รสาลืมตาขึ้นมาในความมืด...
หญิงสาวจำได้ว่าตนล้มลงบนพื้นแข็งสากและเนื้อตัวถูกขีดข่วนไปตามแรงเสียดทานบนพื้นถนน โครงเหล็กของรถกระแทกอวัยวะภายในจนกระอักเลือดออกมา ก่อนศีรษะจะกระแทกพื้นและไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆอีก เวลานี้เธอกลับรู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลหายไป แต่ความกลัวยังครอบคลุมอยู่จับจิตใจ
รอบกายเวลานี้ปรากฏเพียงความมืดมิด รสาพยุงตัวขึ้นมาคลำเปะปะ จึงสัมผัสได้ว่าตนกึ่งนั่งกึ่งคลานอยู่ในห้องแคบ แสงสว่างเล็ดรอดเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งของห้องมืด หญิงสาวชันเข่าแล้วขยับตัวลุกขึ้นเดินไปหาแสงสว่างที่ปรากฏเป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีด้านยาวมากกว่าด้านกว้าง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ สี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นปรากฏเป็นตารางขนานมีซี่กั้นในแนวนอน ทั้งหมดประกอบกันเป็นประตูลูกกรงบานหนึ่ง ฉับพลันนั้นเธอได้ยินเสียงประตูเปิดเอี๊ยดจากห้องที่อยู่ติดกันด้านข้าง พร้อมกับเสียงฝีเท้าคนก้าวออกมา
ช่วย...ด้วย
รสาพยายามเปล่งเสียงผ่านลำคอแห้งผาก โอบสองมือประคองกอดและลูบตัวไม่พบรอยแผลแต่กลับไร้เรี่ยวแรงแม้จะตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงรวบรวมกำลังเท่าทีมียื่นมือออกไปนอกประตูลูกกรงคว้าชิ้นส่วนของเครื่องแต่งกายคนที่เดินผ่านประตูออกมา
ร่างนั้นหันมาช้าๆ แสงไฟสลัวสาดกระทบ ภาพตรงหน้าเป็นเด็กสาวใบหน้าคุ้นตาหันมาเขม้นมอง
อะ...แอนี่
น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ก่อนหน้าร่วงลงมาเป็นสาย หลากหลายคำถามพร่างพรู ที่นี่ที่ไหน พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทำไม และต้องทำอย่างไรถึงจะออกไปจากที่นี่ได้ ร่างของเด็กสาวที่ปรากฏตัวออกมาเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่รสาคว้าได้ก่อนจะจมสู่ก้นทะเลลึก
แต่เมื่อร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้ ริมฝีปากบางนั้นขยับขึ้นลงพร้อมกับคำถาม...
แอนี่เหรอ? ใช่ที่ไหนกัน....
เสียงนั้นหมางเมิน ไร้เยื่อใย แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
ใบหน้านั้นโน้มเข้ามาใกล้ ความสูงทรงผมและทรวดทรงของเด็กสาวขยายใหญ่ขึ้นตามระยะที่ เธอ ยื่นหน้ามาประชิด
รสาได้เห็นใบหน้าของตัวเองยื่นเข้ามาหา
ลองดูหน้าเค้าให้ดีสิ... พี่สาว
รสาจ้องมองตาเบิ่งค้าง ร่างนั้นหัวเราะร่าเมื่อได้เห็นหน้าของหญิงสาวในเวลานี้ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั้นเสียดแทงยิ่งกว่าความหนาวเหน็บภายในกรงขัง บาดลึกกว่าแผลถลอกทั่วร่างกาย รสาร้องลั่น
ฟ้า นั่นฟ้าเหรอ เกิดอะไรขึ้น มาช่วยพี่ที
เสียงร้องขอความช่วยเหลือใดๆไม่เป็นผล ร่างนั้นเดินจากไปอย่างไม่ใยดี รสาผลักลูกกรงตรงหน้าแต่ไม่มีท่าทีขยับเขยื้อน โซ่ตรวนที่คล้องประตูอยู่ดูเก่าคร่ำคร่า ทว่าแข็งแกร่งเหมือนทำจากเหล็กกล้า รสาคลำหาลูกกุญแจทั่วบริเวณเท่าที่มือจะเอื้อมถึง ...ไร้วี่แววข้าวของใดๆในห้อง... หญิงสาวเข้าใจในเวลาต่อมาว่ากำลังอยู่ในห้องขังหนึ่งที่ปิดทึบทุกด้าน เว้นแต่ด้านหน้าที่กั้นด้วยลูกกรงเหล็กหนาและแข็งแรง ยิ่งกว่านั้น ห้องนี้ไม่มีทางออกอื่นใดอีก ไร้อาหาร น้ำ และอากาศยังเย็นเยียบไม่ต่างจากก้นบึ้งของหลุมฝังศพ!
ไม่จริงหรอก นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง เราอาจจะ...กำลังฝัน
รสาถอนสะอื้นแล้วหันมาปลอบใจตัวเองก่อนถอยไปขดตัวอยู่ตรงมุมห้องที่เย็นเฉียบ ทรุดลงพิงหลังกับผนังห้องกอดเข่าแล้วซุกร่างตัวเองอยู่ในซอกนั้น มองหาแสงสว่างอยู่ในเงามืด พยายามเงี่ยหูฟังเสียงลมที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ...ใช่... ลมหายใจ เมื่อไรที่นอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา
เราจะลืมตา บิดขี้เกียจ แล้วสูดลมหายใจแรงๆ ...ตื่นสิ รสา สูดลมหายใจให้แรงเข้า
หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มแรง แต่ไร้เสียง ไร้ลม ดวงตาที่ลืมอยู่ในความมืดนั้นเบิกค้าง หยดน้ำตาร่วงพราวตกกระทบแก้ม แต่แล้วหยดน้ำนั้นก็ไหลซึมผ่านไป หยดลงบนเข่าทั้งสองข้างที่ชันขึ้นมาก็ไม่ตกค้าง หยดน้ำเล็กๆหยดนั้นร่วงลงบนพื้นห้องโดยไม่ผ่านสิ่งกีดขวางใดๆ ใจหวิววาบอย่างยอมจำนน
ไม่อยู่กับร่าง ก็ต้องเร่ร่อน
วิญญาณประเภทหนึ่งเป็นเช่นนั้น
ไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว จึงยังวนเวียนอยู่ในที่หนึ่งๆ
นั้นก็วิญญาณอีกประเภทหนึ่งที่เธอเห็นผ่านตา
หากแต่ตนเองในเวลานี้เล่า มีเพียงกรงขังนี้เท่านั้นที่เป็นปราการแข็งแกร่ง และต่อให้หลุดออกจากห้องนี้ได้ ก็ใช่ว่าเธอจะมีทางไปอื่น
ไม่ใช่แค่ฝัน แต่หญิงสาวกลายเป็นวิญญาณที่ไร้ตัวตนไปเสียแล้ว!
`.,¸,.*¯`.,¸,.*
ฟ้าใสลืมตาขึ้นมาในห้องสว่างและขาวโพลน
ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาพร้อมกับการรับรู้ประสาทสัมผัสต่างๆ ปวดหัวแปลบปลาบ แขนและขาข้างขวาถูกใส่เฝือกเอาไว้ ส่วนแขนข้างซ้ายถูกพันธนาการด้วยสายน้ำเกลือ ที่มือของเธอมีอีกมือหนึ่งกุมไว้ หญิงสาวบีบมือที่กุมนั้นแล้วยิ้มให้
ฟื้นแล้วหรือครับ
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่ง สายตาของบุรุษตรงหน้าทอความห่วงใยล้ำลึก แล้วหลีกทางให้พยาบาลที่เข้ามาจับชีพจร หญิงสาวยิ้มรับกับคนรอบข้างที่เข้ามาดูอาการ แม้จะตะขิดตะขวงใจกับเสียงที่เรียกเธอว่ารสา แต่สัมผัสที่ได้มาแปรเปลี่ยนเป็นความยินดีที่แผ่ซ่าน จนแทบลืมความเจ็บปวดตามร่างกายทั้งหมด....
เสียงพยาบาลเดินมากระซิบข้างเตียง แต่พูดกับชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆ
ท่านประธานก็ไปพักบ้างเถอะนะคะ
ท่านประธาน ที่อยู่ตรงหน้า หันไปพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับมาบีบมือเธอเบาๆแล้วลุกขึ้นและเดินจากไป ถัดจากนั้นก็มีเสียงขยับตัวจากอีกมุมหนึ่งจึงทำให้รู้ว่ายังมีคนนั่งอยู่อีกด้าน พยาบาลสาวคนเดิมหันไปบอก
คุณหมอด้วยนะคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ แต่เธอยังต้องการการพักผ่อนอีกมาก
คุณหมอ ไม่ส่งเสียงตอบรับใดๆ แต่ฟ้าใสก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยท่วมท้น ไม่อย่างนั้นคงไม่รีรอจนกว่าเธอจะฟื้นคืนสติแล้วค่อยลุกเดินจากไป
ในท่านอนที่ถูกบังคับให้หงายหลังอยู่บนเตียงอุ่น หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้อง ข้างเตียงมีแจกันเสียบกุหลาบสีขาวสะอาดตาจากผู้มาเยี่ยม กลิ่นหอมของกุหลาบโชยรื่น เธอหลับตาพริ้ม ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดแล้วอุทานในใจ
นี่สิ การมีชีวิตอยู่เป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง!!!
`.,¸,.*¯`.,¸,.*
-โปรดติดตามตอนต่อไป-