^ผู้ชายในฝัน...ที่บังเอิญมีอยู่จริง^
|
|
ผู้ชายในฝัน...ที่บังเอิญมีอยู่จริง
ขอบคุณมากนะครับ คุณหมอ นายตำรวจหนุ่มเอ่ยขณะโคลงศีรษะให้เธอเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องฉุกเฉิน ปล่อยให้คุณหมอมือใหม่ที่เพิ่งจบจากโรงเรียนแพทย์หมาด ๆ ได้ไม่ถึงสามเดือนมองตามจนประตูห้องปิดสนิท
ธณัญญานิ่งอยู่ครู่เดียวก็รีบเปิดประตูออกไป หันซ้ายมองขวาจนเห็นชุดสีกากีไหว ๆ อยู่ที่หน้าห้องยา เธอรีบสาวเท้าเร็ว ๆ ตรงเข้าไปหาเป้าหมาย เรียกชื่อเขาให้หันมามอง
เอ้อ...หมอจะมาบอกว่า... มายืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างนี้อีกครั้ง สมองเธอก็ทำท่าจะไม่ทำงานเอาดื้อ ๆ หญิงสาวต้องสูดลมหายใจยาว ๆ เรียกสติให้ตัวเอง และเรียกหาสักเรื่องมาบอกกับเขา เอ่อ...วันศุกร์หน้าที่หมอนัดมาตัดไหม หมอเข้าเวรพอดี ถ้าคุณติดงาน จะมาเย็นหน่อยก็ได้นะคะ
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มที่ทำให้โลกสว่างกระจ่างสวยขึ้นมาต่อหน้าต่อตาธณัญญา ขอบคุณนะครับ...แล้ว...เอ้อ...แผลนี่ ถูกน้ำได้ไหมครับ
คราวนี้ถึงคราวคุณหมอบ้างที่ขมวดคิ้วเบา ๆ อย่างประหลาดใจ เธอจำได้ว่าบอกเขาตั้งแต่เย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ว่าแผลที่พ่อเจ้าประคุณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เอาแขนไปเฉี่ยวมีดอรัญญิกมาจากภารกิจช่วยตัวประกันวัยเก้าปีนั้น คุณหมอใจดีได้เย็บให้เรียบร้อยแล้ว และ...
...ห้ามโดนน้ำค่ะ แต่หมอติดพลาสเตอร์กันน้ำให้แล้ว คุณอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ระวังอย่าไปขัดถูบริเวณพลาสเตอร์ และถ้ามีน้ำซึมเข้าไปก็มาเปลี่ยนพลาสเตอร์ใหม่ที่นี่ได้ค่ะ บอกอีกทีก็ได้ เห็นว่าเป็นหนุ่มหล่อ เอ้ย...คนไข้นะนี่
อ้อ...ขอบคุณครับ เขาโคลงศีรษะลงเอ่ยคำเดิมอีกครั้ง ธณัญญาจึงโคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งตอบรับ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาเข้าเวรที่ห้องฉุกเฉินต่อ พร้อมกับถอนใจ กระซิบกับตัวเองเบา ๆ
...เย็นไว้หมอตอง...เย็นไว้...
เมื่อกลับมาสอบถามกับพี่พยาบาลในห้องฉุกเฉินดูแล้ว เห็นว่ายังไม่มีคนไข้เข้ามา เธอก็ได้นั่งพักเงียบ ๆ หลังจากที่เหนื่อยกับงานมาทั้งวัน
คงเพราะความว่าง สมองเจ้ากรรมจึงคุ้ยเอาเรื่องเก่า ๆ มาเล่าซ้ำ ให้หัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ กระหน่ำซ้ำผิดจังหวะยิ่งขึ้นจนเกือบเป็นชื่อของใครบางคนที่เพิ่งเดินจากไป
เธอจำได้ว่าสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สี่ ช่วงที่ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดซึ่งมีรุ่นพี่แพทย์ที่จบจากสถาบันเดียวกันทำงานอยู่ รุ่นพี่ผู้อาวุโสเคยเตือนบรรดารุ่นน้องสาว ๆ ที่ไปฝึกงานว่าเรียนจบแล้วให้ระวังนายตำรวจ เพราะเขาว่ากันว่า ตำรวจต่างจังหวัดชอบจับหมอ
หญิงสาวหัวเราะเสียด้วยซ ำ้ด้วยความเป็นสาวน้อยวัยใส ทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุกตราบเท่าที่ยังมาไม่ถึง เธอกับเพื่อน ๆ จึงได้แต่กระเซ้ากันเล่นว่าคงได้หักคานทองด้วยดาวบนบ่า
คนเดียวที่ไม่สนุกด้วยเห็นจะเป็นลูกสาวนายตำรวจที่นั่งหน้างอ แล้วกลอกตาไปมา 'อย่าทำเล่นไป ระวังตัวไว้ได้เลย...เคยได้ยินไหม รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ...คบไม่ได้'
ทั้งที่เพื่อนสาวเตือนถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง เพราะชีวิตครอบครัวคนเตือนออกจะมีความสุขสวยงามราวเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ของผู้เป็นบิดา ยิ่งทำให้ใครเพื่อน ๆ หลายคนในคณะอดจะฝันใฝ่ถึงบุคคลในเครื่องแบบไม่ได้
ธณัญญาเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่มีความหลงใหลในตัวบุคคลในเครื่องแบบเป็นทุนเดิม เธอไม่ได้หลงยศหรือตำแหน่ง แต่เธอหลงความเป็นสุภาพบุรุษที่หลายคนเล่าขานกันมา
ว่ากันว่า...สุภาพบุรุษทั้งสี่เหล่า คือผู้ชายที่ได้รับการฝึกมาแล้วเป็นอย่างดี
'...อย่าไปเชื่อ...สมัยก่อนอาจจะใช่ เดี๋ยวนี้น่ะเรอะ...เหอะ' ลูกสาวนายตำรวจคนเดิมนั่นละแค่นหัวเราะใส่ แต่ใครจะสน เรื่องของความชอบห้ามกันไม่ได้ และเวลานี้ ธณัญญาคิดว่าเธอกำลังจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ตั้งแต่แรกพบสบตากับนายตำรวจหนุ่มคนนั้น หัวใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ อยากจะให้คำที่รุ่นพี่เคยเตือนเป็นความจริง
...ชอบนัก แกก็ลองเป็นหมอจับตำรวจดูบ้างสิ เพื่อนสาวบอกอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากฟังนิยายรักระหว่างหมอมือใหม่กับนายตำรวจหนุ่มมานาน
ไอ้บ้า...เราเป็นผู้หญิงนะ
โอ๊ย...นี่มันยุคไหนแล้วแก สมัยนี้ผู้หญิงเขานับแต้มล่าผู้ชายกันแล้ว
ไม่ใช่ทั้งหมด แล้วเราก็ยังหัวโบราณ เป็นกุลสตรีอยู่นะ ธณัญญาส่งค้อนใส่เพื่อนสาวตาคว่ำ รู้ดีว่าคนตรงหน้าก็หัวโบราณไม่แพ้กัน แต่คงเพราะความที่เคยคุ้นกับสังคมสมัยใหม่ ร่วมกับอารมณ์ไหว ๆ กึ่งหยันโลกอย่างที่เจ้าตัวชอบเรียกว่าติสท์แตกนั่นละ ทำให้เธออดจะพูดกึ่งประชดโลกไม่ได้เสียที
พรายเพ็งแค่นหัวเราะ เหอะ...อย่างนั้นก็พับความรัก ความหลงของแกแพ็คกระเป๋าเผ่นเถอะ ตำรวจสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน
ธณัญญาถอนใจ หรี่ตามองเพื่อนสาวที่ทำเหมือนลืมไปแล้วว่าพ่อตัวเองทำงานอะไรด้วยความหมันไส้
นี่...พ่อแกน่ะผู้การจังหวัดนี้ไม่ใช่เหรอ
ใช่สิ...ไม่อย่างนั้นเราไม่โผล่หัวมานั่งเจรจากับแกที่นี่หรอก หญิงสาวบอกหน้าตาเฉย แต่เพื่อนอย่างธณัญญาอดจะขมุบขมิบปากบ่นสรรเสริญเจริญพรในใจไม่ได้
...ใช่สิ...ถ้าไม่เพราะมาหาคุณป๋า แม่เพื่อนตัวดีของเธอไม่มีทางมาเยี่ยมเยียนให้ปรึกษาหารือกันหรอก...
พรายเพ็งตวัดสายตาค้อนเพื่อนที่บ่นสรรเสริญเธอในใจมานาน ก่อนจะบอกเสียงเรียบ
ตอง...เราพูดจริง ๆ นะ โลกมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่แกคิดหรอก จำที่พี่เขาเคยว่ากันได้ไหม พวกตำรวจชอบจับหมอ มันเพราะอะไรละ...เราอยู่วงการนี้มานาน เราก็ต้องพอรู้อะไรดี ๆ บ้าง คุณป๋าก็เตือนตลอด พวกมียศ มีตำแหน่ง มีอำนาจน่ะจะต้องการอะไรอีก...เงินไง พวกนั้นชอบคิดว่าหมอรวย ไม่คิดหรอกว่าเราไม่ได้รักษาคนมีอย่างเดียว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีหมอก็ต้องรักษาทั้งนั้น คนเห็นแต่ภาพสวยหรูภายนอก ก็จีบหมอ...เงินต่ออำนาจ อำนาจต่อเงิน วนเป็นวงจรอุบาทว์ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย
มองโลกในแง่ร้าย ธณัญญาอดว่าไม่ได้
ก็ถ้ามองแต่แง่ดีแล้วมันจะชีช้ำกะหล่ำปลีก็ต้องหัดมองแง่ร้ายบ้างละ พรายเพ็งแค่นหัวเราะ โลกยุคสุภาพบุรุษที่มนุษย์ยังมีคุณธรรม ศีลธรรมครบถ้วนน่ะ มันจบไปตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
นั่นก็เกินไป...โลกมันก็มีคนดีคนเลวปนกัน แกนี่มองโลกเป็นสีดำอย่างนี้ เขียนนิยายหวาน ๆ ได้ยังไง เราละงงจริง ๆ
ก็จินตนาการไง...โลกมันไม่สวย เลยต้องเขียนใหม่ให้มันสวย ๆ เมื่อพูดถึงงานอดิเรกที่รักอย่างการเขียนนิยาย พรายเพ็งก็อารมณ์ดี นับว่าธณัญญาจับจุดเปลี่ยนเรื่องได้ดีเยี่ยม
แล้วเมื่อไรจะเขียนให้เราละ เธอเริ่มทวงอีกครั้ง หลังจากเคยร้องขอให้เพื่อนเขียนนิยายให้มาตั้งแต่ยังเรียนในโรงเรียนแพทย์
เมื่อไรก็เมื่อนั้นละ...ยังคิดพล็อตไม่ออก
นี่ไง...ก็เราขอพระเอกเป็นหนุ่มในเครื่องแบบ ก็คนนี้เลย ผู้กองภัทรไง เอาไปเขียนเลย เธอยัดเยียดให้ทั้งตัวละครเอกและโครงเรื่อง
คุณหมอนักเขียนทำหน้าปั้นยาก หรี่ตามองเพื่อนก่อนจะเบะริมฝีปากคล้ายเหยียดยิ้ม
นี่บอกเลยนะ...ที่แกเล่ามานี่มีจุดเดียวที่คลิก น่าเขียนเล่น
อะไร ธณัญญายังมีความหวังจาง ๆ
ตรง... พรายเพ็งแกล้งหยุด ยั่วให้เพื่อนสาวส่งสายตาอ้อนวอนอย่างรอฟังมาให้ ก่อนจะเฉลย ตรงรักแรกพบหน้าศพในคดีนี่ละ เด็ดได้ใจ
ไอ้บ้า... ธณัญญาอยากจะทุบหัวเพื่อนเหมือนตัวการ์ตูนเวลาสนทนาทางอินเตอร์เน็ท แต่เมื่อทำไม่ได้เธอก็ได้แต่บ่นงึมงำแก้ตัวไปตามเรื่อง ก็มันมีแต่คนกับศพ ศพกับคน...เป็นแก แกจะเลือกอะไรละ
ศพสิ...นั่นงานแกนะ
แหม...เราก็ทำงานนั่นละ แต่ก็เหลือบ ๆ มองคนไปบ้าง ก็เท่านั้นเอง พอเพื่อนย้ำถึงงาน เธอก็เริ่มละอายขึ้นมาเล็กน้อยจึงอดบอกเบา ๆ ไม่ได้ ก็คนมันเจริญหูเจริญตากว่าตั้งเยอะ แถม...คนหล่อด้วย
ไม่หล่อธรรมดา...เป็นคนหล่อในเครื่องแบบอีกต่างหาก
ใช่... ธณัญญารีบพยักหน้ารับอย่างหน้าชื่นตาบาน
พรายเพ็งเบะปาก ส่ายหน้าพลางถอนใจ แกนี่มัน...เพ้อเข้าขั้นขนาดนี้ วิ่งไปจีบเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเถอะ
ไอ้บ้า...ถ้าทำได้เราทำไปนานแล้ว เกรงใจก็แต่ว่าเราเป็นผู้หญิงหรอก คนหัวโบราณที่หลงกรี๊ดผู้ชายนี่ก็มีเรื่องกลุ้มใจเหมือนกันนะ ไปวิ่งตามผู้ชายเย้ว ๆ งามเสียที่ไหน
โห...นี่ถ้าแกไม่กรี๊ดผู้กองนั่นให้เราฟังก่อนนะ คงเผลอนึกว่าเรามีเพื่อนเป็นแม่หญิงไทยใจงาม
ก็ยังใจงามอยู่นี่ไง เลยไม่เผลอไปวิ่งตามผู้ชาย ธณัญญาทำหน้างอ แกก็สงสารเราหน่อย นี่อดใจแทบตาย แกช่วยเขียนนิยายมาเป็นยาปลอบใจหน่อยสิ ไม่สมหวังในชีวิตจริง ขอแค่ในนิยายก็ยังดีวะ
รู้ได้ยังไงว่าจะไม่สมหวัง
ก็...ไม่รู้สิ ตั้งสามเดือนแล้ว ยังไม่เห็นคืบหน้า เขาไม่ก้าวมา เราก็ก้าวไปไม่ได้ หญิงสาวบอกพลางถอนใจ อีหรอบนี้นะ...เห็นลางแห้วลอยมาตรงหน้าเลย
ไม่แน่หรอก...
เมื่อเพื่อนที่เคยบอกว่าให้ตัดใจมาตลอดดันมาให้ความหวังเวลาที่กำลังคิดจะตัดใจ ธณัญญาก็อดหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยไม่ได้ หญิงสาวหรี่ตามองพรายเพ็ง อะไรของแก...เดี๋ยวก็ว่าอย่ายุ่งกับพวกตำรวจ เดี๋ยวก็มาให้ความหวัง
แหม...ก็คำว่าแพทย์หญิงหน้าชื่อแกมันยั่วยวนออกขนาดนั้น
แกพูดเสียเรารู้สึกเหมือนไม่มีอะไรดีในตัวอื่นเลยนอกจากคำสองพยางค์นั่น
พรายเพ็งเหลือบตามอง รู้ว่าเพื่อนเริ่มหงุดหงิด อาจจะเสียใจอยู่นิด ๆ ด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวก็แค่ไหวไหล่เบา ๆ คุณค่าของแต่ละคน เวลาคนอื่นมองมันก็อยู่แค่ว่าเขามองหาอะไรในตัวแก แต่คุณค่าจริง ๆ ในตัว...มีแค่แกเท่านั้นที่รู้จักทั้งหมด อาการติสท์แตกของพรายเพ็งพาทฤษฎีแปลก ๆ ที่ขวางโลกออกมาให้ได้ยินบ่อยเสียจนธณัญญาต้องทำใจให้ชิน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวต้องหยุดความโกรธของตัวเองเอาไว้ ด้วยความเข้าใจในทัศนคติที่แตกต่างของเพื่อน
และที่สำคัญ ทั้งพรายเพ็งและเธอ ให้คุณค่าในกันและกันด้วยคำสามพยางค์ที่เรียกว่า...มิตรภาพ เมื่อทำใจได้ ธณัญญาก็หันมาอ้อนเพื่อนสาวต่อ ...แต่แกเขียนนิยายให้เราหน่อยนะ...นะ นะ
พรายเพ็งหรี่ตามอง หัวเราะเบา ๆ ไปเขียนนิยายชีวิตตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันว่าจะหาพระเอกที่ไหน
ก็คนนั้นไง...ผู้กองภัทรน่ะ
เหอะ...นั่นแกอยากให้เป็นพระเอกในชีวิตจริงไม่ใช่เหรอ
ก็อยากทั้งในนิยายทั้งชีวิตจริงละ แต่ในชีวิตมันลำบาก ขอในนิยายก่อนแล้วกัน...ยังไงผู้ชายดี ๆ มันก็มีแต่ในนิยายตามสโลแกนแกอยู่แล้วนี่ ธณัญญาทำหน้าเศร้าอย่างคนถอดใจ ก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังจากด้านหลัง
ถ้าไม่ลำบาก...ก็ให้เป็นความจริงก่อนได้ไหมครับ
ธณัญญานั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ขณะที่ผู้ชายในชุดสีกากีก้าวเข้ามานั่งข้าง ๆ หญิงสาวไม่กล้าขยับตัวเหมือนจะลืมหายใจ ทำได้แต่เหลือบมองเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว
ลูกสาวผู้การที่เกลียดตำรวจกลอกตาไปมา พลางถอนใจ สวัสดีค่ะพี่ภัทร นึกอยู่ตั้งนานว่าผู้กองภัทรที่ไหน ที่แท้ก็...เป็นพี่นี่เองที่มาหลอกเพื่อนเพ็ง
ใครหลอก...พี่เป็นคนจริงใจไม่จิงโจ้...น้องเพ็งก็รู้ เขาบอกกับเพื่อนของเธออย่างคุ้นเคยกันดี
เหอะ...ก็อย่าให้รู้แล้วกันว่าจิงโจ้ พรายเพ็งย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาบอกเพื่อน ถ้าเป็นพี่ภัทรคนนี้...เราไม่รับประกัน แต่...ก็คงพอไปวัดตอนบ่าย ๆ ได้ละมั้ง
นั่นฟังคล้ายคำอนุมัติกึ่งรับรอง ธณัญญาอยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนดีที่คุ้มค่าให้เธอเอาหัวใจไปเสี่ยง หญิงสาวหันไปมองผู้ชายซึ่งนั่งส่งยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยความงุนงง
น้องเพ็งพูดอย่างนี้พี่ก็เสียหายหมดสิ...เราน่ะคุ้นกับพวกตำรวจจนมองพวกพี่ในแง่ร้ายไปหมด คนดี ๆ ก็ยังมีตั้งเยอะนะครับ
ค่ะ...เยอะพอ ๆ กับหาเพชรในหาดทรายละค่ะ เธอบอกเสียงเรียบอย่างไม่เชื่อถือ ลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพายไหล่ เพ็งไปหาคุณป๋าดีกว่า...ไม่อยากถูกมดกัดอยู่แถวนี้
ไปพบท่านผู้การจริง ๆ นะครับ อย่าไถลไปยุใครให้เกลียดตำรวจอีกนะ
หุบปากไปเลยพี่ภัทร...เดี๋ยวก็ยุคุณป๋าให้ส่งลงใต้เสียนี่ พรายเพ็งยังอุตส่าห์หันมาชี้นิ้วดุ
ผู้กองภัทรไม่สนใจ แต่กลับหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก ขณะที่ธณัญญาเหลือบมองอย่างกลัวแทน ไปยั่วไอ้...เอ้ย...เพ็ง เดี๋ยวก็ยุ่งหรอกคุณ
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...น้องเพ็งแกขู่ไปอย่างนั้นละ คุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือ
เรื่องปกติก็พอรู้...แต่เห็นเพ็งเกลียดตำรวจ เลยไม่แน่ใจว่าคุณอาจจะโดนเล่นงานได้ง่าย ๆ
เหมือนกันละครับ ปากบอกเกลียด แต่ถ้าเกลียดจริงคงไม่เข้าโรงพยาบาลตำรวจหรอก
ดูคุณรู้จักเพ็งดี ธณัญญาเดาอย่างไม่แน่ใจนัก
ผู้กองภัทรพยักหน้ารับ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ พอดีท่านผู้การกับพ่อผมเป็นเพื่อนสนิทกัน เลยรู้จักน้องเพ็งตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงปากบอกเกลียด ๆ แต่ที่จริงน้องเพ็งรักอาชีพนี้มากนะครับ...เพราะรักมาก ก็เลยโกรธมาก เมื่อต้องยอมรับว่ามีพวกเหลือบริ้นไรซ่อนเร้นมาหาประโยชน์จากอาชีพนี้อยู่เหมือนกัน
พอจะเดาได้หรอกค่ะ...เวลาพูดถึงคุณป๋า เอ่อ...พ่อเพ็งน่ะค่ะ ดูเธอจะภูมิใจมาก
ครับ...ท่านผู้การเป็นตำรวจที่ดี แววตาของชายหนุ่มเปี่ยมด้วยความชื่นชมเหมือนดวงตาของคนที่มองไอดอลตัวเองอยู่ตรงหน้า เป็นแบบอย่างของนายตำรวจยุคใหม่หลาย ๆ คนเลยละครับ
ธณัญญาอดไม่ได้ที่จะมองแววตานั้นด้วยความชื่นชม เธอเป็นหนึ่งในสาวน้อยช่างฝัน และมักจะถูกดึงดูดด้วยแววตาหรือท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยพลังของความฝัน และความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงฝัน
ฉันเชื่อว่าวันหนึ่ง คงมีใครสักคนพูดถึงคุณด้วยคำนั้นเหมือนกัน เพราะอะไรไม่รู้ เธอจึงพูดออกไปแบบนั้น
ภัทรชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะอมยิ้มบาง ๆ หันมามองหน้าหญิงสาว ขอบคุณนะครับ...แต่คุณรู้ไหม ท่านผู้การเคยพูดว่า ท่านคงไม่มีวันมาถึงวันนี้ได้ หากไม่มีกำลังใจที่ดีอย่างภรรยาของท่าน
ก็คุณน้าน่ารักออกขนาดนั้นนี่คะ ธณัญญารู้จักมารดาของพรายเพ็งดี เธอจึงยิ้มตอบเมื่อคิดถึงสุภาพสตรีวัยกลางที่ยังคงความงดงามราวสาวน้อยไว้ได้อย่างครบถ้วน
แค่น่ารักไม่พอหรอกครับ...ท่านผู้การว่าเมียตำรวจน่ะ ไม่ใช่คุณนายที่มีคนรุมล้อมดูแล แต่เป็นผู้หญิงที่พร้อมจะเข้าใจและอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลาต่างหาก เพราะชีวิตตำรวจไม่ได้สวยหรูเหมือนที่คนภายนอกมองเห็น ชื่อก็บอกอยู่ว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หลายครั้งเราจึงต้องทิ้งความสุขของตัวเองเพื่อสันติของประชาชนก่อน
เขาไม่แค่พูด แต่กลับมองหน้าหญิงสาวนิ่งด้วยดวงตาที่เป็นประกายหวานอย่างประหลาดจนธณัญญาต้องหลุบตาลงมองพื้นโต๊ะ รู้สึกเหมือนมือไม้เก้งก้างจนทำอะไรแทบไม่ถูก
คุณบอกว่าวันหนึ่งอาจมีคนพูดถึงผมเหมือนท่านผู้การ แต่ผมคิดว่าคงไปถึงจุดนั้นเพียงลำพังไม่ได้...ผมก็เหมือนท่านผู้การนั่นละครับ ยังต้องการกำลังใจจากใครสักคน เสียงเขาอ่อนลงเรื่อย ๆ ยิ่งพยางค์สุดท้ายที่ทอดเสียงลงหวานละมุนจนคนฟังอย่างธณัญญารู้สึกถึงอะไรบางอย่างไหวสั่นอยู่ในอก
เหมือนมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง มีมดไต่อยู่ที่หัวใจ มันคันยิบ ๆ จนแทบจะนั่งไม่ติด
หญิงสาวได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเขาขยับร่างสูงใหญ่นั้นเข้ามาใกล้จนเบียดแทบชิดตัวเธอ ร่างบางขยับจนแทบไม่มีที่เหลือให้ขยับ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ติดตามมาเพื่อจะบอก
ผมอาจไม่ใช่ผู้ชายดี ๆ อย่างในนิยาย เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่มีหน้าที่ต่อส่วนตัว และส่วนรวม...แต่คุณหมอจะพอให้โอกาส พิจารณาผู้ชายคนนี้ไว้ในชีวิตจริงได้ไหมครับ เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้จนไหล่แทบเกยติดไหล่เธอ คำขอนั้นอ่อนหวาน แผ่วเบาเพียงพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน
ผีเสื้อขยับปีกบินพล่านไปทั่วท้องและในช่องอก หัวใจไม่รักดีกำลังเต้นรัว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ ร่างบางผงะถอยไปช่วงนิ้วหนึ่ง เพื่อจะหันไปจ้องมองเขาให้ชัดเต็มตา และได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ กับแววตาหวานที่ทอประกายเว้าวอน
ธณัญญายกมือหยิกแก้มตัวเองโดยอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกเจ็บเธอก็ทำหน้ายุ่ง บอกตัวเองเบา ๆ นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
ทำไมต้องฝันละครับ เขาถามกลั้วหัวเราะ
ก็ผู้กองเหมือนผู้ชายในฝัน คุณหมอสาวตอบออกมาอย่างเผลอตัว จนหลุดปากไปเรียบร้อยแล้วนั่นละเธอจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลอกตาไปมาเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าพูดคำหยาบ
ผู้กองภัทรยิ้มกว้างอย่างได้ใจกว่าเดิม ก็ตอนนี้ผู้ชายในฝันคุณมาอยู่ตรงหน้าแล้ว...รับพิจารณาเขาไว้หน่อยเถอะครับ
ธณัญญากระพริบตาปริบ ๆ ตัดสินใจเอ่ยถามเบา ๆ ทำไมละคะ...ทำไมถึงเป็นหมอ
น้องเพ็งเคยบอกว่า ในความรักไม่เคยมีเหตุผล มันก็แค่ความรู้สึกที่เราห้ามไม่ได้ก็เท่านั้นเอง เขาบอกเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ และเพราะเสียงเบามากจึงต้องเอียงหน้ามาบอกใกล้ ๆ ให้เธอได้ยิน ผมเพิ่งรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นก็ตอนที่พบกับคุณหมอละครับ
เพราะตองเป็นหมอหรือคะ เพราะคำของพรายเพ็งแท้ ๆ ทำให้ธณัญญาไม่แน่ใจว่านี่อาจเป็นแค่ความฝันหวานเพียงชั่วครู่ที่เขาสร้างมาหลอกเธอเล่นตามค่านิยมตำรวจจับหมอเท่านั้นเอง
ภัทรกลอกตาอย่างอ่อนใจกับระเบิดลูกใหญ่ที่พรายเพ็งเพาะไว้ในใจของหญิงสาว เขาจ้องลึกเข้าไปในตาเธอ
เพราะคุณเป็นคุณต่างหากละครับ...ผู้หญิงแปลก ๆ ที่จ้องผมเอา จ้องเอาอย่างไม่เกรงใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
ธณัญญาอ้าปากพะงาบ ๆ เป็นปลาสำลักน้ำ นี่เขารู้ตัวตลอดเลยหรือว่าถูกเธอลอบมอง
คุณหมอร้าย ๆ ที่ไม่ยอมเขียนใบชันสูตรตามคำขอของสิบเวร แถมโวยจนเรื่องแดงมาให้ผมรู้ว่ามีลูกน้องกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงเมื่อนึกถึงวีรกรรมทำเพื่อจรรยาบรรณที่เธอแทบจะต่อยกับสิบเวรกลางโรงพยาบาล
สำหรับผม...ความเป็นหมอของคุณมีดีแค่ทำให้ผมรู้สึกไม่แย่นักเวลาโดนมีดฟันตอนนั้น เขาหมายถึงวีรกรรมช่วยตัวประกันจนถูกมีดฟันเข้าที่แขนมาให้เธอเย็บ
ใช่...แผลคุณ เป็นอย่างไรบ้างคะ เธอถามอย่างเพิ่งนึกได้ว่าเขามีแผลติดตัว
มะรืนตัดไหมครับ...แต่ผมทนคิดถึงคุณไม่ไหว เลยรีบมาก่อน คนมีแผลบอกอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังดึงแขนเสื้อสีกากีขึ้น อวดแผลที่ถูกปิดไว้ด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ นี่ถ้าไม่กลัวถูกน้องเพ็งว่า ผมกะจะโทร.ไปถามอยู่เหมือนกันว่าจะใช้เล่นลูกไม้ไหนกับแผลดี ให้ได้มาหาคุณหมอก่อนวันตัดไหม
อย่าเชียวนะคะ...มาเฉย ๆ ไม่ต้องเจ็บตัวมาก็ได้
อย่างนั้นผมมาหาคุณหมอบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นไรสินะ เขาบอกอย่างสบายอกสบายใจ
ธณัญญาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอชี้โพรงให้กระรอกตัวโตไปแล้ว แต่พอมองหน้ากระรอกที่ฉีกยิ้มกว้างอยู่ในเครือ่งแบบสีกากีแล้ว สายตาหญิงสาวก็ชักพร่ามัว หัวใจที่ผิดจังหวะคงฉีดเลือดไม่คอ่ยดี สมองจึงไม่ค่อยทำงาน มึน ๆ เบลอ ๆ เหมือนตกอยู่ในภวังค์
อนุญาตแล้ว จะหาว่าตำรวจคนนี้มาระรานไม่ได้นะครับ เขาย้ำอีกครั้ง
ธณัญญาได้แต่ถอนใจ หยิกแขนตัวเองเบา ๆ ซ้ำอีกครั้งพอให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน แล้วก้มหน้าพึมพำบอก ก็ถ้าไม่มาก่อกวนให้วุ่นวายนัก...คงไม่มีใครว่ามั้งคะ
ร่างบางในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาวกับกระโปรงผ้าฝ้ายรีบลุกขึ้นยืนบอก ฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว...ขอตัวก่อนนะคะ
ตามสบายครับ แต่ให้โอกาสผม...เดินไปส่งได้ไหม เขาลุกขึ้นยืนตาม เอ่ยถามอย่างจริงจัง
หญิงสาวยืนคิดอยู่เพียงอึดใจ ก็พยักหน้ารับแล้วรีบก้มหน้าด้วยความเขินอาย ขณะที่ชายหนุ่มผายมือไปเบื้องหน้าให้เธอเดินไปก่อน แล้วเขาก็ก้าวเท้ายาว ๆ มาเดินเคียงข้าง
ธณัญญาเหลือบมองร่างสูงที่เดินคู่กับเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ค่อยคลี่ออกมาบนหน้า
จะมากไปไหม...ถ้าเธออยากจะเดินไปกับเขา เรื่อย ๆ ไป
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 54 20:13:28
|
|
|
|