เพราะเธอคือความรัก (ตอนที่2)
|
 |
ตอนที่ 2
บ่ายวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2547 อ้อมและอาสาสมัครคนอื่นๆอีกห้าคนจากชมรม เพื่อนคนยากไร้ เดินทางมาถึงบ้านเด็กกำพร้าที่จังหวัดภูเก็ต ในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ คุณวิไล ผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าก็เดินเข้ามาทักทายให้การต้อนรับ และเดินนำทีมอาสาสมัครไปยังห้องพักที่ได้เตรียมไว้ให้ เมื่อเดินผ่านอาคารเก่าๆประมาณสองสามหลัง คุณวิไลก็มาหยุดตรงอาคารสีขาวชั้นเดียวที่มีสภาพไม่ใหม่มากนักเช่นเดียวกับหลังอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง
ถึงห้องพักแล้วจ้ะ สาวๆนอนฝั่งนี้ หนุ่มๆนอนฝั่งนู้นนะจ๊ะ คุณวิไลกล่าวพร้อมชี้นิ้วไปที่บริเวณสองฟากของห้อง
ผู้หญิง ผู้ชาย นอนห้องเดียวกันเลยเหรอคะ เจน หนึ่งในอาสาสมัครกล่าวท้วงเรื่องที่พัก
พี่มีห้องพักเหลือแค่ห้องเดียวเองจ่ะ พวกหนูมีกันห้าคน ผู้ชายนอนฝั่งนู้นกันสองคน ผู้หญิงอีกสามคนนอนฝั่งนี้ พอไหวไหมจ๊ะ พี่ต้องขอโทษจริงๆในความไม่สะดวก บ้านเด็กกำพร้าเราไม่ค่อยมีงบประมาณเท่าไหร่หน่ะจ้ะ คุณวิไลอธิบาย
คือ ถ้าแค่ห้าคนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แต่พอดีว่า จะมีครอบครัวอาภากรณ์มาสมทบอีกประมาณห้าคนน่ะสิคะ เจนกล่าว
อ๋อ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาจ้ะ พอดีพี่แจ้งคุณวรชัยไปแล้วเรื่องที่พักว่าทางเรามีห้องเล็กๆเหลือแค่ห้องเดียว คุณวรชัยเลยบอกว่า ตนกับครอบครัวจะเช่าบ้านที่รีสอร์ตใกล้ๆนี้สำหรับพักช่วงที่อยู่ที่นี่หน่ะจ๊ะ คุณวิไลกล่าวพร้อมยิ้มอย่างอุ่นใจ
ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ ห้องนี้อยู่กันห้าคนได้พอดี เจนกล่าวพร้อมยิ้มตอบ
งั้นก็ตามสบายเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้เด็กๆก่อน ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกละกัน คุณวิไลกล่าวพร้อมกับเดินจากไปยังห้องครัว
อ้อมและอาสาสมัครจัดแจงนำกระเป๋าสำภาระไปยังที่ของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมยามเย็นที่จะมีขึ้น บทละครที่อาสาสมัครจะแสดงในคืนนี้ อ้อมรับบทเป็นแม่เลี้ยงของนางเอกผู้น่าสงสาร น้องเอมมี่ ที่ทุกๆคนโหวตให้เธอรับบทนี้ เนื่องจากบุคคลิกอ้อนแอ้นน่าสงสารของเธอ อย่างไรก็ตาม อ้อมเองก็ได้รับเสียงโหวตประปรายให้เป็นนางเอกเนื่องจากความสามารถในการแสดงของเธอ แต่ผลโหวตโดยสรุปแล้วเอมมี่ได้รับคะแนนชนะขาดลอย อ้อมจึงได้รับบทที่โดดเด่นรองลงมาคือ แม่เลี้ยงใจร้าย อ้อมคิดๆไปแล้วก็นึกขำในใจ นี่อ้อมกำลังอิจฉาน้องเอมมี่อยู่หรือนี่?
เป็นไงบ้างพวกเรา จัดเตรียมของกันเสร็จหรือยัง เดี๋ยวต้องรีบไปเปลี่ยนชุดสำหรับแสดงละครกันแล้วนะครับ พวกเราคงต้องหาอะไรทานรองท้องไปก่อน หลังแสดงละครค่อยทานอาหารเย็นกัน คุณวรชัยที่เพิ่งเดินทางมาถึงเดินเข้ามาทักทายอาสาสมัคร
เตรียมของเกือบเสร็จแล้วค่ะ เหลือแค่ต้องจัดของขวัญที่จะให้เด็กๆเป็นชุดๆ อืม... น้องเอมมี่ไม่มาเหรอคะ อ้อมถามคุณวรชัย
อ๋อ... น้องกับคุณแม่อยู่ที่ห้องพักที่รีสอร์ตครับ พอดีน้องปวดหัวนิดหน่อย ต้องนอนพัก แต่คิดว่าตอนนี้คงแต่งตัวเตรียมแสดงแล้วหล่ะ คุณวรชัยกล่าวตอบพร้อมยิ้มให้กับอ้อม
อ้าว... น้องเอมมี่ไม่สบายเหรอครับ ไม่ได้นะครับเนี่ย คนสำคัญของเรื่องเลย โอรีบเสนอหน้าแสดงความเป็นห่วงน้องเอมมี่
ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่เหนื่อยจากการเดินทางหน่ะ คุณวรชัยตอบโอ เหนื่อยจากการเดินทาง แหว่ะ! นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพมาภูเก็ตเนี่ยอ่านะ!? ผิดกับทีมอาสาสมัครที่ต้องขับรถมากันเอง แถมมาถึงก็ต้องจัดเตรียมข้าวของสำหรับกิจกรรมตอนเย็น ที่พักก็ไม่ใช่ห้องนอนหรูในรีสอร์ต ไม่ยักกะเห็นมีใคร ปวดหัวเนื่องจากการเดินทางเลย อ้อมคิดหมั่นไส้อยู่ในใจ
ห้าโมงเย็น กิจกรรมวันคริสมาสต์ที่บ้านเด็กกำพร้าเริ่มต้นขึ่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เด็กๆได้ร่วมเล่นเกมส์ รับของขวัญ ชมละครกันอย่างเพลิดเพลิน เอมมี่ถูกรุมล้อมด้วยเด็กๆมากมาย เหมือนนางฟ้าใจดีที่มีขนมหวานและเสื้อผ้าสวยๆมาแจกเป็นของขวัญให้กับเด็กๆ กิจกรรมดำเนินไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลาสามทุ่มกว่าๆ คุณวิไลก็ต้อนเด็กๆไปเข้านอน ปล่อยให้ผู้ใหญ่ที่เหลือและทีมอาสาสมัครได้พักผ่อนตามอัธยาศัย อ้อมคิดถึงน้อง สาวที่ไม่ได้มาด้วย เพราะปกติแล้วอ้อนจะร่วมกิจกรรมของชมรมเสมอ เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่อ้อนลาป่วยกระทันหัน โดยที่อ้อมรู้ดีว่าอ้อนไม่ได้ป่วยจริง เพียงแค่อยากจะค่อยๆถอนตัวออกจากชมรม อ้อมคิดแล้วก็ถอนหายใจ หากอ้อนมาด้วย อ้อมคงจะชวนน้องสาวไปเดินเล่นริมทะเลยามหัวค่ำด้วยกัน ชั่วพริบตาหนึ่งบนท้องฟ้าอ้อมเห็นดาวตกดวงใหญ่ อ้อมไม่ได้ทำอะไร นอกจากยิ้มให้กับสิ่งที่ตัวเองเห็น อย่างน้อย ในโลกนี้ก็มีอะไรดีๆให้ยิ้มได้เหมือนกัน
เช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 อ้อมรีบตื่นแต่เช้า หวังว่าจะเดินรับแดดยามเช้าริมชายหาดก่อนที่กิจกรรมของวันใหม่จะเริ่มต้นขึ้น วันนี้เด็กๆออกเดินทางตั้งแต่เช้าล่วงหน้าไปยังสวนสัตว์ในชานเมือง โดยทีมอาสาสมัครชมรมจะเดินทางไปสมทบในยามบ่ายพร้อมกับอุปกรณ์สันทนาการ อ้อมใช้เวลาช่วงเช้าก่อนออกเดินทางเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ริมชายหาดตามลำเพียง ความผ่อนคลายของสายลมและแสงแดดทำให้อ้อมรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวาอีกครั้ง น้ำทะเลยามเช้าวันนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้อ้อมสังเกตเห็นเรือยางลำเล็กเกยตื้นอยู่บริเวณที่ที่โดยปกติแล้วควรจะมีระดับน้ำลึกประ มาณหนึ่ง บนเรือยางดูเหมือนจะมีใครบางคนลืมกล้องถ่ายรูปทิ้งเอาไว้ อ้อมจึงเดินไปยังเรือยางและตั้งใจว่าจะลากเรือยางขึ้นฝั่งและนำกล้องไปประกาศหาเจ้าของ ในขณะที่อ้อมปีนขึ้นบนเรือยางเพื่อที่จะหยิบกล้องนั้น โดยไม่ทันสังเกต ระดับน้ำทะเลตรงจุดนั้นเพิ่มขึ้นช้าๆแต่กระทันหัน ทำให้เรือยางที่อ้อมซึ่งขณะนั้นเหยียบอยู่เต็มตัวไหวตามคลื่นน้ำทะเล และอ้อมเสียการทรงตัวล้มลง อ้อมรู้สึกตกใจเพราะอ้อมพายเรือไม่เป็น อ้อมเกรงว่า ถ้าระดับเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว อ้อมจะต้องว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งโดยทิ้งกล้องและเรือยางไว้กลางทะเล ไม่ทันได้ตั้งตัวไปมากกว่านี้ อ้อมได้ยินเสียงผู้คนตะโกนร้องอย่างตกใจมาจากทางชายฝั่งใกล้ๆที่พักนักท่องเที่ยว Run Run! Its a big storm! อ้อมรีบเหลือบหันไปมองยังท้องทะเล ตะลึงกับภาพที่เห็น คลื่นยักษ์สูงกว่า 30 เมตรตรงรี่เข้ายังชายฝั่งรวมถึงบริเวณที่อ้อมอยู่ เพียงเสี้ยววินาที สิ่งเดียวที่อ้อมรวบรวมสติได้คือต้องยึดเรือยางไว้ให้แน่น โดยหวังว่าอย่างน้อยหากอ้อมถูกกลืนไปยังใต้ท้องทะเลคลั่ง จะสามารถกลับขึ้นมาเหนือพื้นน้ำได้อีกครั้ง เสี้ยววินาทีเดียวที่อ้อมเหลืออยู่หมดไปในชั่วพริบตา แรงกระทบของคลื่นยักษ์ ที่ตีเข้ามาทำให้เรือยางหมุนตามแรงกระทบ ตาที่ปิดสนิทจากความกลัว มือที่ยึดเรือยางไว้อย่างแน่น หลายอึกน้ำทะเลที่อ้อมต้องกลืนเข้าไป ความปั่นป่วนของคลื่นน้ำทะเลไร้ซึ่งความปราณี อ้อมถูกกลืนจมลึกไปใต้ท้องทะเล ไร้ซึ่งอากาศหายใจ แม้อ้อมจะรู้สึกได้ว่าเรือยางเพื่อนรักค่อยๆพาอ้อมลอยกลับขึ้นมาข้างบน แต่เรือยางก็ต้องฝ่าฟันต่อสู้ กับความปั่นปวนใต้น้ำอย่างไม่หยุดหย่อน จะอีกนานแค่ไหนหนอที่อ้อมจะได้หายใจอีกครั้ง? หรือว่าท้องทะเลจะไม่คืนโอกาสนั้นให้กับอ้อมอีกแล้ว... ช้าๆ อ้อมค่อยๆหมดสติไป ช่างผ่อนคลายดีเหลือเกินเมื่อจิตใจไร้ซึ่งความกังวล ไม่มีอะไรต้องคิด ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรที่อ้อมต้องทำอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่... หลับตา
(โปรดติดตามอ่านตอนที่ 3)
จากคุณ |
:
myladyannbook
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ส.ค. 54 03:17:00
|
|
|
|