Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยมทูต บทที่ 4 คำอำลา ติดต่อทีมงาน

ยมทูต
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=02-08-2011&group=13&gblog=1

บทที่ 3 คำขอร้องของคนตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10943081/W10943081.html


บทที่ 4

คำอำลา

ผมถูกแม่ยมทูตสาวลากไปเหมือนลูกโป่งที่อยู่ในมือเด็ก ภาพรอบตัวเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน ชั่วพริบตาพวกเราก็หยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมมองผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับชายเคราะห์ร้ายกำลังอุ้มเด็กวัยกำลังน่ารักด้วยท่าทางทะนุถนอม สีหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในขณะที่ชายคนนั้นกลับดูเศร้าสร้อยลง เขาขยับเกาะรั้วไม้และสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงตวาดลั่นดังมาจากภายใน

“หยุด!”

ทั้งผมและชายเคราะห์ร้ายเงยหน้าขึ้นพร้อมกันและมองหญิงชราในชุดขาวซึ่งกำลังยืนหน้าบึ้งด้วยความตกใจ ชายคนนั้นถาม

“ยายเป็นใครกันหรือครับ”

“ผีบ้านผีเรือน” ยมทูตสาวเป็นผู้ตอบ “หน้าที่ของเขาคือปกปักรักษาคนในบ้าน นายเข้าไปไม่ได้”  

“แต่ผมอยากเห็นหน้าลูกเมีย” ชายคนนั้นพูดก่อนจะหันไปอ้อนวอนหญิงชรา “ขอให้ผมเข้าไปเถอะครับคุณยาย”

“ไม่ได้” เสียงตอบกลับมาดุดันจนผมนึกหมั่นไส้ จะอะไรกันนักกันหนากับอีแค่ให้คนเข้าบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณของผู้ที่เคยเป็นเจ้าของแบบนี้มันน่าจะอนุโลมกันได้นี่นา สาวยมทูตมองหน้าผม

“ขืนปล่อยให้ทำอย่างที่คิด ก็จะมีวิญญาณจรจัดอีกหลายตัวแอบตามเข้าไป คราวนี้คนอยู่ไม่ได้ก็จะเป็นแม่ลูกคู่นั้น”

“จะไปยากอะไร พอเปิดให้เขาเข้าไปแล้วค่อยปิดประตูก็ได้”

“ประตูในโลกวิญญาณไม่เหมือนกับประตูของมนุษย์ หากเปิดแล้วยากที่จะปิด” เธอหันไปมองผีบ้านผีเรือนซึ่งยืนตาขวาง “โดยเฉพาะพลังของผู้รักษาเขตแดนระดับต่ำ ถ้าปล่อยให้มีใครบางคนหลุดเข้าไป อาณาเขตคุ้มครองของเขาก็จะอ่อนกำลังลงทันที”

“แล้วทำไมพวกยมทูตถึงเข้าไปได้” ผมย้อน อ้าวก็จริงนี่ครับ เห็นพวกคนแก่คนเฒ่าเล่าว่าตอนคนใกล้ตายจะเห็นพวกยมทูตมายืนหน้าบูดอยู่บนหัว ตอนนั้นน่ะพวกผีบ้านผีเรือนหายไปไหนกันหมด น่าจะกันเอาไว้จะได้ไม่มีคนตาย แม่สาวยมทูตทำตาวาว

“ปากแบบนี้มันน่าส่งไปให้อีกาจิกปากลากลิ้นชะมัด” เธอพูดเสียงกร้าวและคงบ่นอะไรต่ออีกยืดยาวถ้าไม่มีประกายไฟสว่างวาบขึ้น ทั้งผมและยมทูตต่างหันไปมองพร้อมกัน ภาพไฟกำลังลุกไหม้มือของชายเคราะห์ร้ายทำให้ผู้นำทางสาวขบกราม

“บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเข้าไป” เธอพูดเสียงดังพลางโบกมือ เพลิงในมือของชายคนนั้นมอดดับลงในพริบตา เขาร้องไห้โฮ

“ผมแค่อยากไปลาลูกเมีย”

“ตอนแรกนายขอยืนแค่รั้ว พอมาถึงก็ร่ำร้องขอเข้าไปข้างใน พวกมนุษย์นี่ไม่เคยรู้จักคำว่าพอหรือไงกันนะ”

ยมทูตสาวกระแทกเสียงด้วยความรำคาญ ผมมองสีหน้าเศร้าสลดของชายเคราะห์ร้ายอย่างนึกเห็นใจ

“ยมทูตเปิดทางเองได้ใช่ไหม” ผมถาม อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

“ได้” เธอตอบเสียงห้วนและนิ่วหน้าอย่างรู้ทัน “แต่ฉันไม่ปล่อยให้เขาเข้าไปในบ้านแน่”

“ฉันรู้ ที่ถามก็แค่อยากให้มั่นใจ”

“เรื่องอะไร” ยมทูตสาวถาม ผมแกล้งทำเป็นยืนยิ้มจนเธอต้องกระตุกโซ่ในมือ “นายหมายความว่าอะไร พูดมา”

“พวกยมทูตมีแต่ราคาคุย” ผมตอบและรีบพูดต่อเมื่อเห็นยมทูตคนสวยทำหน้าแปลกใจ “ทำเป็นโม้ว่าทำโน่นทำนี่ได้ทั้งที่มีหน้าที่แค่รับส่งวิญญาณ จะว่าไปก็เหมือนพวกรถหรือเรือรับจ้างเท่านั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย”

ดูเหมือนคำพูดของผมจะแทงใจของแม่ยมทูตสวยเข้าอย่างจังเพราะคิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม

“ฉันไม่ได้โม้”

เจ้าหล่อนพูดเสียงเข้ม ผมทำเป็นเลิกคิ้วแล้วแกล้งหันหน้าไปอีกด้านพร้อมกับผิวปากเล่น ถึงไม่มองก็เดาออกล่ะครับว่าป่านนี้แม่ยมทูตสาวคงโกรธจนควันออกหู จะเป็นผู้นำทางวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ ผู้หญิงก็ต้องเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ เรื่องจะยอมให้คนอื่นดูถูกฝีมือล่ะก็ไม่มีแน่

“อย่ามาทำท่าแบบนี้กับฉัน” น้ำเสียงที่พูดต่ำกว่าทุกครั้ง ผมกำลังจะหันไปมองเธอแต่ต้องร้องลั่นเมื่อโซ่ที่คอถูกกระชากอย่างแรง ร่างของผมลอยสูงขึ้นและถูกหมุนเหมือนลูกตุ้มด้วยกำลังมหาศาล ยมทูตสาวพูดเสียงดัง

“อยากให้ฉันเปิดทางนักใช่ไหม” เธอจ้องผมเขม็งและยิ้มอย่างน่ากลัว ก่อนจะท่องอะไรบางอย่างรัวเร็ว

“เปิด!”

เสียงทรงอำนาจดังก้องผมเหลือบตามองบ้านของชายเคราะห์ร้ายแล้วแหกปากร้องดังลั่นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างคล้ายกำแพงแก้วตั้งตระหง่านอยู่ที่รั้ว แม่ยมทูตจอมโหดแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมพร้อมกับเหวี่ยงผมเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว งานนี้คงเละคากำแพงแน่ ผมคิดพลางหลับตาแน่นแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองลอยทะลุผ่านโดยไม่ชนกับอะไรเลย เสียงสบถจากผีบ้านผีเรือนทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นและทันได้ช่องว่างบนกำแพงกำลังเคลื่อนตัวปิดทันทีที่ยมทูตสาวและชายคนนั้นเข้ามา

“ท่านทำแบบนี้ได้ยังไง” ยายเฒ่าผีเรือนโพล่งถามด้วยความโกรธ แม่ยมทูตสาวมองด้วยดวงตาวาว

“ฉันเป็นยมทูต” เธอพูดออกมาแค่นั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปด้านอื่น ผีบ้านผีเรือนถึงกับยืนตัวสั่นแต่คงเพราะความเกรงใจเลยไม่กล้าเถียงอะไรมากไปกว่านั้น ตำแหน่งยมทูตนี่ก็ดีเหมือนกันแฮะ

“เห็นไหม” แม่สาวอกโตหันมาถามและชี้นิ้วกลับไปทางด้านหลัง ผมมองตามและอ้าปากค้างเมื่อเห็นผีเปรตอสุรกายหลายตัวกำลังตะเกียกตะกายกำแพงแก้วคล้ายต้องการหาทางเข้า ประกายไฟปะทุขึ้นระเบิดใส่ตัวที่พยายามทะลวงผ่านจนกระเด็น

“เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราจึงไม่อนุญาตให้คนตายล่วงล้ำเข้ามาในบ้าน” เธอพูดขณะมองหน้าผมอย่างรู้ทันก่อนจะหันหน้าไปทางชายเคราะห์ร้ายซึ่งกำลังยืนมองครอบครัวด้วยสายตาปวดร้าว

“ผมจะลาพวกเขายังไงดี” เขาถามเสียงเศร้า ผมทูตสาวมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“นายเป็นวิญญาณ ทำได้แค่มองพวกเขาเท่านั้น”

ชายคนนั้นยื่นมือที่ไปแตะไหล่ภริยา น้ำตาของเขาไหลพรากเมื่อพบว่ามันทะลุผ่านร่างของเธอไป

“ผมกอดพวกเขาไม่ได้”

ชายเคราะห์ร้ายพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นขณะพยายามไขว่คว้าร่างของลูกเมีย ผมมองการกระทำของเขาด้วยความสงสาร

“ไม่ช่วยเขาหน่อยหรือ” ผมหันไปถามยมทูต เธอเลิกคิ้ว

“จะให้ช่วยอะไร”

สีหน้าและน้ำเสียงเย็นชาของเจ้าหล่อนทำให้ผมฉุนกึกขึ้นมาในทันที

“เธอเป็นยมทูต มีอำนาจเหนือวิญญาณทั้งหมด ทำให้ลูกเมียมองเห็นเขาแค่นี้น่าจะทำได้ไม่ใช่เหรอ”

“แล้วจะมีประโยชน์อะไร” แม่สาวยมทูตย้อนถาม “มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้กับทั้งสองฝ่ายมากกว่า”

“ถึงทุกข์แต่มันก็จะกลายเป็นความทรงจำ” ผมเถียง “อย่างน้อยทั้งสองก็ยังมีโอกาสได้กล่าวคำอำลา”

“ไร้สาระ”

“สำหรับพวกยมทูตมันอาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่กับมนุษย์การได้อำลาคนที่เรารักเป็นการกระทำที่มีค่า คนไร้หัวใจอย่างเธอคงไม่มีวันเข้าใจ”

ผมรัวคำพูดใส่เจ้าหล่อนเป็นชุด ความเกรงกลัวที่เคยมีอยู่หายไปจนเกือบหมดสิ้น แน่ล่ะแม่สาวยมทูตต้องเดือดกับท่าทางและคำพูดของผมแน่ เธอจ้องผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงยกมือ

“เถียงยมทูตเป็นบาป” ยมทูตสาวโบกมือ ผมเห็นประกายไฟสีฟ้าสดพุ่งวาบจากเธอไปยังชายเคราะห์ร้าย ร่างของเขาบังเกิดแสงเรืองรองขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไป

“ฉันให้เวลานายสามนาที” สีหน้ายังคงเรียบเฉยขณะพูดและนิ่วหน้าเมื่อเห็นชายคนนั้นยังคงยืนนิ่ง “ไปลาพวกเขาเร็ว”

เสียงร้องอุทานด้วยความแปลกใจดังมาจากผู้เป็นภรรยา ชายเคราะห์ร้ายอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เขาหันมามองยมทูตสาวอีกครั้งก่อนจะเดินไปสวมกอดคนที่ตนรักและซบหน้ากับไหล่ของเธอนิ่งอยู่นาน

“เป็นอะไรไป” เสียงภรรยาถาม ชายคนนั้นส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ลูกเป็นยังไงบ้าง”

“ดีขึ้นมาก หมอบอกว่าไปรักษาอีกสองสามครั้งก็จะหาย อ้อ บริษัทที่ฉันไปสมัครงานไว้ตอบรับมาแล้วล่ะ คิดว่าสิ้นเดือนนี้คงได้เริ่มงาน” ฝ่ายหญิงตอบยาวเหยียดอย่างดีใจ ชายเคราะห์ร้ายพยักหน้าพลางยกมือลูบศีรษะลูกอย่างแผ่วเบา น้ำตาของเขาไหลออกมาเป็นทาง

“ดีแล้วล่ะตั้งใจทำงานและดูแลลูกให้ดี” เสียงพูดแผ่วพร่า “บนหลังตู้มีบัญชีเงินฝากที่ผมเก็บสะสมไว้กับเอทีเอ็ม รหัสจดเอาไว้ในนั้นหมดแล้ว”

เขามองหน้าภริยาและบีบไหล่เบาๆ เธอมองด้วยความแปลกใจ

“เป็นอะไรไป ทำไมถึงพูดแบบนั้น...”

“ผมแอบทำฌาปนกิจเอาไว้ หลังจัดการเสร็จแล้วคงมีเงินเหลืออยู่บ้าง เก็บไว้เป็นค่ายาของเจ้าตัวเล็กก็แล้วกัน”

“คุณพูดเรื่องอะไร” สีหน้าของภรรยาเต็มไปด้วยความตระหนก และสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายเคราะห์ร้ายมองเธอด้วยสายตาเศร้า

“คงเป็นเรื่องสำคัญ” เขามองเธออย่างอาลัย “รีบไปรับสิ”

แม้จะเต็มไปด้วยความงงงันแต่ภรรยาของเขาก็เดินเข้าไปในบ้านและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อได้ยินข้อความจากผู้ที่อยู่ปลายสาย เธอหันหน้ากลับมามองสามีและอุทานลั่นเมื่อพบว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่นแล้ว ใบหน้าของหญิงสาวเผือดลงราวกับนึกขึ้นได้ว่าผู้ที่มาปรากฏตรงหน้าเป็นเพียงวิญญาณที่มาร่ำลา โทรศัพท์ที่ถืออยู่หลุดร่วงจากมือ หญิงสาวคว้าลูกมากอดแน่นและร้องไห้โฮ

“ดูเหมือนเธอจะรู้แล้วว่านายตาย” ยมทูตสาวพูดเสียงเรียบพลางชำเลืองมองชายเคราะห์ร้ายที่กำลังยืนร้องไห้ “จะร้องทำไม เตือนแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพบกัน”

“ครับ” เขาสะอื้น “แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลาพวกเขา”

ชายคนนั้นยกมือขึ้นปาดน้ำตา เขามองยมทูตสาวด้วยสีหน้าที่ดูสงบลงมากกว่าเดิม

“คราวนี้ผมพร้อมแล้ว เชิญท่านพาไปนรกได้เลยครับ”

“ไม่ใช่หน้าที่ฉัน” แม่สาวยมทูตพูดพลางพยักหน้าไปยังขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก แสงสีทองอร่ามกำลังทอประกายเรื่อเรืองขึ้น มันไม่ใช่แสงตะวันยามเช้าเหมือนที่เคยเห็นทุกวันแต่เป็นแสงสว่างเจิดจ้าที่ส่องตรงลงมายังพวกเราอย่างน่าแปลกใจ ผมมองอย่างตื่นตะลึงและอ้าปากค้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังลอยลงมาตามลำแสงอย่างเชื่องช้า รัศมีมลังเมลืองที่แปล่งประกายรอบตัวทำให้ผมต้องหลุดปากอุทาน

“ท...เทวดา”

ผมพึมพำด้วยความตระหนก ชายหนุ่มหน้าสวยในเครื่องแต่งกายสีขาวที่ดูภูมิฐานเคลื่อนไปหยุดตรงหน้ายมทูตสาวซึ่งกำลังยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ริมฝีปากบางเผยอยิ้ม

“อรุณสวัสดิ์คุณยมทูตอัคนี”


*/*/*/*/*

ไม่พูดพล่ามทำเพลง คุยกันเลยนะคะ

ชื่อเรื่องก็ทำให้ขนลุกแล้ว
ว่าแต่ยมหูตน่ารักนะครับ ในเรื่องนี้
จากคุณ : Psycho man
- อัคนียังมีอะไรน่ารักกว่านี้อีกค่ะ ^^

ฮา เจ้าที่มีมุกอะ เจอไม่รู้จักพ่อแม่เข้าไป กลิ้งเลย
จากคุณ : scottie  
- มุกนี้ตั้งใจกัดเล็กๆค่ะ

ตามมาอ่านค่ะ
น่าสงสารหมาน้อยจัง 555
จากคุณ : ดินสอสีน้ำ
- มุขหมาๆนี่มีได้ตลอดค่ะ อาจจะเพราะเลี้ยงหมาด้วยเลยได้เห็นอะไรฮาๆจากเขาเสมอ

สนุกค่ะ
จากคุณ : PiN.VE  
- ขอบคุณค่ะ

5555 ฮาอีกต่างหาก
จากคุณ : สวนใส  
- ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้จะฮาในช่วงต้น ตั้งแต่บทกลางขึ้นไปจะเริ่มหนักขึ้นตามแบบแฟนตาซีนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามยมทูตค่ะ ^^

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:19:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com