Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Bitter Sweet – เพราะเธอ ..... หัวใจจึงพบรัก (ตอนที่ 2 ) ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10941594/W10941594.html (ตอนที่ 1 )

“ขอดูหน้าหน่อย.....” เจ้านั่นยังพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น ฉันยังคงพยายามต่ออย่างไม่ลดละ เขายังถอยหลังจนติดฝาแล้ว ฉันยังรุกต่อ พยายามใช้สองมือประคองใบหน้านั่นให้เห็นชัดๆ เขาหันหน้าหนีไปซ้ายขวา ฉันพยายามเล็งใบหน้าขาวนวลนั้น อยู่ดีๆ เจ้านั่นก็หยุดดิ้นแล้วเอามือมาจับข้อมือชั้น และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ฉันแทบจะหยุดหายใจ จะหล่ออะไรขนาดนี้ หล่อไม่เผื่อแผ่ใคร หล่อไม่ปรึกษาคนข้างบ้าน ดวงตาสวยกว่าที่เห็นแวบแรก มันดูเหมือนลูกกวางน้อยผสมราชสีห์ในคราวเดียวกัน แก้มขาวๆ มีสีชมพูระเรื่อมาเจืออยู่ พอพิศใกล้ๆ แล้วผิวสวยเปล่งประกายมากๆ หน้าของฉันอยู่ติดกับหน้าหล่อๆ นี่นิดเดียวจริงๆ  


“พอใจรึยัง ทำตัวเหมือนสาวแก่จะพร่าพรหมจรรย์เด็กหนุ่ม” เจ้านั่นประชดจนฉันได้สติเลย ฉันรีบปล่อยมือและถอยห่างออกมา แต่ยังไม่วายจ้องหน้าขาวผ่องนั้น

“ทะ.....ทะ.......... เธอ เป็นดาราใช่ไหม” ฉันยังไม่หยุดสั่น ตื่นเต้นนี่นา ใครเจอดาราแล้วไม่ตื่นเต้นบ้าง
---------Day1
“ไม่ได้เป็นดาราอะไรสักหน่อย” ท่าจะเขิน แก้มแดงแป๊ดเชียว เจ้าเด็กนั่นดึงหนังยางที่มัดผมออก และขยี้ผมให้ปรกลงมาบังหน้าเหมือนเดิม เฮ้ย .. ทำอะไรน่ะ เสียของหมด ฉันพึมพำในใจ “ใช่เวลามั้ย....แทนที่จะหาทางแก้ไขเรื่องต่างๆ เมื่อกี้ยังเศร้าอยู่เลย อารมณ์ปรวนแปรจริงๆ ทำตัวเหมือนคนแก่” หนอย....... มันว่าใครเนี่ย “เศร้าก็เศร้าอยู่หรอก แต่อดตื่นเต้นไม่ได้ที่เห็นดารา” ฉันพูดเสียงตื่นเต้น “..........บอกว่าไม่ใช่” เจ้าเด็กนั่นเดินหนีไปที่เคาน์เตอร์ตรงข้ามเตียงสระผมและดึงสมุดออกมา

“นั่งเลยเมษา...” ดูมันเรียก ไม่มีสัมมาคารวะ “ถ้าคึกได้ขนาดนี้ ลองตั้งสติตรองดูสิว่าจะทำอะไรต่อไปได้มั่ง” เจ้าหน้าหล่อยังนั่งก้มหน้าก้มตามองสมุดที่ถือมา แก้มแดงเป็นลูกตำลึง ชั้นรีบทิ้งก้นลงนั่นข้างๆ “ท่าทางสลดเมื่อกี้หายไปไหน” เขายังว่าฉัน ฉันก็เลยตอกกลับว่า “สลดอยู่ในใจ” เขามองหน้าและเอ่ย “ดี...ถ้างั้นก็คิดเอาเองล่ะกันว่าจะทำไงต่อ” คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายเงียบ เจ้าเด็กนั่นกางสมุดออกแล้วลงมือเขียนอะไรยุกยิก :-)อย่างฉัน ก็ยังนั่งงงต่อไป จะให้คิดอะไรล่ะ มืดแปดด้าน เก้าด้าน สิบด้าน มีแต่ความมืด ถ้าลูกค้าไม่เข้ามา ถ้าไม่ได้วันละ สามสิบหัวคงต้องระเห็จไปหาที่อื่นเช่าอยู่แน่ๆ ฉันกุมขมับ ความเศร้าเข้ามาแทนที่อารมณ์สันทนาการเมื่อกี้เสียสิ้น

เจ้านั่นยังคงเขียนอะไรต่ออีกพักหนึ่ง  ฉันชะโงกหน้าไปดู เด็กหนุ่มหันมามอง “ไหนบอกมาสิว่า จริงๆ แล้วทำผมเป็นรึเปล่า” ฉันส่ายหน้า ที่ผ่านมามีแต่ลูกค้ามาสระผมกับไดร์ผมเท่านั้น “ยังไม่เคยซอยหรือดัดเลย ตอนเรียนมาเขาก็สอนแค่นี้” ฉันอ้อมแอ้มสารภาพ หน้าหล่อถอนใจ “เฮ้อ เหนื่อยหน่ายจริง” เด็กบ้านั่นเลื่อนกระดาษที่จดมาให้ฉันอ่าน
• ร้านอยู่ในทำเลที่แย่
• ข้าวของเครื่องใช้ล้าสมัย
• อุปกรณ์ต่างจะพังมิพังแหล่
• แชมพู ครีมนวด ยาย้อมผมทุกอย่างใกล้หมดอายุ
• เครื่องปรับอากาศเสีย
• ห้องน้ำชำรุด มีน้ำรั่วซึม
• ชื่อร้านห่วย
• ร้านเหม็น
• ซอยผมไม่เป็น ดัดผมไม่เป็น
• ตกเทรนด์มากจนให้อภัยไม่ได้ *** (มีดาวสามดวง)

แกว่าใครตั้งชื่อร้านห่วย ฉันนึกโกรธปุดๆ ในใจ ก็ป้าเจ้าของคนเก่ายังนิยมชมชอบกับฉันเลย ร้านเหม็น เขียนมาได้ ฉันใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นอโรม่าที่ป้าเขาแนะนำ ชุดนี้หลายพันเชียวนะ

“ตกเทรนด์มากจนให้อภัยไม่ได้....” ฉันอ่านออกสียง เจ้านั่นทำหน้าเฉยๆ แต่พยักหน้าช้าๆ วัยหวานกระโดดขึ้นมานั่งตัก “สามดาวเลย..............” เจ้านั่นพูดกับแมว “วัยหวาน... มาหาแม่นี่” ฉันเรียก วัยหวานทำท่าเหมือนกลัวๆ หวาดระแวงแถมยังหมอบตัวอยู่ข้างเด็กหนุ่ม เด็กนั่นเอ่ยขึ้นลอยๆ “คลาสสิคมาก ตั้งชื่อแมวว่าวัยหวาน” เจ้านั่นเกิดมาเพื่อกระแนะกระแหนฉันหรือเปล่านะ เอ้า......อะไรกันอีก .....อยู่ดีๆ เจ้านั่นลุกพรวดขึ้นมา เดินอาดๆ ไปที่เก้าอี้ทำผม

“มานั่งนี่สิ” เขาเรียกใครกัน ฉันชี้นิ้วที่หน้าฉัน “เรียกฉันเหรอ” เจ้านั่นทำหน้าเอือม ฉันลุกขึ้นเดินอย่างงงๆ ใครจะไปรู้ว่าพูดกับแมวหรือพูดกับคน ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ เจ้านั่นรวบผมฉันขึ้น ฉันทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน

“ทำอะไร้.......” ฉันตะโกนเสียงสูง เจ้านั่นยกมือปิดหู “โอ๊ย หูจะแตก...........” เขาพูดต่อ “ช่วยนั่งเฉยๆ สักนาทีเถอะ” เจ้านั่นทำท่าเหมือนสั่งมากกว่าอ้อนวอน สงสัยจะเป็นนิสัยส่วนตัวชอบวางอำนาจ ฉันนั่งลงแต่ยังคงหวาดระแวงอยู่ เจ้านั่นรวบผมฉันเบาๆ ค่อยๆ ลากมาจากขมับซ้ายไปกลางกระหม่อม จากขมับขวาไปกลางกระหม่อม ฉันเริ่มง่วง....

แฟ่ดๆๆๆๆ

เจ้าบ้านั่นพ่นน้ำใส่ผมฉัน คนกำลังเคลิ้มๆ ตกใจจนสะดุ้ง หางตาเห็นเจ้าบ้ากำลังกลั้นหัวเราะ  หลังจากพ่นน้ำบนหัวฉันจนหนำใจแล้วก็หยิบกรรไกรขึ้นมา “เฮ้ย...อันนี้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว” ฉันโวยวาย เจ้านั่นเม้มปากก่อนจะวางกรรไกรลง เด็กเวรใช้มือสองข้างประคองหัวฉันไว้แล้วหนีบหัวฉันให้ตรงกับกระจก “ดูซะ.......เนี่ยน่ะเหรอเจ้าของร้านทำผม สารรูปเหมือนเด็กพิการซ้ำซ้อน.........หัวกระเซิง ทั้งๆ ที่ผมหยักศกเป็นลอนสวย เสียดายสีผมและความมันเป็นเงา นั่งลงดีๆ เลย ขอเวลาไม่เกินสิบนาที ถ้านั่งเฉยๆ ไม่ได้ก็ท่องสูตรคูณในใจ” อืม เข้าท่า เหมือนจะโดนด่าแต่ก็เหมือนจะโดนชม แต่เอ๊ะ นั่นมันหยิบกรรไกรขึ้นมาอีกแล้ว “ไม่เอานะ..................” ฉันทำตาละห้อย เกิดมายังไม่เคยเปลี่ยนทรงเลย “อยู่เฉยๆ” เจ้าเด็กเวรทำเสียงเข้ม

ฉันนั่งมองในกระจก เจ้าเด็กนี่หน่วยก้านไม่เลว ตัดผมวิ่งไว ฉับๆ ไปมา ท่าทางคล่องแคล่ว ดูแล้วเพลินดีแท้ ใบหน้ายามจดจ้องดูเคร่งขรึม กล้ามแขนขึ้นเป็นมัดๆ ยามยกแขนแกว่งไปมา รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน ไม่มีไขมันส่วนเกินให้รกตา

“เอ้า ทีนี้เอนตัวนอนสิ” ฉันทำตามเหมือนโดนมนต์สะกด เจ้านั่นเอาไดร์เป่าผมฉัน มือนุ่มๆ ลูบหัวฉันเบาๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีจัง ฉันเริ่มอยากจะเข้าสู่ภาวะหลับลึก

“เสร็จแล้ว”
ฉันปาดน้ำลาย ไถตัวขึ้นมองกระจก
โอ้ แม่เจ้า นี่มันเอาของวิเศษอะไรของโดเรมอนมาใช้ ผมที่เคยชี้ฟูเข้ารูปเข้าทรงเป็นลอนเกลียวเล็ก ไม่กระเซิงเหมือนแต่ก่อน ผมด้านหน้าถูกซอยให้เป็นม้าเป๋ไปข้าวขวา ฉันลุกจากเก้าอี้ เดินช้าๆ เข้าไปใกล้ๆ กระจก “จริงๆ แล้วผมเธอสวยมากนะ สีสวยแล้วก็เงางามมาก” ฉันกำลังปลาบปลื้มอยู่กับผมทรงใหม่ “น่าเสียดายที่มาอยู่บนหัวของคนที่หน้าตาธรรมดาๆ แบบนี้” อะไรนะ.........เถียงไม่ออก ฉันยังคงหันซ้ายหันขวา เอียงคอมองกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เลิกส่องกระจกได้แล้ว ไปเอาไม้กวาดมากวาดเศษผม” ครับเจ้านาย.......ฉันเริ่มจะงงแล้วนะว่าใครเป็นนาย ใครเป็นลูกจ้าง

“โห....... ซอยผมสวยขั้นเทพแบบนี้ ร้านเราคงจะมีคนเข้าเพียบเลย” ฉันหมุนตัวกวาดพื้นด้วยความสุขสันต์ เจ้าเด็กนั่นนั่งเหมือนคิดอะไรอยู่บนโซฟา “ตกลงฉันอนุญาตให้เธอเป็นช่างประจำร้าน” ฉันรีบสรุป
“ใครเป็นช่างอะไรมิทราบ” เขาถาม ฉันอ้าปากตอบ“เอ๋า.... ก็เธอไง เธอเป็นช่างมือหนึ่งประจำร้าน เมษาพาเพลิน” แอบเห็นเจ้านั่นมุมปากกระตุก

“เออ ฉันคิดออกแล้ว” ฉันตะโกนลั่น “ก็นายเป็นดาราแล้วก็ซอยผมเก่ง เราจะโปรโมทร้านด้วยวิธีนี้....ติดป้าย ซอยผมกับดารา ราคามิตรภาพ” เจ้านั่นหันมามองหน้าตายิ่งกว่าบอกบุญไม่รับ “พูดกี่ครั้งถึงจะรู้เรื่อง บอกว่าไม่ใช่ดารา” เจ้านั่นเน้นเสียงอีก “แล้วอีกอย่างนะ ใจคอไม่คิดจะซอยผม ตัดผมเองบ้างเลยเหรอ เจ้าของร้านทำผมอะไร ทำอะไรก็ไม่เป็น อายมั่งไหม” “ทำไมต้องว่าขนาดนี้ด้วย ฉันก็พยายามแล้วนะ” ฉันเถียง ฉันกวาดผมใส่บุ้งกี๋แล้วเดินไปทิ้งขยะหน้าห้องน้ำ เจ้านั่นเดินตามมา  “อะไร..................” ฉันแหวใส่

“ขอโทษ” เจ้านั่นพูดแล้วก็ยืนมองหน้า โอ๊ย...อย่ามาทำหน้าหล่อได้ไหม ให้อภัยไปตั้งนานแล้ว ฉันรีบหันหน้าหนีกลัวหน้าจะแดงให้ได้อาย

“ออกไปข้างนอกกันมั้ย ไงๆ วันนี้ก็ไม่มีลูกค้าเข้ามาอยู่แล้ว” อยู่ดีๆ ก็:-)ซะหยั่งงั้น แช่งมาได้ เดี๋ยวบ่ายๆ อาจจะมีลูกค้าก็ได้

“ไปเหอะ...” เจ้านั่นลากเสียงยาว ถ้าทำเสียงออดอ้อนแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไปแล้ว ฉันกล้อมแกล้มพูดไม่ให้เสียฟอร์ม “ก็ได้ จะได้ไปหาข้าวกินด้วย” “วัยหวาน เฝ้าร้านนะ” ประโยคหลังฉันบอกเจ้าแมวอ้วนที่นอนพาดอยู่ที่เก้าอี้อบไอน้ำ นังแมวตัวดีไม่มีท่าทางจะรับรู้อะไร พอเจ้านั่นเดินไปลูบหัวก่อนจะ พึมพำพูดกับมัน “อยู่คนเดียวก่อนนะ จะรีบกลับมา”  มันครางตอบดังแง้ว แหม นังแมวฮีสทีเรีย
อะไรกัน ทำไมทุกคนต้องมองฉันแบบนี้ โอ้........นี่ฉันสวยใช่ไหม แค่เปลี่ยนทรงผม ทุกคนตะลึงขนาดนี้เลยเหรอ......ทุกอย่างบนโลกระยิบระยับ สองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนต่างจ้องมองฉันอย่างไม่วางตา

“กรี้ด ...หล่อจัง เธอว่าใช่ดาราหรือเปล่า”
“นายแบบแน่ๆ เท่ห์มาก”
“หล่อโฮกฮ่ะ” เสียงสาวประเภทสอง

อะไรกันเนี่ย สรุปว่า.........ไม่ใช่ฉัน ที่ทุกคนตะลึง หากแต่เป็นเทพบุตรข้างๆ มนุษย์ธรรมดาอย่างฉัน ฉันเหลือบไปมอง โอ้...แสบตายิ่งนัก ออร่าเปล่งประกายวิ้งๆ จนฉันต้องเบือนหน้าหนี

ฉันรีบเร่งฝีเท้า เพื่อที่จะแซงเด็กบ้านี่ ใครจะไปกล้าเดินทาบรัศมีหล่อขั้นเทพกัน โดนเปรียบเทียบแน่ๆ หูฉันยิ่งอ่อนไหวกับคำติฉินนินทาเสียด้วย

“เดี๋ยวก่อน......”เจ้านั่นดึงฮู้ดของเสื้อฉัน เขาเอ่ย “จะรีบเดินไปไหน”  ให้ตายสิ คนมองเต็มเลย โดนเปรียบเทียบแน่ๆ “เข้าร้านนี้กัน” เจ้านั่นชี้ไปที่ร้านขายเครื่องสำอาง

“เฮ้ย........เข้าไปทำไม” ฉันส่ายหัวดิก เกิดมาไม่เคยเสียเงินกับเรื่องพรรค์นี้เลย เจ้าบ้านั่นเกี่ยวแขนฉันเข้าไป
“สวัสดีค่า.....” คนขายร้องทักแล้วก็อ้าปากค้าง “เอ่อ........หาสินค้าประเภทไหนคะ”คนขายทำตาหวานเชื่อมขึ้นมาทันที “ช่วยแต่งหน้าให้ยัยนี่หน่อย เอาเป็นโทนธรรมชาติ สีอ่อนๆนะ มีบริการฟรีใช่ไหมครับ”  อ้าว จะมาค้อนฉันทำไมล่ะ นังคนขาย  

หลังจากจัดแจงให้ฉันนั่งเข้าที่เข้าทางแล้ว นังคนขายเริ่มเอาแป้งผัดหน้าฉันอย่างแรง เด็กนั่นเอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ น้องสาวผมยังไม่เคยแต่งหน้า รบกวนด้วยนะครับ” ฉันว่านังนี่เริ่มเบามือกับฉันนะ “เดี๋ยวมานะครับ หวังว่าคงจะทำสุดฝีมือ”

เจ้านั่นทิ้งฉันไว้ มันเดินออกไปข้างนอกแล้ว....

“พี่ชายน้อง..น่ารักจังนะ” คนขายเริ่มตีสนิทเพราะอยากจะเป็นหนึ่งมิตรชิดใกล้กับพี่ชายจอมปลอมของฉัน “น้องก็ผิวดีเหมือนพี่ชายเลยนะ” เอ่อ ชมเข้าไป “หน้าตาเหมือนกันเลยนะ พี่หล่อ น้องสวย” ใช่สิ....อวยเข้าไป ถ้าคนที่นั่งให้แต่งหน้าเป็นเจ้าเด็กนั่น ป่านนี้คงจะเสนอแต่งอย่างอื่นแล้ว

อีกสามสิบคำถามที่พร่างพรูจากปากเธอคนนี้เพื่อถามถึงเขาคนนั้นที่เดินออกไปแล้ว ฉันอยากจะแกล้งหลับแกล้งกรนให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ได้แต่ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“เสร็จหรือยังครับ” ฉันหลับตาให้คนขายบรรจงระบายสีตาอยู่ จึงไม่เห็นว่าเจ้านั่นกลับมาแล้ว “ใกล้แล้วค่ะ” เสียงหวานจับจิตแม้จะไม่เห็นหน้าคนพูดก็รู้ว่าฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู

“น้องคุณผิวสวยนะคะ เหมือนคุณเลย หน้าตาก็สวย ไม่ผิดพี่ชายเลย” โอ้ว.... ใครฉายเทปวน ฉันแอบขำในใจ

“เสร็จแล้วค่ะ” แม่นั่นส่งเสียงหวาน
ฉันลุกขึ้น มีกระจกบานใหญ่ปลายเท้า ฉันมองผ่านๆ ต้องหันขวับไปมองใหม่

ใครเนี่ย....

นี่ฉันจริงๆ เหรอ

จากคุณ : Sexy Peachy
เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 16:57:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com