Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่สาม งานพิเศษ ติดต่อทีมงาน

ช่วงเวลาในการเรียนภาษานั้นผ่านไปค่อนข้างเร็ว เพราะมันสนุกจริงๆ อย่างน้อยผมก็รู้สึกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม และชีวิตในอังกฤษแล้ว แถมยังได้เพื่อนเยอะแยะ สำหรับนักเรียนไทยที่มีเรียนที่นี่ (อย่าเพิ่งนึกว่าไม่มีนักเรียนไทยนะครับ) ในช่วงนั้นยังมีไม่มาก ซักประมาณ 10 กว่าคนเห็นจะได้ ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ที่ตั้งเป็นสมาคมนักเรียนไทยไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ใช่ว่าผมจะคบแต่นักเรียนต่างชาติ นักเรียนไทยที่รู้จักกันก็มีครับ มีนัดทานข้าวกัน คุยกันเป็นหมู่คณะ แต่ส่วนมากผมไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมของคนไทยมากนัก หนึ่งเพราะผมอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน ไม่อยากใช้ภาษาไทยกลัวติดเป็นนิสัย ผมจะใช้ภาษาไทยก็ต่อเมื่อคุยโทรศัพท์กับทางบ้านเท่านั้น นักเรียนไทยที่นั่นส่วนใหญ่จะใช้เวลาว่างในการหารายได้พิเศษ ที่ฮิตที่สุดคือทำงานในร้านอาหารไทยนั่นแหละครับ เมืองนอริชนี้มีร้านอาหารไทยดังๆอยู่ประมาณ 3-4 ร้าน ร้านที่นักเรียนไทยนิยมไปทำงานมากที่สุด 2 ร้าน คือ Sweet Chili กับ Sugar Hut เพราะรายได้ดี ค่าทิปมีต่างหาก มีพี่ๆหลายคนชวนผมไปทำงานร้านอาหารไทยเหมือนกัน เริ่มงานตอนหกโมงเย็น เลิกประมาณสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน ร้านอาหารไทยที่ว่าอยู่ใจกลางเมืองครับ รถเมล์ถึงสะดวกสบาย แต่ผมไม่ไปทำ ด้วยเหตุที่ว่าผมขี้เกียจนั่นเอง 555 (ล้อเล่น) คือผมอยากมีเวลาพักผ่อนมากกว่า ไหนจะต้องเรียน ไหนจะต้องอ่านหนังสือ แล้วยังต้องมาทำงานอีก ผมรู้ตัวดีว่าไม่ไหวแน่ๆ แต่ผมก็ไม่วายหาโอกาสไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยนั่นอยู่ดี พวกพี่ๆก็จะคอยมาบริการผม รู้สึกมีอำนาจยังไงก็ไม่รู้ อิอิ ป้าแม่ครัวที่ร้านอาหารก็แสนจะใจดีทำอาหารให้เยอะเป็นพิเศษ สรุปว่าอิ่มท้องแล้วก็รู้สึกอบอุ่นมากครับ นั่นคือคนไทยที่นั่นที่ผมรู้จัก...

พูดถึงงานพิเศษ นักศึกษาต่างชาติที่นี่ส่วนใหญ่ทำงานพิเศษกัน อย่างไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง เป็นพนักงานขายของในตลาดชุมชนในเมือง ขายเฟอร์นิเจอร์ บางคนก็ทำงานในซุปเปอร์มาร์เก็ต อะไรพวกนี้ เป็นการหารายได้อีกทางนึง ส่วน ยุน จี นั้น อย่างที่เล่าค้างไว้ครับ นอกจากเรียนภาษาแล้ว เธอก็หารายได้พิเศษด้วยการไปเล่นดนตรีที่ผับที่มีชื่อน่ารักว่า Fat Cat ผับแห่งนี้ผมเคยไปกับเธอเมื่อตอนที่เธอเข้าไปสมัครงาน เป็นผับขนาดเล็ก อยู่ในตึกหินทรงโบราณ สภาพภายนอกดูเก่าแก่ ซึ่งก็จริงๆ ผับนี้มีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ตอนเราเข้าไปเจ้าของผับเป็นผู้หญิงร่างท้วมสไตล์ผู้ดีอังกฤษ แต่การพูดการจานุ่มนวล ยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี เธอเดินอุ้ยอ้ายมาบอกว่าร้านยังไม่เปิด แต่ยุน จีบอกว่า เธอจะมาสมัครงาน หญิงคนนั้นมองเธอด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนถามว่าจะมาเป็นเด็กเสริฟเหรอ ยุน จี บอกว่า เธอจะมาสมัครเล่นเปียโน ผู้หญิงคนนั้นทำตาโต แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะให้ ยุน จี ทดลองเล่นให้ฟัง สุดท้ายแล้วเธอยินดีจ้างยุน จี ให้เล่นดนตรีในผับของเธอ โดยตกลงค่าจ้างกันเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ เริ่มงานวันพรุ่งนี้

"มีความสุขจังเลย คราวนี้ได้เล่นเปียโนทุกวัน แถมได้เงินอีก" เธอพูดขึ้นระหว่างทางที่เรากลับหอพัก

"ยินดีด้วยนะ ว่าแต่ไม่เบื่อบ้างเลยเหรอ เห็นเธอเล่นเปียโนทุกวัน" ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"จะเบื่อได้ไง รักจะตาย ถ้าขาดเปียโนไปชีวิตคงไม่มีสีสัน ชั้นชอบดนตรี ยิ่งเล่นทุกวันมันจะยิ่งเก่งขึ้นรู้มั้ย จากเพลงคลาสสิก ไปเป็นเพลงร่วมสมัย มาเป็นเพลงฮิตๆในยุคของเรา ถ้าเล่นได้หลายแนว ความสามารถก็ยิ่งเพิ่มขึ้น"

"คราวหน้าขอเพลงร็อคนะ พอดีอยากฟัง เอาพวก AC/DC มาเล่นให้ฟังหน่อยสิ ไม่ก็เมทัลลิก้า" ผมแกล้งแซวเธอเล่น

"เธอนี่ท่าจะบ้า แต่ก็น่าลองดูนะ ไว้จะลองเล่นให้ฟังละกัน เอ..หรือว่าชั้นเองก็บ้าหว่าเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ"

ทัศนคติของเธอกับการเล่นเปียโนนี่เยี่ยมดีจริงๆ ว่ามั้ยครับ คนเรายิ่งถ้าได้ฝึกซ้อมมากเท่าไหร่ฝีมือจะยิ่งพัฒนามากขึ้น ผมว่าเป็นเรื่องจริงทีเดียว ถ้าขี้เกียจฝึกซ้อมฝีมือนอกจากจะไม่พัฒนาแล้ว บางทีอาจจะลืมไปเลยก็ได้ ระหว่างที่เรานั่งรถเมล์กลับ เราคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องเรียนไปจนถึงเรื่องเที่ยว เพราะอาทิตย์หน้าจะมีทัศนศึกษาไปลอนดอน จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ผมเหยียบแผ่นดินอังกฤษ ผมอยู่ในลอนดอนก็แค่สนามบินเท่านั้น พอลงจากเครื่องปุ๊บ ก็มุ่งหน้าสู่นอริชเลย คราวนี้ถือว่าจะได้ไปเที่ยวลอนดอนจริงๆซะที

รุ่งขึ้น หลังจากหมดคาบเรียนของวันตอนนั้นประมาณสี่โมงเย็นมีเวลาเหลือประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเริ่มงาน ยุนจีรีบทานข้าว อาหารเย็นเป็นแบบง่ายๆ คือ แซนดิช แฮม กับน้ำผลไม้ หลังจากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าแต่งตัว ผมขอตามเธอไปด้วย เพราะอยากรู้ว่าคนในร้านจะรู้สึกยังไงเวลาที่ฟังเธอเล่นเปียโน เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอจะเล่นต่อหน้าสาธารณชนที่เป็นชาวต่างชาติ!!! วันนี้เธอใส่สุดสุภาพเรียบร้อย เสื้อ Pullover สีฟ้า ไม่หนามาก สวมกางเกงขายาวสีดำดูสบายๆ แต่ตัวเธอนั้นเห็นได้ชัดว่ารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย

ตอนที่เราไปถึงร้าน ตอนนั้นตกประมาณ 17.45 น. เหลือเพียง 15 นาที ยุน จีก็รีบไปหาเจาของร้าน เตรียมตัวนิดๆหน่อยๆ ตอนนี้ลูกค้าในร้านยังมีไม่มาก ผมขอเจ้าของร้านนั่งที่โต๊ะตัวในสุด เพื่อคอยสังเกตการณ์ แกก็ยินดี แถมมีแซวว่าผมเป็นแฟนของเธอซะอีก เปล่าหรอกครับ ผมไม่ใช่แฟนเธอ เราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง ผมพูดได้เพียงเท่านี้ เพราะตอนนี้เธอเริ่มบรรเลงดนตรีแล้ว...พลันที่นิ้วของเธอสัมผัสเปียโนนั้น เสียงคีย์ตัวแรก ตามมาด้วยดนตรีท่อนที่ 2 3 ลูกค้าในร้านที่ตอนนี้ทยอยเดินเข้ามา ต่างตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ จากผับที่เสียงจ็อกแจ็กจอแจ บัดนี้เงียบราวกับกำลังฟังดนตรีในโอเปร่าเฮ้าส์ยังไงยังงั้นเลย บทเพลงที่เธอเล่นนั้น ไล่ตั้งแต่เพลงคลาสสิคของโมสาร์ท มาจนถึงเพลงร่วมสมัยของ Andy Williams ตลอดช่วงเวลา 3 ชั่วโมงที่เธอเล่นคนตรี มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ฟัง ได้เห็นลูกค้าแต่ละคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เมื่อเธอเล่นจบไปแต่ละเพลง ทุกคนปรบมือให้ บางคนก็ผิวปากร้องเพลงอย่างมีความสุข ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

"เธอเล่นได้สุดยอดมากเลย...สุดยอดจริงๆนะ ลูกค้าแต่ละคนชอบมากๆเลย เจ้าของร้านเองก็ชอบ" ผมชมเธอระหว่างที่เราเดินไปยังป้ายรถเมล์

"ตื่นเต้นแทบตายแน่ะ แต่วันนี้ยังดีว่าคุมสติอยู่ ไม่งั้นเล่นผิดคีย์ไปล่ะแย่เลย"

"เอ่อนี่...เพลงสุดท้ายนั่นชื่อเพลงอะไรเหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินเธอเล่นเลย"

"Pachelbel Cannon น่ะ เพลงมันนานมาแล้ว เอามาจากในหนัง จริงๆมันเป็นเพลงคลาสสิคนะ"

"หนังเหรอ เรื่องอะไร อยากฟังของจริง"

"My Sassy Girl น่ะ ไม่เคยดูเหรอ เห็นเค้าว่ามันฮิตมากที่เมืองไทยนี่นา"

"ไม่เคยเลย ขอสารภาพว่า ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกาหลีซักนิด"

"ถ้างั้นก็ลองหามาดูสิ เนื้อเรื่องตลกดี รู้มั้ยว่ามันเอามาจากชีวิตจริงของคนเขียนเรื่องน่ะ"

"โอเค...เดี๋ยวจะหามาดูแน่ๆ ไม่ต้องห่วง แล้ววันหลังเล่นเพลงนี้ให้ฟังบ่อยๆนะ ชอบๆๆ"

ระหว่างทางจาก Fat Cat มาถึงป้ายรถเมล์ค่อนข้างไกล ต้องเดินผ่านบ้านหลายหลัง ตามถนนมีเพียงไฟสลัวๆ มันดูเปลี่ยวมาก ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายรึเปล่า เพราะในเมืองมันเคยเกิดเหตุคดีฆ่าชิงทรัพย์กันมาแล้ว ข่าวเป็นที่ครึกโครม ผมเองก็เป็นห่วงกลัวเธอไม่ปลอดภัย ยังไงก็ตามเราก็เดิามาถึงป้ายรถเมล์แล้วก็กลับหอพักมาอย่างปลอดภัย

เรื่องราวมันยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนั้น เพราะความอันตรายของหนทางที่เปลี่ยวและมืดนั้นทำให้ลี ยุน จี ต้องลาออกจากงานที่ Fat Cat ไปหางานพิเศษอื่นทำแทน ซึ่งผมเองก็มีส่วนในการเปลี่ยนงานของเธอด้วย

หลังจากที่เรากลับมาถึงหอพัก ตอนนั้นก็ดึกมากแล้วจึงแยกย้ายกันเข้าห้อง ผมเองหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จก็หลับเป็นตายเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุก แต่ยังไม่วายนอนต่อ จนเหลือเวลาอีก 10 นาที จะต้องเข้าเรียนแล้ว ตานละวา!! ผมรำพึงกับตัวเอง รีบตาลีตาเหลือกแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว แล้ววิ่งไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว หยิบขนมปังออกมาจากตู้เย็น พร้อมด้วยไอศครีมกล่องใหญ่กล่องนึง ถูกแล้วครับ ผมกินขนมปังกับไอศครีมเป็นอาหารเช้า (อีกแล้ว) เพราะถ้ามัวแต่ทำอาหาร รอโน่นรอนี่ คงเข้าเรียนไม่ทัน ทันใดนั้นเอง ผมก้ได้ยินเสียงประตูครัวปิดดังปัง มีผู้หญิงคนนึงตาลีตาเหลือกวิ่งเข้ามามาหาของกินเหมือนกัน ครับ ยุน จี นั่นเอง ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่เผลอปล่อยก๊าก ออกมา เพราะสภาพของเธอมันตลกจริงๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ชายเสื้อหลุดออกมาข้างนอกกางเกง แถมสะพายเป้

"สายแล้วๆๆๆๆๆ.....มีอะไรกินมั่ง!!!" เธอละล่ำละลักถาม แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบ เธอคว้าถุงขนมปังของผมพร้อมกับกล่องไอศครีมที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผม แล้วสวาปามอย่างหิวโหย ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋อ อ้าปากค้าง ตื่นตะลึงอยู่เบื้องหน้า

"เอ่อ....เธอแน่ใจนะว่า สภาพนี้คือพร้อมจะไปเรียนแล้ว"

"แน่นอน เอ้า รออะไรอยู่ล่ะ ไปกันได้แล้ว" เธอออกคำสั่งในทันใด ตอนนี้เพื่อนๆในหอพักออกไปเรียนกันหมดแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 3 นาที จะถึงเวลาเข้าเรียน เราเดินอย่างรวดเร็ว ไม่สิเรียกว่าวิ่งไปน่าจะเหมาะกว่าจากหอพักไปถึงตึกเรียนนั้นจริงๆแล้วใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึง แต่ว่าตอนนี้เรามาสายไป เกือบ 10 นาที ตอนไปถึงห้องเรียน ตอนนั้นคนอื่นๆกำลังนั่งเรียนกันอยู่ ผมและเธอหอบฮักๆๆ พูดทักทาย เพื่อนๆกับอาจารย์ทำหน้า งงๆ แล้วถามว่าไปทำอะไรกันมา เพราะดูจากสภาพน่าจะวิ่งมาเพราะตื่นสาย มีใครบางคนแซวขึ้นมาว่า "เรื่องอย่างว่า ชัวร์ถึงได้สาย 555" โธ่ ไอ้เวร แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ให้เรา 2 คนรีบนั่งเรียน แล้วบอกให้ยุน จี จัดผมเผ้าให้เรียบร้อย นานๆทีนะครับที่จะเห็นเธอหลุดออกมาแบบนี้ ตลกจริงๆ

วันนั้นเรา 2 คนนั่งสัปหงก จนอาจารย์ต้องปลุกให้ตื่น พอหมดคาบเรียน พวกเราพร้อมด้วยอาจารย์ก็มานั่งจับกลุ่มคุยกัน ผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าเมื่อคืน ยุน จี เพิ่งเริ่มงานพิเศษ เป็นคืนแรก คงต้องใช้เวลาปรับตัวนิดนึงกว่าจะชินกับการนอนดึกๆ แล้วตื่นเช้า หลายคนแปลกใจ เพราะปกติแล้วพวกนักเรียนมักจะทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ไม่ค่อยมีใครจะเล่นดนตรี

"แล้วนายล่ะไปเกี่ยวอะไรกับเค้าด้วย...ไปเล่นดนตรีกับเค้าด้วยเหรอ" ฟิลิกซ์ เพื่อนคนจีนเป็นคนถามขึ้นมา พร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย ยุน จี ได้ยินเข้าก็แอบอมยิ้ม พร้อมกันนั้นพวกเพื่อนๆรวมทั้งอาจารย์ก็มองผมเป็นตาเดียวกัน ตอนนี้ทุกคนกำลังรอคำตอบ

"ก็สนิทกันนี่นา...อยู่หอพักเดียวกัน ห้องติดกัน ไปซื้อของด้วยกันมันก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว ไปไหนก็ไปด้วยกัน" พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ร้องอ๋อขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ตั้งแต่นั้นมาผมเลยบอกกับตัวเองว่า จะไม่เข้าเรียนสายอีกแล้ว 555+ เย็นวันนั้นผมขอไม่ไปกับยุน จี ขอไปกับเธอวันศุกร์ดีกว่า เพราะเช้าวันเสาร์จะได้ตื่นสายหน่อย ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาดูเธอมีความสุขกับงานพิเศษของเธอมากๆ

จนถึงวันศุกร์ วันที่ผมไปด้วย วันนั้นผมรอฟังเธอเล่นเหมือนเคยจนถึงเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สำหรับเธอแล้วทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่ว่าระหว่างทางที่เราเดินไปป้ายรถเมล์นั้น ต้องใช้ทางที่มืดและเปลี่ยน คนอังกฤษนั้นส่วนมากจะกลับบ้านกันประมาณ 5-6 โมงเย็น ช่วงประมาณทุ่มนึงส่วนมากก็จะอยู่ในบ้านกันหมดแล้ว จะมีก็แค่พวกที่มาดื่ม สังสรรค์กันในผับเท่านั้น ยิ่งเวลาประมาณสี่ทุ่มแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนทางมันเปลี่ยวมาก มีแค่แสงไฟสลัวๆตรงทางเดินเท่านั้น ผมจึงชวนเธอคุยเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้วังเวงน่ากลัวเกินไป

"พอตอนเปิดเรียนป.โทจริงๆแล้วเธอจะยังทำงานพิเศษต่อไปมั้ย" ผมถาม

"คิดว่านะ...ได้เล่นบ่อยๆมันเป็นเรื่องที่ดีอีกหน่อยจะได้เก่งกว่านี้"

"นี่ยังไม่เก่งอีกเหรอ!! โห เล่นได้ขนาดนี้แล้วบอกว่าไม่เก่งเนี่ยนะ บอกไปใครเค้าก็ไม่เชื่อ ผมยังไม่เชื่อเลย"

เธอหัวเราะเบาๆ "เธอนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเลยนะ"

"ไม่รู้อะไรเหรอ งง"

"ไม่บอกหรอก ปล่อยให้ งง ไปแบบนี้แหละดีแล้ว รู้มั้ยว่าความลับมันทำให้ผู้หญิงดูมีเสน่ห์มากขึ้น" เธอพูดแล้วส่งยิ้มหวานๆมาให้ ผมงี้ขนลุกซู่เลย

"นี่ ยุน จี...สองคนนั่นจะเดินตามเราไปถึงไหนกันน่ะ" ผมถามเธอ เพราะผมสังเกตมาตั้งแต่เมื่อตอนเราเริ่มเดินออกมาจากร้านแล้วว่า มีผู้ชายสองคนเดินตามเรามา พอเราหยุดพวกนั้นก็หยุด มีพิรุธมาก แถบนี้ก็เคยเกิดเหตุฆาตกรรมมาแล้ว ต้องระวังตัว

"เธอก็สังเกตเหมือนกันเหรอ นึกว่าจะไม่เห็นซะอีก เพราะปกติเธอไม่ค่อยสนใจอะไรรอบตัวอยู่แล้ว เห็นป้ำๆเป๋อๆ"

"ยังจะมาทำตลกอีกนะ ตอนนี้มันน่าสิ่วหน้าขวานนะ เราไม่รู้เลยว่าสองคนนั่นมันจะทำอะไร"

ครับ สังคมประเทศอังกฤษนี่เริ่มเสื่อมโทรม วัยรุ่นติดยากันเยอะ ทำให้อาญากรรมเพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัว

"แล้วจะทำยังไงล่ะ...ชั้นเองก็ทำอะไรไม่ถูก"

"เอางี้...มีวิธี มันอาจจะดูปัญญาอ่อนไปหน่อย ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า แต่ละลองดู เดี๋ยวจะร้องเพลงร็อค แหกปากดังๆ เอาให้กระเจิงไปเลย ตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกแล้ว"

"เฮ้ยยยย....." ยังไม่ทันที่เธอจะห้าม ผมแหกปากร้องเพลงออกไปแบบสุดเสียง จำได้ว่าผมร้องเพลงของโลโซ I need youuuuuu....want youuuuuu สองคนนั้นตกใจ บังเอิญผมเหลือบไปเห็นว่ามันถือมีดอยู่ในมือด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสองคนนี้มาร้ายแน่นอน ยุนจีเองก็แหกปากร้องเพลงอะไรไม่รู้ แต่เสียงของเธอดังกว่าผมอีก มันดังมากจน ชาวบ้านแถวนั้นเปิดหน้าต่างออกมาด่า "เฮ้ยยย...ไม่มีอะไรทำหรือไงวะ คนจะหลับจะนอน ไปให้พ้น!!" เราทั้งคู่จึงรีบวิ่งไป

พวกมันยังพูดอาฆาตเอาไว้ว่า "ฝากเอาไว้ก่อนนะ วันนี้โชคดีไป คราวหน้าไม่รอดแน่"

ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน เพราะผมไม่ได้ทำอะไรมันเลยซักนิด มาขู่อาฆาตกันเฉยเลย ไม่นานนักผมกับยุนจีก็วิ่งมาถึงป้ายรถเมล์ตรงถนนใหญ่ เราสองคนหอบแฮ่กๆ แล้วยุน จีก็หัวเราะออกมาไม่หยุด ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา

"เธอนี่คิดได้ไงนะ ร้องเพลง แหกปากดังๆ ดูไม่เวิร์กแต่เวิร์กเนอะ ว่าแต่เมื่อกี้ร้องเพลงอะไรอ่ะ ฟังดูตลกมาก ฮ่าๆๆๆ"

"อ๋อ เพลงนั่นน่ะเหรอ เพลงของวงร็อกในเมืองไทย ดังนะวงเนี้ย ชื่อ โลโซ ว่าแต่เธอล่ะ ร้องเพลงอะไร ดังกว่าผมซะอีก"

"ไม่รู้เหมือนกัน มั่วมันตรงนั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ" เธอยังหัวเราะไม่หยุด

"นี่ แล้วจะเอายังไง ดูท่าทำงานเลิกค่ำๆแถวนี้จะไม่ปลอดภัยแล้วนะ เมื่อกี้ไม่ได้ยินพวกมันขู่เหรอ" ผมถาม

"อืมมม...ไม่รู้สิ กลัวอยู่เหมือนกัน แต่จะให้ลาออกเลยเหรอ เพิ่งทำมาได้เกือบอาทิตย์เองนะ"

"ก็ควรจะนะ ลองหาที่ใหม่ดีมั้ย เอาที่อยู่ในตัวเมือง เห็นมีอยู่ตั้งหลายร้านนะ เธอเก่งออกขนาดนี้เค้าคงรับกันหมดแหละ เอาไว้เราไปหากันใหม่ก็ได้นี่ ตอนนี้ความปลอดภัยต้องมาก่อน เจ้าของร้านคงเข้าใจ"

"โอเค งั้นก็ได้ ไม่อยากเสี่ยงเหมือนกัน"

รุ่งขึ้นเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนงานใหม่ เจ้าของร้านก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยน เพราะแถวนั้นมันอันตรายจริงๆ เราจึง ไม่สิ เธอคนเดียวต่างหากเดินสายหางานพิเศษใหม่ทำ สุดท้ายก็ได้งานใหม่ที่ผับดังใจกลางเมืองชื่อ Mercy แต่เธอไม่ได้รับเล่นเปียโนนะครับ เป็นพนักงานเสริฟธรรมดา เธอไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไม แต่ก็พอเดาได้ว่าที่นั่นเป็นผับที่เค้าไว้ใช้ดิ้นกัน ไม่มีที่ให้เล่นเพลงคลาสสิคอย่างเปียโน ส่วนเธอก็ดูไม่กังวลอะไรที่จะไม่ได้เล่น เพราะทำงานเก็บเงินไว้ช็อปปิ้งตอนไปเที่ยวนั้นสำคัญที่สุด!!!

"ผู้หญิงนั้นเข้าใจยากเพราะมีความลับ และความลับนั่นเองที่ทำให้ผู้หญิงมีเสน่ห์"

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 08:28:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com