ตอนที่ 14
ทันทีที่ซิสและเจ้าหญิงกาอิยาห์ก้าวพ้นประตูศิลาก็พบเข้ากับทางเดินปูหินแผ่นโต ขนาบสองข้างด้วยกำแพงขรุขระสีเทาทึม มีเชิงเทียนเก่าคร่ำคร่าพร้อมแท่งเทียนเขรอะฝุ่นประดับอยู่เป็นระยะ ทางเดินนั้นทอดยาวออกไปเบื้องหน้า ส่วนปลายที่อยู่พ้นจากแสงคบกลืนหายไปในความมืด เด็กหนุ่มค่อยๆ ก้าวกะโผลกกะเผลกนำไปตามทางที่เห็นโดยไม่พูดไม่จา มีเจ้าหญิงกาอิยาห์สาวพระบาทตามหลังไปติดๆ ทางเดินใต้วิหารจันทราทั้งคดเคี้ยวและวกวนเกินกว่าที่คิด ดังนั้นเมื่อเดินมาถึงทางแยก ซิสจึงต้องจุดเทียนไขทิ้งไว้เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาเลือกเดินไปทางไหน หากบังเอิญหลงทางวกกลับมาที่เดิมซ้ำอีก จะได้รู้และเปลี่ยนไปเลือกเส้นทางตรงกันข้ามโดยไม่ต้องเสียเวลาคลำหาทางใหม่ ในไม่ช้าทางเดินมืดมิดใต้วิหารก็มีจุดสว่างเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างเต็มไปหมด ซิส หือม์ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนมีคนตามหลังเรามา เจ้าได้ยินมั้ย เด็กหนุ่มหยุดเดิน เหลือบมองใบหน้าเหยเกของคนถาม ทันได้เห็นแววหวั่นกลัวในแก้วตาใสสีม่วงสวยคู่นั้นแวบหนึ่ง ก่อนที่เด็กสาวจะเหลียวกลับไปมองเส้นทางที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ เขาแลเลยข้ามศีรษะของนางไปยังทิศทางเดียวกันบ้าง หากไม่เห็นอะไรนอกจากเปลวเทียนริบหรี่เหมือนแสงหิ่งห้อย ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครติดตามมาอย่างที่เจ้าหญิงกาอิยาห์นึกกลัวแม้แต่น้อย เจ้าคิดไปเองหรือเปล่าเจ้าหญิง ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย แต่ข้าได้ยินจริงๆ นะ เป็นเสียงฝีเท้าดังไล่หลังเรามา เจ้าหญิงทรงเถียง เจ้าหูแว่วไปเองมากกว่า ในนี้จะมีใครนอกจากพวกเรา มาเถอะเจ้าหญิง เรายังต้องไปกันต่อ ซิสออกเดินโดยไม่รอ เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงต้องสาวพระบาทตามเขาไปบ้างอย่างไม่เต็มพระทัย เสียงฝีเท้าของเด็กทั้งสองสะท้อนกับผนังศิลาข้างทาง ดังก้องกลับไปกลับมาในความมืด ฟังคล้ายมีคนเดินตามหลังมาติดๆ ทำให้เจ้าหญิงกาอิยาห์ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังด้วยความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดพระองค์ก็อดรนทนไม่ได้ต้องเอื้อมพระหัตถ์ไปยุดชายเสื้อของคนนำทางเอาไว้ ซิส อะไรอีกล่ะ เจ้าว่าในนี้จะมีสัตว์ประหลาดอย่างมิโนทอร์อาศัยอยู่ด้วยหรือเปล่า ซิสหันกลับไปมองคนพูดพลางถอนใจเฮือกใหญ่ เจ้าคิดว่าของแบบนั้นมีอยู่จริงๆ หรือไง ก็ พี่กันนาร์เคยเล่าให้ข้าฟังว่าในเขาวงกตใต้ดินมีสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งวัวชื่อมิโนทอร์ถูกขังอยู่ มิโนทอร์เป็นสัตว์ดุร้ายมาก ชอบจับคนกินเป็นอาหาร เจ้าหญิงตอบเสียงอ่อย เจ้าว่ามันไม่มีอยู่จริงงั้นหรือ แล้วเจ้าคิดว่าคนกับวัวแต่งงานกันได้มั้ยล่ะ เด็กหนุ่มย้อนถาม เจ้าหญิงส่ายพระพักตร์ทันที แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ก็นั่นน่ะสิ ในเมื่อคนกับวัวแต่งงานกันไม่ได้ แล้วมิโนทอร์จะเกิดขึ้นมาได้ยังไงเล่า มันต้องเป็นตำนานหลอกเด็กอยู่แล้ว แค่นี้ก็รู้จักคิดเองซะมั่งสิเจ้าหญิง เอ๊ะ เจ้าจะหาว่าข้าเป็นคนไม่รู้จักคิดหรือไง ไม่ได้หา เด็กหนุ่มโคลงศีรษะอย่างระอา ข้าแค่จะบอกให้เจ้าหัดแยกแยะเรื่องจริงเรื่องหลอกเท่านั้นแหละ ข้าเลิกเชื่อตำนานเหลวไหลที่พวกพี่ๆ เล่าให้ฟังตั้งแต่อายุห้าขวบได้ละมั้ง เจ้ามีพี่ด้วยหรือซิส เจ้าหญิงกาอิยาห์พระกรรณผึ่งขึ้นมาทันที เล่าเรื่องพี่ๆ ของเจ้าให้ข้าฟังบ้างสิ เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม ก็ไหนๆ เราต้องร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้วนี่ รู้จักกันให้ดีขึ้นอีกนิดก็ไม่เห็นจะเสียหาย เอ้า...ข้าเริ่มก่อนก็ได้ ข้ามีพี่สองคน แล้วเจ้าล่ะ คนถูกรบเร้าให้เล่าถึงครอบครัวมีท่าทางอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด ข้ามีพี่สาวสี่คน...เจ้ารู้แค่นี้ก็พอ โอ้โห เจ้ามีพี่ตั้งสี่คน ถ้างั้นก็ไม่เคยต้องเหงาเลยน่ะสิ แล้วมีพี่แค่สองคนมันเหงานักหรือไง เจ้าหญิงกาอิยาห์ผงกพระเศียรรับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายผิดคาด เหงาสิ ตอนเด็กๆ ข้าติดกันนาร์พี่ชายของข้ามาก แต่เพราะต้องตามพี่เกลด้าไปอยู่ที่แลมพ์ตันก็เลยต้องแยกจากกัน พี่สาวข้าถึงจะใจดีแต่อายุนางก็ห่างจากข้ามากเหลือเกิน เราเลยไม่ค่อยได้เล่นด้วยกันเท่าไหร่ งั้นเจ้าก็ไม่ต้องเสียใจหรอก เพราะถึงข้าจะมีพี่สาวสี่คน แต่พวกเราไม่เคยได้เล่นหัวคลุกคลีกันสักครั้ง จะว่าไป ข้าแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนเป็นเด็กเคยเล่นอะไรกับใครเขาบ้าง เจ้าไม่มีเพื่อนเล่นสักคนเลยหรือซิส เจ้าหญิงเผลอหลุดพระโอษฐ์ซักออกไปโดยไม่ทันคิด เด็กหนุ่มตวัดสายตาคมกล้ามองหน้าคนถามแวบหนึ่ง แล้วเมินไปทางอื่น ไม่เกี่ยวกับเจ้านี่ ตอบอย่างนี้ แสดงว่าเจ้าไม่เคยมีเพื่อนแหงๆ นี่เจ้าหญิง ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูด ข้าจะทิ้งเจ้าเอาไว้ตรงนี้คนเดียวจริงๆ ด้วย ซิสตัดบทด้วยน้ำเสียงห้วนสนิท แล้วก้าวเดินจ้ำพรวดๆ ไปข้างหน้าจนแทบจะลืมข้อเท้าข้างที่เจ็บไปเลย เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบสาวพระบาทตามหลังเด็กหนุ่มให้ทัน
หลังจากเสียเวลาหลงวนเวียนอยู่ใต้วิหารจนอ่อนแรง ซิสก็พาเด็กสาวเดินมาถึงปลายอีกด้านของเส้นทางอันคดเคี้ยวนั้นจนได้ เด็กหนุ่มก้มลงสำรวจพื้นศิลาซึ่งมีลวดลายแกะสลักเอาไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจับที่กำแพงทึบตรงหน้า นอกจากอิฐเผาอย่างดีที่เรียงซ้อนกันค่อนข้างเป็นระเบียบแล้ว ซิสก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย นอกจากซองเสียบคบไฟทำด้วยโลหะเก่าคร่ำคร่าประดับเด่นอยู่อันเดียว เด็กหนุ่มกัดฟันเดินลากขาเข้าไปส่องไฟดูจนชิดเพื่อหาร่องรอยของตัวอักษรเช่นครั้งก่อน หากไม่พบอะไรนอกจากเส้นโลหะเล็กๆ ฝังเป็นลวดลายแปลกตาอยู่บนแผ่นศิลาเรียบเป็นมัน ไม่มีร่องรอยของทางออกหรือประตูกลซ่อนอยู่ไม่ว่าตรงส่วนไหน หรือถ้าหากมี...มันก็คงซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนมากเสียจนเขาไม่อาจสังเกตเห็น แม้ว่าจะพยายามมองหาทุกซอกทุกมุมแล้วก็ตาม ซิสรู้สึกราวกับถูกชกอย่างแรงจนสมองมึนงงไปหมด เรี่ยวแรงที่ยังเหลืออยู่ดูเหมือนจะมลายหายไปหมดสิ้น จนต้องอาศัยผนังด้านข้างเป็นที่พยุงกายเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้นเสียก่อน...นี่เขาคงจะมองโลกในแง่ดีเกินไป ถึงขนาดคิดว่าอีกฟากหนึ่งของเขาวงกตจะมีทางออกรออยู่ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าซิส ท่าทางไม่ดีเลย น้ำเสียงห่วงใยที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เด็กหนุ่มต้องฝืนตอบไปด้วยท่าทางที่พยายามให้ดูเหมือนปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าหญิง ข้าแค่หมดแรงน่ะ เจ้าเองก็คงจะเหนื่อยเหมือนกันละสิ... ซิสจงใจกันเด็กสาวออกห่างจากกำแพงทึบด้านในสุดนั้น แล้วกดไหล่นางให้นั่งลงข้างทาง ก่อนจะออกคำสั่งด้วยเสียงอ่อนโยนผิดเคย นั่งพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเหนื่อยมากจะหลับซักงีบก็ได้ ข้าจะคอยเฝ้าให้เอง เจ้าหญิงกาอิยาห์มองหน้าคนพูดที่อยู่ๆ ก็เกิดใจดีผิดปกติขึ้นมา แล้วอดสงสัยไม่ได้ เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะซิส หรือว่าเจ็บขาจนเพี้ยน ข้าไม่เป็นอะไร เจ้านอนพักเถอะ เด็กหนุ่มปฏิเสธพลางหย่อนกายลงนั่งข้างอีกฝ่าย เจ้าแปลกไปจริงๆ ด้วย ทุกทีข้าถามเจ้าไม่เคยยอมตอบดีๆ สักครั้ง...มีอะไรปิดบังข้าอยู่หรือเปล่า เจ้าหญิงกาอิยาห์จ้องหน้าหนุ่มน้อยข้างกายอย่างคาดคั้นจนฝ่ายนั้นต้องหลบตา ตอบเลี่ยงๆ ข้าเหนื่อยจนไม่มีแรงทะเลาะกับเจ้าต่างหาก ไม่ได้มีอะไรปิดบังสักหน่อย ไม่จริงหรอก ข้าไม่เชื่อ เจ้าต้องมีเรื่องปิดบังข้าอยู่แหงๆ เจ้าเห็นอะไรแล้วไม่ยอมบอกข้า ใช่มั้ยซิส คนถูกถามเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความอึดอัดใจ...ยัยเจ้าหญิงม้าดีดกะโหลกเกิดจะฉลาดอะไรขึ้นมาตอนนี้นะ หันมาสบตากับข้าสิซิส ถ้าเจ้าไม่ได้ปิดบังอะไรไว้จริงๆ ก็หันมาสบตากับข้า เจ้าหญิงม้าดีดกะโหลก ตรัสพลางพยายามชะโงกพระพักตร์ตามไปจ้องหน้าเด็กหนุ่มไม่ลดละ จนฝ่ายนั้นต้องยอมแพ้ในที่สุด เอาละ บอกก็ได้ รู้แล้วเจ้าอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน ไม่เสียใจหรอกน่า บอกมาเถอะ อุโมงค์นี้ไม่มีทางออก ข้างหน้านั่นไม่มีประตู เราสองคนคงต้องติดอยู่ในนี้ตลอดกาลซะแล้ว ไงล่ะรู้แล้วสบายใจขึ้นหรือยัง... หางเสียงเยาะๆ ท้ายประโยคของผู้พูดขาดหายไปทันทีเมื่อแลเห็นสีหน้าตื่นตระหนกจนเผือดขาวของคนฟัง เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับบ่นงึมงำ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่รู้จะดีกว่า เจ้าหญิงกาอิยาห์พยายามระงับความรู้สึกเสียขวัญและผิดหวังเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ ฝืนแย้มสรวลให้เด็กหนุ่มนิดหนึ่งก่อนจะตรัสตอบเบาหวิวแทบเป็นกระซิบ อย่างนั้นเองหรือ ขอบใจที่ยอมบอกข้าตามตรง อย่าเพิ่งท้อน่าเจ้าหญิง เราอาจจะมาผิดทางก็ได้ พักซะก่อนเถอะ พอหายเหนื่อยแล้วค่อยเดินหาทางออกกันอีกรอบ เจ้าหญิงกาอิยาห์เอนพระเศียรซบลงกับแผ่นผนัง เบือนพระพักตร์ไปอีกทางแล้วนั่งนิ่งอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่งซิสคิดว่านางหลับไปแล้ว หากพอเขาขยับตัวเพื่อเปลี่ยนท่านั่ง เสียงสะอื้นแผ่วเบาก็แว่วมาให้ได้ยิน เจ้าหญิง เจ้าร้องไห้หรือ เด็กหนุ่มหันไปจ้องมองเจ้าของร่างบางที่เอนซบอยู่กับผนัง เห็นเพียงกลุ่มผมสีเงินยุ่งเหยิงส่ายไปมาน้อยๆ พร้อมกับเสียงตอบอู้อี้ ข้าไม่ได้ร้องสักหน่อย เจ้าคงกลัวมากสินะ ประโยคคำถามของเขาคงไปจี้จุดบางอย่างในใจของคนฟังเข้าอย่างจัง เด็กสาวจึงหันขวับมาทันที หยาดน้ำใสราวเกล็ดเพชรยังคงค้างอยู่บนแก้มนวล หากนางรีบปาดมันทิ้งเสียโดยเร็วก่อนจะแหวกลบเกลื่อน ก็ใช่นะสิ แล้วเจ้าไม่กลัวหรือไงกันเล่า ข้าก็กลัว แต่ทำไงได้ล่ะ... ซิสยักไหล่แล้วปล่อยประโยคให้ค้างเอาไว้แค่นั้น เจ้าหญิงกาอิยาห์มองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงอ่อยๆ อย่างคนที่รู้ว่าตัวผิด ขอโทษ ขอโทษทำไม ก็...ข้าเป็นต้นเหตุให้เจ้าต้องพลอยมาติดอยู่ใต้วิหารไปด้วยนี่ ซิสถอนใจอีกครั้งก่อนจะโบกมืออย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ช่างเถอะ ข้ามันแส่หาเรื่องเอง ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก นอนพักซะเถอะเจ้าหญิง ตื่นขึ้นมาเจ้าจะได้มีแรงออกเดินต่อ ไม่ต้องแล้วละซิส มันไม่มีประโยชน์ ต่อให้เราเดินยังไง สุดท้ายก็ต้องวนมาจบที่กำแพงนั่นอยู่ดี เก็บแรงที่เหลือเอาไว้ดีกว่า ดูสิว่าคนเราถ้าต้องติดอยู่ใต้ดินโดยไม่ได้กินดื่มอะไรเลยจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วัน น้ำเสียงท้อแท้เหมือนคนสิ้นอาลัยในชีวิตของเด็กสาว ทำให้ซิสรู้สึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ เขาคิดว่าสาวน้อยสูงศักดิ์อย่างเจ้าหญิงกาอิยาห์ไม่สมควรจะต้องมาจบชีวิตลงในที่มืดๆ อับทึบโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้หนีออกจากบ้านเพื่อจะเอาชีวิตมาทิ้งในที่แบบนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นต่อให้สิ้นหวังขนาดไหนเขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้ ตราบใดที่ลมหายใจสุดท้ายยังไม่ปลิวออกจากร่าง อยู่ดีๆ ซิสก็ผุดลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนเด็กสาวข้างกายสะดุ้ง นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ ไปสำรวจกำแพงด้านโน้นอีกครั้ง เจ้านอนเสียเถอะ ข้าไปไม่นานหรอก เจ้าหญิงกาอิยาห์พยักพระพักตร์รับรู้ พระองค์ทอดพระเนตรตามแสงสว่างที่ค่อยๆ ขยับห่างออกไปพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกตื้นตันพระทัยอย่างบอกไม่ถูก...ถึงซิสจะปากเสีย ชอบพูดจาไม่เข้าหูคนอื่น แถมยังหยิ่งยโสไม่มีสัมมาคารวะ แต่อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจพอที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนโดยไม่คำนึงถึงตนเอง หากไม่ได้เขาป่านนี้พระองค์จะเป็นอย่างไรบ้างก็ยังนึกไม่ออก
เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงกาอิยาห์มองเห็นจิตใจอันอ่อนโยนกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางแข็งกระด้างไม่สนใจใครของเด็กเลี้ยงม้าผู้นี้ ข้าดีใจจริงๆ ที่มีเจ้าอยู่ด้วยซิส ถ้าหากเราสองคนรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สุดทีเดียว เด็กสาวส่งเสียงง่วงงุนไล่หลังเขาไป ขณะที่ดวงตาทั้งคู่เริ่มหรี่ปรือลงเพราะความเหนื่อยอ่อน ตำแหน่งอะไรอีกล่ะ ซิสหันกลับมาถามอย่างสงสัยมากกว่าจะสนใจจริงจัง ตำแหน่งเพื่อนของข้าไงล่ะ ตำแหน่งแบบนั้นข้าไม่เห็นอยากได้ ถึงไม่อยากได้แต่เจ้าก็ต้องรับ เพราะถึงยังไงตอนนี้ข้ากับเจ้าก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว... เสียงของเด็กสาวค่อยๆ เบาลงจนเงียบหายไปในที่สุด ซิสแอบชำเลืองมองจากหางตา เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงกาอิยาห์บรรทมหลับไปแล้ว จึงค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเสียบคบไฟในมือลงในซองโลหะริมผนังก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม ครุ่นคิดถึงถ้อยคำที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เพื่อน หรือ ...จะว่าไปก็เป็นตำแหน่งที่ไม่เลวเหมือนกันแฮะ... ตกลง ข้าจะยอมเป็นเพื่อนกับเจ้าก็ได้ กาอิยาห์ เด็กหนุ่มก้มลงกระซิบที่ข้างหูคนหลับแล้วเลยนั่งมองใบหน้าของนางเพลิน จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าซองโลหะที่เขาเสียบคบไฟลงไปนั้น บัดนี้เปล่งประกายสีส้มสว่างจ้าราวกับเหล็กที่ถูกเผาจนร้อนแดง แสงสีส้มนั้นค่อยๆ ลุกเรืองอย่างแช่มช้าไล่เรื่อยจากส่วนปลายของซอง ไปยังลวดลายที่ฝังแน่นอยู่บนผนังศิลา เพียงพริบตาเดียวผนังทั้งแถบก็เต็มไปด้วยเส้นสายสว่างจ้าสีส้มแดงเกี่ยวกระหวัดพาดพันกันเป็นลวดลายอันงดงามแปลกตา แล้วแผ่นกำแพงซึ่งเป็นประตูกลที่ซิสหาไม่พบก็ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นจากพื้นช้าๆ เผยให้เห็นห้องโถงกว้างที่ซ่อนอยู่ภายใน...
จากคุณ |
:
akihiro
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ส.ค. 54 23:33:23
|
|
|
|