“ช่วยฉันทีนะไอ้กร มีแกคนเดียวที่ช่วยฉันได้”
“แกใจเย็นๆก่อน ที่แกบอกว่าช่วยได้มันเรื่องอะไร”กรวิทยกมือขึ้นปราม ธำรงยังคงกรอกตาลอกแลก
“คือ...ฉันอยากให้แกมาช่วยงานฉันน่ะไอ่กร”
“งานอะไร”กรวิทจ้องมองเพื่อนหนุ่มเขม็งมือวางทาบโต๊ะเคาน์เตอร์ขณะที่ธำรงค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามายืนชิดริมขอบโต๊ะ
“คือว่า มีลูกค้าจ้างให้ฉันไปเป็นที่ปรึกษาให้เขา แต่มีข้อแม้ว่าแกต้องมาร่วมงานด้วย”
“เฮ้ย! อะไรของแกแล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”กรวิทผงะยกมือขึ้นชี้ตนเอง ธำรงพยักหน้าหงึกๆ
“ก็เขาบอกมา”
“เขาที่ว่าเป็นใครกัน ทำไมถึงเจาะจงฉัน”
“คุณบูรณา เจ้าของสวนดอกไม้ไร่ชาญทิพย์”
“ยัยคุณหนูน่ะหรือ”เจ้าของร้านหนังสือหนุ่มร้องขึ้นเลิกคิ้วขึ้นเมื่อธำรงถามต่อไม่เว้นลมหายใจ
“รู้จักด้วยหรือ”
“เพื่อนยัยอิงแก้วน่ะ รู้จักดีเลยทีเดียว”
“สวยมากนะ ดูดีมีคลาส นิสัยก็น่ารักเป็นกันเอง”ในแววตาของธำรงประกายวับเผยว่าเขาเองก็แอบสนใจในความงามและความน่ารักของหญิงที่กล่าวถึง กรวิทเหลือบมองด้วยหางตาหัวเราะสั้นๆ ยิ้มมุมปาก
“เหอะ เจ้าเล่ห์ขนาดนั้น”นึกพร่ำกับตนเองถึงความเจ้าเล่ห์ของหญิงสาวที่เคยพบพาล รวมทั้งการปะทะฝีปากในฉากเบาๆ ที่ผ่านมาก็รู้ถึงนิสัยใจคอและความร้ายกาจของฝ่ายตรงข้าม
“เอ้อ! ว่าแต่งานอะไรที่แกว่ายัยคุณหนูจะจ้างให้ทำ”
“อ้อ เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับสวนดอกไม้ที่คุณบูรณาเธอจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้น่ะ”ธำรงบอกแจงแถลงไข กรวิทสะดุดนิ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ ฉันไม่มีทางกลับไปสู่วังวนนั้นอีก”
“วังวนอะไร”
“ช่างมันเหอะ แต่ฉันไม่ตอบตกลงเพราะฉันมีเหตุผลของฉัน”
“โถ่ กรช่วยฉันทีฉันจำเป็นจริงๆ”ธำรงกระวนกระวายขึ้นมาทันทีที่กรวิทยืนกรานปฏิเสธ กรวิทยกมือขึ้นเท้าคางกรอกตาขึ้นมองพัดลมโบราณเก่าบนเพดานที่หมุนวนให้อากาศเย็นในยามบ่ายจัด
“ทำไม ยัยคุณหนูนั่นบังคับอะไรแกมา”
“ไม่เชิง แต่เขาเสนอผลตอบแทนที่ดี”
“ฉันไม่ร้อนเงินเลยไม่สนใจข้อเสนอนั้นหรอกนะ”กรวิทสวนกลับ ธำรงลดสายตาลงทอดถอนใจออกมาช้าๆ
“แต่ฉันจำเป็นว่ะ ฉันต้องเอาเงินไปดูแลลูกของฉันที่เพิ่งคลอด”เขาบอก หนุ่มตี๋เหลียวขวับมองหน้าตะลึงงัน
“ไหนแกเคยบอกว่าแกจะไม่มีเมีย แล้วแกไปมีตอนไหน”
“เป็นความผิดพลาดน่ะ เรื่องมันยาว”นักการตลาดหนุ่มเล่าน้ำเสียงอ่อย กรวิทยื่นหน้าออกจากเค้าน์เตอร์ไม้จับตามองเพื่อนหนุ่มที่กำลังคลายปมมาทีละน้อย
“แล้วแม่เด็กเป็นใคร ตอนเรียนแกไม่เคยจีบใครซักคน เห็นให้ความสำคัญกะสาวๆ ในการ์ตูน”
“แกจำไอ่เจตได้ไหม”เพียงเอ่ยชื่อบุคคลที่กล่าว กรวิทถึงกลับเลิกคิ้วรับนึกย้อนกลับไปถึงเพื่อนในรุ่นอีกคนที่เขาไม่ถูกชะตากันสักครั้ง เจตนา จำนงหมาย ตั้งตนเป็นคู่แข่งกันเขาแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องการเป็นผู้นำ หรือแม้แต่เรื่องการทำงาน ทั้งสองเป็นศัตรูกันมาโดยตลอดไม่มีครั้งไหนที่กรวิทจะไม่ลืมความแค้นที่มีให้แก่กันมาก่อน
“จำได้สิ ทำไมจำคนอย่างมันไม่ได้”เขายังนึกถึงใบหน้าร้ายๆ ราวกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แววตาคมกริบวางงัล ชอบยิ้มแยกเขี้ยวได้อย่างน่าหมั่นไส้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้เท่านี้อีก ธำรงก้มหน้าลงก่อนจะเล่าต่อไปว่า
“คืนนั้นมันชวนฉันไปกินเหล้า แล้วก็สังสรรค์ที่บ้านมันกับออยแฟนมันด้วย ฉันคงดื่มหนักไปหน่อยเมาไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็ตอนที่ตื่นมาบนเตียงอยู่กับออย”กรวิทเหลียวกลับโดยฉับไวในขณะที่ธำรงยังคงก้มหน้าก้มตาไม่มองหน้าใคร
“เฮ้ย! แล้วแกทำยังไง”กรวิทแทรกขึ้นทันที
“ก็ทำยังไงก็ต้องรับผิดชอบสิ”
“แล้วไอ่เจตล่ะ”
“ไอ่เจตก็เลยตีห่างจากออยทั้งที่ออยยังรักนะ เหมือนจงใจทิ้งแต่มันก็คงทำใจลำบากกับเรื่องคืนนั้น”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ท้องงั้นหรือ”
“อืมใช่ ฉันก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำ”ธำรงสบตากับกรวิทที่ยังมองตาค้าง
“เฮ้อ! แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะว่ายังไง”
“เค้าก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้รักฉัน”
“เฮ้อ! เพราะความพลั้งพลาดชั่วค่ำชั่วคืนแท้ๆ แต่ไอ่เจตมันก็ไม่น่าปุปปับตีห่างจากแฟนมันไปง่ายดาย มันไม่หาเรื่องอะไรแกเลยหรือบูม”กรวิทนึกเสียดายเวลาและความผิดพลาดที่กู้คืนนั้นมาไม่ได้แต่ก็อดที่จะคิดวิเคราะห์ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้เพราะจากที่ธำรงเล่ามาปมที่เกิดขึ้นนั้นมีเงื่อนงำหลายจุดที่น่าแปลก
“ไม่เลยมันก็ไปแบบเงียบๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“น่าสงสัย ถูกแย่งแฟนแท้ๆ ยังนิ่งได้ ทั้งๆ ที่นิสัยมันไม่ใช่คนแบบนั้นเลยซักนิด”กรวิทรู้ดีว่าคนที่ชอบเอาชนะและชอบชิงดีชิงเด่นแบบเจตนาไม่มีทางจะลามือไปง่ายๆ อย่างที่ธำรงบอกเล่า
“ก็นั่นสิ ออยก็เคยบอกว่าเค้าเหมือนรู้ตัวว่าท้องกับไอ่เจตแต่ไอ่เจตไม่รับแล้วก็เกิดเรื่องก่อน”
“ฉันว่ามันมีหลังม่านอีกเยอะว่ะเรื่องนี้ เผลอๆ อาจมีสาดโคลนกันหลายถังเลย”กรวิทเดาเกมของคู่แค้นเก่า นึกเจ็บใจที่ทั้งตัวเขาและเพื่อนของเขาก็ล้วนแต่ตกหลุมพรางของคนคนนี้
“ฉันก็ไม่อยากต่อความให้มากเรื่องว่ะ ไหนๆ มันก็เป็นอย่างนี้แล้ว เด็กก็ไม่รู้อะไร”
“แกนี่ช่างแสนดีจริงๆ”กรวิททอดสายตามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมในความดี ธำรงยิ้มบางๆ ก่อนจะสะดุ้งตัวโหยงแล้วกลับมาทำหน้าจริงจังได้ทันท่วงที
“นี่ฉันกำลังมาแฉชีวิตรันทดให้แกฟังอะไรตอนนี้ ที่ฉันมาฉันอยากให้แกมาร่วมงานกับฉันจะได้ไหม”
“ฉันก็เห็นใจแกนะ แต่ว่าฉันก็มีปมหลังไม่แพ้แก ฉันขอโทษด้วยนะที่ช่วยแกไม่ได้”
“โถ่ กรแกช่วยฉันทีเถอะถือว่าช่วยกันนะฉันสงสารออยแล้วก็ลูกรวมทั้งสงสารตัวฉันด้วย แกรู้ไหมว่าฉันต้องทำงานหนักเป็นสองเท่าเพื่อครอบครัว ฉันรู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดจากฉันแต่ตอนนี้ก็ต้องดิ้นรน คุณบูรเธอยื่นข้อเสนอที่ฉันปฏิเสธไม่ได้เลย พูดไปแกก็คงไม่เข้าใจ”
“ฉันก็พูดลำบากว่ะ”กรวิทสองจิตสองใจถึงแม้จะเห็นใจเพื่อนแต่ก็ต้องเห็นใจตนเองก่อนเพราะเรื่องในอดีตที่เป็นปมร้ายทำให้เขาต้องออกห่างจากสิ่งนี้
“ไม่เป็นไร ฉันก็คงไม่กวนใจแกไปมากกว่านี้แล้ว ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้แกอารมณ์เสีย ฉันไปล่ะ”ธำรงไม่ตื้อให้น่ารำคาญ เขาถือกระเป๋าเดินคอตกออกไปเงียบๆ ทิ้งไว้แต่กรวิทที่ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ความคิดทั้งด้านดีและด้านอดีตกำลังตีกันหัวหมุนขณะที่หัวใจของเขากลับเปล่งคำคำนี้ออกมา
“เดี๋ยวไอ่บูม! ฉันขอถามแกหน่อย”
“อะไรหรือ”ธำรงหยุดเดิน เหลียวกลับมายังกรวิทที่ยกมือขึ้นปราม
“แกได้ถ่ายรูปเด็กลูกแกไว้ไหม”
“อืมมีสิ”ชายหนุ่มพยักหน้า กรวิทมองตาค้างและแล้วหัวใจของเขาก็ตอบแทนทุกๆ อย่างและเมื่อมีสติความคิดก็พร้อมโลดแล่นไปได้อย่างรวดเร็วมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงค้างคาใจและหาได้คำตอบนั้นแล้วอาจเป็นตัวตัดสินใจให้เขารับงานนี้ต่อไปหรือไม่
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ส.ค. 54 23:31:17
|
|
|
|