Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[นิยายพีเรียด] ยังไม่มีชื่อ ขอชื่อหน่อย ติดต่อทีมงาน

[บทที่๑]
ในยามบ่ายแก่ๆ ในลำน้ำเจ้าพระยา   บรรยากาศบ้านเมืองพระนครปีสุดท้ายของแผ่นดินรัชกาลที่๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์    เรือกระแชงลำใหญ่ลำหนึ่งแต่มีคนแจว หัวและท้ายอย่างขะมักเขม้น อากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“นี่เข้าเขตพระนคร แล้วรึยังพวกเอ็งทำไม ร่ำไรนัก มืดค่ำจะลำบาก” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากในเรือส่วนที่มีหลังคาปิด
“ถึงแล้วขอรับ ท่านขุน” เสียงฝีพายคัดท้ายตอบ
“อ้ายเนียม เอ็งไปคัดท้าย ให้ เจ้าปลั่ง  ผลัดมาพักบ้าง”  เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอีก
สักครู่ใหญ่ อ้ายเนียม เด็กหนุ่มผู้คัดท้ายก็เอ่ย ปากถาม นายของมัน อย่างคุ้นเคยว่า “ท่านขุนขอรับ ท่านจะแวะเยี่ยมท่านพระยาฟาก ข้างโน้น หรือ จะไปบ้านเจ้าสัว เจ้าภาษีฝิ่นเลยขอรับ?”
“อืม... นานจะเข้ามาในพระนครที ไปกราบเจ้าพระยาก่อนก็ได้กระมัง  พวกเจ้าจะได้ไปพักเอาแรง  ลำบากกันมาหลายเพลาแล้ว” ท่านขุนเสียงนุ่มทุ้มทุ้มกล่าว

ชายหนุ่มร่างสูง กำยำ ผิวขาวละเอียด แต่คิ้วดก และดวงตาคมกลมโต  รับไปกับรูปหน้า ดูเข้มสมเป็นบุรุษ การแต่งกายดีแลภูมิฐาน ทันทีที่บุรุษก้าวขึ้นจากเรือ  เดินออกจากท่า ก็มีบ่าววิ่ง มาต้อนรับ
“ท่านเจ้าคุณอยู่ไหม ช่วยไปเรียนท่านหน่อยว่า ขุนพลพยัคฆ์ราชเดชมาขอพบ” ชายหนุ่มตาคมกล่าวเสียงทุ้มดูสุภาพแต่แฝงด้วยอำนาจ
"อยู่ขอรับ เชิญ ท่านขุนรอบนเรือนประเดี๋ยวนะขอรับ" บ่าวผู้นั้นตอบอย่างรู้งาน
"วานช่วยหาน้ำ ข้าวปลามาให้ คนในเรือของข้าหน่อยเถิด  เราเดินทางมาไกล" ท่านขุนกล่าวก่อนขึ้นเรือน กับบ่าวผู้นั้นหลังจากไปรายงาน ทนายรับใช้คนสนิทแล้วย้อนกลับมา
บริเวณชานเรือนรับแขก สักประเดี๋ยวพอชายหนุ่มเห็นท่านเจ้าของเรือนเดินเข้ามาใกล้  ชายหนุ่มตาคมก็ก้มกราบทำความเคารพ  เมื่อท่านเจ้าคุณผู้เป็นเรือนนั่งเรียบร้อยแล้ว ชายนุ่มก็ยังหมอบกระแตอยู่
"มาหาข้ามีอะไรรึพ่อ  เงยหน้ามาพูดกันก็ได้" เสียงเจ้าของเรือนเอ่ยอย่างมีไมตรี แต่กังวาลน่าเกรงขาม
"กระผม  ขุนพลพยัคฆ์ราชเดชมา ขอรับใต้เท้า" ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้ม อย่างสุภาพ แล้วเปลี่ยนจากท่าหมอบ ขึ้นมานั่งพับเพียบ

"นั่น...พ่อเสือ ลูกนางพลับพลึงใช่รึไม่  ตั้งแต่กลับจาก ศึกเขมร กับท่านเจ้าคุณบดินทร์เดชา ได้ข่าวว่าชำระหางว่าวเชลยลาว ที่เมืองเพชร นี่มาพระนครเรื่องอะไรรึพ่อ" ท่านเจ้าคุณผู้อาวุโส

"คุณลุงใหญ่บ้านเจ้าสัวเจ้าภาษีโรงฝิ่น แจ้งหมายไปว่า คุณย่าของกระผมสิ้น ขอรับใต้เท้า พอดีเข้าพระนคร จึงมากราบ" ชายหนุ่มเอ่ย

"แล้วนี่ พบนางพลับพลึงแม่ของเจ้าหรือยัง เห็นว่ามาถือศีลอุโบสถ อยู่ที่วัดพระยาญาติ จะให้คนไปบอกให้" ท่านผู้อาวุโสก็เรียกบ่าวหญิง มาสั่งความ หลังจากนั้นก็กล่าวว่า  "พ่อเสือจงรอแม่ของเจ้า เสียที่นี่เถิดหนา ค่ำมืด จะไปถึงแถวบ้านลุงเจ้า ก็แถววัดไตรมิตรของ พระยาโชฏีกราชเศรษฐี ไกลโข"เจ้าของเรือนเอ่ยอย่างอารี
"พ่อจงทำตัวตามสบาย พักเสียที่นี่ เรือนขุนจีนเจนพาที พ่อเจ้าแถววัดราชาธิวาสวิหารนั้น นางพลับพลึงแม่ของเจ้าปิดไว้ ย้อยไปย้อนมาจะลำบากมืดคำเสียก่อน "

ท่านเจ้าคุณเมื่อทราบว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นญาติ ก็เมตตาสั่ง หันไปกล่าวบ่าวไพร่ว่า "บ่าวบ้านนี้มันน่าทวนหวาย  แขกไปใครมา น้ำร้อนน้ำชา หมากพลู ไม่มีมาเลย"

"ใต้เท้าขอรับ  กระผมขอไปบอกกล่าว สั่งความ ทนายกับฝีพาย สักประเดี๋ยวเถิด"

"ตามสบายเถิดพ่อเสือ เดี๋ยวจะให้คนหา ข้าวปลาอาหาร ที่หลับที่นอน คืนนี้ให้"
“ผู้ใดมาฤาจ๊ะ  ร้อยวันพันปีมิเคยมา เจ้าคุณตาเหนื่อยไหมเจ้าค่ะ “ เสียงของเด็กสาว แก้มยุ้ย วิ่งไปเกาะแขนท่านเจ้าคุณ อย่างประจบประแจง เหมือนอ้อนวอนให้ท่านเล่าฟัง
“อ้อ พ่อเสือ มียศเป็นท่านขุนแล้ว  ลูกชายคุณป้าพลับพลึงไงลูก  รับราชการอยู่หัวเมือง นานๆจะเข้าพระนครสักครา”
“ทำไม ป้าพลับพลึง อ้อ ป้าแขกนี่เอง นึกว่าแขกที่ไหน” เด็กน้อยเอ่ยพร้อมวางท่า ราวกับผู้ใหญ่
“แก่แดด แก่ลมนัก ไปรับทานขนมกับตากันดีกว่า “ ท่านเจ้าคุณเอานิ้วจิ้มหน้า พร้อมพาเด็กสาวตัวกลมออกไป
พอท่านเจ้าคุณออกไป  หมู่สาวๆจับกลุ่มนินทาประสาผู้หญิง เล่าเรื่องคุณพลับพลึง ลูกสาวของพระยามหาเสนา สมัยแผ่นดินกลาง กับ หญิงสาวชาวใต้ตาคมที่ถูกพ่อแม่นำมามอบให้เป็นสิทธิขาด พลับพลึงจัดเป็นคนที่อาภัพ  คลอดออกมาไม่ถึงอาทิตย์ แม่ก็เสีย  โตมากับบ่าวแก่ๆ เป็นคนดูแล ไม่มีแม่ปกป้อง ท่านเจ้าคุณก็ไม่ได้อินังขังขอบ ทำให้ถูกเด็กๆในรุ่นเดียวกันแกล้งว่า แม่แขกลูกเลี้ยง โชคดีที่วันนึง คุณหญิงของ ท่านเจ้าคุณบ้านล่าง ไปพบเข้า ก็ให้ความเมตตาเอ็นดูอยู่ในความปกครองเพราะดวงตาคมอมโศก นำมาดูแลมอบหมายเป็นเพื่อนกึ่งพี่เลี้ยงกับบุตรของท่าน พอแตกเนื้อสาว ถูกจับแต่งงานกับขุนนางไทยเชื้อสายจีน ถึงเป็นเมียเอก แต่สามีมีเมียจีนในแล้วถึง ห้าคน  แต่ เพราะขุนจีนเจนพาที ขุนนนางกรมท่าซ้าย ฝ่ายภาษีปากเรือสำเภา ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวจัด สินสอดร้อยชั่ง ปลูกเรือนไม้สักให้อยู่ แถวทีวัดสมอราย หรือ วัดราชาธิวาส ด้วยหมายจะขอหญิงตระกูลผู้ดีมาเป็นหน้าตา แต่ทว่ามีลูกชายอายุได้สามขวบ เจ้าเมืองประเทศราชก่อกบฎ ขุนจีนไปศึกก็จบชีวิตกลางศึก  คุณพลับพลึงที่ยังสาวก็หอบลูกชาย กลับมาพึ่งคุณหญิงบ้านล่างขอบารมีท่านปกป้อง
"ลูกแม่พลับพลึงน่ะ สมัยเด็กน่ะตัวเล็กมีชื่อจีนที่แปลว่าเสือ แต่ไม่มีใครเรียกว่าเสือสักคน  เพราะเจ้าประคุณวัดสมอรายท่านเมตตาสอนหนังสือ เรียกเจ้าเปี๊ยกใครๆก็เรียกตามกัน พอแตกหนุ่มใจ กล้า ไปทำความชอบทั้งศึกญวน กาารปราบอังยี่หัวเมืองตะวันออก  โดยเฉพาะคราศึกญวน เด็กหนุ่มอยู่สังกัดกองเสบียง วันนึงขณะเข้าป่ากับพวกเจ็ดคน ไปหาของป่า ไปพบกับเสือโคร่งตัวเขื่อง พวกที่ไปด้วยกันคนอื่นหนีเอาชีวิตรอด ทิ้งน้ำอาหารที่หามา ส่วนนายเสือขณะปีนเก็บลูกไม้ กลับตัดสินใจกระโดดลงไปสู้กับเสือ โดยมีดพกประจำตัว จนเสือล้มเสียเลือดถูกมีดปักเข้าเส้นเลือดใหญ่ โดนมีเด็กหนุ่มเกาะติดหนึบอยู่บนหลัง พวกพรานชาวเขมรที่ตามมาทีหลังช่วย เจ้านายหลายท่านที่รู้เรื่องก็เมตตาชุบเลี้ยงสั่งสอน เพราะชอบใจที่รักษาหน้าที่ เฉพาะท่านเจ้าคุณบดิทร์เดชา ท่านเรียกว่าเสือ ทุกคนก็เลยหันมาเรียก เสือจนเมื่อท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชากลับมาพระนครก็ตามท่านกลับ ก็ได้รับบรรดาศักดิ์ เป็นหมื่นพยัคฆราชเดช ทำหน้าที่ ชำระหางว่าวญวนและลาว เนื่องจากสามารถเข้าใจภาษาจีน ภาษาญวน  ส่วนด้านการปราบอังยี่หัวเมืองตะวันออก คุณเสือได้ให้เห็นถึงฝีมือเชิงการต่อสู้ และการเจรจาก็ได้เลื่อนเป็นขุนพลพยัคฆ์ราชเดช ตามลำดับ

“นายปลั่ง คืนนี้เอ็งนอนเฝ้าเรือ นอกนั้นไปพัก ที่เรือนบ่าว ส่วนอ้ายเนียม เอ็งมันล้น นอนปลายตีนข้าล่ะกัน”ท่านขุนสั่ง
“ว้า ท่านขุน กระผมขอนอนเฝ้าเรือนะขอรับ” เนียมท้วง
“อย่านะ ท่านขุน กระผมเห็นมันคุยกับบ่าวบนบ้าน ว่าจะตามไปงานวัดประจำปี” ไอ้ปลี น้องนายปลั่งฟ้องนาย
“หึ หึ เอ็งก็อยากไปน่ะกันสิ  ถ้าเช่นนั้น พวกเอ็งก็ไปเถอะ แต่อย่าก่อเรื่อง หรือกินเหล้าจนเสียมาถึงข้าหนา มิเช่นนั้นหลังขาดนะโว๊ย” ท่านขุนหนุ่มขู่ แล้วเดินขึ้นเรือน
“ไอ้ปากบอน ปลีสูเจ้านี่ น่าเอามะพร้าวตบปากเสียจริง “ นายเนียมเอาเรื่องนายปลี
“เอาเถอะ ท่านขุนไม่เคยลงหวายซะที โกรธสุดเรื่องท้าวคำ ที่พี่ปลั่งไปฉกเอาพี่หล่าทำเมีย เมื่อครึ่งปี ก็แค่ชกพี่ปลั่งทีเดียว ก็แค่นั้น”ไอ้ปลีบากบอนเอ่ย ไอ้ปลั่งทำกระฟัดเฟียดโกรธน้องชาย แต่ทำอะไรน้องชายคนเล็กไม่ลง
บรรยากาศเจ้าพระยา ยามเย็น เรือนที่ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ให้บ่าว จัดท่านขุนพัก เรือนริมแม่น้ำหลังน้อยอยุ่ไม่ไกลจากเรือนใหญ่ และริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งชายหนุ่มก็จำได้ดีว่าเป็นเรือนที่สมัยเด็กตนเคยอยู่กับมารดา ชายหนุ่มเห็นเรือสะดุดตาลำหนึ่ง เพราะชาวต่างประเทศ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ หนวดเครารุงรัง ผ่านมา ก็แปลกใจไม่คุ้นตา ถัดจากนั้น ก็มีเรือขุนนางผู้มียศ หลายลำมุ่งมาบ้านนี้ เสือเห็นว่าขุนนางที่มา หน้าตาไม่สู้ดี ตรงขึ้นสู่เรือนใหญ่ สักพัก ชายหนุ่มก็เห็นท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ใส่ชุดเต็มยศ นั่งเรือตรงไปบ้านเจ้าคุณบ้านบนผู้เป็นพี่ชาย เสือรู้สึกมีลางสังหรณ์ ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบถึง ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินร่มเย็นแห่งนี้ เสือรู้สึกขึ้นถึงมีคนขึ้นมาขึ้นมาบนเรือน  เสือพุ่งไปที่ประตู เอามือกุมมีดพกประจำตัว ตามสัญชาตญาณ ที่ฝึกมา
“ แม่ “  เสือโผเข้ากราบ  ทันทีที่มองขึ้น ก็เห็น มารดานั่งน้ำหูน้ำตาไหล ลูบหน้าลูบหลัง
“คิดถึงเหลือเกินลูก  “นางพลับพลึงเอ่ย พร้อมเช็ดน้ำตา
ในยามเย็น เรือนที่ท่านเจ้าคุณฝากข้างโน้น ของชาวพระนคร เรือนริมแม่น้ำหลังน้อย ชายหนุ่มนอนหนุนตักมารดา เพราะรู้ว่าแม่ชอบแบบนี้  แม้นตอนนี้จะไม่ใช่เด็กแล้ว
“ร้อยวันพันปีไม่ส่งข่าว นี่จะมา กี่วันรึพ่อคุณ” มารดาประชด
“สักเจ็ดราตรี จ๊ะแม่  เสร็จงานคุณย่าก็จะไปสุพรรณต่อ”
“แล้ว เมื่อไหร่จะเรือนสักที “ พลับพลึงเอ่ย เหมือนน้ำตาพาลจะไหล
“มี เรือนไม้สัก แถววัดสมอรายแล้ว” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ  แต่ถูกมารดาค้อนพร้อมกับตีแขนเพี๊ยะ
“แม่หมายถึงออกเรือน มีหลายต่างหาก”
“เนื้อคู่ฉันยังไม่มาเกิดมั้งแม่  แม่..” ทันใด นางแมว คนใช้เก่าแก่ก็ตะโกนแปดหลอด
“คุณ เจ้าขาช่วยด้วยเจ้าข้า  ท่านขุนเจ้าขา ช่วยด้วยเจ้าค่า เกิดเรื่องแล้ว !!!”


โปรดติดตามตอนต่อไป****

 
 

จากคุณ : Pancasila
เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 23:12:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com