้อกันหนาวกับกางเกงขายาวมาอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ต้องขอบอกก่อนว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นบ้าหรือสติฟั่นเฟือนแต่อย่างใด ที่ออกมายืนท้าทายความหนาวอยู่คนเดียวในเวลานี้ แต่เพราะเสียงประหลาดที่ดังก้องอยู่ในหัวต่างหาก มันสั่งให้ขาทั้งสองของข้าพเจ้า เดินทางมาเยือนสถานที่นี้อยู่ทุกค่ำคืน โดยไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไม?

เด็กวัยรุ่นหลายคนมักเรียกข้าพเจ้าว่าลุงบ้าง ตาแก่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่าความทรงจำในสมองของข้าพเจ้านั้นยังคงชัดเจน  ข้าพเจ้าชื่อ หนุ่ม  ปัจจุบันอายุ 61 ปี  สูงราว 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 112 กิโลกรัม สวมแว่นตากรอบหนาเตอะสีดำ  ข้าพเจ้าเคยเป็นผู้ประกาศข่าวชื่อดังทางโทรทัศน์ แต่ปัจจุบันสถานีปิดตัวลงแล้ว งานอดิเรกข้าพเจ้าชอบเตะฟุตบอล อาหารโปรดคือข้าวผัดกับไข่เจียว อาศัยอยู่ในหอพักแถวลาดพร้าว ข้าพเจ้าไม่มีครอบครัว หรือจริงๆแล้วต้องบอกว่าเคยมี แต่พวกเขา (พ่อ, แม่, ภรรยา และลูกชายวัยหกขวบ) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีที่แล้ว ขณะกำลังเดินทางจากจังหวัดชัยภูมิเพื่อมาจัดงานวันเกิดให้แก่ข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้าเพิ่งได้ทราบเรื่องที่ทำให้ชีวิตพังทลายจากการอ่านข่าวด่วนด้วยตัวเองในขณะออกอากาศอยู่ คงไม่ต้องบรรยายว่าข้าพเจ้ารู้สึกเช่นไรใช่ไหม?

สองคืนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพยายามค้นหาข้อดีบางประการ หลังจากถูกเสียงประหลาดบังคับให้มายืนอยู่เฉยๆตรงหน้าบึงน้ำเป็นประจำ  คือมันทำให้ข้าพเจ้าได้มีเวลาทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอมาในชีวิต  แม้อากาศอันหนาวเหน็บจะทะลุผ่านเสื้อกันหนาวจนกัดเซาะเข้าถึงกระดูก แต่ทันทีที่หลับตาลง กลับมีความรู้สึกอันอบอุ่นเข้ามาแทนที่ หลังจากหลับตาให้ตัวเองอยู่ในความมืดไม่นาน กลับปรากฎภาพห้องโถงสีขาวที่กว้างใหญ่ มีกล่องไม้เล็กๆใบหนึ่งวางอยู่ตรงกลางห้อง ในกล่องนั้นบรรจุความทรงจำของข้าพเจ้าไว้ มันถูกไขเปิดออกแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เช่นกันที่ภาพมากมายมันไหลทะลักออกมา เหมือนข้าพเจ้ากำลังนั่งดูข่าวที่ตัวเองเคยดำเนินรายการอยู่    

ภาพแรกที่ปรากฎขึ้นคือ เรื่องความเชื่อว่าวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จะเป็นวันโลกาวินาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในข่าวที่ข้าพเจ้าจดจำได้ดีมาตลอด วิบัติภัยทางธรรมชาติถาโถมเข้าใส่มนุษยชาติมาอย่างยาวนาน (ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ประกาศข่าวด้วยซ้ำ) ไม่มีใครรู้ว่าจุดเริ่มต้นนั้นเมื่อไร แต่จุดจบมีคนทำนายไว้แล้ว ทุกชนชาติต่างยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ ทั้งภูเขาไฟ, น้ำท่วม, สึนามิ, ลมพายุ, แผ่นดินไหว แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีทันสมัยป้องกันอย่างไร แต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะธรรมชาติได้เลย นับเวลาดูแล้วโลกของข้าพเจ้าใกล้จะแหลกสลายลงในอีกไม่ช้า  ทั้งที่ทุกคนรู้ล่วงหน้า แต่มนุษย์กลับยังคงห่ำหั่นฆ่าฟันกันเองไม่เลิกรา หรืออาจจะไม่หลงเหลือมนุษย์ซักคนที่อยู่รอดจนเห็นวันสิ้นโลกจริงๆก็เป็นได้

ภาพที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้วผ่านไป ประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม กำลังไหลผ่านสายตาของข้าพเจ้าดุจสายน้ำที่ไม่อาจควบคุมได้ ภาพแล้วภาพเล่า ปรากฏขึ้นแล้วดับไป ตลอดยี่สิบปีที่ทำหน้าที่อยู่บนจอโทรทัศน์ ข่าวมากมายเกิดขึ้นรายวันทั่วโลก นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่ตกงาน (จนกว่าเจ้าของสถานีจะเลิกกิจการไปทำธุรกิจอื่น) แต่มันเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เพศชายใช้อารมณ์ความใคร่ล่วงละเมิดเพศหญิง ความละโมบครอบงำจนมนุษย์รุกล้ำทำลายธรรมชาติที่แสนบอบบาง ความโกรธเพียงชั่ววูบปลิดหลายชีวิตอันมีค่าทิ้งไปราวใบไม้ร่วง มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมายบนโลก ราวกับบทกวีแห่งความตายที่ไม่มีวันสิ้นสุด การกระทำอันแปลกประหลาดของมนุษย์สามารถพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง จนเริ่มกลายเป็นความชินชา และเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน แม่ทำร้ายลูก ลูกทำร้ายพ่อ สามีทำร้ายภรรยา เกิดเป็นวงจรที่ซับซ้อนยากแก้ไข สิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สร้างมาเพื่อเป็นอาหาร กลับกลายเป็นเมนูเด็ดบนโต๊ะกินข้าวของหลายครอบครัว ความศรัทธาที่มีต่อศาสนาต่างๆเสื่อมถอยลงทีละน้อย ราวกับว่าปีศาจแห่งตัญหาราคะเข้ากัดกร่อนจิตวิญญาณของผู้คนที่มีสายพันธุ์เดียวกับข้าพเจ้าจนหมดสิ้นแล้ว?

แม้พยายามศึกษาหาข้อมูลมากเท่าไร แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าใจเลย ว่าเหตุใดมนุษย์ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น  สร้างตึกระฟ้าและอาคารอันสวยงามมากมาย ทั้งพิระมิด, หอไอเฟล, โคลอสเซียม มีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวันบนโลก แต่กลับมีบางอย่างที่ลดน้อยลงจนใกล้จะสูญสลายไป

“ยืนรออีกซักพัก! อย่าเพิ่งไป!”  เสียงแหลมเล็กดังก้องขึ้นในสมองข้าพเจ้าอีกแล้ว มันปลุกจนข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นขึ้น และออกคำสั่งโดยที่ร่างกายของข้าพเจ้ามิอาจขัดขืน

“แกเป็นใคร!” ข้าพเจ้าตะโกนถาม พลางยกสองมือกุมหัวตัวเอง

พยายามขยับขาทั้งสองข้างเพื่อฝืนเสียงคำสั่งนั่น แต่ก็ทำไม่สำเร็จ “แกบังคับข้ามาที่นี่ทำไม?”

ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก และข้าพเจ้ายังยืนอยู่ตรงบึงน้ำท้ายซอยเหมือนเดิม

อีกไม่นานวันใหม่คงจะมาถึง แต่บนท้องฟ้ายังมืดมิดไร้แสงดาว ข้าพเจ้าถูกบางอย่างตรึงให้อยู่ตรงนี้ตลอดคืน ลมหนาวพัดโบกแรงขึ้นกว่าก่อน ผิวน้ำตรงกลางบึงใหญ่เริ่มสั่นกระเพื่อม จนเกิดระลอกคลื่นอัดเข้ากระทบฝั่งที่ข้าพเจ้ายืนอยู่หลายครั้ง ข้าพเจ้าใช้สายตาพยายามมองเพ่งฝ่าเข้าไปในความมืด มีบางสิ่งขนาดใหญ่มหึมากำลังผุดขึ้นมาจากในน้ำ

“ยานอวกาศ!!” ข้าพเจ้าตกใจสุดขีดจนเผลออุทานออกมา  

แสงไฟวิบวับถูกเปิดสว่างขึ้นจากยานบิน ภายนอกของมันมีลักษณะเป็นทรงกลม มีรูอยู่ตรงกลางดูรวมๆรูปร่างคล้ายโดนัทขนาดใหญ่ แต่น่าแปลกที่แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จากตัวยานเลย ลำแสงไฟสาดส่องไปมาทั่วบริเวณบึง มันค่อยขยับเคลื่อนลอยอยู่บนอากาศเหนือบึงไม่มากนัก ทุกอย่างรอบตัวข้าพเจ้า ทั้งเศษหญ้า เศษใบไม้ ปลิวว่อนด้วยลมที่พัดแรงราวพายุ

“เจ้าพร้อมหรือยัง?” เสียงประหลาดดังออกมาจากในยานอวกาศ คงไม่ใช่เสียงมนุษย์แน่นอน

ข้าพเจ้าตกใจแทบช็อกกับภาพที่เห็น ความคิดแรกจะร้องเรียกคนช่วย แต่พอนึกได้ว่าในเวลาเกือบเที่ยงคืนเช่นนี้ บริเวณท้ายซอยเปลี่ยวไม่มีใครได้ยินเสียงหรอก อย่าเหนื่อยเปล่าดีกว่า  

“แล้วแกล่ะเป็นใคร?” ข้าพเจ้าถามกลับ นึกในใจมีโอกาสคุยกับมนุษย์ต่างดาวดูซักครั้งก็ดี

“ถึงเวลาที่เจ้าต้องรายงานผลให้ข้าฟังแล้ว!” เสียงผู้มาเยือนสั่ง

“แกต้องการอะไร? รายงานเรื่องอะไร?” ข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจคำถามอยู่ดี

“เจ้าออกมาจากร่างมนุษย์ได้แล้ว!!”

ทันทีที่ยานของผู้มาเยือนปล่อยลำแสงสีขาวพุ่งตรงเข้ามาอาบทั่วร่างข้าพเจ้า มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นชั่วครู่ ก่อนร่างกายของข้าพเจ้าจะล้มฟุบลงบนพื้นถนนและไม่มีความรู้สึกใดๆอีก

เป็นเวลาเดียวกัน ที่ร่างของฉันก็หลุดผละออกมาจากร่างของมนุษย์ชราที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

“โซฟี ข้าเห็นเจ้ามารอข้าอยู่หลายวันแล้ว” เสียงเดิมดังออกมาจากยานอวกาศ “ตอนนี้พวกเรารวบรวมพลังงานขับเคลื่อนยานเสร็จสิ้นพอดี”

ฉันรวบรวมสติ และสำรวจความสมบูรณ์ของร่างตัวเอง หลังจากเข้าอาศัยอยู่ภายในสมองของมนุษย์เป็นเวลานาน ฉันปรับสภาพจนกลับมาปกติ รูปร่างฉันคล้ายมนุษย์ แต่โปร่งแสง ผิวสีขาวใสจนมองทะลุเห็นเส้นสายที่ไหลเวียนพลังงานไปมาอยู่ภายใน หัวของฉันกลมโตและไม่มีเส้นผม ฉันไม่มีหน้าอก หรือ อวัยวะสืบพันธุ์ เผ่าพันธุ์ของฉันถ่ายทอดพันธุกรรมกันทางจินตนาการ

“หลังจากที่ได้มาที่โลกเมื่อหลายพันปีก่อน เพื่อศึกษาความเป็นไปของมนุษย์ ฉันได้เข้าสิงอยู่ภายในเซลล์สมองของมนุษย์หลายพันล้านคนในทุกทวีป” ฉันเปล่งเสียงแหลมเล็กรายงานหัวหน้า “ฉันเปลี่ยนร่างกายตัวเองให้มีขนาดเล็กเท่าโมเลกุล และแทรกซึมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ผ่านทางลมหายใจ ฉันใช้เวลาในการศึกษาความทรงจำของมนุษย์แต่ละคนเพียง 1-2 วัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ทุกช่วงอายุ ซึ่งเพียงพอที่จะรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์มนุษย์เหล่านั้นได้ครบ”

“หลังจากเจ้าเคยขอเวลาข้าในการศึกษามนุษย์ก่อนจะทำภารกิจ” เสียงจากยานแม่ยังพูดต่อ “ข้อมูลที่เจ้ารวบรวมมาได้ตอนนี้ คงทำให้เจ้าสามารถตัดสินมนุษย์ได้ตามคำสั่งข้าแล้วใช่หรือไม่?!”

“ใช่ค่ะ!” ฉันตอบ “มนุษย์โลกที่ฉันศึกษามีทั้งประเภทดีและชั่ว แต่หลังจากประมวลผลรวมทางสถิติแล้ว ฉันมีคำตอบให้หัวหน้าแล้วค่ะ”

“ดีมากโซฟี ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงตอบข้ามา ตอนนี้มนุษย์โลกสมควรถูกทำลายล้างแล้วใช่หรือไม่?!”

หลังจากฉันมอบคำตอบอันปราศจากอคติแก่หัวหน้า ยานอวกาศลำใหญ่ที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีแสงสีขาวคล้ายกันอีกมากมายพุ่งขึ้นจากปลายขอบฟ้าตามติดขึ้นไปเช่นกัน ฉันมองเห็นกลุ่มยานอวกาศนับพันลอยล่องอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของโลก มันคล้ายกับกลุ่มดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า ปืนใหญ่อันทรงอานุภาพทุกกระบอกที่ติดอยู่กับตัวยาน ขยับพิกัดเล็งเป้าหมายมาที่ดาวดวงนี้ เพื่อเตรียมภารกิจทำลายล้างมนุษย์โลก เทคโนโลยีของอาวุธร้ายแรงนี้ฉันเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง มันเกิดจากการทดลองให้ลำแสงปืนย่อยสลายเฉพาะเซลล์เนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์!

ฉันแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า และก้มมองร่างของชายชราที่นอนนิ่งอยู่ ลมหายใจของชายผู้นั้นยังคงทำงานเป็นปกติ เขาเพียงแค่หลับไปเท่านั้น แต่จากนี้สิ่งที่เหล่ามนุษย์ต้องเผชิญคงมิอาจคาดเดา แสงสว่างสีขาวเริ่มสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า มันเหมือนแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ ที่เปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน ก่อนที่ร่างกายของฉันจะหวนกลับคืนสู่เหย้าที่จากมา.....นานแสนนาน...


--- จบ ---

แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 54 17:52:43

จากคุณ : @Love_ที่รัก
เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 17:25:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com