Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HOTEL 2........(บทที่ 1 การกลับมา...) ติดต่อทีมงาน

===========================
PSYCHO HOTEL 2........(บทที่ 1 การกลับมา...)
: Psycho Man
20 ส.ค.
===========================


ภาคแรก ของนิยายหลุดโลกเรื่องนี้ เริ่มต้นเขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2553 วันคล้ายวันเกิด เพื่อมอบให้เป็นของขวัญพิเศษ สำหรับเพื่อนพิเศษที่ดีที่สุดในโลกของอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง ได้แก่ คุณแพรวดาว ผู้มีน้ำใจ และนำความร่าเริงสดชื่นมาสู่ถนนนักเขียนตลอดเวลาอันยาวนาน บัดนี้วันที่ 20  เดือนสิงหาคม วนมาถึงอีกครั้ง PSYCHO HOTEL ก็กลับมา...อีกครั้ง

++++++++

วันที่ 20 สิงหาคม


ช่วงสายๆ วันจันทร์ มุมหนึ่งของนครซิดนีย์

แพรวดาวสาวซิดนีย์ในชุดลำลองสีขาวลายตุ๊กแก วางมือจากอุปกรณ์การทำน้ำผัก หันไปมองทางหน้าต่าง วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสไร้ปุยเมฆจนอยากจะวิ่งออกไปซักผ้าตากผ้าให้สาสมใจ ในวันหยุดอันแสนสุขนี้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กประจำตัววางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ตอนนี้เธอใช้มันแทนทีวีเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมือง และบางครั้งก็ใช้เปิดเพลงหมอลำซิ่งประกอบการเต้นแอโรบิคออกกำลังกายด้วยความคิดที่ว่าตัวเองอ้วน จะต้องลดหุ่นลงไปอีก จนเพื่อนๆ วิตกกังวลว่า เธอจะผอมลงอย่างรวดเร็วจนหายวับไปกับตา

1 ปีผ่านไป หลังจากรอดมาจาก PSYCHO HOTEL มาได้ เธอก็มีชีวิตอย่างควรจะเป็น ทำให้สิ่งคาดหวังเอาไว้เป็นเรื่องจริง เรื่องราวที่ประสบพบมาในโรงแรมนรก เหมือนเป็นฝันร้ายเลือนรางในความทรงจำ ความสยดสยองน่าสะพรึงกลัว คล้ายฝันร้ายผ่านเลยไป จนไม่อยากนำมาขบคิดอีกต่อไป

ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของโรงงานซักผ้าอย่างที่หวังเอาไว้แล้ว มีความสุขกับการซักผ้าและเฝ้ามองผ้าแขวนตากไว้ในแสงแดดปลิวไสวกลางสายลม จนแทบลืมฝันร้ายจาก PSYCHO HOTEL ไปหมดสิ้น

วันนี้อากาศดูสดใสกระจ่างก็จริง แต่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างลอยอยู่ในอากาศ... อะไรบางอย่างซึ่งมองไม่เห็น แต่เต็มไปด้วยความลึกลับและยากต่อการเข้าใจ  บางสิ่งซึ่งอธิบายไม่ถูก หรือมันจะเป็นเพียงความรู้สึกกังวลของตัวเองเท่านั้น

ความจริงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ อาจจะรู้สึกไปเองก็เป็นได้ ผู้คนยวดยานยังคงสัญจรไปมาตามถนน ใช้ชีวิตตามปกติตามวิถีทางของตน ท้องฟ้ายังคงแจ่มใส บนท้องฟ้าฝูงนกบินวนเวียนตัดปุยเมฆขาวบนฟ้าคราม

ตอนสายของวันนั้นท้องฟ้ายังคงเป็นสีครามและเริ่มแซมปุยเมฆขาวก่อตัวขึ้นมาทางขอบฟ้าตะวันตก ฝูงนกกาโบยบินอยู่ลิบๆ สายลมพัดเอื่อยๆ ไม่น่าจะมีอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากวันก่อน ๆ  แต่อะไรบางอย่างเหมือนรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา

รายการโชว์ทางทีวีหายไปเฉยๆ หญิงสาวหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ นึกว่าระบบอินเตอร์เน็ตมีปัญหา แต่แล้วภาพในจอคอมพิวเตอร์ก็ตัดเข้าสู่ข่าวด่วน

ผู้อ่านข่าวเป็นชายหน้าตาดีแต่แววตาไม่อาจบดบังความเคร่งเครียดไว้ได้เลย เขาอ่านรายงานบางอย่างในกระดาษซึ่งวางเบื้องหน้า แล้วจบท้ายด้วยข้อสรุปอันคาดไม่ถึง


“....จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้เกิดคลื่นสูงนับกิโลเมตร และจะถล่มออสเตรเลียทั้งทวีปให้จมหายลงไปใต้มหาสมุทร ภายในวันพรุ่งนี้ นักวิทยาศาสตร์คำนวณแล้วว่า......”


แพรวดาวอ้าปากค้าง

นี่มันรายการตลกร้ายหรืออย่างไร…เรื่องบ้าอะไรกัน

ทำไมอยู่ดี ๆ ก็จะเกิดคลื่นมหายักษ์ขนาดนั้น

มันจะต้องเป็นรายการตลกร้ายล้อกันเล่น ไม่มีทางจะเป็นจริงจังไปได้

เคยดูข่าวคลื่นยักษ์ถล่มเกาะญี่ปุ่น ขนาดคลื่นไม่ได้สูงขนาดเป็นกิโลเมตรยังถล่มทลายมหาวินาศขนาดนั้น แล้วนี่คลื่นสูงเป็นกิโลเมตรมันจะเป็นไปได้อย่างไร ทำลายล้างขนาดไหน และถ้าเป็นเรื่องจริงจะทำอย่างไร

ลองเปลี่ยนช่องดูช่องอื่นก็เห็นออกข่าวในลักษณะเดียวกัน ทำให้เริ่มใจเสีย

แพรวดาวตัดสินใจวางมือจากการทำน้ำผัก เดินออกมาหน้าบ้าน ถ้าข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริงป่านนี้ผู้คนคงแตกตื่นกันแล้ว แต่พบว่าผู้คนยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีอะไรส่อเค้าว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง

เดินเลยมาจนถึงร้านสะดวกซื้อ แวะเข้าไปดูเหตุการณ์ภายในร้าน ดูสิว่าผู้คนจะทำตัวแบบไหน แต่ทุกคนยังดำเนินชีวิตไปตามปกติ

เพียงมีสีหน้าเย็นชาจนน่ากลัว

“เห็นข่าวคลื่นยักษ์ไหม”

แพรวดาวตัดสินใจถามพนักงานขายในร้านคนหนึ่งซึ่งกำลังตรวจสินค้าอยู่ตามชั้นวางของ

“เห็น”

พนักงานสาวคนนั้นตอบสั้นๆ เหมือนไม่สนใจอะไรมากมาย ยังความประหลาดใจให้กับคนถามเป็นอย่างมาก ข่าวใหญ่ขนาดนี้น่าจะก่อให้เกิดความแตกตื่นวุ่นวายไปทั้งประเทศหรือทั้งโลกแล้ว

“แล้วเธอจะทำยังไง” ถามต่ออีก

“ก็ไม่ต้องทำอะไร.....จะทำอะไรได้ล่ะ”

พนักงานสาวคนนั้นทั้งตอบและถามไปในตัว ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เป็นความเรียบเฉยซึ่งทำให้รู้สึกแปลกประหลาดจนน่าขนลุก เธอยังยืนจัดข้าวของต่างๆ บนชั้นวางของ เช่น อาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ประจำวัน หรืออุปกรณ์ในสำนักงานต่างๆ ให้เป็นระเบียบ ราวกับว่าร้านนี้จะต้องอยู่ต่อไปตามปกติ

“วันสองวันนี้ซิดนีย์ก็จะถูกกวาดออกจากแผนที่โลกแล้วนะ” แพรวดาวโพล่งเสียงดังอย่างเหลืออดเหลือทน

“แล้วไงล่ะ”

ยังมาย้อนถาม หญิงสาวเลยไม่ยุ่งอะไรกับพนักงานสาวคนนี้อีก ผู้ชายสองสามคนซึ่งกำลังยืนเลือกสินค้าอยู่ใกล้ๆ ท่าทางได้ยินการสนทนาชัดเจนแต่พวกเขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย หรือพวกนี้กลัวจนสติแตกไปแล้ว

ตัดสินใจออกมาจากร้านโดยไม่ซื้ออะไรติดมือออกมาด้วย ถนนด้านนอกยังคงมีรถราวิ่งไปมาตามปกติ แต่บรรยากาศดูเงียบสงบอย่างน่าแปลกใจ หญิงชราคนหนึ่งจูงสุนัขมาตามทางเท้าโดยสีหน้าสงบนิ่ง  ไม่ได้เหลือบมองมาด้วยซ้ำท่าทางไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร

เธอเคยคาดเดา นึกถึงว่าเมื่อผู้คนรู้ว่าโลกจะถูกทำลายวันสองวันนี้ ผู้คนจะเป็นอย่างไร แตกตื่น? จลาจล? วุ่นวาย? บ้าคลั่ง ? แต่ไม่เคยคิดว่าจะสงบเรียบเฉยขนาดนี้ มันน่าจะมีอะไรบ่งบอกถึงความโกลาหลบ้าง เช่น การเร่งเดินทางออกนอกประเทศอะไรพวกนี้ ไม่ใช่ทำเป็นเฉยชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หญิงสาวเดินกลับบ้านด้วยความงุนงงสับสน รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่อธิบายไม่ได้ ความรู้สึกแบบนั้นทำให้ขนลุก

ขณะจะเข้าบ้านเห็นป้ามาลี แม่ครัวคนเก่ง กำลังเดินออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อน ยังไม่ทันอ้าปากถาม คุณป้าก็รีบบอกก่อนว่า

“ป้าจะไปซื้ออาหารมาตุนในตู้เย็นสักหน่อย ใกล้จะหมดแล้ว อีกสองสามวันก็จะไม่เหลือแล้ว”

“พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้เรื่องคลื่นยักษ์ หรือว่าเราจะคิดไปเอง...แพรวดาวยังมีความหวังว่าเรื่องที่รู้มาจะเป็นเพียงข่าวลือ แต่คำพูดต่อมาของป้ามาลีก็ดับความหวังเล็กๆ ซึ่งเพิ่งก่อตัวขึ้นมาจนมอดสนิท

“คลื่นยักษ์ก็คลื่นยักษ์ มาก็มา แต่ป้าต้องทำหน้าที่ต่อไป”

หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินกลับบ้านอย่างเลื่อนลอย

ประตูบ้านมีกล่องพัสดุเล็กๆ วางอยู่ หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะไม่เห็นมีข้อความอะไรบนกล่องกระดาษเล็กๆนั่น หลังจากยืนคิดสักครู่จึงเก็บเข้าไปในบ้าน ใช้มีดค่อยๆ แกะกล่องกระดาษออกอย่างระมัดระวัง

วัตถุอย่างหนึ่ง หลุดร่วงลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น เป็นกุญแจดอกหนึ่ง มีป้ายทำด้วยพลาสติกแข็งห้อยติดมาด้วย ป้ายนั้นมีอักษร


PSYCHO HOTEL 666


หญิงสาวรู้สึกเหมือนฝันร้ายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง


*********


แอนู NUAOFFYHUB สาวออฟฟิศอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร

ช่วงสายๆของวันจันทร์ เธอกำลังนั่งอยู่ในที่ทำงานด้วยชุดทำงานออกแบบมาอย่างเรียบง่าย งานของเธอไม่ได้หนักหนาสาหัส กลับน่าเบื่อบางเวลาด้วยซ้ำ เพื่อนฝูงในที่ทำงานเดินไปมา แต่เธอรู้สึกเบื่อมากกว่าจะสนใจว่าใครทำอะไร ฝันร้ายจาก PSYCHO HOTEL ยังตามหลอกหลอนอยู่เสมอ เธอกลายเป็นคนกลัวผีและมีประสาทสัมผัสไวต่อสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ

พอนึกถึงโรงแรมนรกนั่นครั้งใดก็รู้สึกใจหายวูบอย่างประหลาด มันยังตามมาหลอกหลอนแทบทุกคืน  จนบางครั้งไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวพวกนั้นเป็นเรื่องจริง เธอจะดีใจกว่านี้หากแน่ใจว่ามันเป็นเพียงความฝัน

หลังจากกลับมาจาก PSYCHO HOTEL ทุกคนซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก ราวกับว่าไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้ ให้มันเลือนหายไปกับกาลเวลา

เพื่อนในที่ทำงานสองคนยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆ แม้ไม่ตั้งใจฟังแต่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน

“จอย....ลูกชายเธอตายไปแล้ว สองปี ยังสุขสบายอยู่ไหม”

แรกๆ ก็ไม่คิดอะไรอะไรกับการได้ยิน คำถามคำพูดของเพื่อนๆ ซึ่งพูดคุยกันอยู่ข้างตัว อาจเป็นการล้อเล่นกันก็ได้ แต่น้ำเสียงฟังดูจริงจังเกินกว่าจะเป็นการหยอกเย้า

“สุขสบายสิจ๊ะ เดี๋ยวว่าง ๆ ไปบ้านฉันไหมล่ะ ไปดูว่าเขาน่ารักขนาดไหน โตขึ้นเยอะเลย ตอนเขาตายอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้นตอนนี้ 5 ขวบแล้ว กำลังกินกำลังนอนเลย”

คุยเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เอาคนตายไปแล้วมาล้อเลียนแบบนี้ได้อย่างไร แอนูเงยหน้ามอง อ้าปากจะต่อว่า แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง

เพื่อนทั้งสองคนดูมีสีหน้าท่าทางจริงจังเหลือเกิน

“นั่นสินะ...” เสียงเพื่อนชื่อจอยพูดขึ้นอีก “ว่างๆ ฉันก็จะลองไปเยี่ยมบ้านเธอสักครั้ง ส่วนคุณยายของฉันก็โทรมาหาบ่อยๆ ว่าว่างๆจะพาคุณตากลับมาเยี่ยมบ้านของฉันเหมือนกัน”

“คุณตากับคุณยายของเธอตายไปนานแล้วนี่นา”

“ใช่...คงเหงาแย่ เลยอยากกลับมาเยี่ยมหลานๆ”

มันเรื่องบ้าอะไรกัน....หญิงสาวเริ่มสัมผัสถึงความผิดปกติอันน่าขนลุก เรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้อย่างไรนอกจากในนิยายสยองขวัญหรือหนังประเภทเขย่าประสาทเท่านั้น แต่ทุกคนดูหน้าตาไม่ได้ส่อว่าพูดเล่นแม้แต่นิดเดียว

ตัดสินใจเดินไปหาเพื่อนทั้งสองเข้าไปตัดบทสนทนาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“พวกเธอคุยเรื่องอะไรกัน”

“อ้าว….แอนู พวกเราแค่คุยกันเรื่องธรรมดาๆเท่านั้น มีอะไรหรือจ๊ะ”

“เรื่องธรรมดาหรือ..”

“ก็ใช่น่ะสิ..” เพื่อนพากันมองหน้าหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “ก็แค่เรื่องลูกๆหลานๆคุณตาคุณยายของเราเท่านั้น”

“แต่...พวกเขา ตายไปแล้วนี่” ถามด้วยเสียงเบาหวิว

“ก็ใช่..แล้วไง...”

“แล้วไง....พวกเธอหมายความว่าเรื่องนี้มันไม่แปลกอะไรเลยหรือ”

“อะไรแปลก วันนี้แอนูต่างหากที่ดูแปลกไปนะ ตัวร้อนหรือเปล่านี่”

เพื่อนคนหนึ่งยื่นมือมาแตะหน้าผากของหญิงสาวอย่างเป็นห่วง “อืม....ตัวอุ่นๆ ท่าทางจะไม่สบายจริงๆ ฉันว่าแอนูไปหาหมอเอายามาทานก่อนดีกว่านะ”

“คุณตาคุณยายของเธอตายไปแล้ว..” หญิงสาวตะโกนเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง

“ทำไมล่ะ...ใครก็ตายได้ แล้วแอนูมาพูดเรื่องนี้ทำไมจ๊ะ”

“พวกเธอเป็นอะไรไป” พูดพลางมองเพื่อนๆด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“เราว่าแอนูต่างหาก เป็นอะไรไปแล้ว”

“ไม่.....”

หญิงสาวร้องเสียงดัง ถอยหลังกรูด มันจะต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน หรือว่าเธอกำลังคิดไปเองจนประสาทหลอน เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้ หรือว่ากำลังไม่สบายมากจนเห็นอะไรผิดปกติไปหมด หรือว่านี่จะเป็นฝันร้ายเท่านั้น

ลองหยิกตัวเองดูเต็มแรง  ก็ทำเอาตัวเองร้องลั่นด้วยความเจ็บ ความเจ็บทำให้ประสาทตื่นตัวขึ้นมาเพื่อตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มันจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก

ลงมาจากอาคารด้วยความรีบร้อน แบบนี้กลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนดีกว่า  ยอมขาดงานล่ะวันนี้ ขืนอยู่ต่อไปคงบ้าตายไปเสียก่อน

ขณะออกมาจากตัวอาคาร เดินสวนกับเด็กชายในชุดนักเรียนคนหนึ่ง ตอนแรกหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจอะไรจนเด็กคนนั้นเดินเข้าใกล้จึงสังเกตเห็นว่าเด็กชายคนนั้นเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แขนข้างหนึ่งหักงอผิดรูป หน้าผากมีรอยปริออกจนเห็นมันสมองระริกไหวอยู่ภายใน

“แม่ผมอยู่ใหนครับ..”

เด็กชายหันมาถามหญิงสาวซึ่งยืนตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่จนขาก้าวไม่ออก เส้นผมบนศีรษะลุกชี้ชันจนหนักอึ้ง ผียุคนี้กล้าหลอกกลางวันแสกๆ แบบไม่เกรงใจไม่แคร์สื่อหรืออย่างไร

“ผมมาหาคุณแม่ของผม บังเอิญผมถูกรถชนตอนข้ามถนนเท่านั้นเองครับ”

เท่านั้นเอง...แอนูร้องในใจ ถูกรถชนขนาดนี้ยังบอกว่า เท่านั้นเอง แล้วท่าทางเด็กคนนี้ไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก

“คอผมเกือบขาดเชียวล่ะครับ ดีว่ามีกาวติดตัวไปด้วยเลยเอากาวติดไว้ก่อน รอให้หายเป็นปกติคงอีกไม่กี่ชั่วโมงหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”

เรื่องบ้าอะไรกันนี่.....หญิงสาวถอยหลังกรูดเมื่อเด็กชายเดินเข้าไปใกล้เหมือนจะชวนคุย ยื่นมือทำท่าจะคว้าแขนเสียด้วยซ้ำ

“พี่สาวเป็นอะไรไปครับ หน้าตาซีดเซียวเหมือนจะไม่สบาย”

ขณะเอ่ยปากถาม คอของเด็กชายก็ห้อยพับลง ศีรษะหลุดหงายลงไปด้านหลัง สงสัยเป็นเพราะการติดกาวไม่ดีเลยทำให้หลุดออกมาอีกครั้ง เหลือเส้นเอ็นเส้นหนึ่งยึดติดอยู่เท่านั้น เขาพยายามเอามือไขว่คว้าจับแต่เพราะศีรษะห้อยอยู่ด้านหลังเลยทำให้จับไม่ถนัด ประกอบกับศีรษะนั่นแกว่งไกวไปมาตามแรงหมุนตัว เลยทำให้เป็นภาพอันน่าขนลุกขนพองที่สุด

“กรี๊ด...!”

หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง กระชากตัวเองออกจากที่เต็มแรง กระโจนพรวดออกไปด้านหน้าตัวอาคารด้วยความหวาดกลัวสุดขีด จนลืมสกายคิกอันลือลั่นของเธอ แต่นั่นอย่างไรก็เป็นเด็ก ตัดใจกระโดดเตะไม่ได้

แท็กซี่...จะต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านโดยเร็วที่สุด

ไม่ต้องรอให้นาน พอมาถึงขอบถนน รถแท็กซี่ว่างคันหนึ่งก็ปราดเข้ามาจอดด้านหน้าเหมือนรู้ใจ แอนูเปิดประตูเข้าไปนั่งบอกจุดหมายด้วยเสียงสั่นระรัวจนแทบจับใจความไม่ได้

หลังจากรถเคลื่อนที่ออกไป เธอจึงพยายามระงับสติอารมณ์ อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้จิตใจเริ่มสงบลงบ้าง และพยายามคิดว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันเรื่องอะไรกัน

จะต้องเป็นอาการจิตหลอนเท่านั้น ถ้าไม่อธิบายอย่างนี้ ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว

แต่ถ้าเป็นอาการประสาทหลอนทำไมชัดกระจ่างขนาดนั้น

คิดแล้วอยากกลับไปถึงบ้านให้เร็วๆ อาบน้ำให้สดชื่น นอนสักตื่น แล้วเรื่องร้ายๆแบบนี้ก็คงจะกลับกลายเป็นเพียงความฝัน อยากให้เป็นแบบนี้จริงๆทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ความฝัน

วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หญิงสาวเริ่มเอะใจ ตึกรามบ้านช่องค่อยๆหายไปตามระยะทางการวิ่ง กลับกลายเป็นสุมทุมพุ่มไม้และตามด้วยความมืดมนเพิ่มความเข้มข้นอย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ

“นี่มันไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านฉันนะ”

หญิงสาวร้องเสียงแหลม จับเบาะหน้าเขย่าไปมาอย่างรุนแรงด้วยความตื่นกลัวและไม่เข้าใจ

“ใช่สิครับ”

เสียงแหบโหยเหมือนคนเป็นหวัดจากคนขับตอบสั้นๆ ตอนนี้หญิงสาวจึงเริ่มสังเกตว่าโชเฟอร์คนนี้ซ่อนใบหน้าอยู่ในปีกหมวดขนาดใหญ่แถมสวมแว่นตาสีดำอีกต่างหาก ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“กลับไปเส้นทางเดิมเดี๋ยวนี้” พยายามทำเสียงดังร้องบอก แต่คนขับกลับหัวเราะขลุกๆในลำคอ และไม่เปลี่ยนทิศทางการวิ่งรถเลยสักนิด

“กลับไม่ได้หรอกครับ” น้ำเสียงบอกด้วยกลิ่นไอลางร้าย

“ทำไมจะกลับไม่ได้”

“แล้วจะกลับทางไหนล่ะครับ”

คำพูดของคนขับทำให้แอนูหันไปมองสภาพนอกรถ แล้วก็ต้องตาเบิกโพลงอย่างตกใจ เพราะตอนนี้ภายนอกรถกลับกลายเป็นความมืดดำราวกับหลุดเข้าไปในห้วงเหวมืดดำล้ำลึก อาการสั่นสะเทือนของตัวรถจากการขับไปตามถนนตามปกติเงียบหายไปเหลือแต่ความเวิ้งว้างอันน่ากลัว

*****

แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 54 05:55:02

แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 10:21:06

แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 07:33:15

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 07:25:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com