Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 28 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10937617/W10937617.html

บทที่ 28

สวรรค์คงไม่ปรารถนาให้คู่รักต่างวัยต้องพลัดพรากกันอีกแล้ว จึงบันดาลฝนเทจั๊กๆ ลงมา ทำให้การเดินทางกลับบ้านของสามแสนต้องระงับไปโดยปริยาย

แม้จะรู้สึกผิดหวังในความพยายามที่ล้มเหลว แต่สามแสนกลับดีใจมาก เธอขอบคุณอากาศแปรปรวน ฟ้ามืดตื๋อ และลมแรง ที่ตั้งด่านสกัดอย่างแข็งขันและพร้อมเพรียง

ใบพลูหงุดหงิดใจยิ่ง จนแล้วจนรอด ศัตรูหัวใจก็ยังลอยหน้าลอยตาในกระท่อม หล่อนต้องมานั่งทำกับข้าว ในขณะที่แม่ตัวดีหลบฝนอยู่ในห้องสบายอุรา

"ทุเรศที่สุด หยิบโหย่งสิ้นดี หยิบจับอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง กระแดะอยากเป็นสะใภ้ชาวดง เชอะ"

สับผักสับหมูปนกันจนเละไปหมด ก็กระแทกมีดทับตึกลงไป หน้าสวยที่สุดในละแวกป่าแห่งนี้ บูดบึ้งเหมือนอยากฆ่าคน เปลวไฟในเตามันยังร้อนได้ไม่เท่าหัวใจริษยา น้อยใจอาดุก็ไม่น้อยอยู่ เขารักสามแสนได้ แล้วทำไมรักหล่อนไม่ได้

"ใบพลู"

นายขิงเข้ามาคุยด้วย รอยยิ้มนุ่มสะดุดเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายแหวกลับหยาบๆ ไร้ไมตรีเหลือเกิน เขาเพิ่งแยกตัวจากนายดุ รู้สึกสมองตื้อและใจหนักเหมือนโดนถ่วงด้วยกระสอบทราย แผนการเบื้องหลังการหายตัวไปของสามแสนถูกคายหมดเปลือก เพราะแรงกดดันจากตาดุคู่นั้นล่ะ

"ไอ้ขมิ้นก็ร่วมมือด้วยหรือ ไอ้เวรเอ๊ย บ้าตามเด็ก"

"เอ้อ อย่าไปโทษลุงขมิ้นเลยครับ" เขารีบแก้ตัวแทนผู้ใหญ่ทางโน้น "ลุงขมิ้นคงทำเพราะเอ็นดูสามแสน อันที่จริง ใครต่อใครก็เอ็นดูเธอกันทั้งนั้น เอ้อ ผมหมายถึง ผู้ใหญ่ๆ คนแก่ๆ อ้อ แต่หนุ่มๆ ก็มีเหมือนกันนะ แต่ไม่ใช่ผม"

เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่แสงดุในตา มันไม่ยอมสร่างความวับวาวลงเลย นายดุคงไม่ทราบหรอกว่า เขาเสียวกบาลจะแย่ ถ้าโดนแพ่นเต็มแรงแค้น มันคงแบะ ถึงขั้นตายได้เลย

"อาดุครับ" เขากระเถิบไปนั่งใกล้ ตั้งใจขอทำใจดีสู้เสือสักครั้ง "ผมขอพูดอะไรหน่อย ไหนๆ ฝนก็ตก เราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว อาดุก็ว่างอยู่ไม่ใช่หรือ"

"ว่ามาสิ"

"ผมสงสารสามแสน" ประโยคสั้นเอง แต่คนฟังกลับลุกฉับ เขาลอบสะดุ้งเผลอกระเถิบถอย "คือว่า.. " ไหนๆ ก็เดินหน้าไปแล้ว ก็ควรจะไปต่อให้ถึงปลายทางนั่นล่ะ "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอาดุต้องทำร้ายหัวใจตัวเองกับสามแสนด้วย ในเมื่อคืนนั้น อาดุก็ประกาศจากใจแล้วว่ารักสามแสน"

"ใช่ อารักสามแสน รักมาก และเพราะรักมาก สามแสนจึงไม่ควรจะมาหยุดอนาคตไว้กับอา" นายดุกล่าวเนิบเนือย เสียงทุ้มแฝงความเศร้า หน้าดุก็ดูเศร้าเหมือนกันตอนหันมาสบตาเขา "ผู้ชายอย่างเรา มันก็มีศักดิ์ศรีบางอย่างค้ำคอนะ จริงไหม"

"หมายถึงอะไรครับ"

"เราถูกสั่งสอนให้ซึมซับว่า เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องทำตัวเป็นเสาหลักที่ดี เป็นสามีที่ภรรยาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกมั่นคง เป็นพ่อที่ลูกยกย่องศรัทธามากกว่าชายใดๆ ในโลก เป็นหัวหน้า เป็นผู้นำ ที่ลูกน้องเคารพยำเกรง"

"อาดุก็มีนี่ครับ"

"ไม่หรอก อาแค่เคยมี เวลานี้ไม่มีเลย และผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย จะไปคู่ควรกับสามแสนได้ยังไง"

"ความรักต้องการสิ่งเหล่านี้หรือครับอาดุ"

เขาไม่รู้เหมือนกันว่าคำถามสุดท้ายมันตอบยากแค่ไหน เพราะนายดุเงียบไปเลย เขาจึงปลีกตัวมาสมทบกับใบพลู เห็นหล่อนกระแทกกระทั้นสับผักสับหมู มีดแทบบิ่นเขียงแทบแบะ จึงอยากหันเหอารมณ์ร้อนให้บ้าง

แต่หล่อนกลับไม่เคยซึ้งในความปรารถนาดี ขยันแว้ดใส่ ถลึงตาดุร้าย เมินหน้าจนคางลอย และไม่เคยจำว่าเขาหมั่นไส้มากๆ ก็จะจูบทุกที

"ใบพลู" เขาเรียกซ้ำ รอจนหล่อนหันมาอวดหน้านิ่วคิ้วขมวด คงอยากบอกว่ารำคาญเขาเต็มแก่แล้วกระมัง "พี่รักใบพลู" แล้วเขาก็ย้ำความรู้สึกจากใจซ้ำอีกครั้ง

"จะบอกทำไมนักหนา ใบพลูฟังจนเบื่อแล้ว"

"ความรักของพี่มันน่าเบื่อหรือ แล้วความรักที่ใบพลูมีให้อาดุ มันน่าชื่นใจตรงไหน อาดุไม่รักใบพลู เขารักสามแสน เขาไม่มีวันรักใครได้อีกแล้วนอกจากสามแสน เหมือนที่พี่ก็ไม่มีวันรักใครอีก นอกจากใบพลู"

สาวสวยอย่างใบพลูอึ้งไป น้ำตาอัดอั้นก็ซึมนิดๆ หล่อนน้อยใจอาดุมากเลย ประโยคหวานๆ พวกนี้ มันน่าจะหลุดออกจากปากเขาไม่ใช่หรือ ทำไมหล่อนต้องมาได้ยินซ้ำซากจากปากของนายขิงด้วย

มือเล็กแต่หยาบกร้านตามประสาสาวชาวดง ถูกดึงไปกุมหลวมๆ ใบพลูหลุบมองมันอย่างคุ้นเคย น่าประหลาดเหมือนกัน ที่หล่อนมักจะสัมผัสความอบอุ่นมั่นคงได้จากไอชื้นในอุ้งมือนี้เสมอ

นายขิงต่างจากชายอื่นก็ตรงนี้ เขามุ่งมั่นทุ่มเท ตื๊ออย่างไม่ย่อท้อ เขาเป็นชายคนแรกที่ช่วยซับน้ำตาให้ หลายต่อหลายหยดแล้ว แต่ทุกหยดมันไม่เคยหลั่งเพื่อเขา หากแต่เพราะน้อยใจ แค้นใจ ในความชาเฉยของอาดุ

"ให้โอกาสพี่ได้ไหม ยังไม่ต้องรักพี่ก็ได้ รอดูต่อไปว่า ความรักของพี่ขิงคนนี้ จะมั่นคงได้นานสักแค่ไหน"

"ใบพลู.. "

"ระหว่างนี้ ใบพลูก็สามารถหว่านเสน่ห์เลือกชายรูปหล่อละแวกไหนก็ได้อย่างอิสระ พี่จะไม่ทักท้วง ไม่ห้าม ไม่ก้าวก่าย นอกจากคอยดูแลและปกป้องอยู่ห่างๆ แต่พี่ขอร้อง ถอดใจจากอาดุเถอะ เขาไม่รักใบพลูจริงๆ "

"แต่เขารักสามแสนได้นี่ สามแสนไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนใบพลูหรือ"

"ผู้หญิงเหมือนกันสิ" นายขิงตอบ ยิ้มเอ็นดู หล่อนเถียงอ้อมแอ้มไม่ยอมแพ้ทีเดียว "สวยน้อยกว่าใบพลูด้วยซ้ำ แต่ความรักมันไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้หรอกนะใบพลู"

"อะไรมันก็ไม่เอา แล้วมันจะเอาอะไรของมันเล่า"

"หัวใจไงใบพลู ความรักต้องการหัวใจเพียงแค่สองดวงที่รู้สึกตรงกัน มันต้องการเท่านั้น แล้วหัวใจของอาดุ ก็เป็นของสามแสนนะ เหมือนที่สามแสนยกของตัวเองให้อาดุไปหมดแล้ว"

"ใบพลูก็ยกนี่"

นายขิงถอนใจยาว สงสารน้ำตาหยดแรก เขาเลื่อนเขียงผักออก กระเถิบเข้ากอดสาวร้องไห้ คำปลอบใจของเขา มันเชือดเฉือนและทำร้ายความรู้สึกสักนิด แต่มันก็จะช่วยให้ใบพลูตัดใจได้เร็วขึ้น

"รู้ไหมใบพลู หัวใจของใบพลูมันลอยไปลอยมาในอากาศ ทุกครั้งที่ใบพลูโยนมันไปให้อาดุ แต่อาดุไม่เคยรับ"

"พี่ขิง ทำไมพูดอย่างนี้"

"ก็มันจริงนี่ ไม่สงสารหัวใจตัวเองบ้างหรือ ฝากมันไว้กับพี่ดีไหม พี่พร้อมจะดูแลมันตลอดไปด้วยความรักของพี่ อย่าดึงดันแล้วทำร้ายหัวใจตัวเอง ให้เหนื่อยกับหนาวกลางอากาศอีกต่อไปเลยนะ"

"แต่ใบพลู.. "

"รักคนที่เขารักเราเถอะใบพลู ชายตามามองความรักของพี่ขิงคนนี้สักนิด ความรักจากหัวใจดวงไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น ขอเพียงเกิดจากใจที่บริสุทธิ์และมั่นคง มันก็งดงามล้ำค่า น่าฉกฉวยเป็นเจ้าของหมด จริงไหมใบพลู"

"ใบพลูเกลียดสามแสน เกลียดที่สุดเลย"

นายขิงอมยิ้ม ปล่อยให้สาวสวยสุดแดนดงพึมพำคับแค้นไปเรื่อยเปื่อย ทุกครั้งที่การหว่านล้อมอ่อนโยนจบลง สุดสวยของเขาเป็นต้องพาลไปลงที่สามแสนเสียทุกที

หล่อนไม่เคยรู้หรอกว่า สามแสนปวดใจมากแค่ไหนกับความล้มเหลวในครั้งนี้ การร้องไห้เงียบๆ ของเธอนั่นล่ะ ที่เขาเห็นแล้วพลอยปวดตามไปด้วย เขาอยากเห็นเธอฟูมฟายเอะอะ ระบายความขมขื่นทั้งหมดออกมาเสียยังดีกว่า อย่างน้อยเขาก็พอมีช่องทางว่า 'จะช่วยปลอบยังไง'



กระท่อมหลังกะทัดรัด โดนบีบรัดด้วยบรรยากาศตึงเครียด ผู้กองพันยศนั่งเนือยตรงมุมหนึ่ง สามแสนก็นั่งชันเข่าหดหู่อีกมุม ภภีมลงไปนั่งตากฝนในพงไผ่หลังบ้าน ทรวงมันร้อนมาก ทางเดียวที่จะทำให้ทุเลาลง ก็ต้องอาศัยไอเย็นฉ่ำจากน้ำฝนนี่ล่ะ

เคยนึกว่าปวดใจนักหนา ที่ต้องเชือดเฉือนความรักฉบับใหม่ด้วยการหันหลังตลอดกาล เมื่อคืนนี้ ก็ร้องไห้เสียใจที่ตัดใจตัดรอนสามแสน ทั้งที่สารภาพเต็มเสียงไปแล้วว่า 'รัก' แต่เมื่อความจริงมันถูกเปิดเผย เขากลับบอกตัวเองไม่ถูกว่า เวลานี้ หัวใจมันรู้สึกยังไงบ้าง

ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง สามแสนต้องเฝ้ารอเวลาตั้งห้าปี กว่าที่ผู้ใหญ่จะยอมให้เธอได้ทำตามที่ใจปรารถนา ด้วยความผูกพันมั่นคง เธอต้องดั้นด้นเสี่ยงดวงมาตามหาเขาในป่าแปลก

ประสบการณ์หลงป่า และเกือบจะโดนทรชนคนเลวหกคนย่ำยี มันไม่น่าจะทำให้เธอประทับใจและอยากกลับเข้ามาอีก แต่เธอก็มา

เธอพิสูจน์ด้วยทุกหนทางให้เชื่อว่า เธอรักพี่ชายมากด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยปาก เมื่อเขาตัดรอนขับไล่ด้วยวาจาหยาบหยาม นึกว่าเธอจะโกรธแล้วหนีหน้า นึกว่าจะย่อท้อแล้วตัดใจ

แต่ก็ไม่เลย เธอกลับห้าวหาญไปขอความช่วยเหลือจากนายขมิ้นทอง วิงวอนให้ช่วยร่วมมือวางแผนตบตาเขา ทำให้เขาพลุ่งพล่านแทบจะเป็นบ้าด้วยความเป็นห่วง

เพียงเท่านั้น มันยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่ออย่างหมดจิต เธอลงทุนให้นายขิงตบสลบเหมือด เพื่อลวงให้เขาคายความรักออกมาจากใจ เธอทำสำเร็จ แต่มันเป็นความสำเร็จที่น่าเศร้าเหลือเกิน เมื่อผลลัพธ์ของมัน ก็ยังคงทำให้เขากับเธอต้อง 'หันหลังอย่างเจ็บปวด' ดังเดิม

"ชุ ฉันจะทำยังไงดี เด็กคนนี้ทำอะไรเพื่อฉันตั้งมากมาย เธอไม่ต้องการอย่างอื่นเลยนอกจากฉัน"

เสียงทุ้มเครือสะท้านด้วยประโยคร้าวราน ภภีมลูบหน้าอัดอั้น ทรวงไม่หนาวสักนิดกับแรงฝนที่โถมลงไม่ขาดสาย เขาอยากให้ชุลียามาปรากฏกาย หล่อนอาจทราบก็ได้ว่า ทางออกของนิยายรักฉบับใหม่มันอยู่ตรงไหน แล้วตรงนั้นล่ะ ที่น่าจะเรียกว่า 'บทสรุป'  

"มาหาฉันหน่อยสิชุ มาฟังฉันระบายความระทมในอกหน่อย รู้ใช่ไหมชุ ว่าที่ผ่านมา ฉันใจร้ายกับสามแสนมากเลย ฉันรักเด็กคนนี้จากใจของฉันหรือเปล่าชุ บอกฉันทีสิว่า ฉันรักสามแสนจากใจของฉัน หรือเพราะว่าสามแสนหน้าตาเหมือนชุกันแน่"

มันเป็นปมเล็กนิดเดียวที่ขมวดอยู่ในซอกใจร้าวของภภีม เขาติดอยู่แค่ตรงนี้เอง แค่ว่า ตราบใดที่ตัวเองตระหนักเสมอว่า ความรักที่มีให้สามแสน มันไม่บริสุทธิ์ เพราะมันเจือปนด้วยตะกอนอดีตช้ำ เพราะสามแสนบังเอิญมีหน้าตาเหมือนชุลียาสุดที่รัก เขาจะไม่มีวันยอมรับความรักครั้งใหม่เด็ดขาด

เพราะการยอมรับในวันนี้ มันจะกลายเป็นการทำร้ายจิตใจของสามแสนอย่างเจ็บปวดในวันหน้า

ดวงตาเรียวดุมองฝ่าม่านฝนหนาไปกระทบกับราวป่ารางเลือนข้างหน้า ภภีมอยากเห็นคำตอบฉายสว่างอยู่ตรงนั้น เขาเหนื่อยและล้าเต็มที ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองไม่ยอมล้มกับทรุดเสียให้รู้แล้วรู้รอด

มั่นใจว่าการล้มกับทรุดในคราวนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ภภีมผู้สิ้นไร้ทุกสิ่งทุกอย่างคนนี้ จะไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก แล้วไม่ช้านาน เขาก็จะได้ชื่นชมกับความตายสมใจ



ฝนยังตกหนักคงเส้นคงวาไปจนถึงค่ำ ทุกคนต้องล้อมวงกินข้าวในห้องนอน แสงตะเกียงเต้นไหวตามแรงลม บางครั้งก็ส่องหน้าของสามแสน และทุกคนก็เห็นว่าเธอเงียบขรึมลง ผู้กองพันยศใช้สายตาพิสมัยจับจ้อง นายขิงมองอย่างสงสาร ใบพลูมองอย่างสับสน และภภีมมองอย่าง 'รักแสนรัก'

"ผัดผักของใบพลูอร่อยจังเลย" เธอกล่าวชมกลั้วยิ้มบาง "พรุ่งนี้ สามแสนต้องขอจดสูตรไปทำกินที่บ้านบ้างแล้ว"

"ฉันไม่ให้หรอกย่ะ" ใบพลูกระแทกเสียง ตวัดค้อนใส่นายขิงที่สะเออะมาสะกิดแขนปราม

"แหม แค่สูตรผัดผักเอง อย่าหวงนักเลยน่า สามแสนไม่ได้มีโอกาสจะเข้ามากินได้บ่อยๆ นะ บางที อาจจะไม่ได้กลับมาอีกแล้วตลอดทั้งชีวิต"

"สามแสน" นายขิงหดหู่ใจจัง "พูดอะไรอย่างนั้น เราก็เป็นคนที่นี่นะ ถ้าสามแสนอยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ ก็บอกเราสิ เราจะไปรับเอง"

"อย่าเลย สามแสนไม่อยากทำให้พี่ชายต้องลำบากใจอีกแล้ว"

หัวใจละลายเหมือนเทียนไขเจอไฟลน ภภีมมืออ่อนช้อนร่วงอีกแล้วล่ะ เขาพึมพำเบาๆ ว่า 'อิ่มแล้ว' พลางลุกย้ายไปนั่งดื่มน้ำใกล้หน้าต่าง

อยากเปิดรับลมข้างนอกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวฝนจะสาดเข้ามา เปียกปอนไม่ต้องนอนกันพอดี ตรงนี้มันมีดีแค่ว่ามืดหน่อย เขาอยากซ่อนหน้าช้ำตาโศก ลำคอมันตีบจนน้ำก็แทบจะไหลผ่านไปไม่ได้ แต่ก็ฝืนกลืนจนได้

ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ตะเกียงไหวรุนแรงแล้วดับวูบ ใบพลูอุทานตกใจ นายขิงรีบทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ชั้นหนึ่ง ฉวยร่างได้ก็รีบกอดปลอบขวัญไว้ก่อน ผู้กองพันยศนั่งนิ่ง หรี่ตาลงเพื่อทำความคุ้นเคยกับความมืดห้วงใหญ่ ตอนแรกมันก็มืดตื๋อเชียว แต่สักพัก มันจะค่อยๆ เห็นเงาตะคุ่มขึ้น

'เอ๊ะ' เงาตะคุ่มมันไม่ค่อยปกติเลย ร่างปราดเปรียวรีบขยับลุก พร้อมกับร่างภภีมที่ดีดถลันมาจากหน้าต่าง สองหนุ่มต่างวัยเคลื่อนไหวว่องไวแล้วล่ะ แต่ก็ยังช้ากว่าเงาตะคุ่มไม่ค่อยปกติก้าวหนึ่ง

สามแสนถูกปิดปากลากตัวออกไปแล้ว นายขิงก็เพิ่งจะเห็น เขาร้อง 'เฮ้ย' ในขณะที่ใบพลูปราดไปหาตะเกียงแล้วรีบจุดมือสั่น เพราะหล่อนก็เห็นเหมือนกัน

"สามแสน"

สามหนุ่มกับหนึ่งสาวตะโกนเรียกพร้อมเพรียง แต่ไม่มีเสียงใดๆ สะท้อนตอบกลับมา นอกจากเสียงฝนกับลมรุนแรง ภภีมกระโดดลงจากหน้าชาน วิ่งฝ่าฝนนำไปก่อน ผู้กองพันยทำท่าจะผลุงตาม แต่นายขิงรีบห้ามไว้ด้วยเหตุผลน่าฟังว่า

"ไม่ต้องครับ อยู่เป็นเพื่อนใบพลูทางนี้ แผลผู้กองเพิ่งจะแห้ง อาการก็ยังไม่ทุเลาดีนัก อย่าเสี่ยงเลยครับ ผมตามอาดุไปเอง ใบพลู อยู่ทางนี้ ดูแลตัวเองนะ หน้าไม้ในย่ามอย่าให้ห่างตัว เข้าใจไหม"

"ระวังตัวด้วยนะพี่ขิง"

"วางใจเถอะ พี่ไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก ยังไงก็จะเก็บชีวิตเอาไว้มาสู่ขอใบพลูไปเป็นหวานใจในวิมานดงให้ได้"

วาบหวามขวยเขินไปเลยกับน้ำคำหวานชื่นรื่นโสต นายขิงยังมีแก่ใจเกี้ยวพาราสีเล็กๆ น้อยๆ ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ผู้กองพันยศอดหัวเราะปนหัวเสียไม่ได้ เขาเป็นห่วงสามแสนจะแย่แล้ว ทางนี้กลับมาจีบกันเสียหวานเชียว

"ใครกัน" เขาพึมพำตามหลังนายขิง ซึ่งวิ่งตามภภีมไปแล้ว

"นั่นสิ หรือว่าจะเป็นโจรดงโน้น ตามมาแก้แค้นแม่ตัวดี ที่คราวก่อนสะเออะล้ำเขตเข้าไปก่อความวุ่นวาย"

"ก่อยังไงหรือ"

"จะไปรู้หรือ" ใบพลูกระแทกเสียงใส่เลย เพราะอ่านใจคนถามกวนบาทาออกว่าต้องการแดกดัน "แต่ขึ้นชื่อว่าแม่นั่น ไปถึงไหนก็ป่วนได้ตลอดศกนั่นแหละ เชอะ"

"ผมรู้วิธีที่จะทำให้คุณเลิกเกลียดสามแสนนะ แต่ผมทำไม่ได้ หรือถึงทำได้ ผมก็จะไม่ทำ"

"อย่างนั้นหรือ ทำยังไง"

"ทำให้สามแสนรักผม ก็หมายถึงว่าต้องแย่งสามแสนมาจากคุณดุ ผมทำไม่ลงหรอก"

"ทำไม่ลง"

"เขาสองคนรักกันมาก ผมไม่รู้หรอกว่าบนเส้นทางรักสายนั้น มันมีปัญหาอะไรทำให้สองคนนั้นต้องหันหลังให้กันอย่างจำใจ ผมรู้แต่ว่า ถ้าผมแย่งสามแสนมาได้จริง สิ่งที่ได้มามันจะเรียกความสำเร็จ ไม่ใช่ความรัก แล้วที่ผมต้องการก็คือความรัก ไม่ใช่ความสำเร็จ"

สาวสวยอย่างใบพลูฟังแล้วอึ้ง วูบหนึ่ง ก็อดอิจฉาสามแสนไม่ได้อีก ผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงสักที สวยก็ไม่สวย แต่ทำไมรวยเสน่ห์เสียจัง ใครเห็นเป็นต้องรักไปเสียหมด

หล่อนเสียอีก สวยหยาดฟ้ามาดิน แต่กลับหารักแท้จริงจังไม่ได้เลย เพราะไอ้หนุ่มที่มาจีบส่วนใหญ่ ก็ไม่เป็นโล้เป็นพายทั้งนั้น จะมีที่เข้าท่าที่สุดก็ 'นายขิง' นี่ล่ะ

"แล้วทำไมเราต้องคิดมากกับเรื่องพวกนี้ด้วย ทำไมเราไม่คิดแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้เราได้เป็นเจ้าของความรักของเราก็พอแล้ว"

"ที่คิดมากก็เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่า ความรักที่จะได้มา มันไม่ใช่ของเราจริงๆ น่ะสิครับ คุณใบพลูภูมิใจมากไหม หากคุณยื้อแย่งความรักของคนอื่น ที่บังเอิญว่าคุณก็อยากได้อยู่เหมือนกัน มาเป็นของตัวเองได้สำเร็จ คุณจะบอกว่า มันเป็นของคุณจริงๆ ได้เต็มปากไหม"

แล้วสาวสวยอย่างใบพลูก็อึ้งไปอีก หล่อนตัดบทสนทนา ด้วยการเดินกลับเข้าข้างใน ทิ้งผู้กองหนุ่มไว้ตามลำพัง กับความมืด แรงลมแรงฝน และราวป่าทึบที่สองหนุ่มต่างวัยวิ่งหายเข้าไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน



เกิดอะไรขึ้นอีก เหตุการณ์กำลังจะลงเอยด้วยดีอยู่แล้ว พรุ่งนี้ เขาจะไปส่งสามแสนเข้าเมืองด้วยตัวเอง หรือถ้าหากว่าฝนไม่ตกลงมาตั้งแต่บ่ายจนถึงเดี๋ยวนี้ สามแสนก็อาจจะได้พักค้างคืนที่ปลายดงฟากโน้นแล้ว

"สามแสน ได้ยินเสียงพี่ไหม สามแสน"

"สามแสน ได้ยินเราเรียกไหม สามแสนขานตอบด้วย สามแสน"

สองหนุ่มต่างวัยแข่งกันตะโกนแทรกเสียงฝน ความมืดเป็นอุปสรรคมากเลย ภภีมลื่นหัวทิ่มตั้งสองสามหน เนื้อตัวคลุกโคลนเลอะเทอะ

นายขิงก็เหมือนกัน ชนกับกิ่งไม้ที่มองไม่เห็น คิ้วแตกเป็นแผลเส้นเล็กๆ เลือดไหลไปก็เท่านั้น โดนฝนชะล้างไม่เหลือสีแดงให้หวาดเสียวหรอก นอกจากแผลมันจะพองตัวขึ้น และเจ็บๆ แสบๆ ไปตลอดทาง

"อาดุ หยุดก่อนเถอะครับ วิ่งสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ เราจะหลงเข้าดงโจรฟากโน้น"

"ไม่"

สามแสนที่รักโดนเงาลึกลับขโมยตัวไปต่อหน้าต่อตากลางความมืด เธอโดนปิดปาก แล้วลากตัวออกไปเลย ไม่มีโอกาสได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่แววตาแตกตื่นพรั่นพรึงมันวาวให้เขาเห็น

คนอื่นไม่เห็นก็ช่าง แต่เขาเห็น ใครก็ตามที่ทำบัดซบกับคนดี เขาจะทวงแค้นคืนให้เจ็บแสนสาหัสเป็นร้อยเท่าพันเท่า

นายขิงโดนผลักล้มกระแทกรากไม้ เจ็บก้นกบน้ำตาร่วงเลย เขาพยายามดึงแขนหนุ่มใหญ่ทรวงร้อน แต่นายดุเหมือนสติแตกชอบกล ไม่ฟังไม่หยุด สองเท้าเปลือยมุ่งหน้าฝ่าความมืดเหมือนโจรแหกคุก เหนื่อยใจแทบขาดแค่ไหนก็หยุดไม่ได้ เพราะตำรวจกำลังไล่จี้มาบี้ให้จนมุม

"สามแสน สามแสนได้ยินเสียงพี่ไหม สามแสน"

สามแสนไม่ได้ยินหรอก เขานี่สิได้ยิน แต่ตอนนี้ มันยังจุกลุกไม่ขึ้น เสียงของนายดุจึงแว่วๆ มา คะเนว่าเจ้าของเสียงน่าจะไปไกลมากแล้ว สักพักก็คงไม่ได้ยินอีก เมื่อครู่นี้ เขาไม่น่ารีบร้อนจนลืมไฟฉายเลย แล้วนี่ควรจะเริ่มต้นจากทิศไหนก่อนดี มองทางไหน มันก็มืดกับเปียกอยู่สองอย่าง



กว่าสองชั่วโมงผ่านไป ภภีมยังดั้นด้นชนกิ่งไม้ ต้นไม้ และพงไผ่พงหนามอย่างไม่ลดละ ฝ่าเท้าโดนหนามตำเลือดชุ่ม เจ็บมันก็เจ็บอยู่ แต่เขาไม่กล้าหยุดแม้แต่นาทีเดียว

เขาผลุงออกจากห้องมาก่อนใคร ทันเห็นว่าเงาลึกลับแบกคนดีพาดบ่าหายเข้ามาทางป่าผืนนี้ มันไม่น่าจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว และทิ้งห่างจนไม่เห็นเงาหลังขนาดนี้เลยนี่

'โว้ย' หนุ่มใหญ่สบถเกรี้ยวกราด ตอไม้มันผุดทื่ออยู่ดีๆ เขาก็วิ่งไปชนมัน หกล้มหกลุก หน้ากับหน้าอกกระแทกกับรากไม้ใหญ่ เข่าน่าจะแตกด้วย ข้อเท้าไม่ต้องพูดถึง มันแพลงสนิทแล้ว ขยับตอนนี้ รับรองว่ามีแต่เจ็บกับเจ็บ

"คนดี เข้มแข็งไว้นะ ชุ ได้ยินฉันไหม คุ้มครองสามแสนแทนฉันหน่อย อย่าให้เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ ฉันยอมแพ้แล้วชุ ฉันยอมแพ้แล้ว คุ้มครองสามแสนให้ฉันนะ คราวนี้ ฉันจะไม่ยอมให้สามแสนพรากไปจากหัวใจฉันอีกแล้ว เป็นยังไงก็เป็นกันเถอะ"

ฟ้าแลบแปลบเป็นช่วงๆ แสงอันน้อยนิด พอจะช่วยให้สายตาคมกล้ามองหาเศษไม้แถวนั้นมาดามข้อเท้าได้ลวกๆ

ภภีมฉีกผ้าขาวม้ารัดจนแน่น เหลือกิ่งไม้หักขนาดเหมาะจะใช้แทนไม้เท้า เขาจึงคิดฝ่าดงเปียกกับมืดต่อไป ร่างกายไม่เป็นใจ แต่ใจมันก็ไม่สงบ ให้นั่งนิ่งๆ รอฝนแล้ง รอฟ้าแจ้ง รอให้ข้อเท้าทุเลา มันช้าเกินไป

แต่ก็บอกแล้วว่าร่างกายไม่เป็นใจ ภภีมจึงดันทุรังได้ไม่เกินสามก้าว ทันทีที่ล้มลง เขาสบถหยาบคายลั่นป่า ตาเรียวดำวาวขึ้นอย่างดุร้ายมากเลย

แต่เขาไม่รู้สึกหรอก หลังจากที่ตะกายมานั่งสงบอารมณ์เดือดดาลได้สักสองสามนาที ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาอีก ในอกมันรุ่มร้อนไปด้วยคำถามกระวนกระวายว่า 'ทำยังไงดี'

"อาดุ อยู่ไหนครับ อาดุ ได้ยินเสียงผมไหม"

"ทางนี้ ขิง อาอยู่ทางนี้"

นายขิงยิ้มกว้าง ใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินสัญญาณตอบรับ เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แล้วเพ่งมองเงาตะคุ่มใต้ต้นไม้ จนได้ยินเสียงทุ้มห้วนเปล่งขึ้นว่า

"อาเอง เจอร่องรอยอะไรบ้างไหม"

ถ้าเป็นคนอื่น หนุ่มหล่อชาวดงคงย้อนกลับทันควันว่า 'โอ้โฮ อยากได้ร่องรอยอะไรหรือ มืดๆ เปียกๆ เสียขนาดนี้ ถามอะไรไม่คิด' แต่ถ้าโพล่งออกมาแบบนี้กับนายดุ พอฟ้าแจ้งแล้ว กรามกับดั้งจมูกอาจหักกับยุบก็ได้ หนุ่มฉลาดจึงต้องเลี่ยงๆ ไปว่า

"มืดกับเปียกขนาดนี้อาดุ ยังอยากให้เจออะไรละครับ มองทางให้เดินไม่ล้มก็ยังยากเลย"

ภภีมพยักหน้าเห็นด้วย เขาก็ถามไปอย่างนั้นเอง รู้อยู่เหมือนกันว่า สภาพทุลักทุเลเช่นนี้ จะหาร่องรอยหรือหาคน มันทำยากพอกันนั่นล่ะ

"อาดุเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" นายขิงพอจะมองเห็นว่าขาของหนุ่มใหญ่มันยืดทื่อผิดปกติ

"แพลงนิดหน่อย เลยไม่อยากขยับ"

"เราต้องหยุดก่อนนะครับ ตามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เหนื่อยกับหลงเปล่าๆ ผมผิดเอง ลืมไฟฉาย"

"ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของใคร คนผิดคือไอ้บัดซบสารเลวนั่นต่างหาก ถ้าสามแสนเป็นอะไรไปละก็ มันก็อย่าหวังว่าจะได้ลอยหน้าลอยตาเป็นคนอยู่อีก ถ้าสามแสนตาย อาจะตายด้วย แต่ก่อนตาย มันต้องตายก่อน"

นายขิงห่อปากหวาดเสียว เขาเชื่อว่านายดุไม่ดุแต่ปากหรอก แล้วใครก็ตามที่เล่นพิเรนทร์ลักพาตัวหวานใจไปกลางสายฝน ก็ต้องยอมรับสภาพจำเลยทารุณไปโดยปริยาย

นายดุเงียบไปเลย แต่เขายังไม่หลับ ตาดุยังวับวาวอยู่ในความมืด บางที เขาอาจกำลังระดมหาโทษมาเตรียมๆ ไว้ทารุณจำเลยก็ได้ อย่างเช่นว่า รอยขีดข่วนบนแขนของสามแสน ต้องชดใช้ด้วยกระทืบสักสิบบาทากลางยอดอก เลือดของหวานใจไหลสักครึ่งหยด ก็ต้องกรามแตกปากฉีกเลือดกระฉูด เป็นต้น

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 16:39:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com