Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มือปราบหลงเฉิน ตอน คดีขุนพลโจร ติดต่อทีมงาน

“มือปราบเฉิน ได้ข่าวว่าท่านถูกท้าประลองอย่างนั้นหรือ”

ชายอ้วนพุงพลุ้ยที่นั่งอยู่ด้านข้างเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนยกถ้วยเคลือบเนื้อดีขึ้นแตะริมฝีปาก ในถ้วยคือน้ำชาร้อนๆ ที่ชงขึ้นจากใบชาชั้นเลิศมูลค่าชั่งละหลายตำลึงทอง

ฝีมือผู้ชงก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นการชงโดยใช้กาทองเหลืองที่มีพวยกายื่นยาวมากกว่าปกติ เมื่อจะรินต้องใช้ท่วงท่าที่เหมือนการร่ายรำ และความแม่นยำที่จำเป็นต้องฝึกปรือมาเป็นเวลานาน ยามที่น้ำชาร้อนๆ ตกลงสู่ถ้วยจะเกิดเป็นฟองอากาศเล็กๆ จำนวนมากมาย ทำให้รสกลมกล่อมหอมหวลยิ่งกว่าเดิม

มันสูดดมกลิ่นหอมพร้อมดูดน้ำชาร้อนๆ เข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว การทำเช่นนี้จะทำให้ไม่ถูกความร้อนลวกปาก อีกทั้งยังได้รับกลิ่นรสของชาได้อย่างครบถ้วน นับเป็นศิลปะแห่งการดื่มชา ที่หากมิใช่ เถ้าแก่ชิน แล้ว คงไม่อาจทำเช่นนี้ได้

หลงเฉิน ลอบมองวิธีการดื่มชาของเถ้าแก่ชินก่อนทดลองเลียนแบบดูบ้าง แต่มันรู้สึกได้เพียงความร้อนวูบวาบ และกลิ่นรสของชา ที่ไม่อาจบ่งบอกได้ถึงความวิเศษประการใด สำหรับมันแล้วน้ำชาทุกถ้วยล้วนเป็นเช่นเดียวกัน มันพลันวางจอกลงบนโต๊ะ

“ถูกต้อง”

“ไม่ทราบ ท่านสามารถบอกได้หรือไม่ ว่าผู้ที่กล้าท้าทายท่านเป็นผู้ใด”

“มันคือ...ขุนพลโจร”

พอนามขุนพลโจรถูกเอ่ยออกมา แม้แต่เถ้าแก่ชินก็ยังหน้าแปรเปลี่ยน โจรที่เป็นสุดยอดแห่งโจร จนถูกยกย่องให้เป็น ขุนพลในหมู่โจร คล้ายเป็นตำนานเรื่องหนึ่ง แต่ทุกคนต่างต้องยอมรับว่าบุคคลในตำนานผู้นี้มีตัวตนอยู่จริงอย่างไม่ต้องสงสัย

“หากข้าจำไม่ผิด ขุนพลโจรผู้นี้สมควรมีอายุเจ็ดแปดสิบปีแล้วมิใช่หรือ อีกทั้งยังได้ข่าวว่ามันล่องเรือไปยัง เกาะพู้ซึ้ง หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน”

มันพยักหน้ารับ

“คล้ายกับเป็นเช่นนั้น”

เถ้าแก่ชินขมวดคิ้ว มีเรื่องน้อยนักที่จะทำให้เถ้าแก่ใหญ่ผู้นี้ถึงกับต้องคิ้วขมวด

“นี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่ ขุนพลโจรเพียงส่งเทียบขโมยต่อสิ่งของที่ต้องการล่วงหน้า และการลงมือทุกครั้งยังพยายามมิให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย เหตุใดครั้งนี้กลับส่งเทียบมาท้าประลองฝีมือ ท่านคิดว่า...จะใช่มันตัวจริงหรือไม่”

“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่อาจตอบได้เช่นกัน”

เถ้าแก่ชินพยักหน้าช้าๆ คล้ายกับเห็นด้วย แต่ยังคงนั่งเหม่อมองไปยังที่ไกลตา ราวกับมีเรื่องที่ยังขบคิดไม่เข้าใจ หลงเฉินหวนคิดถึงข้อความ ในหนังสือท้าประลองฉบับนั้นอีกครั้ง ‘ครั้งนี้เราคิดขโมยชื่อ กระบี่เร็วที่หนึ่งแห่งกองปราบ ไปจากท่าน ค่ำคืนเดือนเพ็ญครั้งต่อไป จะเร่งรุดไปเยี่ยมเยือน’

“ไม่ทราบมันนัดท่านเมื่อไร และเป็นสถานที่แห่งใด”

“เป็นคืนพรุ่งนี้แล้ว ส่วนสถานที่ คาดว่าหากข้าอยู่ ณ ที่แห่งใด ก็คงเป็นที่แห่งนั้น”

“มันถึงกับกล้าต่อให้ท่านมากมายถึงเพียงนี้”

หลงเฉินเข้าใจความหมายของมัน ยอดฝีมือต่อสู้กัน หากอยู่ในสภาพพิเศษเฉพาะที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำหนดขึ้น ย่อมมีผลต่อการประลอง ขุนพลโจรกล้าทำถึงเพียงนี้ แสดงว่ามั่นใจในฝีมือของตนเองยิ่งนัก แต่หากคนผู้หนึ่งมั่นใจในตนเองมากเกินไป สุดท้ายอาจกลายเป็นหลงตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“ท่านคิดใช้สถานที่ใด”

เถ้าแก่ชินคล้ายเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ดวงตาของทั้งคู่ต่างทอประกายขึ้นแวบหนึ่ง

“ยังคงเป็นสวนในบ้านพักของข้าจึงประเสริฐสุด”

เถ้าแก่ชินพยักหน้าคล้อยตาม

“ถูกต้อง ไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมยิ่งกว่าบ้านของตนอีกแล้ว”

เนื่องเพราะคนผู้หนึ่งย่อมรู้จักทุกแง่มุมภายในบ้านของตนเป็นอย่างดี อีกทั้งการอยู่ภายในสถานที่ของตนเอง ยังก่อให้เกิดความรู้สึกพิเศษพิสดารขึ้น ทำให้ไม่พ่ายแพ้โดยง่าย

“ไม่ทราบว่าท่านจะให้ผู้คนเข้าไปชมดูได้หรือไม่”

“ขออภัย คงเป็นไปไม่ได้ แต่ท่านไม่ต้องเสียดาย การประลองว่ากระบี่ของผู้ใดรวดเร็วกว่ากันนั้น คงไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าใดนัก เพราะต่างคน ต่างแทงออกเพียงกระบี่เดียว ชั่วพริบตาก็รู้ผลแล้ว”

เถ้าแก่ชินกลับไม่เห็นด้วย มันคิดว่าชั่วเวลาเพียงพริบตานี้จะต้องสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งยุทธภพ แม้ต้องจ่ายถึงหนึ่งร้อยตำลึงทองเพื่อให้ได้ชมก็ยังนับว่าคุ้มค่า

“หากท่านไม่มีเรื่องอื่นใดอีก ข้าคงต้องขอตัวก่อน”

มันลุกขึ้นพร้อมประสานมือกล่าวคำอำลาก่อนเดินจากไป เถ้าแก่ชินถึงกับลุกขึ้นเดินไปส่งด้วยตัวเอง แต่เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งดวงตาของมันก็เปล่งประกายเจิดจ้า มีเพียงเงินทองเท่านั้นที่ทำให้เถ้าแก่ชินเป็นเช่นนี้ และต้องมิใช่เงินทองจำนวนเพียงเล็กน้อย ต้องหมายถึงเงินทองมากมายมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

วันรุ่งขึ้น หลงเฉินมิได้ไปทำงานที่กองปราบ มันเก็บตัวอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ทั้งยังขับไล่ผู้คนออกไปจนหมดสิ้น คนรับใช้ผู้หนึ่งยืนเด่นอยู่ในเหลาหรูหรา ที่มีคนเสียเงินทองเลี้ยงสุราอาหารเพื่อให้มันบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดภายในบ้านพักของยอดมือปราบออกมา

มันนั่งอยู่กลางวง คีบปลานึ่งเกี่ยมบ๊วยเนื้อขาวชิ้นโตเข้าปาก ก่อนยกน้ำแกงตุ๋นกระดูกอ่อนใส่เยื่อใผ่ซดตามเข้าไป นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้กินอาหารดีๆ เช่นนี้

ผู้คนต่างรบเร้าให้มันเร่งเล่าเรื่องราว มันจึงพยายามกลืนกับข้าวในปาก ก่อนยกสุราใบไผ่เขียวขึ้นจิบ รสละมุนของมันช่างแตกต่างจากสุราเผาดาบที่มันเคยชินยิ่งนัก

“นายท่านตื่นขึ้นมาแต่เช้า ใช้ให้เราต้มน้ำหม้อใหญ่เพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย อาหารเช้านี้ของนายท่าน มีเพียง ข้าวต้ม ผักดอง และเต้าหู้ คาดว่ามื้ออื่นๆ ก็คงไม่ต่างจากนี้”

ผู้ฟังทั้งหลายต่างพยักหน้าหงึกหงัก คล้ายเห็นด้วยกับการเลือกอาหารการกินของมัน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งพลันเอ่ยถามขึ้น

“หรือมันคิดหนีไปบวชเป็นหลวงจีน จึงฝึกกินอาหารเจเช่นนี้”

ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างมันต่างส่ายหน้า มันยังคงไม่เข้าใจว่ามันพูดสิ่งใดผิด

“เหตุใดมันไม่กินข้าว กินเนื้อ ให้ร่างกายมีเรี่ยวแรงเล่า”

คนผู้หนึ่งพลันกล่าวออกมา

“เจ้าช่างไร้เดียงสานัก มันจะประลองกระบี่ มิใช่ประลองแบกหาม หากกินของหนักท้องเกินไป มีแต่จะเกิดผลเสีย”

เด็กหนุ่มคนเดิมยังคงเถียงต่อไปไม่ลดละ

“พวกท่านเองก็มิใช่เป็นมือกระบี่ เหตุใดจึงมั่นใจเช่นนั้น”

ชายชราผู้หนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกตาลุกขึ้น พร้อมกับส่งเสียงสนับสนุน

“คุณชายผู้นี้กล่าวถูกต้อง พวกท่านล้วนมิใช่มือกระบี่ เหตุใดจึงมั่นใจว่าการกินอาหารเช่นนั้นจึงถูกต้อง หากเป็นข้า ต้องกินเนื้อ กินปลา ให้สาแก่ใจจึงจะถูก”

มันไม่พูดเฉยๆ ฉวยเอาตะเกียบคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าปากก่อนบ้วนออกมา

“ปลาตัวนี้เลวร้ายยิ่ง ใช้เวลานึ่งมากเกินไป อีกทั้งระหว่างนึ่งยังเปิดออกดู ทำให้ความร้อนไม่คงที่ เนื้อปลาสุกไม่สม่ำเสมอ นับว่าย่ำยีปลาหลีฮื้อคุณภาพดีไปอย่างน่าเสียดาย”

พ่อครัวที่ยืนร่วมอยู่ในกลุ่มด้วยได้แต่อ้าปากค้าง มันเปิดดูปลาตอนที่กำลังนึ่งจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าตนเองนึ่งนานเกินไปอย่างที่ชายลึกลับผู้นี้พูดหรือไม่

“ว่าแต่เจ้าเป็นใครกัน ใครรู้จักคนผู้นี้บ้าง”

ชายชราในชุดประหลาดพลันถอยปราดออกจากวง พร้อมกับวิ่งหนีหายไปทันที ทั้งหมดจึงพึ่งรู้ตัวว่า เมื่อครู่นี้ก่อนที่มันจะเอ่ยปาก ได้แอบนั่งกินสุราอาหารของพวกมันเข้าไปเป็นจำนวนมากแล้ว

จันทราลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า บุรุษลึกลับในชุดคลุมยาวสีดำเดินตรงไปยังบ้านพักมือปราบอย่างไม่รีบร้อน ชุดคลุมของมันปกปิดหมดทั้งร่างกายจึงไม่อาจบ่งบอกสิ่งใดได้ แต่ผู้คนต่างมั่นใจว่า มันต้องเป็นขุนพลโจรอย่างไม่ต้องสงสัย ภายใต้ชุดคลุมนั้นยังมีวัตถุรูปร่างคล้ายกระบี่ยื่นนูนออกมาด้วย

เจ้าของบ้านยืนรออยู่ตรงกลางลาน ที่มุมสวนทั้งสี่ทิศมีคบไฟจุดเอาไว้ ชายในชุดขาวพร้อมกระบี่คู่กายยืนรอต้อนรับมันอยู่ก่อนแล้ว

บุรุษลึกลับหยุดยืนต่อตรงหน้าคู่ต่อสู้ ภายใต้ชุดคลุมบังเกิดรอยยิ้มลึกลับขึ้น

“ไม่เสียทีที่ถูกเรียกเป็นยอดมือปราบหลงเฉิน”

ชายชุดขาวเองก็ยิ้มอย่างลึกลับ

“แต่ท่านเสียทีที่เป็นถึงขุนพลโจร แม้จะปลอมก็ตามที”

“ข้ามิใช่ขุนพลโจรปลอม แต่ท่านต่างหากที่เป็นยอดมือปราบตัวปลอม”

รอยยิ้มของชายชุดขาวแข็งค้าง

“ท่านคิดเล่นลวดลายใดอีก แผนลวงโลกของพวกท่านถูกดูออกตั้งแต่แรกแล้ว”

บุรุษลึกลับพลันส่งเสียงหัวร่อ ยามเอ่ยวาจาน้ำเสียงของมันเหมือนดั่งผู้เฒ่าชรา แต่ยามเปล่งเสียงหัวเราะเช่นนี้กลับคล้ายเป็นบุรุษหนุ่มเท่านั้น

“แผนของพวกมันถูกดูออกก็ดีแล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่มีธุระอันใดที่นี่อีก”

“ช้าก่อน”

ชายชุดขาวพลันชักกระบี่ แต่ตัวกระบี่ยังไม่ทันหลุดออกจากฝัก ปลายของพัดด้ามเหล็กที่แทงทะลุออกมาจากใต้ชุดคลุมสีดำก็จ่ออยู่ที่ลำคอของมันเสียแล้ว

“...เจ้ายังไม่คู่ควร ให้ไปตามที่อยู่นี้ จะได้พบกับตัวปลอม”

บุรุษลึกลับทิ้งกระดาษเอาไว้แผ่นหนึ่งก่อนพริ้วกายจากไป ชายชุดขาวได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เถ้าแก่ชิน แม้รู้สึกเสียดายที่ไม่อาจได้ชมการประลอง แต่สินค้าขบวนนี้มีความสำคัญกับมันมาก ดังนั้นจึงไม่อาจล่าช้าไปแม้แต่วันเดียว ขบวนสินค้าเร่งรุดออกจากเมืองแต่เช้าตรู่ ผู้คนทั้งหลายต่างไม่มีใครสนใจ เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการประลองนั่นเอง

เถ้าแก่ชินเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นจันทราลอยเด่น เวลานี้การประลองคงจบลงแล้ว ‘นับแต่นี้ชื่อเสียงของยอดมือปราบหลงเฉินคงโด่งดังยิ่งกว่าเดิมแล้ว’ ที่เบื้องหน้าพลันมีเงาของคนกลุ่มหนึ่งขวางทางขบวนสินค้าของมันเอาไว้

“ไม่ทราบว่าเป็นสหายมาจากเส้นทางใด ข้ามีของกำนัลมอบให้ โปรดช่วยเปิดทางด้วย”

หัวหน้าของคนกลุ่มนี้ก้าวออกมาข้างหน้า เมื่อมองเห็นได้ถนัดตา เถ้าแก่ชินตกใจจนแทบสิ้นสติ มันคือหลงเฉินในชุดมือปราบเต็มยศ ที่ยืนอยู่ด้านหลังคือผู้ใต้บังคับบัญชา อีกทั้งยังมีกองกำลังพิเศษจากวังหลวงร่วมด้วย

“ท่านยอมมอบตัวเถอะ”

เถ้าแก่ชินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มันโกรธจนพูดไม่ออกแล้ว

“ข้าระแคะระคายเรื่องการค้าขายของเถื่อนกับพวกนอกกำแพงมาพักหนึ่งแล้ว ได้ข่าวว่าครั้งนี้ท่านถึงกับคิดขายอาวุธให้กับพวกมัน”

ขบวนสินค้าในครั้งนี้กลับเป็นอาวุธเถื่อนจริงๆ

“หากพวกมันนำอาวุธเหล่านี้มาใช้ประหัตประหารพี่น้องของเรา ท่านจะทำอย่างไร”

เถ้าแก่ชินยังคงไม่ตอบคำ

“...ท่าน ท่านดูแผนของข้าออกตั้งแต่แรก”

ในที่สุดมันก็กล่าวคำพูดออกมา

“ข้าเพียงรู้ว่าท่านต้องวางแผนเบี่ยงเบนความสนใจ การท้าประลองในครั้งนี้นับว่าแยบยลอย่างยิ่ง”

“ไม่ทราบว่าข้ากระทำผิดในเรื่องใด”

“ท่านเลือกคู่มือให้ข้าผิดไป ท่านไม่สมควรเลือกขุนพลโจร”

“...ท่านรู้จักมัน”

“ข้าไม่รู้จักมัน แต่ข้ารู้เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับมัน นั่นคือมันไม่ใช้กระบี่”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ ทุกผู้คนต่างบอกว่ามันใช้กระบี่”

“เป็นเพราะทุกคนต่างไม่เคยเห็นมันลงมืออย่างถนัดตา จึงพากันคาดเดาว่ามันใช้กระบี่ไวแทงจู่โจม แต่ข้ารู้จักกับคนที่เคยหลบรอดจากการลงมือของมัน”

“...เป็นผู้ใดกัน”

“...เป็นบิดาของข้าเอง ขุนพลโจรไม่ได้ใช้กระบี่แต่เป็นพัดเหล็กด้ามหนึ่ง มันใช้พัดที่สั้นกว่ากระบี่เกือบครึ่ง พิชิตเหล่ามือกระบี่ไปทั่วทุกทิศ”

ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไป ก่อนหลงเฉินกล่าวในที่สุด

“ท่านจะยอมให้จับแต่โดยดีหรือไม่”

“ได้...เราพ่ายแพ้แล้ว”

สุดท้ายเถ้าแก่ชินกลับยอมพ่ายแพ้โดยไม่ต่อสู้ เหล่ามือปราบต่างพากันแปลกใจ มีแต่หลงเฉินเท่านั้นที่เข้าใจความคิดของมัน ‘หากขัดขืนการจับกุม ข้าย่อมมีโอกาสสังหารมัน แต่เมื่อทำเช่นนี้ เมื่อพ้นจากอำนาจของข้า เถ้าแก่ชินก็ยังมีโอกาสหลบหนีได้อีก มันผู้นี้นับเป็นจิ้งจอกเฒ่าโดยแท้’

หลงเฉินไปตามจดหมายที่บุรุษลึกลับทิ้งเอาไว้ และได้พบกับชายคนหนึ่งถูกจับมัดในสภาพเปลือยเปล่า มันคือยอดฝีมือที่เถ้าแก่ชินว่าจ้างมาให้ปลอมเป็นขุนพลโจร แม้ว่ามันจะมีฝีมือสูงส่ง และเถ้าแก่ชินยังแกล้งเยินยอมันว่าต้องสามารถล้มยอดมือปราบได้แน่ แต่ความจริงก็คือต้องการให้มันตายในการประลองนั่นเอง

หลงเฉินนั่งเหม่อมองดูผู้คนจากชั้นสองของเหลาสุรา ภายหลังประกอบความดีความชอบใหญ่หลวง มันกลับมานั่งดื่มสุราเพียงเดียวดาย ชายชราในชุดประหลาดมานั่งอยู่ที่ข้างกายมันตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ในมือถือจอกสุราอยู่ด้วยเช่นกัน

“มันหนีออกนอกกำแพงไปแล้ว”

หลงเฉินได้แต่ทอดถอนใจ มันทราบว่าคนหลบหนีที่ถูกพูดถึงนี้ ก็คือเถ้าแก่ชินนั่นเอง

“ท่านยังมิได้ไปอีกหรือ”

“...เราเพียงอยากพบเห็นหน้าบุตรชายอีกสักครั้ง”

“ข้ากลับไม่เคยมีบิดาเป็นโจร”

“...เราเสียใจที่มิได้อยู่ดูแลมารดากับเจ้า”

“ท่านมีบุตร ธิดา ภรรยา มากมาย หากให้ดูแลทั้งหมด คงไม่ต้องทำสิ่งใดแล้ว”

“...เรา...เรา...”

มันพลันถอดถอนใจยาว ก่อนยกสุราขึ้นดื่มหมดจอก

“เราไปแล้ว”

พอกล่าวจบร่างของมันก็หายไปราวกับเงาภูตพราย นับเป็นวิชาตัวเบาที่เพริดแพร้วพิสดารสุดหยั่ง หลงเฉินยกจอกสุราของตนขึ้นดื่มบ้าง ก่อนนั่งเหม่อมองจันทราในม่านเมฆอย่างเงียบงัน

แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 16:27:13

แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 15:55:06

แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 15:50:03

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 15:33:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com