Bitter Sweet เพราะเธอ ..... หัวใจจึงพบรัก (ตอนที่ 3)
|
 |
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10941594/W10941594.html (ตอนที่ 1 )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10952213/W10952213.html (ตอนที่ 2)
เจ้าเด็กบ้าเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ คงเห็นหน้าฉันเหมือนไก่ตาแตก ฉันตาเบิกโพลง เครื่องสำอางยี่ห้ออะไรเนี่ย แม่เหมาหมดเลยได้ไหม มันเปลี่ยนใบหน้าขาวจืดของฉันให้เป็นขาวอมชมพู ดวงตาดูกลมโต เปลือกตาสีน้ำตาลอ่อนๆ เข้ากันดีกับโหนกแก้มสีชมพูอ่อน ปากสีนู้ดใสๆ เป็นประกายวิบวับ ฉันชะโงกเข้าไปใกล้กระจกจนหัวเกือบจะโขกกระจก
น้องคุณไม่ต้องแต่งเยอะหรอกคะ คิ้วสวย ตาสองชั้นสวยอยู่แล้ว ผิวก็ดี เหมือนคุณเลยคะ ผิวสวยมาก หูฉันยังได้ยินคำสนทนาอีกกระบุงโกย แต่วินาทีนี้ฉันขอซาบซึ้งกับของวิเศษที่พระเจ้าประทานมาเลยไม่ได้ใครสนใจเรื่องอื่นมากนัก เครื่องสำอางบ้าอะไรเนี่ย ปะ โบก ตรงไหนมั่ง ทำไมมันถึงออกมาผิดหูผิดตาได้ขนาดนี้ แก้มนวลวิ้งๆ เหมือนที่เห็นในโฆษณาแป้งผัดหน้ามิสทีนวันเดอร์ชีคเลย ระหว่างที่คนขายคุยหัวร่อต่อกระซิกกับเจ้านั่น ฉันเดินไปสำรวจของที่เขาใช้แต่งหน้าให้ ฉันลองหมุนตลับแป้งและของอีกมากมายก่ายกองบนโต๊ะ เพื่อหาดูป้ายราคา พระเจ้าช่วย จะเป็นลม ราคาขนาดนี้ชั้นซื้อข้าวสารกรอกหม้อได้ประมาณสามเดือนเลยนะ
กว่าฉันกับเจ้าหน้าหล่อจะหลุดออกมาจากร้านนั้นได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แม่คนขายนั่นเกาแกะ เจ๊าะแจ๊ะ เพียรออเซาะถามว่าพี่ชายของชั้นเนี่ยเหมือนซุปตาร์เกาหลีคนไหนน้านึกไม่ออก หรือไม่ก็ซุปตาร์ไทยนี่แหละ พูดแล้วก็แอบลูบไล้กล้ามเนียนๆ ไปด้วย ฉันไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือหมั่นไส้อะไรหรอกนะ ที่เดินออกมาจากร้านก่อนเนี่ย
นี่ เดินรอๆ กันมั่งได้ไหม เจ้านั่นร้องเรียกตามหลัง ฉันยังไม่ชะลอฝีเท้า นี่ เจ้านั่นไม่พูดอย่างเดียว ดึงฮู้ดเสื้อฉันอีกแล้ว อะไรอีก ฉันหันไปโวยวาย เจ้านั่นยืนตะลึงจ้องหน้าฉันอยู่ อะไร อะไร อะไร ฉันเอามือลูบหน้า อะไร มีอะไรติด เฮ้ย อย่ามองแบบนี้สิ มันไม่ดีนะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการถูกมองแบบนี้นะ
จ้องนานไปแล้วนะ ใจฉันเต้นตึกตัก ก็สายตาที่มองมามันดูรัญจวน อยากจะละลายตายไปตรงนี้เลย จะจ้องอะไรนักหนา ฉันกัดริมฝีปาก เขินนี่หว่า เจ้านั่นเดินเข้ามาใกล้ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ จนจมูกเกือบถึงแก้มฉันแล้ว ฉันยืนกลั้นหายใจ
หิวข้าว.............. เจ้านั่นกระซิบเบาๆ ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันตีอกชกหัวตัวเองในใจ หลงนึกว่าจะมีอะไร หลงนึกว่ามันจะชมว่าฉันสวย เสียเซลฟ์สุดๆ ไอ้ตัวก่อเหตุนั่งดูดบะหมี่น้ำหลังจากจัดการข้าวหน้าไก่กับข้าวหมูแดงไปแล้ว กินหยั่งกะหลุมดำ ฉันนั่งดูดโอเลี้ยงรอ
เฮ้อ สบายท้อง.......ไปกันยัง เจ้าบ้านี่ลุกขึ้นสะพายเป้เดินออกไปอย่างสบายอารมณ์ เอ่อ มีจับสลากมื้อนี้กินฟรีหรือจ่ายไหมคะ ฉันปาดเงินออกจากกระเป๋าอย่างยากเย็น
กินแล้วหนีเลยเหรอ จ่ายมาด้วย ของนายทั้งหมด 120 บาท ฉันตะโกนไล่หลังและวิ่งตาม เจ้านั่นเดินก้าวขายาวแบบนั้น ใครจะไปตามทัน เป็นเจ้านายก็เลี้ยงลูกน้องสิ ดูมันพูดเข้าสิ ฉันรีบก้าวเดินให้ทัน จะกลับร้านกันยัง ฉันชวนเพราะเห็นว่าบ่ายแก่มากแล้ว ไปร้านนั้นกัน เจ้าหมอนี่ท่าจะบ้า มันชวนเข้าร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงน่ารักๆ พอไปถึงก็หยิบนั่นหยิบนี่หยิบโน่นวุ่นวาย แล้วก็ส่งให้ฉันเอาเข้าไปลองใส่ เดี๋ยวก่อน......นี่เธอจะมาเล่นแต่งตัวตุ๊กตาเหรอ ฉันค้านตรงหน้าห้องลองเสื้อ หน้าหล่อใช้สายตาเหยียดมองมาที่ฉันหัวจรดเท้าและแน่นอนเท้าจรดหัว ช่วยทำอะไรให้มันง่ายๆ ได้ไหม เจ้าของร้านทำผมควรจะนำสมัยหน่อยไม่ใช่ล้าสมัย โอย ตาย คนในร้านหัวเราะกันครืน ฉันรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องลองเสื้อ
นี่ฉันจริงๆ เหรอ วันนี้ฉันพูดกับตัวเองเป็นครั้งที่สามสิบแปดภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ชุดแซกลายดอกไม้สีน้ำตาลอ่อนที่ชั่วชีวิตนี้ฉันคงไม่คิดจะหยิบมาใส่ดูสวยเด่นเมื่อจับคู่กับรองเท้าส้นสูงที่ข้างหน้าเป็นเชือกสานไปมาแต่สวมใส่ง่าย ฉันหมุนตัวไปมาอยู่ในห้องลอง มีเสียงทุ้มต่ำลอดออกมา อย่าลืมเอาชุดเก่าไปเผาทิ้งด้วยล่ะ
ฉันค่อยๆ ย่องออกมาด้วยชุดเดิม หมอนั่นทำหน้าตกใจ อ้าว....ทำไมไม่ใส่ชุดนั้นออกมา ฉันส่ายหน้า แอบกระซิบ จะบ้าเหรอ.......หมดนั่นสองพันกว่าเลยนะ หมอนั่นทำหน้าตาแปลกๆ ก่อนจะใช้เสียงดูถูกเหยียดหยามเหมือนเคย รูดบัตรไปสิ หัดเปลี่ยนลุคมั่ง ฉันส่ายหน้าและเดินออกมาจากร้าน เจ้าหมอนั่นเดินหน้าบูดตามมา
ต่างคนต่างเงียบกันไป ฉันเดินมุ่งหน้ากลับร้านด้วยอารมณ์โมโห แต่ฉันก็ยังแอบสังเกตคนที่เดินสวนไปมาว่าทุกคนต่างก็จ้องมองฉันกับเจ้านั่น เอ ไม่สิ ทุกคนก็ต่างจ้องเจ้านั่นอย่างตะลึงพรึงเพริศเหมือนเดิม
ฉันจะเลี้ยวกลับทางเก่าที่เดินมา เจ้านั่นดึงฮู้ดฉันอีกแล้ว อะไรกันนักหนา........... ฉันหันไปว๊าก เจ้านั่นเอ่ยสียงแข็งๆ เหมือนเดิม เดินไปทางนี้เหอะ มันชี้ไปอีกทาง จะบ้าเหรอ ทางนั้นมันทางกลับร้านซะที่ไหน มันทางเดินไปสวนสาธารณะ ฉันทำหูทวนลม หมุนตัวกลับเดินไปทางเดิม เจ้านั่นดึงฮู้ดจนเสื้อเกือบจะหลุด ฉันโมโหจริงๆ แล้ว จะเดินก็เดินไปคนเดียว ฉันจะกลับไปเฝ้าร้าน จะบ่ายสามแล้ว มันย้อน กลับไปก็ไม่มีลูกค้าหรอก หัดไปรับออกซิเจนมั่ง จะได้มีความคิดเหมือนผู้เหมือนคนกับเขามั่ง นี่ มันด่าใครสมองขาดออกซิเจน มันเดินไปแล้ว เดินนำไปแล้ว หนอย... ใครจะตามไป ฉันเดินกลับคนเดียวก็ได้
กลับมาร้านเกือบจะสามโมง ไม่อยากยอมรับความจริง นั่งอยู่จนเกือบห้าโมง ก็ไม่มีใครหลงเข้ามาเลย ฉันนั่งเอาสมุดโบกไปมาแทนพัดอยู่ที่โซฟา เครื่องปรับอากาศมันเปิดไม่ได้แล้ว อะไรต่อมิอะไรก็ทยอยเสียทยอยพังไปหมด เมื่อกี้เข้าไปในห้องน้ำ ชักโครกก็ชักจะกดไม่ลงแล้ว ความเศร้าเริ่มมาเยือนอีกระลอก ฉันเอากระดาษที่เจ้านั่นเขียนมานั่งอ่านทีละข้ออีกที แล้วค่อยๆ คิดตาม
ทุกอย่างเป็นจริงตามที่เด็กนั่นเขียนเลย ฉันกำมือแน่น เริ่มหายใจถี่ อากาศในห้องดูจะไม่พอ สมองเริ่มเหมือนบวมปริ เหงื่อแตกออกมาเต็มฝ่ามือ ฉันความเข้าไปในกระเป๋าถือ หยิบยาเม็ดหนึ่งโยนเข้าปากและกลืน พยายามหายใจช้าๆ ท่องในใจซ้ำมาซ้ำไป ค่อยๆ หายใจ เราต้องผ่อนคลาย ฉันขดตัวเองอยู่บนโซฟา วัยหวานกระโดดเข้ามาเลียแก้ม มือที่หงิกยังเกร็งแน่นอยู่ ฉันพยายามควบคุมตัวเอง ไม่เป็นไรนะ ฉันต้องไม่เป็นไร
เสียงประตูเปิดทำให้ฉันตกใจตื่น เจ้าหมอนั่นเดินเข้ามา ร้านมืดสนิทฉันหลับไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ วัยหวานเดินไปคลอเคลียทันที เจ้านั่นเปิดไฟ และเดินไปทำอะไรกุกกักในครัวเล็กๆ หลังร้าน สักพักฉันได้กลิ่นอาหารแมว วัยหวานกินอาหารเสียงสวบสาบ สงสัยคงจะหิวมาก ฉันลืมให้อาหารตั้งแต่เช้าเลย ฉันยังนั่งงงอยู่อีกพักหนึ่ง เจ้านั่นเดินออกมา
เอ่อ ขอบใจนะ เรื่องอาหารของวัยหวาน ฉันใช้มือเช็ดหน้าเช็ดตาอย่างลวกๆ เจ้านั่นเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันเลยเดินไปปิดร้าน ฉันค่อยๆ ปิดร้าน เดินจัดโน่นจัดนี่ รู้สึกเศร้าขึ้นมาจับจิต อาการย้ำคิดย้ำทำกลับมา ฉันคิดถึงข้อความที่เด็กนั่นเขียน อุปกรณ์ต่างจะพังมิพังแหล่ ฉันมองดูข้าวของในร้าน มองไล่ไปทีละอย่าง ทำไมเด็กนั่นมองปราดเดียวแล้วก็รู้เลยนะ หรือว่าฉันเองที่ดูของไม่เป็น โดนเขาหลอก ร้านนี้มันโทรม ข้าวของเครื่องใช้แทบจะเป็นเศษเหล็ก ของที่ขายมาให้ก็เกือบหมดอายุ สต๊อกค้างนานสามปี ยังไม่นับว่าไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย แล้วนี่ฉันจะทำยังไงต่อไป เงินในบัญชีที่เก็บไว้ก็ยังพอมีแต่ก็ ไม่สามารถเอาไปลงทุนอะไรได้อีกแล้ว ฉันค่อยๆ หย่อนตัวลงที่เก้าอี้ทำผม เหนื่อยจัง ..... ฉันก้มมองเก้าอี้ที่นั่ง ยามขยับตัวดังเอี๊ยดอ๊าด สงสัยต้องหาน้ำมันมาหยอด ฉันหมุนเก้าอี้เพื่อให้ตัวเองหันหน้าเข้ากับกระจกที่ติดฝาผนัง
โครม..... ส่วนที่เป็นเบาะของเก้าอี้หลุดออกจากข้อต่อที่เป็นฐานของเก้าอี้ พาร่างของฉันร่วงลงมา ก้นกระแทกพื้น ฉันนั่งอึ้ง เจ็บก็เจ็บ แค้นก็แค้น ฉันไม่รู้จะทำไงต่อเลยนั่งปลงอยู่แบบนั้น
เงาดำทะมึนปรากฏตัวข้างๆ นั่งทำบ้าอะไรอยู่มืดๆ เจ้าเด็กนั่นใช้เสียงแปดหลอดตะคอก ฉันพยายามยกก้นออกจากเบาะ เจ้านั่นยื่นมือมา ฉันมองหน้าขาวๆ นั่น จับเถอะป้า เดี๋ยวจะปวดเอวนะ ดูมันว่าเข้า เรื่องอะไรจะลดตัวให้ช่วย ลุกเองได้ ฉันกัดฟันยกก้นขึ้นเอง เออ ปวดหลังจริงๆ เจ้านั่นถอนใจแล้วนั่งยองๆ สำรวจเก้าอี้ที่หักออกเป็นสองส่วน อ้วนเกินไปหรือเปล่า เล่นซะเก้าอี้หักเลย มันพึมพำซะดังเลย ฉันกัดฟันกรอด เจ้านั่นยังจับโน่นจับนี่เหมือนจะเอามาประกอบกัน น่าจะซ่อมได้.... เดี๋ยวพรุ่งนี้จะดูให้ ฉันเดินตัวงอไปที่โซฟา เห็นมั้ยล่ะป้า เอวเคล็ดล่ะสิ เจ็บ....และไม่มีแรงจะเถียง เจ้านั่นเดินมาประชิด อะไร ฉันหันไปแว้ดๆ เจ้านั่นมองฉันด้วยหางตาแล้วก็อุ้มแมวเดินเลยไป จะลงมาบอกว่าจะเอาแมวไปนอนด้วย แล้วมันก็เดินขึ้นไปหน้าตาเฉย.....
ฉันค่อยๆ ลากสังขารเดินไปที่ครัวเพื่อจะสำรวจดูก๊อกน้ำ ดูความเรียบร้อยต่างๆ ก็เห็นถุงกระดาษสีน้ำตาลใบย่อมๆ ตั้งอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว สงสัยจะเป็นอาหารของวัยหวานที่เจ้านั่นซื้อมาให้ ฉันหยิบถุงมาแหวกดู กระปุกอะไรเนี่ย ฉันหยิบออกมาดู วัตถุทรงกลมใสๆ ภายในมีฝุ่นผงสีน้ำตาล ยาเสพติดเหรอ........................เฮ้ย....... พอเปิดฝาดู ที่ฝามีที่ปัดแก้มเป็นพู่ใหญ่ๆ ติดอยู่ อายจัง....ที่แท้มันคือแป้งฝุ่นนั่นเอง หมอนั่นใช้แป้งแบบนี้ด้วยเหรอ ฉันเขย่าถุงดูมีอะไรอยู่ข้างในอีกอย่าง มันคือลิปกรอสสีชมพูอ่อน มันสาวแตกแน่ๆ ใช้ของแบบนี้ ฉันเก็บของใส่ถุง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคืนให้ล่ะกัน แต่เอ.........เผื่อเจ้านั่นมันจะใช้แต่เช้า เอาขึ้นไปให้หลังอาบน้ำดีกว่า สาวแตกก็ไม่บอก
ฉันถอดเสื้อผ้ากางเกงขายาวออกและสะบัด สร้อยเพชรหล่นจากกระเป๋ากางเกงตกลงพื้น ฉันก้มเก็บขึ้นมา สร้อยกะโหลกกะลาอะไรเนี่ย ฉันเอามาส่องดูใกล้ๆ ทำท่าพินิจพิเคราะห์เหมือนนักเล่นเพชร เหมือนมีอะไรสลักอยู่ด้านหลังของจี้ เพ่งเท่าไหร่ก็มองไม่ออก ฉันจับรวมสร้อยกับจี้เข้าด้วยกันและวางไว้บนกล่องเก็บของเล็กๆ ที่โต๊ะข้างเตียงนอน และเดินเข้าไปอาบน้ำ
ฉันเคาะประตูอยู่จนข้อนิ้วแทบจะโปนออกมา เจ้านั่นถึงจะยอมเปิด หน้าตางัวเงียสุดขีด ฉันยื่นถุงสีน้ำตาล เธอลืมของไว้ น้องสาว เจ้านั่นขมวดคิ้ว ของเธอไม่ใช่เหรอ ฉันถาม ฉันเองก็คงขมวดคิ้วด้วย หมอนั่นถอนใจออกมา ของเธอแหละ ยัยป้าซื่อบื้อ มันพูดเสร็จก็ปิดประตูใส่หน้าฉัน อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ
อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ
ฉันนั่งงงอยู่บนเตียง หลังจากโดนตะโกนใส่หูจนไม่ต้องแคะหูไปอีกสามเดือน ขี้หูพากันไหลลงมากอง อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ
จากคุณ |
:
Sexy Peachy
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ส.ค. 54 06:53:16
|
|
|
|