Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า...ความรัก ติดต่อทีมงาน

อ่ะ อ้า...ตั้งชื่อเรื่องเสียหวานเจี๊ยบ เลยต้องรีบมาชี้แจงก่อนว่า ไม่ใช่เรื่องรักโรแมนติค เลือดกำเดากระฉูด แต่อย่างใด แต่จะเป็นเรื่องอะไร เดี๋ยวต้องลองอ่านเองค่ะ



เกือบลืมค่ะ ฝาก มนต้นไม้พาเที่ยว...พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดม่วง ราชบุรี วัดรามัญเก่าแก่ ด้วยค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10963500/E10963500.html#4

.................................


สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า...ความรัก


“พี่ครับ พี่ครับ มีโทรศัพท์ไหมครับ ผมขอยืมโทรหาแม่หน่อยครับ” เสียงใสๆของใครบางคนดังขึ้นข้างๆตัว ท่ามกลางเสียงฟ้าฝนและสายลมที่พัดกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว

“มีจ๊ะ นี่จ๊ะ แล้วตอนนี้คุณแม่อยู่ไหน มารับหรือยัง อยู่ปอ. อะไรแล้วครับ”
เจ้าของโทรศัพท์ ถามเด็กน้อยกลับไปด้วยความสงสัย พลางก้มลงมองหน้าเด็กน้อยในชุดลูกเสือสำรอง ด้วยความเอ็นดู

“ปอสามครับ แม่ไม่ได้มารับ ผมกลับรถตู้ครับ แต่ว่าฝนตกผมหารถไม่เจอ’

“ อ้าวเหรอ เบอร์อะไรครับ เดี๋ยวน้ากดให้นะ แล้วบ้านอยู่ไหนจ๊ะเนี่ย”

“0842584621 ครับ อยู่นนทบุรีครับ”

“ตรงไหนของเมืองนนท์ละลูก ฮัลโล... เดี๋ยวนะคะ หนูชื่ออะไรจ๊ะ”

“อาร์ทครับ”

“ คุณแม่น้องอาร์ทใช่ไหมค่ะ เอ้านี่ลูก คุยกับคุณแม่เร็ว”

เธอส่งมือถือให้เด็กน้อยทันทีที่ต่อสายคุณแม่ได้ เด็กชายรับไปคุยสองสามนาทีก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ

“แม่ว่าอย่างไรบ้างลูก”

เธอหันมาถามด้วยความเป็นห่วง ขณะเร่งมือใส่เสื้อกันฝนให้ลูกชายสองคน ก่อนจะดุนหลังเด็กๆให้เดินไปหลบฝนหลังเสาต้นใหญ่ เสียงฟ้าคะนองและลมแรงจัดที่พัดเอาละอองฝนมา กลบเสียงตอบของเด็กน้อยจนหมด เธอจึงต้องกวักมือเรียกให้เด็กคนนั้นเดินตามไปหลบฝนเสียด้วยกัน

“ตกลงแม่บอกว่าอย่างไร”

“แม่บอกให้ขอยืมร่มคนอื่นไปขึ้นรถตู้ครับ”

คำตอบที่ได้ยินทำเอาเธออึ้งไปเล็กน้อย เพราะว่าถ้าแม่ของเด็กน้อยอยู่ด้วยในขณะนี้ จะรู้เลยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้เด็กไปยืมร่มจากใคร เพราะต่างคนก็ต่างต้องใช้มันด้วยกันทั้งนั้น รวมทั้งเธอด้วย เธอจึงตัดสินใจหันมาสั่งลูกชายทั้งสองคนให้ไปยืนหลบอยู่หลังเชิงบันได ใต้ตึกที่ปลอดลมและละอองฝน ก่อนจะมาจูงมือเด็กน้อยเดินไปหาคุณครูเวรที่ยืนอยู่แถวๆนั้น เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะไม่แน่ใจว่า ถึงเวลานี้แล้วรถตู้ที่เด็กน้อยจะต้องขึ้นไปนั้น จะยังจอดรออยู่หรือไม่

“ลูกสองคนรอแม่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่มา แม่จะพาพี่คนนี้ไปหาครูก่อน อย่าออกมานะฝนตกหนักมาก ลูกยิ่งเป็นไข้อยู่ด้วย ไปลูก...เดี๋ยวน้าจะพาไปหาครูนะ หนูมีหมวกมาไหม นั่นไงหมวกเอามาใส่เลยลูกเดี๋ยวไม่สบาย”

เธอก้มมองเด็กน้อย พลางบอกให้หยิบหมวกลูกเสือขึ้นใส่ ในใจนึกถึงหัวอกคนเป็นแม่ ป่านนี้คงร้อนใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ขอให้ลูกกลับรถตู้ทัน

“มีครับอยู่ในกระเป๋า แต่เอ๊ะหายไปไหนแล้ว อ้อ...อยู่นี่เอง”

“รถตู้คันที่เท่าไหร่ลูก จอดอยู่แถวไหน...จำได้ไหม มา เดินมาทางนี้ เข้ามาในร่ม เดี๋ยวน้าจะพาไปส่ง”

เธอจูงมือเด็กน้อยออกเดินมาได้พักใหญ่ หลังจากที่แวะขอความช่วยเหลือจากคุณครูเวรเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากแนะนำว่าให้เด็กเดินไปหารถตู้เอง เพราะว่าตัวคุณครูเองก็ไม่มีร่ม แถมยังต้องยืนตัวลีบหลบฝนอยู่หลังเสาอีกต่างหาก

“คันไหนล่ะรถตู้ของหนู คันนี้หรือเปล่า เอ...มันออกไปหรือยัง จำทะเบียนได้ไหม”

เธอพยายามชวนเด็กน้อยคุยไปพลาง มองหารถตู้ที่คิดว่าน่าจะเหลืออยู่แถวๆนั้นไปพลาง ลึกๆรู้สึกใจไม่ค่อยดี กลัวว่ารถตู้จะไม่ยอมรอ เพราะเท่าที่เห็น เหลือรถอยู่น้อยมากในบริเวณนั้น

“กท.4257 ครับ ตรงนั้นครับตรงนั้น นั่นไงคันนั้น”

เด็กน้อยตะโกนบอก พลางชี้ไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ เธอจึงจูงเขาเดินไป เคาะกระจกหน้ารถด้านคนขับ

“นี่คุณ มีเด็กยังไม่ได้ขึ้นรถอีกคน แล้วนี่ไม่มีคนไปรับเด็กหรอกหรือ น้องเขาเดินลุยฝนมาไม่ไหว”

เธอถามเขาเป็นชุด แทบไม่หยุดหายใจ เพราะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่คนขับรถตู้คันนี้ไม่ยอมเปียก นั่งตัวแห้งอยู่ในรถอย่างสบาย ปล่อยให้เด็กๆต้องเดินลุยฝนมาขึ้นรถกันเอง ในขณะที่รถคันอื่นๆเขาวิ่งเอาร่มมารับเด็กๆพาไปขึ้นรถกัน

ดังนั้นไม่ต้องบอกเลยว่า สภาพของเด็กน้อยคนนั้น กว่าจะขึ้นไปนั่งบนรถตู้ได้ จะเปียกปอนขนาดไหน เพราะขนาดคนที่พาไปส่ง  ยังเปียกซกไปทั้งตัว  ร่มกอล์ฟที่ว่าใหญ่กันแดดได้หมด ยังเอาไม่อยู่ และที่น่าสงสารมากที่สุดก็ตรงที่เด็กคนนั้นจะต้องทนนั่งอยู่บนรถต่อไปอีกไม่ต่ำกว่าสองสามชั่วโมง กว่าจะถึงบ้าน งานนี้ไม่เป็นไข้ก็แปลก

“ขอบคุณครับ ไม่มีครับ ผมขับคนเดียว”

เธอไม่ได้ตั้งใจฟังข้อแก้ตัวของคนขับรถจนจบ แต่รีบพาเด็กน้อยไปส่งขึ้นรถแทน ด้วยความฉุกระหุก เธอจึงได้แต่สั่งให้เขารีบขึ้นรถไป ก่อนจะรีบเดินกลับไปหาลูกชายที่รออยู่ โดยที่เธอเองจำหน้าของเด็กน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำไป และก็คิดว่าเด็กน้อยคนนั้นก็อาจจะจำเธอไม่ได้เหมือนกัน

ระหว่างเดินกลับมา เธอรีบกดโทรศัพท์ไปหาแม่ของเด็ก เพื่อบอกให้เขาสบายใจว่า ขณะนี้ลูกชายของเขาได้อยู่บนรถตู้เรียบร้อยแล้ว และกำลังเดินทางกลับบ้านไป

“คุณแม่ของน้องอาร์ท ใช่ไหมค่ะ ตอนนี้น้องขึ้นรถตู้แล้วนะคะคุณแม่สบายใจได้แล้ว”

“ขอบคุณมานะคะ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เลยบอกให้เขาหาร่มไปเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วงนี้ฝนตกหนักมาก คุณแม่เตรียมชุดกันฝนให้น้องติดมาด้วยนะคะ แค่นี้นะคะเดี๋วยต้องรีบพาลูกกลับบ้านเมือนกัน”

“ค่ะ ค่ะ”

บทสนทนาจบลงด้วยความรู้สึกโล่งอกของคนเป็นแม่เช่นกัน เธอไม่รู้หรอกว่าคุณแม่ของเด็กคนนั้นจะใส่ใจในคำพูดของเธอหรือไม่ เพราะเธออาจคิดว่า มันไม่ได้สำคัญอะไรหนักหนา กับอีกแค่ฝนตกหนักสักวันสองวัน แต่ถ้าเธอได้เห็นสภาพของลูกชายที่ต้องเดินตากฝน เปียกปอนไปทั้งตัว เหมือนกับลูกหมาตกน้ำ และสายตาละห้อย ปนหวาดกลัวที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว เธอจะเข้าใจในทันที


ความจริงไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอเลยที่จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย และโทรกลับไปรายงาน แต่เพราะว่ามันเป็นความสุขใจที่ได้ทำ ก็เท่านั้นเอง เป็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า...ความรัก  ที่คนทำให้อิ่มใจ


ปล. ทุกวันนี้ยังแอบมองหาเด็กน้อยคนนั้นอยู่เสมอๆ แอบคิดว่าเขาจะจำเราได้ไหม และอยากจะรู้ว่าเขากลับถึงบ้านกี่โมงกี่ยาม ที่สำคัญเป็นไข้หรือเปล่า คิดมากไปไหมเนี่ยเรา เหอๆ

แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 54 18:00:49

 
 

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 15:08:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com