Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HOTEL 2........(บทที่ 2 ความรักความหลัง...) ติดต่อทีมงาน

============
PSYCHO HOTEL 2
GTW/PSYCHO MAN
============


ภาค 2 บทที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10958440/W10958440.html

ความเดิม

สาวแพรวดาว สาวอรุสา สาวแอนนู สาวจันทร์พันฝัน
ผู้หลุดออกมาจาก Psycho Hotel
กำลังถูกอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
เพื่ออะไร

หลังจากภาคแรก ทุกคนร่วมมือกับปีศาจ
เพื่อช่วยโลกจากมนุษย์ต่างดาว
แต่ Plot เรื่องก็หลุดโลกแล้วนะครับ
^^



---------------



Psycho hotel 2 บทที่ 2

“พี่ดินสอ...หาอะไรกินกันก่อนดีไหม”

สาวหน้าตาสดใสสวมกระโปรงสั้นทะมัดทะแมงหันไปถามสาวรุ่นพี่ผู้สวมเสื้อผ้าชุดลายปลายดินสอสีฟ้าละลานตา สาวรุ่นพี่หันไปมองหาร้านอาหารแถวนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีร้านอาหารเลยสักร้าน จะมีก็ร้านขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และผู้คนมากมายเดินกันสนสน อย่างไม่สนใจกับอากาศยามบ่ายซึ่งค่อนข้างร้อน ทั้งสองหิ้วถุงใบใหญ่คนละใบ แน่นอนว่าภายในต้องเป็นสิ่งของเครื่องใช้ตามประสาผู้หญิง

“เดินต่ออีกนิดน่า.....กาแฟ”

สาวดินสอ บอกด้วยน้ำเสียงปลอบใจและให้กำลังใจสาวรุ่นน้องผู้มีท่าทางเหนื่อยอ่อน  “เดี๋ยวจะต้องมีร้านอาหารอร่อยปางตาย แอร์เย็นๆ อยู่ข้างหน้าแน่นอน”

“หิวกาแฟจะแย่แล้ว”

กาแฟ เป็นคนชอบกาแฟมาก ร้านไหนที่ขึ้นชื่อลือชาว่ากาแฟหอมอร่อยสดชื่น ต่อให้บุกน้ำลุยโคลน เธอก็จะด้นดั้นฝ่าฟันไปดื่มไปชิมให้ได้ เธอมักเป็นคนคิดกาแฟสูตรแปลกๆ เช่น กาแฟเติมซอสมะเขือเทศ หรือซอสหอยนางรม  เป็นต้น

ดินสอ เป็นคนชอบดินสอมาก เพราะว่ามันทำให้เธอสามารถเขียนหนังสือได้ ทั้งแนวตั้ง แนวนอน แนวตีลังกา โดยไม่กลัวว่าจะเขียนไม่ออกเหมือนใช้ปากกา เพราะว่าดินสอไม่มีหมึกซึ่งต้องอาศัยแรงโน้มถ่วง ดังนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอ ต้องมีความสัมพันธ์กับดินสอ ไม่มากก็น้อย

ถนนเต็มไปด้วยผู้คน ร้านค้าสองข้างทางผู้คนเนืองแน่น ต่างจับจ่ายเงินทองอย่างสนุกมือ สองสาวพยายามเดินหลบหลีก ใช้มือป้องแสงแดดมองหาร้านอาหาร แต่ยังไม่เจอเลยสักร้าน

“เกือบบ่ายสามแล้วนะคะพี่ดินสอ” เสียงกาแฟบ่นอุบขณะแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเหนือหมู่ตึก

“ใจเย็นๆน่า เดี๋ยวก็ได้กินกาแฟอร่อยๆ”

“ห่วงทางบ้านด้วย”

กาแฟยังมีภาระต้องไปจัดการหลายอย่างที่บ้านตามประสาแม่บ้าน
“ห่วงบ้าน หรือห่วงคนในบ้านกันแน่” สาวรุ่นพี่ยังมีอารมณ์เย้าแหย่

“ห่วงหมดทุกสิ่งทุกอย่างเลยล่ะค่ะ “

เดินคุยกันเพลินๆ มองหาร้านอาหารแต่ก็ไม่เจอทั้งที่ร้านรวงข้างทางเริ่มลดลงทุกที สองข้างทางกลับเริ่มเปลี่ยนจากร้านค้าหรูหราเป็นเก่าและทรุดโทรมอย่างประหลาดใจ เมือหันกลับไปมองด้านหลังที่ผ่านมาก็พบว่าตึกรามโอ่อ่าเหมือนถูกกลืนหายไปเสียแล้วในม่านหมอก บรรยากาศหม่นมัวลงทั้งที่ยังไม่เป็นเวลาเย็นมากนัก

“พี่ดินสอ เราหลงทางหรือเปล่าคะ”

กาแฟดึงแขนเสื้อ มองหน้ามองหลังอย่างไม่แน่ใจ

“เป็นไปไม่ได้น่า ตอนนี้เราเดินอยู่กลางตัวเมือง ย่านนี้คงเป็นชุมชนแออัดเท่านั้น เดินไปหน่อยก็พ้นแล้ว”

รุ่นพี่ตอบอย่างใจเย็น ทั้งที่ใจคอเริ่มหวาดๆเหมือนกัน มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“ทำไมมองไมเห็นตึกสูงๆเลย” กาแฟยังคงตั้งข้อสังเกตต่อไป

“คงโดนต้นไม้บัง อีกอย่างหมอกก็ลงจัดแบบนี้”

“กลางเมือง มีต้นไม้ใหญ่แบบนี้ด้วยหรือคะ แถมไม่ได้ยินเสียงรถเสียงราอะไรเลย แล้วตึกรามบ้านช่องเริ่มดูรกร้างเก่าแก่เหมือนถูกทิ้งเอาไว้นานแล้ว”

เป็นอย่างที่กาแฟตั้งข้อสังเกตจริงๆ ตอนนี้สองข้างทางกลับกลายเป็นอาคารเก่าแก่ซอมซ่อ  ตึกบางหลังสูงหลายชั้นแต่อยู่ในสภาพสกปรกคร่ำคร่า ผู้คนบางตาลดน้อยลง ต่างคนต่างรีบเดินทางอย่างรีบเร่งไม่สนใจใคร

“มันก็แปลกนะ”

สาวดินสอมองซ้ายขวา สีหน้ามีแวววิตกกังวลแบบปิดไม่มิด หากยังคงพยายามพูดปลอบใจ

“ก็คงไม่เป็นไร เดินๆต่อไปคงถึงปากซอยเอง”

“ที่จริง เราก็มาบ่อยนะคะแถวนี้ แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย”

รุ่นพี่ไม่พูดอะไรอีก เพราะไม่แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันไม่ชอบมาพากลแน่นอน จะว่าฝันไปก็ไม่ใช่ หญิงสาวพยายามทำสีหน้าให้เป็นปรกติเพราะรู้ว่าเพื่อนรุ่นน้องกำลังกังวลหวาดกลัว ถ้ามาทำเป็นกลัวอีกคน คงไปกันใหญ่

เวลาในตอนนี้เหมือนเป็นยามเย็น แสงแดดหายไปแล้ว ยังเหลือแสงเลือนรางแบบใกล้มืด ไม่มีแม้แต่เสาไฟฟ้าตามข้างทาง ตึกหลังใหญ่บางหลังข้างทางเหมือนผ่านสภาพไฟไหม้ครั้งใหญ่จนดำเกรียมน่ากลัว ตอนนี้แทบไม่มีผู้คนปรากฏในสายตาอีก

“หิวน้ำจัง”

กาแฟบ่นอย่างคนคอแห้ง การเดินผ่านอากาศร้อนมานานทำให้ความหิวกระหายน้ำเริ่มมากขึ้น ท้องก็เริ่มร้องครวญหาอาหาร

ไกลออกไปทางเข้าตรอกเล็กๆ มองเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังเลี้ยวหายไปในซอยท่ามกลางฝุ่นควันของสายลมกระโชก นั่นเป็นคนสุดท้ายที่มองเห็นในละแวกนี้ จากถนนผู้คนสัญจรมากมาย กลับกลายเป็นถนนราวกับหลุดมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

สาวดินสอนึกได้ว่ามีโทรศัพท์มือถือมาด้วย จึงรีบหยิบออกมาจากกระเป๋าถือ จะกดโทรไปหาใครสักคนแต่ก็ชะงักค้าง

ไม่มีสัญญาณแม้แต่นิดเดียว

สีหน้าท่าทางของเธอ ทำให้กาแฟลองหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาดูบ้าง
ไม่มี สัญญาณเหมือนกัน....

“เกิดบ้าอะไรขึ้นมานี่”

สาวกาแฟทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอนึกถึงครอบครัว ป่านนี้จะพากันอยู่อย่างไร จะรู้ไหมว่าเธอกำลังมาอยู่ในดินแดนอะไรก็ไม่รู้

สายลมพัดผ่านมาตามถนน พัดพาฝุ่นและเศษขยะเก่าแก่ลอยคละคลุ้ง. สายลมพัดผ่านตัวอาคารเก่าแก่ฟังแล้วโหยหวนเหมือนเสียงหวีดร้องของภูตนรก ประตูหน้าต่างอาคารบ้านเรือนเปิดกระแทกผนังดังปึงบังจนทำเอาสะดุ้ง เมฆบนท้องฟ้าดูทะมึนน่ากลัว ขอบของเมฆพวกนั้นแดงฉานราวอาบด้วยเลือดและก่อตัวมากขึ้นทุกที และเริ่มมีเสียงคำรนคำรามสะท้านสะเทือนมาจากขอบฟ้า สายลมเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกทีจนถนนเต็มไปด้วยฝุ่นควันและเศษขยะ

พายุใหญ่กำลังจะมาพร้อมกับความมืดซึ่งกำลังมาเยือน

“ท่าทางไม่ดีแล้วพี่”

กาแฟเกาะแขนรุ่นพี่แน่น เอามือป้องหน้ากันลมกันฝุ่น ท่าทางเต็มไปด้วยความตกใจหวาดกลัว

เสียงดังโครมสนั่นดังมาจากด้านข้างจนทำให้สะดุ้ง หันไปมองก็พบว่าประตูชั้นล่างของอาคารข้างทางหลังหนึ่งกระแทกเปิดออกอย่างแรง แล้วปิดเปิดกระแทกโครมครามอยู่เช่นนั้นจากแรงลม

“เราเข้าไปหลบฝนในนั้น”

สาวรุ่นพี่ดึงแขนสาวรุ่นน้อง หากกาแฟขืนตัวไว้พลางบอกว่า

“จะดีหรือคะ....ตึกหลังนี้มันเก่าและน่ากลัวแบบนี้”

“ดีกว่าตากฝนล่ะน่า”

ดินสอไม่ฟังเสียง ลากแขนอีกฝ่ายเข้าไปจนได้ เพราะมองสภาพแล้วว่าพายุกำลังจะมา และก็มาจริงๆ ทันทีเมื่อเข้ามาในอาคาร สายฝนก็เริ่มกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ละอองไอเย็นจากสายฝนผ่านประตูเข้ามาจนทำให้ทั้งคู่ต้องถอยห่างเข้าไปในตัวอาคาร ปล่อยให้ประตูกระแทกโครมครามตามแรงลงอยู่แบบนั้น ความแรงของลมฝนทำให้ไม่สามารถปิดประตูได้

มองออกไปนอกประตูซึ่งกำลังปิดเปิดโครมครามตามแรงลมฝน แสงสว่างจ้าของสายฟ้าเป็นระยะให้ความรู้สึกราวตกอยู่ในฝันร้าย สาวดินสอตั้งสติและมองดูรอบบริเวณ

ตอนนี้ทั้งสองพากันอยู่ในห้องโถง ผนังด้านหลังมีประตูปิดตายอีกบานเปิดไม่ออก มีบันใดทอดยาวขึ้นไปชั้นสองซึ่งดูมืดทะมึน

สายฝน ละอองไอเย็นสาดเข้ามารุนแรง ราวจงใจแกล้ง ทำเอาพากันสะดุ้ง

“ลองขึ้นไปชั้นบนกันเถอะ”

ดินสอเสนอแนะ เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ขยับขยายหาที่ใหม่ คงเป็นตะคริวจากความเย็นและละอองฝน

“บ้านใครก็ไม่รู้”

สาวกาแฟยังลังเล

“บ้านใครก็ช่างเถอะ แต่ท่าทางไม่มีใครอยู่มานานแล้ว จะมัวคิดอะไร ลองขึ้นไปดูกันดีกว่า”

ว่าแล้วก็ดึงแขนเพื่อนร่วมชะตากรรมขึ้นไปจนได้ บันใดส่งเสียงดังทุกครั้งเมื่อก้าวเท้าไปเหยียบ คงเป็นเพราะสภาพอันเก่าคร่ำคร่านั่นเอง

พอขึ้นมาถึงชั้นสองก็ต่างพากันประหลาดใจ ตอนอยู่ข้างล่างเป็นเหมือนอาคารให้เช่าห้องเดียว แต่พอมาถึงชั้นสองกลับมองเห็นทางเดินยาวเหยียดทั้งสองด้านยาวไกลออกไปจนหายไปในความมืดแถมยังมีแสงไฟขมุกขมัวจากหลอดไฟบนเพดานทั้งที่ด้านนอกไม่มีเสาไฟฟ้าอะไรอยู่เลย

ละอองไอเย็นพวยพุ่งขึ้นมาจากชั้นล่างอย่างน่ากลัว เหมือนกับจะพยายามบอกว่าอย่าได้คิดลงไปเป็นอันขาด

“อย่าหันหลัง....คุณต้องเดินหน้า”

เสียงแปลกๆ ดังมาจากบนเพดาน มีลำโพงหรืออย่างไร

แล้วเสียง หวานๆ นั้นเป็นเสียงใคร


****

แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 19:48:34

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:26:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com