ตอน 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10837764/W10837764.html
ตอน 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10843483/W10843483.html
ตอน 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846285/W10846285.html
ตอน 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846567/W10846567.html
ตอน 6-7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10850334/W10850334.html
ตอน 8-9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10855060/W10855060.html
ตอน 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10859853/W10859853.html
ตอน 11-12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10863362/W10863362.html
ตอน 13-16 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10867723/W10867723.html
ตอน 17-18 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10871642/W10871642.html
ตอน 19 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10879548/W10879548.html
ตอน 20 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10884389/W10884389.html
ตอน 21 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10909040/W10909040.html
ตอน 22-23 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10921196/W10921196.html
ตอน 24-25 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10936719/W10936719.html
๒๖. หมู่บ้านตรีชฎา
ณ เวลานี้ร่มแทบปกป้องสายฝนให้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยามเย็นวันอาทิตย์ ฝนโปรยปรายลงมาอย่างบ้าระห่ำจนกลายเป็นเรื่องปกติของสัปดาห์นี้ไปแล้ว ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็เดินเข้ามาในซอยหมู่บ้านตรีชฎาแล้ว
ผมสลัดความคิดเรื่องครูอุษาออกไปไม่ได้เลย นี่เป็นเรื่องร้ายแรงเกินกว่าจะเป็นรายการล้อกันเล่น แต่อะไรคือคำตอบของเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าเธอตายไปแล้วแน่นอน แต่ถ้าเธอตายแล้วสิ่งที่ผมเห็นเมื่อวานหมายความว่าอย่างไรกัน ถ้าครูอุษายังมีชีวิตอยู่จริงๆ พี่แก้วก็คงจะดีใจมาก ไม่ใช่แค่พี่แก้ว ครูคนอื่นๆก็คงจะดีใจเหมือนกัน
ยิ่งคิดก็ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเพ้อเจ้อมากขึ้นทุกที ผมคิดได้อย่างไรกันว่าครูอุษายังมีชีวิตอยู่ “เธอตายไปแล้ว”
บ้านของเธอเป็นหลังสุดท้ายในซอยฝั่งขวามือ ซึ่งบ้านหลังตรงข้ามคือบ้านเช่าที่ผู้อำนวยการเคยมาเสนอให้ผม ส่วนบ้านที่เป็นหลังสุดท้ายจริงๆก็อยู่ฝั่งตรงข้ามเช่นกัน เป็นบ้านที่ดูแปลกตากว่าหลังอื่นๆทั้งขนาดและรูปทรง
ประตูรั้วบ้านครูอุษาล็อคกุญแจไว้ หน้าต่างปิดหมดทุกบาน ไม่มีแสงไฟในบ้าน
“แน่ล่ะ เธอตายไปแล้ว” ผมบอกตัวเองซ้ำๆ “อย่าคิดเลยว่า พี่อุษาจะเปิดประตูออกมาต้อนรับ และชวนเข้าไปหลบฝนในบ้าน”
“มาหาใครเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่ม !” เสียงผู้หญิงฟังดูอายุมากตะโกนเรียกผม คุณป้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านหลังสุดท้ายของฝั่งตรงกันข้าม
ผมรีบเดินไปหาเธอ “บ้านหลังนี้มีคนอยู่รึเปล่าครับ”
แกทำหน้าสงสัย
“เอ่อ … คือ ผมเป็นครูโรงเรียนตรีชฎา ได้ยินว่าครูผู้หญิงคนหนึ่งพักอยู่บ้านหลังนี้น่ะครับ” ผมอธิบาย
“ครูโรงเรียนตรีชฎา … มาหา หนูสา เหรอ ... หนู สา เสียไปแล้วนี่จ๊ะ ครูยังไม่รู้อีกเหรอ” คุณป้าทำหน้าสงสัย
“เรื่องนั้นผมรู้ครับ” ผมรีบตอบรับ ไม่ให้มีพิรุธ “ผมได้ยินว่าเธออยู่กับเพื่อนอีกคน คือ … พอดีเพื่อนครูผมคนหนึ่งเป็นเพื่อนกับครูอุษา คือ ... พวกเราเป็นห่วงเธอ เห็นว่าต้องอยู่คนเดียวก็เลยอยากมาเยี่ยม”
ผมโกหกไปมั่วซั่ว แต่คิดว่าฟังดูไม่เลวทีเดียว
“อ๋อ ! มาหา หนูญา นี่เอง แต่ว่าคงต้องรอนานหน่อยนะ วันเสาร์อาทิตย์ หนูญา ต้องออกไปทำงานบ่อยๆ กว่าจะกลับมาก็คงค่ำๆแล้วล่ะค่ะ” คุณป้าบอก “ฝนตกหนักขนาดนี้ ป้าว่า แวะเข้ามาพักกินน้ำในบ้านป้าก่อนมั้ย ครูเปียกไปทั้งตัวแล้ว เป็นเพื่อนหนูญา กับ หนูสาก็ไม่บอก ป้ายินดีต้อนรับเลยล่ะ”
ถ้าได้นั่งพักหลบฝนสักหน่อยก็ไม่คงเลว เผื่อจะมีใครสักคนซึ่งผมอยากให้เป็นครูอุษากลับมาที่บ้านหลังนี้
“ครูชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” คุณป้าถามพลางเปิดประตูรั้ว
“ษา ครับ”
คุณป้าชะงัก มองหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัย ตาเบิกกว้างจนน่าประหลาดใจ “ชื่อ … อะไรนะคะ”
ผมบอกซ้ำ “ษา ครับ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ๆ “ แกรีบพูด แล้วเปิดประตูออกให้กว้างขึ้น ”ป้าชื่อ รำไพร นะ อยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้วล่ะ ลูกของป้าทำงานอยู่ กรุงเทพ ส่วนแฟนป้าจะกลับมาตอนค่ำๆหน่อย รีบเข้ามาเถอะจ๊ะ ”
ภายในบ้านป้ารำไพรตกแต่งแบบเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ส่วนมากเป็นไม้ ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้เลย เวลานั่งหรือนอนรู้สึกว่ามันแข็งและไม่สบายตัว
นาฬิกาไม้แบบตั้งพื้นเรือนใหญ่ ตู้โชว์ติดผนังมีรูปถ่ายหลายภาพวางอยู่ซึ่งมีแม้กระทั่ง รูปของคุณป้ากับครูอุษา ผมหยิบขึ้นมาสำรวจด้วยความสนใจ
"รูปเมื่อปีก่อน" ผมคิดในใจพลางอ่านวันที่มุมขวาล่างของรูป "ใบหน้าของเธอดูแปลกๆกว่าที่ผมเคยเห็น ดวงตาก็ ... ไม่ใช่ ... เธอไม่เหมือนครูอุษา ที่ผมรู้จักเลยสักนิด"
ผมวางกรอบรูปลงโดยไม่ติดใจอะไรนัก ผมรู้ดีว่าบางทีตัวจริงกับรูปถ่ายก็ต่างกันราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน
ผมเริ่มสอดส่องหารูปอื่น เผื่อจะมีรูปสาวแว่นติดอยู่บ้าง
“นี่ ลูกชายป้าเหรอครับ” ผมถามขึ้น พลางชี้ไปที่รูปถ่ายของป้ารำไพร กับ เด็กชายคนหนึ่ง “รูปดูใหม่มากเลยนะครับ ทั้งที่น่าจะถ่ายเมื่อหลายปีมาแล้ว”
“นั่นเป็นรูปหลานป้าต่างหาก” แกตอบ พลางส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาให้ผม “เช็ดตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบาย จะทานยาด้วยมั้ยคะครู ป้าพอจะมียาแก้ปวดอยู่บ้าง”
“ไม่ล่ะครับ”
“ป้าเอง ก็ยังคิดถึง หนูสา อยู่เลย แกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ เวลาบ้านไหนใครมีปัญหาอะไรก็ช่วยเค้าไปหมด ทั้งเรื่องเงินเรื่องแรง ป้าเดาว่า หนูสาต้องเป็นครูที่ดีมากเลยสินะคะ”
“ครับ ครูอุษา เป็นคนดีมาก” ผมพูด พลางจิบน้ำกลิ่นดอกมะลิและเช็ดหน้าเช็ดตา ถ้าจะว่าไปแล้วผมเองก็ไม่ค่อยรู้ความหลังของครูอุษามากนัก ที่รู้อย่างเดียวก็คือ ทุกคนจะพูดถึงเธอในเรื่องดีๆเสมอ
“ทีแรกที่ หนูสา กับ หนูญา ย้ายมาอยู่น่ะ ป้ากับลุงอดเป็นห่วงทั้งสองคนไม่ได้เลย ตอนนั้นที่นี่มีขโมยกับโจรเยอะมาก เรียกว่ามีคดีบ่อยมากจนคนแถวนี้หวาดผวากันหมดเลย แต่หลังจากหนูสาเข้ามา ก็มีรถสายตรวจเข้ามาแทบจะสามสี่เวลาต่อวัน ขนาดหลังเที่ยงคืนสายตรวจก็มา เห็น หนูสา บอกว่าเป็นความช่วยเหลือจากทางโรงเรียน ป้าเคยได้ยินข่าวลือที่ชาวบ้านที่นี่ลือกันด้วยนะว่ามีกล้องวงจรปิดของโรงเรียนหันเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อดูแลความปลอดภัยบ้านหนูสาโดยเฉพาะด้วยล่ะค่ะครู”
“ผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกันครับ” ผมเอ่ยรับ พลางเริ่มคิดถึงเหตุผลที่ผู้อำนวยการรบเร้าให้ผมพักอยู่ในหมู่บ้านนี้
คุณป้าหัวเราะเรียบๆ เดินไปจัดของบนตู้วางทีวีนิดหน่อยแล้วจึงนั่งลงร่วมโต๊ะกลางรับแขก “แต่ก็ยังไม่วายเกิดเรื่องขึ้นจนได้“
“เรื่องอะไร เหรอครับ”
“เมื่อปีที่แล้วน่ะสิ มีโจรขึ้นบ้านหนูสา บ้านที่มีแต่ผู้หญิง น่ากลัวใช่มั้ยล่ะ”
“เอ๋ !” ผมสงสัยพลางวางแก้วน้ำลง “แล้ว … ”
“ตอนเกิดเรื่องก็ดึกมากแล้ว น่าจะประมาณตีหนึ่งหรือตีสอง หนูญาเจอคนกำลังปีนรั้วเข้าบ้าน เลยรีบร้องให้คนช่วย แต่โชคร้ายที่คืนนั้นบ้านหลังอื่นไม่มีใครอยู่เลย ส่วนลุงกับป้าก็หูไม่ค่อยดีน่ะ เลยไม่มีใครได้ยินเสียงหนูญา แต่ครูรู้มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น” ป้ารำไพรถามน้ำเสียงมีเลศนัย
“สายตรวจบังเอิญเข้ามาพอดีเหรอครับ”
“เปล่าเลยจ๊ะ” ป้ารำไพรพูดแล้วยิ้ม “โจรโดน หนูสา ยิง ต่างหาก”
“จริงเหรอครับ !” ผมอุทานเสียงดัง
ป้ารำไพรพยักหน้า “พวกชาวบ้านชอบใจกันใหญ่ หนูสา กลายเป็นฮีโร่ในชั่วข้ามคืน เพราะเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้หมู่บ้านของเราไม่เคยมีโจรเข้ามาปล้นอีกเลย น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะคะครู ที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงจะเก่งและกล้าหาญได้ถึงขนาดนี้”
มันฟังดูเหลือเชื่อ ผมพึ่งรู้ว่าเคยร่วมงานกับผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ “ยิ่งกว่าน่าทึ่งอีกครับ”
“นั่นซินะ ยิ่งกว่าน่าทึ่งเสียอีก” ป้ารำไพรยิ้มรับ แต่ผมเห็นแกกำลังกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น
“ผมไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเธอ จะคิดสั้นฆ่าตัวตาย” ผมพูด พลางส่ายหัว “ผมกินข้าวมื้อเย็นกับเธอในคืนนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมื้อสุดท้าย … ”
นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ข้างตู้วางทีวีบอกเวลาหนึ่งทุ่ม ป้ารำไพรขอตัวไปเข้าครัวทำอาหารเย็นรอสามีกลับมา พลางเปิดทีวีให้ผมดูรอเวลาฝนหยุด ผมเดินไปเดินมาสลับกับชะเง้อมองไปบ้านหลังตรงข้ามเป็นระยะ มันน่าขำที่ใจผมลึกๆยังรอให้ใครสักคนเปิดประตูบ้านนั้นออก
“รอเจอหนูญาอยู่เหรอจ๊ะ” ป้ารำไพรตะโกนถาม
ผมสะดุ้ง “เอ่อ … เปล่าครับๆ”
“งั้นเหรอ ครูจะรอกินข้าวเย็นบ้านป้ามั้ย เดี๋ยวลุงแกก็กลับมาแล้ว พอเสร็จค่อยให้แกขับรถออกไปส่งปากซอยให้ก็ได้”
มีเสียงรถแล่นดังเข้ามา บางทีนี่อาจเป็นเสียงที่ผมรอคอยตั้งแต่มาถึงหมู่บ้านตรีชฎาแล้วก็ได้ ผมรีบลนลานออกไปหน้าป้ารำไพรทันที รถเก๋งสีดำจอดหน้าบ้านครูอุษา ประตูฝั่งคนขับเปิดออก ผมรีบเพ่งไปที่หญิงสาวที่กำลังลงมาจากรถ
เธอคือ ครูอุษา จริงๆด้วย
“มีอะไรเหรอคะครู” ป้ารำไพร เดินตามออกมาติดๆ
เสียงฝนตกดังมากจนต้องตะโกนคุยทั้งที่ยืนอยู่ใกล้กัน “นั่น ครูอุษา นี่ครับ !“
“เอ๋ … หนูสาเหรอ ”
ผมรีบชี้ไปที่สาวสวยบ้านตรงข้าม “นั่นไงครับ ครูอุษา กำลังเปิดประตูรั้วอยู่”
ป้ารำไพรยิ้ม แล้วตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่ค่ะครู นั่นน่ะ คือ หนูญา ต่างหาก”
“ญา … ” ผมเอ่ยย้ำ
“ตายจริงฝนเริ่มสาดเข้ามาอีกแล้ว ครูเข้ามาหลบในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ”
ผมยังยืนมอง สาวบ้านตรงข้ามอยู่เหมือนเดิม
“กลับเข้ามาก่อนเถอะค่ะครู เดี๋ยวเปียกฝนไม่สบายแล้วจะแย่นะคะ” ป้ารำไพรพูดและดึงแขนผมแรงๆ ซึ่งผมก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนกระทั่งหญิงสาวบ้านตรงข้ามปิดประตูรั้ว
“คุณญา ที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะเหรอครับ” ผมถามขึ้นระหว่างเดินกลับเข้าในห้องรับแขก
“ก็เพื่อนของหนูสา ที่ครูมาหาไงคะ อะไรกันป้านึกว่าครูจะรู้จัก หนูญา แล้วเสียอีก” แกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ฟังดูขุ่นมัวอยู่เล็กๆ
“เพื่อนครูอุษา อย่างนั้นเหรอครับ เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมหน้าตาเหมือนกันขนาดนั้นล่ะครับ”
“เพื่อนหนูสาจริงๆจ๊ะ เอ ... เด็กคนนั้นชื่อ ชญากานต์ หนูญา ไง แปลกจังไหนบอกว่ามาหา หนูญา ไงล่ะคะครู ป้านึกว่ารู้จักกันเสียอีก”
ผมหน้าชา อ้ำอึ้งคิดหาคำแก้ตัวไม่ทัน
“แต่ว่า มันเหมือนกันเกินไปนะครับ “ ผมค้าน
“ไม่เหมือนหรอกค่ะครู ต้องบอกว่าคล้ายๆก็พอ” ป้ารำไพรนั่งลง แล้วรินน้ำให้ผมจนเต็มแก้ว “ทีแรกป้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่สองคนนี้หน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด แต่ถ้ามองดูดีๆแล้วก็จะรู้ค่ะว่าไม่เหมือนกันเสียทีเดียว”
ผมดื่มน้ำอึกใหญ่ พยายามสงบใจลง คนหน้าตาเหมือนกันโดยบังเอิญก็เป็นเหตุผลที่พอฟังขึ้น แต่ว่ามัน …
“จริงๆแล้ว เมื่อหลายวันก่อน” ผมพูด “เด็กนักเรียนที่ผมสอนอยู่ บอกว่า แกเจอครูอุษา ทีแรกผมก็คิดว่าแกคงพูดเล่น แต่ไม่กี่วันต่อมาผมเองก็เจอครูอุษาเหมือนกัน”
“อย่างนี้นี่เอง ครูก็เลยเข้ามาตามหาเธอ ใช่มั้ยคะ” ป้ารำไพรยิ้ม ใช้สายตาคมกริบราวกับต้องการบอกว่ารู้เจตนาผมทุกอย่างแล้ว
“ครูบอกว่า เพื่อนครูคนหนึ่ง ก็รู้จัก หนูญา ใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าไม่เชื่อที่ป้าเล่า ก็ลองกลับไปถามเพื่อนครูดูได้ค่ะ ว่าสองคนนี้หน้าเหมือนกันจริงๆ คนแถวนี้ชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนสองสาวพึ่งย้ายมาอยู่ เราก็แยกใครเป็นใครไม่ออกเหมือนกัน แต่พอเจอกันบ่อยเห็นหน้ากันบ่อยเข้าก็จำได้เองว่าคนไหนเป็นคนไหน”
ผมดีดตัวขึ้นจากพนักพิงไม้แข็งๆ พลางหันไปที่กรอบรูปของหญิงสาวสวยหน้าทีวี "รูปนั้น ... คงเป็นรูปคุณญา ใช่มั้ยครับ"
ป้ารำไพรหัวเราะ และปรบมือ "ถูกต้อง ... ป้าแอบเห็นครูเพ่งรูปนั้นตั้งนาน ยังคิดอยู่เลยว่าจะถามป้ารึเปล่าว่า ทำไมหนูสาถึงหน้าตาแปลกๆ เห็นมั้ย ว่าพอมองเข้าจริงๆ ทั้งสองคนไม่เหมือนกันหรอก"
ปริศนาคลี่คลายอย่างง่ายดาย แค่คนหน้าเหมือนกันเท่านั้นเอง
“ฝนเริ่มซาแล้วล่ะค่ะครู” ป้ารำไพรเอ่ย พลางหันไปมองนาฬิกาไม้ทรงโบราณเรือนใหญ่ริมห้องแล้วพึมพัมกับตัวเอง ครู่หนึ่ง
“จะไปหาหนูญามั้ยล่ะจ๊ะ เดี๋ยวป้าพาไป”
“อืม ... ไม่ล่ะครับ ผมหายข้องใจแล้ว” ผมตอบ
“งั้นเหรอ แล้วตกลงจะรอทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ย อีกสักครึ่งชั่วโมงลุงก็มาถึงแล้ว”
“ไม่ดีกว่าครับ” ผมส่ายหน้าปฎิเสธอีกครั้ง “วันนี้ผมรบกวนมากแล้ว เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
“วันหลังมีธุระอะไรก็มาแวะหาป้าได้นะ ป้าจะทำอะไรอร่อยๆให้ทานกัน ชวนหนูญากับเพื่อนครูมาด้วยก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนล่ะนะครับ ขอบคุณมากเลยครับ” ผมยกมือไหว้พร้อมกล่าวลา
ผมออกจากบ้านป้ารำไพรมาหยุดอยู่หน้าบ้านครูอุษา มองดู รถเก๋งสีดำของคุณญาจอดอยู่ในรั้วบ้าน มีเสียงโทรทัศน์ดังออกมาเบาๆ ผมไม่รู้สึกอยากเจอเธอเหมือนตอนเพิ่งมาถึงอีก เพราะตอนนี้ทุกๆอย่างในใจคลี่คลายหมดแล้ว
“ก็แค่เรื่องบังเอิญที่แปลกไปหน่อยเท่านั้นเอง” ผมบอกตัวเอง แล้วเดินออกจากหมู่บ้านโดยไม่คิดถึงเรื่องครูอุษาอีกเลย
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 16:40:10
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 16:38:55
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 16:36:44
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 16:31:10
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 16:29:52
แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 23:38:02