Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว Sci-Fi ตอนที่ 8 ติดต่อทีมงาน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทริกถูกสงสัยว่าเป็นหุ่นยนต์ และคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน

“ฉันไม่ใช่หุ่นกระบอกพวกนั้น เธอคงฟังนิทานมากเกินไป”

“ไม่จริง...ร่างกายของมนุษย์ทำแบบนี้ไม่ได้หรอก”

จูเลียตจดจำค่าต่างๆ ที่ได้จากการทดลองจนขึ้นใจ ไม่มีทางที่มนุษย์ จะสามารถสร้างความเสียหายระดับนี้ให้กับชุดกล้ามเนื้อเทียมได้

“เธอดูถูกร่างกายของตัวเองมากเกินไป อย่าลืมสิว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เธอภูมิใจนักหนานี้ ก็ลอกเลียนแบบมาจากร่างกายของมนุษย์นั่นเอง”

'หมดเวลาเล่นแล้ว' เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตัวเอง สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากเครื่องจักรทั้งหลาย การหายใจคือสัญลักษณ์แห่งชีวิต พลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในกายถูกส่งผ่านด้วยการเคลื่อนไหวง่ายๆ อย่างเป็นระบบ ก่อนที่ร่างของเธอพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

จูเลียตยกแขนทั้งสองขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง ความจริงแล้วเธอควรจะหลบ แต่ด้วยความรวดเร็วของการจู่โจม และความตื่นเต้นจากการต่อสู้ ทำให้ร่างกายของเธอตอบสนองไปก่อนความคิด

เมื่อหมัดซ้ายตรงของทริกกระแทกใส่แขนทั้งสองนั้น เธอรู้สึกราวกับถูกชนด้วยของแข็งที่มีความเร็วสูง แต่ก็ยังสามารถยันเอาไว้ได้ด้วยความสามารถของชุดที่สวมใส่อยู่ แต่คลื่นพลังทำลายที่ติดตามมา สั่นพริ้วเป็นระลอกไปตามเส้นใยกล้ามเนื้อเทียม ก่อนฉีกทำลายพวกมันจนขาดกระจุย ทั้งยังลามต่อไปจนถึงบริเวณหัวไหล่ทั้งสองของเธอ

ความเสียหายอย่างรุนแรงทำให้แขนทั้งสองของจูเลียตห้อยตกลงข้างกาย ทริกใช้สองมือเอื้อมจับไปที่ศีรษะของเธอ พร้อมสีหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา ก่อนกระชากมันออกมาอย่างรวดเร็ว ความกลัว และความเจ็บปวดยังไม่ทันจะได้ก่อตัวขึ้น สติของเธอก็ดับวูบไปเสียก่อน ชุดกล้ามเนื้อเทียมคลายตัวเองออก กลับคืนเป็นริ้วของเส้นใยเหมือนในตอนแรก เมื่อไม่มีสิ่งใดคอยค้ำจุนเอาไว้ ร่างของเธอก็ร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้น

'จบกันเสียที' เธอปล่อยสิ่งที่อยู่ในมือทิ้งไปอย่างไม่แยแส ก่อนหันกลับไปหางานที่ยังค้างคาอยู่

“เราไปกันต่อ...”

เธอหันมองไปรอบๆ และไม่พบเห็นผู้ใด เธอยกไอพีของตัวเองขึ้นมา และนึกได้ว่าตำแหน่งของคีย์นั้นยังคงไม่ปรากฏ และไอพีของหล่งก็พึ่งจะถูกเธอปิดตายไปเมื่อครู่นี้ มันจึงไม่มีสัญญาณเช่นกัน

เธอก้มมองพื้น สิ่งที่เธอพึ่งทิ้งไปจากมือเมื่อครู่กลิ้งอยู่ใกล้ๆ เธอจึงยกเท้าเหยียบจนมันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 'บ้าจริง' เธอได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด ไม่นึกว่าตนเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยฝีมือของเด็กจอมยุ่งแค่สอง สามคน

#####

“นายเรียกยายจูมาทำไม เราไม่ควรไปลากใครต่อใคร ให้เข้ามาเสี่ยงกับเรื่องนี้อีกแล้วรู้ไหม”

หล่งเอ่ยถามหลังจากที่เงียบไปนาน ในตอนแรกคีย์ต้องคอยประคองเขาเอาไว้ แต่ตอนนี้เขาสามารถวิ่งได้ด้วยตัวเองแล้ว และเขาก็วิ่งได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายที่ขาดความสมดุลของเขา ทั้งคู่ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เร่งรีบเหมือนกับเมื่อตอนเริ่มต้น

ทันทีที่ทริกเข้าสู่การต่อสู้กับจูเลียตอย่างเต็มตัว คีย์ที่แอบรอจังหวะอยู่ใกล้ๆ ก็สะกิดให้เพื่อนที่ถูกผลักออกมานอกวง รีบติดตามเขาไปอีกทางหนึ่งทันที ในตอนนั้นทั้งคู่ต่างตื่นเต้น กลัวว่าจะถูกจับได้ แต่แผนง่ายๆ นี้ ก็สำเร็จลงได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ทั้งคู่วิ่งวกไปวนมาอยู่ครู่หนึ่ง ถกเถียงกันเบาๆ ถึงเรื่องเส้นทางการหลบหนีในขั้นต่อไป ก่อนที่หล่งจะยืนยันความคิดของตนอย่างหนักแน่นอีกครั้ง ทั้งสองจึงเริ่มมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ต้องการ

“...ฉันเปล่า”

เขาตอบออกไปในที่สุด

“แล้วเธอมาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรกัน”

“...เธออาจจะมาดักรอคุณทริกอยู่ก็เป็นได้ คงคิดจะแก้มือ เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทดลองก่อนหน้านั้น”

“เลิกเรียกยายบ้านั่นว่าคุณได้แล้ว เธออัดฉันน่วมเลย จำได้ไหม”

หล่งเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องให้เพื่อนฟัง ยกเว้นเพียงเรื่องที่เขาฉี่ราดเท่านั้น แต่คีย์กลับมองไปในอีกมุมหนึ่ง ความจริงแล้วเธอสามารถกำจัดเพื่อนของเขาทิ้งได้อย่างสบาย แต่เธอก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น บางทีเธออาจจะไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เพื่อนเข้าใจก็เป็นได้

หรือบางที มันอาจเป็นเพียงแค่การพยายามปลอบโยนตัวเองของเขา เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนที่เรียกจูเลียตออกมา แต่เขาเป็นฝ่ายพบเห็นเธอก่อน และสามารถที่จะเตือนเธอได้ แต่เขากลับเลือกที่จะเงียบเอาไว้ และซ่อนตัวเพื่อรอคอยโอกาส

ตัวเขาเพียงลำพังย่อมไม่อาจช่วยเพื่อนได้ ในตอนนั้นเขาจึงวางแผนที่จะแอบยืมมือของจูเลียตอีกแรง ดังนั้นหากเกิดอะไรที่เลวร้ายขึ้นกับเธอจริงๆ ตัวเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

“...เธอจะเป็นอะไรมากไหมนะ”

“จูเลียตคงไม่ทำอะไรรุนแรงนักหรอกน่า”

หล่งจ้องหน้าเพื่อนของเขาอย่างไม่พอใจ

“ใครจะไปห่วงยายบ้านั่น ฉันกลัวว่ายายจูจะเป็นฝ่ายถูกจัดการมากกว่า หวังว่ายายนั่นคงยั้งมือให้บ้าง เพราะถึงอย่างไรยายจูก็ไม่ใช่เป้าหมายของเธอ”

คีย์แปลกใจกับความคิดของเขา เพราะทั้งสองต่างเคยเห็นความสามารถของชุดกล้ามเนื้อเทียมนั้นมาแล้ว เพราะเหตุใดเพื่อนจึงยังคงคิดว่า ทริกที่มีเพียงตัวเปล่าจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

เขาเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เพื่อนเล่ามา ทั้งการใช้มือเปล่าเปิดประตูห้อง หรือการยกเขาโยนไปมาราวกับไม่มีน้ำหนักแบบนั้น บางทีเขาอาจตกใจกลัวจนคิดมากไปเองก็เป็นได้

“...หรือนายคิดว่าเธออาจจะเป็น โรบอท อย่างนั้นหรือ”

คำว่า 'โรบอท' ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดยนักเขียนบทละครชาว เช็ค ชื่อ คาเรล เคเป็ก ในการแสดงเรื่อง R.U.R (Russum's Universal Robots) ในปี ค.ศ. 1920 โดยดัดแปลงมาจากคำ 'โรโบต้า' ซึ่งอยู่ในกลุ่ม ภาษาสลาฟ มีความหมายว่า การใช้แรงงาน หรือ การทำงานหนัก เพื่อใช้เรียกสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างเลียนแบบมนุษย์ คิดเองได้ และมีความสุขกับการได้รับใช้ ที่ถูกกล่าวถึงในบทละครเรื่องนี้

ส่วนคำว่า โรโบติก ที่หมายถึงการศึกษาเกี่ยวกับหุ่นยนต์นั้น ได้ถูกนำเสนอโดย นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า ไอแซค อาสิมอฟ

ไอแซค อาสิมอฟ กับ จอห์น แคมเบล ได้ร่วมกันคิด 'กฏสามข้อของหุ่นยนต์' ขึ้น โดยนำเสนอเป็นครั้งแรกผ่านเรื่องสั้นชื่อ Runaround ในปี ค.ศ. 1942 ซึ่งต่อมาได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในงานเขียน และการวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งว่าไว้ดังนี้

1. หุ่นยนต์ต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ หรือปล่อยให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตราย

2. หุ่นยนต์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของมนุษย์ ยกเว้นในกรณีที่คำสั่งนั้นขัดกับกฏข้อที่หนึ่ง

3. หุ่นยนต์ต้องปกป้องตนเอง ตราบเท่าที่การกระทำนั้น ไม่ขัดกับกฏข้อที่หนึ่ง และสอง

และได้กล่าวถึง กฏข้อศูนย์ เอาไว้ในเวลาต่อมาว่า หุ่นยนต์ต้องไม่ทำร้ายมนุษยชาติ หรือปล่อยให้มนุษยชาติตกอยู่ในอันตราย และกฏข้ออื่นๆ ที่เหลือ ก็ต้องปรับตามความสำคัญสูงสุดของกฏข้อนี้

ที่จริงแล้ว ความคิดเกี่ยวกับการสร้างสิ่งเลียนแบบมนุษย์ที่เคลื่อนไหวได้เองนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีการกล่าวถึงทั้งใน เรื่องเล่า ตำนาน นิทาน บันทึก จากทั่วทุกมุมโลก มีทั้งแบบที่ใช้กลไก ไปจนถึงเวทมนต์ เพื่อทำให้ ดินปั้น รูปสลัก หุ่นไม้ หรือสิ่งอื่นๆ เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง

มีสิ่งที่น่าประทับใจถูกค้นพบจากประเทศญี่ปุ่นในอดีต พวกมันถูกเรียกว่า คาราคูริ นิงเกียว หรือ หุ่นเชิดกลไก ซึ่งสร้างเลียนแบบ และแต่งกายให้เหมือนกับมนุษย์ โดยมีขนาด รูปร่าง แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม พวกมันขยับเขยื้อนได้ด้วยกลไกราวกับมีชีวิต เพื่อให้ทำงานตามที่ถูกกำหนดเอาไว้ได้เอง

จนถึงปัจจุบันนี้ ยังคงไม่มีหลักฐานว่ามนุษย์สามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า หุ่นยนต์ ตามความหมายที่แท้จริงของมันขึ้นมาได้สำเร็จ เราสามารถสร้างกลไกเพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหว และทดแทนประสาทสัมผัสของมนุษย์ได้ แต่ยังคงมีสิ่งสำคัญที่ไม่อาจสร้างขึ้นมาได้ นั่นคือ สมอง ที่สามารถเรียนรู้ และคิดเองได้เหมือนกับของมนุษย์

ไม่ว่าจะทำอย่างไรกลไกอัตโนมัติพวกนี้ ก็ยังไม่อาจมีความคิดเป็นของตัวเอง ยังคงเป็นได้แค่เพียงอุปกรณ์ที่ทำงานไปตามโปรแกรมซึ่งถูกกำหนดเอาไว้ เหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีตเท่านั้น

ถ้าเรื่องทั้งหมดที่เพื่อนเล่ามาเป็นความจริง นั่นก็เป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่เขาพอจะคิดออก แต่ใครๆ ก็รู้ว่าหุ่นยนต์เป็นเพียงเรื่องราวในจินตนาการเท่านั้น

“ไม่ เธอไม่มีทางเป็นหุ่นยนต์แน่ๆ เพราะเธอลงมือทำร้ายมนุษย์อย่างฉันได้อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด อีกทั้งเธอยังมีอารมณ์ มีความรู้สึกด้วย”

“...อาจจะเป็นเพราะกฏข้อศูนย์หรือเปล่า”

มันเป็นช่องโหว่ที่นิยายวิทยาศาสตร์หลายเรื่องในอดีตชอบนำมาใช้ หุ่นยนต์อาจสามารถทำร้ายมนุษย์ที่เป็นปัจเจกได้ เพื่อช่วยมนุษยชาติที่มีความสำคัญยิ่งกว่า แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ หุ่นยนต์จะใช้อะไรในการตัดสินว่าเส้นทางใดคือความอยู่รอดของมนุษยชาติ

ในทุกการกระทำที่เกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อไปในอนาคต ดังนั้นหุ่นยนต์จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าการกระทำใดจึงจะมีความเหมาะสม หากสถานการณ์เหล่านี้เป็นจริง และมีหุ่นยนต์ที่มีกฏสี่ข้ออยู่จริง สุดท้ายแล้ว มันจะถูกหยุดเอาไว้ด้วยกฏข้อหนึ่งเท่านั้น เพราะกฏข้อศูนย์มีความคลุมเครือมากเกินไป

“ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่ใช่หุ่นยนต์ เธอเป็นคนแน่ๆ แต่ชุดที่เธอสวมอยู่อาจมีความลับบางอย่าง”

“...ชุดสีดำนั่นมีอะไรหรือไง”

คีย์ลองทบทวนความจำอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรแปลกไปจากชุดทั่วไป

“...ฉันก็ไม่แน่ใจนัก แต่ด้วยร่างกายของมนุษย์ปกติ เธอทำแบบนั้นไม่ได้แน่ บางทีชุดที่เธอสวมอยู่ อาจจะคล้ายกับชุดกล้ามเนื้อเทียมที่ยายจูสร้างขึ้นมาก็เป็นได้ แต่มีความล้ำหน้ามากกว่า จนมองดูไม่เตะตาเหมือนกับชุดประหลาดสีดำ นั่นเป็นคำอธิบายเดียวที่ฉันพอจะคิดออก”

“นายเลยกลัวว่าจูเลียตจะรับมือเธอไม่ไหว”

หล่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดยืนหอบหายใจ เพราะได้มาถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการแล้ว

“...ยายจูน่ะ ต้องแพ้แน่ ฉันก็แค่หวังว่าเธอจะรอดชีวิตไปได้ แต่ตอนนี้คงต้องช่างมันก่อนแล้ว เรามีประตูที่เปิดไม่ออกรออยู่ ดูเหมือนยายนั่นจะปิดตายประตูทุกบานในโรงเรียนนี้ไปแล้ว”

ทั้งคู่มองดูประตูที่กั้นพวกเขาเอาไว้จากลิฟท์ความเร็วสูงที่อยู่ด้านใน สุดท้ายแล้วพวกเขายังคงเลือกที่จะมุ่งหน้ามายังลานจอดรถเก่า เป้าหมายเดิมที่หล่งได้บอกให้ทริกรู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว เขายืนยันอย่างหนักแน่นว่า เธอจะต้องคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

“ไอพีของฉันตายสนิทไปแล้ว คงต้องพึ่งนายล่ะ”

หล่งยังคงพยายามเปิดไอพีของตนมาตลอดทาง เขาคิดว่าบางทีมันอาจไม่ใช่คำสั่งพิเศษอะไรอย่างที่หลายคนเคยเข้าใจ เพียงแต่ตั้งแต่จำความได้ไอพีก็ไม่เคยถูกปิด ดั้งนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีเปิด มันจึงอาจเป็นเพียงวิธีการง่ายๆ บางอย่างที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ แต่เขาก็ยังหาไม่เจออยู่ดี

หน้าจอของมันยังคงมืดสนิท ไร้ชีวิตอยู่เช่นเดิม แต่เรื่องนี้ก็มีส่วนดีอยู่บ้าง เพราะทำให้ทริกไม่สามารถค้นหาตำแหน่งของเขาจากมันได้เช่นกัน

“...นายจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะ ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เหมือนนาย”

หล่งยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาเจอกัน

“นายมีตัวช่วยอยู่แล้ว จำไม่ได้หรือไง”

เขายกไอพีของตัวเองขึ้นมาดู เจ้าตัวหัวกลมหน้าตาประหลาดก็ส่งยิ้มทักทายทันที เขาลองใช้นิ้วพยายามจิ้มไปที่ตัวมัน ซึ่งรีบหลบหลีกไปมา พร้อมกับทำหน้าล้อเลียน เขาเงยหน้ามองเพื่อน

“...นายจะให้ฉันทำอะไรกับมัน”

“พยายามติดต่อกับมัน บอกให้เปิดประตูให้พวกเรา”

เขามองหน้า และรอยยิ้มของเพื่อน

“...ทำไมนายไม่ทำชุดคำสั่ง หรือส่วนติดต่ออะไรสักอย่างเอาไว้ด้วยล่ะ”

“มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับคำสั่งโดยตรงแบบนั้น”

เขายิ่งงงไปใหญ่ โปรแกรมที่ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นให้ทำตามคำสั่ง แล้วจะให้มันทำงานได้อย่างไรกัน รอยยิ้มตาหยีของหล่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“...ตอนนี้ฉันยังอธิบายอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าฉันทำได้สำเร็จ สิ่งนี้จะกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราเลยทีเดียว มันถูกสร้างขึ้นมาจากความลับที่ฉันค้นพบโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน”

“ความลับ เรื่องอะไรกัน”

หล่งกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้

“...ฉันยังบอกไม่ได้ มันเป็นความลับที่ไม่มีใครควรรู้ มันเป็นจรรยาบรรณของนักเจาะระบบ แต่รับรองได้ว่า แม้แต่สำนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย”
เขาพึ่งเคยได้ยินว่าในหมู่นักเจาะระบบเอง ก็มีจรรยาบรรณกับเขาด้วย

“นายมั่นใจได้ยังไงกัน”

“ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ ก็ต้องจัดการปิดมันไปนานแล้ว ไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้หรอก เพราะมันอันตรายเกินไป เผลอๆ อาจจะทำให้เกิดยุคมืดที่สุดครั้งใหม่ที่เลวร้ายกว่าเดิมขึ้นมาก็เป็นได้”

เขาเริ่มไม่แน่ใจในความปกติของเพื่อน เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในบางครั้ง เมื่อความคิดของเขาดูจะหลุดออกจากกรอบของความเป็นจริงมากจนเกินไป

“...นายมีความลับอะไรกันแน่”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน รีบหาทางเปิดประตูให้ได้ดีกว่า”

“เอายังไงดีล่ะ”

เขาลองพยายามจิ้มนิ้วไปที่ตัวมัน พูดกับมัน หันกล้องไปทางประตูเพื่อให้ภาพปรากฏขึ้นในจอ ใช้มือทำท่าทางต่างๆ เพื่อแสดงว่าต้องการให้ประตูเปิด หล่งที่ยืนดูอยู่ อดไม่ไหว ต้องส่งเสียงหัวเราะออกมา

เขาหยุดแล้วจ้องหน้าเพื่อน

“ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ ดันออกแบบโปรแกรมบ้าๆ บอๆ แบบนี้ขึ้นมาได้”

“...โทษที โทษที นายพยายามต่อเถอะ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

แม้จะพยายามควบคุมตัวเอง แต่หล่งก็ยังหัวเราะต่อไปไม่ยอมหยุด ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากทางแยกข้างหน้า ก่อนที่จะมีเงาร่างของใครคนหนึ่งค่อยๆ เดินตรงเข้ามา หล่งอ้าปากค้าง เสียงหัวเราะเมื่อครู่ขาดหายไปเสียแล้ว

เขาเคยคิดว่าโรงเรียนอพอลโลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล กว่าที่ทริกจะคิดย้อนกลับมายังลานจอดรถเก่าแห่งนี้อีกครั้ง ก็น่าจะใช้เวลานานพอสมควร ไม่นึกว่าเธอจะรู้ตัวได้เร็วถึงเพียงนี้

เธอยื่นนิ้วภายใต้ถุงมือสีดำลากไปตามกำแพง เสียงกรีดแหลมเล็กบาดแก้วหูดังเสียดเข้าไปในหัวใจของเด็กหนุ่มทั้งสอง บนผนังโลหะเกิดรอยลากจากนิ้วทั้งห้าอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หัวใจของพวกเขาค่อยๆ เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เส้นเลือดขยายตัวเพื่อเพิ่มการไหลเวียน ให้ร่างกายเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ร่างกายเตรียมพวกเขาให้พร้อมที่จะต่อสู้ หรือหลบหนี แต่เส้นทางสายนี้เป็นทางตรง ด้านหลังของพวกเขาคือประตูที่ไม่ยอมเปิด ส่วนด้านหน้านั้นคือยมทูตสาวในชุดดำ ที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีทางหนี และก็คงไม่มีทางที่จะต่อสู้กับเธอได้เช่นกัน

เธอส่งยิ้มหยาดเยิ้มให้กับทั้งคู่

“หมดเวลาเล่นไล่จับกันแล้วพวกหนุ่มๆ ทั้งหลาย เธอคนหนึ่งจะต้องไปกับฉันแต่โดยดี ส่วนอีกคนหนึ่ง...”

รอยยิ้มที่เปลี่ยนไปของเธอ ทำให้ทั้งคู่ขนลุก

“...มาลองทายกันดูว่า อีกคนหนึ่งจะต้องเจอกับอะไร...”

แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 10:10:52

แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 54 09:38:30

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 18:17:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com